|
|
|
~ ...เครื่องสำอางที่คุณใช้อยู่...หมดอายุเมื่อไหร่... ~
ใครเคยประสบกับปัญหาที่ไม่ทราบวันหมดอายุของเครื่องสำอางที่ใช้อยู่บ้าง...วันนี้นำเกร็ดความรู้เรื่องนี้มาฝากกัน....ซึ่งเครื่องสำอางจะหมดอายุที่ใช้กันมีดังนี้
- มาสคาร่า : หมดอายุภายใน 3 เดือน หลังเปิดใช้ครั้งแรก
- อายแชโดว์ : หมดอายุภายใน 2 ปี หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
- อายไลเนอร์หรือดินสอเขียนขอบตา : ในกรณีที่มีการเหลาใช้เป็นประจำ จะหมดอายุภายใน 2 ปี
- ลิปสติก : หมดอายุภายใน 2-3 ปี หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
- ลิปไลเนอร์หรือดินสอเขียนขอบปาก : หมดอายุภายใน 2 ปี หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
- รองพื้น : ถ้าเป็นแบบผสมน้ำ ใช้ได้ 1 ปี แบบผสมน้ำมัน ใช้ได้ภายใน 1 ปีครึ่ง หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
- แป้งฝุ่นหรือแป้งบลัชออน : สีต่าง ๆ ที่ใช้ทาแก้ม-หน้า จะหมดอายุภายใน 2 ปีหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
- ยาทาเล็บ : ปกติจะหมดอายุภายใน 1 ปี แล้วแต่คุณภาพ ระหว่างนั้น ถ้าไม่ค่อยได้ใช้ ควรเขย่าขวดบ่อย ๆ จะช่วยยืดอายุได้
- น้ำหอม : ถ้ายังไม่เปิดใช้และเก็บให้ห่างจากแสดงสว่างและความร้อน จะมีอายุนาน 3 ปี ถ้าเริ่มเปิดใช้ จะอยู่ได้นานราว 1 ปีครึ่ง แต่ถ้าเริ่มมีกลิ่นผิดปกติหรือมีกลิ่นฉุนคล้ายน้ำส้มสายชู มีสีคล้ำลงหรือเปลี่ยนสี ลักษณะข้นเหนียว แสดงว่าน้ำหอมขวดนั้นหมดอายุไปแล้ว
~ รู้อย่างนี้แล้ว...อย่าลืมสังเกตเครื่องสำอางก่อนใช้ จะได้ใช้เครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพกันนะค่ะ...
ขอบคุณ : ข้อมูลจาก "เดลินิวส์"
| Create Date : 27 มกราคม 2551 | | |
| Last Update : 27 มกราคม 2551 16:10:36 น. |
| Counter : 431 Pageviews. |
| |
|
 |
|
|
|
~ ...เร่งลดอ้วนด้วย 10 วิธี เผาผลาญแคลอรี่...~
(1) เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อเรียบมาก ร่างกายคุณก็จะเผาผลาญพลังงานมาก" ซึ่งวิธีการทำให้กล้ามเนื้อเรียบก็ไม่ยากค่ะ เพียงแค่ยกดัมเบลล์อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มเหมือนกัน แต่ช่วงที่ระดับเมตาบอลิซึ่มคุณพุ่งสุดขีดนั้นน่ะ ไม่ใช่ตอนที่คุณวิ่งหอบแฮกๆ บนสายพานหรอกนะคะ แต่หลังจากนั้นอีกสัก 2-3 ชั่วโมงค่ะ
(2) ขยับตัว
ขยับตัวหน่อย พ่อ-แม่ พี่-น้อง...(ขยับตามเพลงของติ๊กชีโร่ก็ดีนะค่ะ) อยากเผาผลาญแคลอรี่ให้เร็วที่สุดก็ต้องออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายนั้นเราต้องทำเป็นประจำ อย่างน้อยที่สุดก็วันละ 30 นาที อย่างปกติก็ 1 ชั่วโมง วิ่งเหยาะๆหรือเต้นแอโรบิกอาทิตย์ละ 3 ครั้ง (แต่ไม่ควรที่จะหักโหมมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้คุณเหนื่อยหอบได้) และไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบไหนก็ช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มทั้งนั้นล่ะ ให้หัวใจได้เต้นแรงเต็มที่ 120 ครั้งต่อนาที ให้ต่อเนื่องนานสัก 30-45 นาที
(3) เปลี่ยนนิสัยการกิน
ยิ่งร่างกายคุณขาดสารอาหาร กล้ามเนื้อก็จะล้า การเผาผลาญก็จะน้อยลง ทางที่ดีกินเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 3-4 มื้อ ยังดีกว่าอดอาหารไปเลย แต่อย่าลืมว่า ควรจะเป็นคนเลือกกินสักหน่อย ไม่ใช่บอกว่าให้เลือกกินของแพงนะคะ แต่ให้เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า ลดไขมันจากสัตว์ แต่เพิ่มปริมาณผักและผลไม้
(4) งดน้ำตาล
เหตุผลง่ายๆ ก็คือน้ำตาลที่เหลือใช้แล้ว ร่างกายจะแปรสภาพเป็นไขมัน เพราะฉะนั้นลดน้ำตาล ก็จะช่วยลดไขมันไปในตัว
(5) อย่าลืมกินอาหารเช้า
เป็นความจริงที่ว่าคนที่กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ หุ่นดีกว่าคนที่อดข้าวเช้า และอาหารเช้ายังทำให้ระดับเมตาบอลิซึ่มของคุณวันนั้นพุ่งเป็น 2 เท่าด้วย
อีกอย่างอาหารเช้าจะช่วยทำให้สมองปลอดดปร่ง สามารถเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่
(6) กินอาหารเผ็ดร้อน
เป็นคนไทยแสนจะโชคดี มีอาหารที่รสจัด มีทั้งพริกขี้หนูและพริกไทย แต่อย่าทานที่เผ็ดจนลิ้นชา หน้าแดง น้ำตาไหลนะคะ เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อกระเพาะและลำไส้ได้
(7) ดื่มชาเขียว
เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเร่งเมตาบอลิซึ่มได้ดีและปลอดภัยกว่ากาแฟ ที่สำคัญตอนนี้หาซื้อได้ง่าย มีหลายรสชาติให้เลือกรับประทานด้วยค่ะ
(8) ดื่มน้ำเยอะๆ
จะช่วยขับสารพิษหลังจากที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานแล้ว น้ำเย็นๆยังช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มกระเตื้องขึ้นอีกนิดหนึ่งด้วยนะ อีกสูตรที่จะช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส นั่นคือ 1 2 3 3 1 อย่าเพิ่งงค่ะ เพราะว่า 1 2 3 3 1 ที่ว่านี้คือ
- หลังจากตื่นนอนให้ดื่มน้ำก่อน 1 แก้ว
- ตอนสายอีก 2 แก้ว
- ตอนเที่ยงถึงบ่ายอีก 3 แก้ว
- ตอนเย็น 3 แก้ว และ
- ก่อนนอนอีก 1 แก้ว
รับรองว่านอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มแล้ว ผิวพรรณของคุณก็จะดูสดใสไปด้วย
(9) อย่าเครียด
สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ เพราะขณะนี้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่กำลังตกอยุ่ในภาวะของอาการเครียด ซึ่งนอกจากจะทำร้ายจิตใจของเราแล้ว ยังส่งผลถึงร่างกายของเราด้วย เพราะความเครียดทำให้เราอ้วนขึ้น เพราะฮอร์โมนคอร์ติโซนจะไปทำให้อัตราเมตาบอลิซึ่มช้าลง ฉะนั้น สาว ๆ ที่กลัวอ้วน โปรดจงอย่าเครียด
(10) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ความลับที่เพิ่งจะค้นพบก็คือ กล้ามเนื้อเรียบในร่างกายเราจะทำงานเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีที่สุดในชั่วโมงหลังๆที่เราหลับสนิทเต็มที่ค่ะ ซึ่งร่างกายของคนเราต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
| Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550 | | |
| Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 16:56:39 น. |
| Counter : 387 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
~ ...ผลไม้เพื่อสุขภาพ... ~
มะเขือเทศ
ช่วยชะลอวัยให้อ่อนเยาว์ และป้องกันความเสื่อมของเซลล์
มะนาว
มีวิตามินซีสูง ช่วยให้ผิวเนียนใส
ส้ม
เสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว
ฝรั่ง
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ด้วยวิตามินซีปริมาณสูง
แตงโม
บำรุงผิวพรรณ ช่วงล้างไต และขับปัสสาวะ
กล้วยหอม
เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว และอยู่ท้อง
มะละกอ
เป็นยาระบายอ่อน ๆ เหมาะกับผู้มีปัญหาท้องผูก
แอปเปิ้ล
ช่วยให้เล็บแข็งแรง
| Create Date : 20 กันยายน 2550 | | |
| Last Update : 16 มกราคม 2551 19:52:25 น. |
| Counter : 329 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
~ ...บริโภคอาหาร...ตามกรุ๊ปเลือด... ~
กรุ๊ป O
คนที่มีเลือดกรุ๊ป O จะมีสุขภาพแข็งแรงดี สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ทุกชนิด เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง สามารถย่อยโปรตีนได้ง่าย แต่มักมีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานไม่ดีนัก อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคแผลเน่าเปื่อย หรือเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่นๆ อีกด้วย
อาหารที่ควรเลือกรับประทาน :
- เนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันมาก โดยเฉพาะเนื้อหมู ซึ่งร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายอยู่แล้ว
- ผักใบเขียวเพื่อได้รับวิตามินเค จะช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้น
- มะเขือเทศ แครอท และน้ำผลไม้รวม เพื่อเพิ่มเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงสายตา
- ควรออกกำลังกายที่ใช้พลังงานมาก เช่น การแอโรบิค ว่ายน้ำ จะทำให้ช่วยคุมน้ำหนักให้คงที่ได้เป็นอย่างดี
กรุ๊ป A
คนที่มีเลือดกรุ๊ป A เหมาะกับอาหารประเภทข้าว แป้ง และผัก ผลไม้เป็นที่สุด
อาหารที่ควรเลือกรับประทาน :
- อาหารทะเล ผักต่างๆและธัญพืช เช่น ซีเรียลโฮลวีท ที่มีใยอาหาร ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร วิตามินบี เพื่อช่วยการทำงานของระบบประสาท และเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง
- ข้อควรจำ คือคนเลือดกรุ๊ป A จะอ่อนไหวต่อโรคมะเร็งมากกว่า หมู่อื่นๆ ควรลดหรือละเว้น นม เนื่องจากแอนติเจนที่อยู่ในเซลล์ของเลือดกรุ๊ป A เอง และเนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดต่ำ คนกรุ๊ปเลือดนี้ จึงไม่ควรรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และอาหารสำเร็จรูปที่มีสารไนไตรท์มาก
- การออกกำลังกาย ที่ใช้พลังงานมาก กลับยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จึงควรฝึกโยคะ นั่งสมาธิ ตีกอลฟ์ หรือเต้นระบำเพื่อรักษาสมดุลตามธรรมชาติ
กรุ๊ป B
คนที่มีเลือดกรุ๊ป B สามารถเลือกรับประทานได้หลากหลาย ทั้งเนื้อ นม ไข่ ผัก ผลไม้
อาหารที่ควรเลือกรับประทาน :
- ควรเสริมอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ข้าวกล้อง นมและผลิตภัณฑ์จากนม โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าท้องไส้จะปั่นป่วน หรือท้องเฟ้อเรอเหม็น เปรี้ยว อย่างคนกรุ๊ปเลือด A
- การออกกำลังกาย สามารถทำได้หลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แอโรบิค ว่ายน้ำ กอล์ฟ หรือแม้แต่โยคะ
- จุดอ่อนของคนเลือดกรุ๊ปนี้อยู่ตรงที่มักมีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้
กรุ๊ป AB
คนที่มีเลือดกรุ๊ป AB จะมี 2 ลักษณะในตัว คือเป็นได้ทั้ง แบบกรุ๊ป A และกรุ๊ป B จึงสามารถรับประทานได้ทั้ง 2 กรุ๊ปเลือดตามใจชอบ
อาหารที่ควรเลือกรับประทาน :
- อาหารทะเล ผักสด เต้าหู้ ผลไม้จำพวกส้มโอ องุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโยเกิร์ต เนื่องจากจะช่วยในการย่อย กระเพราะอาหารไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป
- ควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อขับไล่ของเสียในร่างกายที่มีมากกว่าคนกรุ๊ปอื่น ซึ่งเป็นเพราะความซับซ้อนทางด้านชีวเคมี
- การออกกำลังกาย เลือกที่ทำให้จิตใจสงบมีสมาธิ อย่างเช่น โยคะ ยิงธนู เป็นต้น
- ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก และเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เนื่องจากน้ำย่อยมีความเป็นกรดต่ำ จึงทำให้ย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ไม่ค่อยดีนัก มักจะมีกรดเกิดขึ้นมาก ในท้องส่วนล่าง หรือลำไส้ใหญ่ อาจสังเกตได้ง่ายๆ ถ้ามีอาการผิดปกติ คือ จะเรอบ่อย
| Create Date : 16 กันยายน 2550 | | |
| Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 23:15:40 น. |
| Counter : 281 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
~ ...หน้าท้องสวยด้วย 10 ท่า... ~
วันนี้มีท่าบริหารร่างกายมาฝาก...เป็นท่าออกกำลังกาย 10 ท่า ด้วยกัน
วันแรก ๆ อาจทำเพียง ท่าละ 10 ครั้ง แล้วเพิ่มไปเรื่อย ๆ (ตามความสามารถจ๊ะ)...
แล้วพุงน้อย ๆ ของคุณ จะค่อย ๆ หายไปค่ะ @^_^@
...มาเริ่มกันเลย...เอ้า 1 - 2 - 3...
อึ๊บ - อึ๊บ
ท่าที่ 1
ท่าที่ 2
ท่าที่ 3
ท่าที่ 4
ท่าที่ 5
ท่าที่ 6
ท่าที่ 7
ท่าที่ 8
ท่าที่ 9
ท่าที่ 10
ขอบคุณ : //www.ladytip.com
| Create Date : 15 กันยายน 2550 | | |
| Last Update : 16 กันยายน 2550 15:44:14 น. |
| Counter : 435 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [