สเตลล่า มาลูกี้ นางเอกภาพยนตร์ฟ้าทะลายโจร ลูกครึ่งอิตาลี-โคลัมเบีย ที่หายหน้าไปจากวงการนานนับ 10 ปี ปัจจุบันแต่งงานแล้วกับ นาย จิอานนี่ เบอร์กามิน ชาวชิลี ปัจจุบันมีหนู อเล็กซิโอ ลูกชายตัวน้อย 1 คน กับชีวิตครอบครัวที่สุข สมบูรณ์ ถึงแม้ว่าในวันนี้ จะไร้ขาขวา แต่เธอยังใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ รวมทั้งยังยิ้มได้ออกมาจากใจ สัมผัสได้ทั้งจาก แววตา และสีหน้าของเธอ

ย้อนกลับไปในปี 2553 เธอเริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ แต่ยังไม่พบสาเหตุว่าเกิดจากโรคอะไร จนกระทั่งคลอดลูกแล้ว อาการอาเจียนของเธอเริ่มหนักขึ้น จนตรวจพบว่า แคลเซียมในร่างกายสูงกว่าปกติ มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการหัวใจวายได้ จึงเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู แต่ปรากฎว่าอาการเธอทรุดหนักขึ้น เมื่ออวัยวะภายในอย่าง ตับ ไต และ ปอด หยุดการทำงาน จึงค้นพบว่า ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ เนื่องจากป่วยเป็นโรค พาราไทรอยด์ แต่ร่างกายอ่อนแอมากจึงยังไม่สามารถผ่าตัดออกได้ ซึ่งส่งผลให้เธอ มีแคลเซียมในปอดสูง ทำให้น้ำท่วมปอด ทีมแพทย์ จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยทำงานแทนหัวใจและปอด เพื่อให้ปอดได้พัก ซึ่งค่าใช้จ่ายสูง แถมความเสี่ยงในการรักษาโรคนี้ อาจให้มีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดได้ แต่ทางครอบครัว ยอมเสี่ยงที่จะรักษาด้วยวิธีนี้ และยังมีการวางแผนล่วงหน้า ว่าถ้าสเตลล่า เสียชีวิต พี่ชายจะเป็นผู้เลี้ยงดูลูกของเธอ

กับลูกน้อย และ สามี หลังคลอด ก่อนจะทรุดหนัก หมดสติ

การใช้เครื่องช่วยทำงานแทนปอดและหัวใจ ต้องแทงเข็มไปที่เส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาขวา เพื่อต่อเข้าหัวใจ และปอด ตอนแรกอาการดีขึ้น แต่หลังจากนั้นแค่ 2 วัน ปรากฏว่าขาเริ่มบวมจนเหมือนจะปริแตกได้ หมอต้องกรีดเนื้อเพื่อเข้าไปนวดกล้ามเนื้อที่ขาก็ดีขึ้น แต่พอรุ่งขึ้นก็บวมใหม่ แต่คราวนี้เท้าเริ่มดำเริ่มจะเน่าแล้ว หมอกลัวว่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ หมอจึงปรึกษาพ่อและสามีว่า ต้องตัดขาทิ้งไป เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด และเพื่อความปลอดภัยต้องตัดที่ต้นขาเลยถึงจะปลอดภัย ทางพ่อและสามีก็ยินดีทำตามที่หมอแนะนำ เพื่อรักษาชีวิตไว้ พออาการเริ่มดีขึ้น หมอจึงตัดสินใจผ่าตัดต่อมไทรอยด์ ตอนนั้นใช้เวลาผ่าตัดนาน 3 ชั่วโมง หลังผ่าตัดก็ไม่สามารถพูดได้เป็นช่วงระยะเวลานาน

โชว์ ขาเทียมให้ดูในรายการ ตีสิบ เมื่อ ส.ค. ปี 2553

ภาพปัจจุบัน กับครอบครัว

เมื่อฟื้นเธอก็ไม่สามารถพูดได้ เพราะโดนเจาะคอเพื่อให้หายใจ และจำอะไรไม่ได้เลยในช่วงเวลารักษาตัว ซึ่งเป็นระยะเวลานานหลายเดือน เมื่อตั้งสติได้ เธอจึงพบว่า เธอไม่มีขาขวาแล้ว พี่ชายเธอเป็นคนเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ช่วงที่เธอไม่รู้สึกตัว และ ได้คนในครอบครัว รวมทั้งสามี คอยให้กำลังใจ ให้สู้เพื่อลูก ถึงแม้ทุกวันนี้จะใส่ขาเทียม แต่ครอบครัวก็เป็นกำลังใจสำคัญ ที่คอยส่งเสริมให้เธอช่วยตัวเอง เลี้ยงลูกเอง ขี่จักรยาน ขับรถไปไหนมาไหนได้เอง

ถึงแม้จะสูญเสียขาขวาไป แต่ชีวิตของเธอก็เติมเต็มและบริบูรณ์ด้วยกำลังใจจากครอบครัว และ สามี ที่ทำให้เธอกลับมาทำหน้าที่ แม่อย่างสมบูรณ์แบบได้อีกครั้ง เธอกล่าวว่า นี่เองที่ทำให้เธอ คิดได้ว่า คนเราเลือกที่จะนั่งร้องไห้เสียใจที่ไม่มีขาอยู่บ้าน หรือจะขอบคุณที่เรายังมีชีวิตอยู่ และสู้ต่อไป

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2558 23:17:03 น.		0 comments
Counter : 1317 Pageviews.
Share Tweet