ที่ 3
เด็กน้อยตัวดำท้วม รอบพุงเกินส่วนสูงหารสองไปมาก จนป้ากระเซ้าว่าเป็น เด็กโลมา รีบรับโทรศัพท์แม่เพราะรู้ดีว่า ผลการสอบที่ตนรอคอยอยู่ในมือแม่แล้ว หลายวันก่อน น้องชายตัวแสบโทรศัพท์มาหาพี่สาวที่มาเที่ยวบ้านป้าช่วงปิดเทอม เพื่อบอกข่าวดีว่า รู้ข่าววงในจากครูประจำชั้นว่า พี่สาวสอบได้ที่ 1 แม้ปากจะบอกว่าไม่เชื่อ แต่แววตาของเด็กน้อยที่อวบกว่าน้องชายเป็นสองเท่านั้นเป็นประกายวับวาวอย่างซ่อนไม่มิด น้องชายยังคงอำต่อไปโดยดึงพ่อมาเป็นพวก "พ่อจะให้อะไรพี่สอบได้ที่ 1" "ยางลบ" พ่อตอบ "ยางลบก็ดีค่ะ ป. 4 ยังใช้ยางลบอยู่" เด็กน้อยตอบอย่างสมถะตามที่ได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กๆ แม่รีบเข้ามาแก้ข่าวว่า ยังต้องรอใบรับผลตามกำหนดเดิม เพื่อจบเรื่องล้อเล่นของตัวแสบประจำบ้าน เวลานี้แม่มองใบเกรด แล้วค่อยๆ ไล่จากเปอร์เซ็นต์ที่สอบได้ เกรดแต่ละวิชา เทียบให้ลูกสาวฟังว่า วิชาใดเรียนดีขึ้น วิชาใดคะแนนตกลงเมื่อเทียบกับเทอมที่ผ่านมาจนครบทุกวิชา "หนูสอบได้ที่เท่าไหร่คะ แม่" เด็กน้อยเข้าสู่ประเด็นอยากรู้ที่สุด "ได้ที่ 3 เหมือนเดิมลูก" แม่ตอบ "เย้เย้เย้" ป้าร้องด้วยความดีใจหลังจากที่ร่วมฟังผ่านลำโพง "เก่งมากลูก ดีใจมั้ยคะ" ลุงถาม "ดีใจค่ะ" เด็กน้อยตอบทันที หลังร่ำลาแม่และวางสายเรียบร้อย "เดี๋ยวเย็นนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินเป็นการฉลองให้รางวัลเด็กเก่งกัน" ป้าพูดหลังกอดและหอมให้รางวัลหลานสาวสุดที่รัก จากนั้น ต่างคนก็ต่างทำกิจกรรมของตัวเอง ป้าอ่านหนังสือ ลุงตอบอีเมลที่ทำงาน หลานระบายสีตุ๊กตา นั่นคือสิ่งที่ลุงกับป้าคิดว่าหลานของตนคงกำลังทำอยู่ด้วยสีหน้าที่ชื่นบานเพราะดีใจกับผลการเรียน แต่ความจริงเมื่อปราศจากเสียงใดๆ นอกจากเสียงเคาะแป้นอักษรบนคอมพิวเตอร์ของลุง ยังมีเสียงสะอื้นที่ซ่อนอยู่ภายในน้ำตาใสๆ ที่หยดลงหยดแล้วหยดเล่า ป้าเหลือบมามองหลานอันเป็นนิสัยเคยชินที่ไม่เคยปล่อยให้หลานเหงา จะต้องเอื้อมมือมาลูบหัว ชวนคุยเป็นระยะๆ ถ้าสังเกตเห็นว่าหลานเริ่มเบื่อ น้ำตา จัดเป็นสิ่งแปลกปลอมและประหลาดมากสำหรับหลานสาวที่สดใส ร่าเริง และเพิ่งรับฟังข่าวดีมาสดๆ ร้อนๆ "หนูเป็นอะไรคะลูก ไม่สบายรึเปล่า" ป้าถามด้วยน้ำเสียงตกใจและพุ่งตัวมากอดดวงใจท้วมๆ ดวงนี้ "เปล่าค่ะ" หลานสาวตอบ "บอกป้าซิลูก หนูเสียใจเรื่องอะไรคะ" "เปล่าค่ะ" เด็กน้อยพยายามเช็ดน้ำตา แต่ด้วยวัยที่ยังไร้เดียงสาไม่สามารถสั่งห้ามน้ำตาได้ดั่งใจ "หนูเสียใจที่สอบได้ที่ 3 เหรอคะ" "ค่ะ" "ทำไมล่ะคะ" "หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน" เด็กน้อยกอดป้าร้องไห้อย่างอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก "เพราะหนูอยากได้รางวัลรึเปล่าคะ" ป้าเดาเพราะทราบว่าที่โรงเรียนมีรางวัลให้ผู้ที่สอบได้ที่ 1 และที่ 2 "เปล่าคะ" "แล้วเพราะอะไรละคะ" ป้ายังคงซักด้วยอยากแก้ปัญหาให้ตรงจุด "หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ" "เพราะหนูอยากสอบได้ที่ 1 เหรอลูก" "ค่ะ ป้า" ตอบแล้วก็สะอื้นเสียงดัง จนป้าต้องดึงออกมาจากอกมาเช็ดน้ำตาให้ คราวนี้ลูกบอลร้อนๆ อยู่ในมือป้ากะลุงแล้วว่า จะปลอบหลานอย่างไร ทำอย่างไรให้หลานผ่านเวลานี้ไปอย่างดีที่สุด ป้าผู้ที่สอบได้ที่ 1 มาตลอดแม้ว่าไม่อ่านหนังสือเลย อ่านแต่นิยายก็ยังสอบได้ที่ 1 ลุงหนึ่งในคนกลุ่มหนึ่งที่เรียนจบมาได้ก็นับว่าเก่งแล้ว ณ นาทีนี้ทั้งสองไม่มีอารมณ์ร่วมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าการสอบได้ที่ 3 มันด่างพร้อย น่าเสียใจตรงไหน ทั้งสองเลยได้แต่มองหน้ากัน ราวกับเกี่ยงกันว่า ให้อีกฝ่ายหาคำพูดมาปลอบหลานสิ "ไม่เป็นไรนะลูก เทอมหน้าค่อยพยายามใหม่" ในที่สุดลุงก็เริ่มปลอบโดยอิงประสบการณ์ส่วนตัวที่ใช้ความพยายามจนสามารถเรียนจบปริญญาตรีมาได้แม้ว่าต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่น 1 เทอมก็ตาม ส่วนป้าไม่แน่ใจว่า ถ้าบอกว่าให้พยายามต่อไป จะเป็นทำให้หลานไม่พอใจกับสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่หรือไม่ เพราะการสอบได้ที่ 3 ไม่ได้เป็นสิ่งน่าเสียใจประการใด แต่ถ้าบอกให้หลานพอเพียงกับที่ 3 จะทำให้หลานไม่ใฝ่เรียน ใฝ่รู้หรือเปล่า เพราะเชื่อว่า โลกคือโรงเรียน เราไม่ฉลาดไปกว่าเพลี้ย หอย จึงต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทุกวัน ป้าตัดสินใจไม่พูดอะไรนอกจากกอด หอม เช็ดน้ำตา และชวนหลานไปเดินเล่น ยังจำละครที่เพิ่งดูเมื่อคืน พ่อนางเอกพูดว่า "ลูกเขาจะเรียนรู้ที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้ เราแค่คอยอยู่ข้างๆ เมื่อเขาต้องการก็พอ" ในละครนางเอกเจอเรื่องที่หนักหนากว่าสอบได้ที่ 3 ตั้งเยอะเวลายังช่วยให้ผ่านไปได้ หลานเราก็ต้องผ่านไปได้ละ บริเวณสวนหย่อม มีแท่งปูนสูง 50 ซม.ที่ก่อยาวไว้สำหรับนั่งเล่น แต่ละแท่งมีระยะห่างประมาณ 60 ซม. เด็กโลมาที่ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาวิ่งอยู่บนแท่งปูน แล้วหยุดมองป้าในขณะที่ลังเลว่า จะก้าวไปยังแท่งปูนที่อยู่ห่างออกไปนั้นดีหรือไม่ "ลองดูซิคะ" ป้าแนะ เด็กน้อยพยายามยืดขาสั้นๆ ออกไปแต่ไม่ถึงแท่งปูนอีกแท่งหนึ่ง เลยตัดสินใจก้าวลงมาที่พื้นตรงกลางหนึ่งก้าว ก่อนก้าวขึ้นแท่งปูนที่อยู่ถัดไป "ลองใหม่ซิคะ คนเก่ง" ป้าเอาใจช่วยหลานให้ก้าวข้ามให้ได้เพราะเห็นแล้วว่าขาเด็กน้อยยาวพอที่จะก้าวข้ามได้ไม่ยาก หลังจากก้าวลง ก้าวขึ้นอยู่หลายรอบ หลานสาวตัวอ้วนพยายามใหม่ค่อยๆ ยืดขาจนทำให้ขาของตนเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแท่งปูนทั้งสองได้ เด็กน้อยทำซ้ำๆ จนชำนาญสามารถวิ่งข้ามแท่งปูนทั้งสองไปมาได้ แม้ว่าจะดูยากในตอนต้น ทำอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เด็กน้อยก็ทำได้อย่างชำนาญในที่สุดภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ป้าจึงใช้โอกาสนี้สอนหลานให้จำประสบการณ์ครั้งนี้ไว้ว่า กว่าหนูจะข้ามแท่งปูนได้คล่องแคล่ว จะมีเวลาที่หนูกลัว ไม่กล้า ทำอย่างขัดๆ ลำบาก จงอย่าท้อ เพราะสุดท้ายหนูจะทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ เราไม่พูดเรื่องการสอบได้ที่ 3 เพราะนั่นยังเป็นหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ไม่ใช่จุดหมาย หวังว่าวันข้างหน้าไม่ว่าจะสอบได้ที่เท่าไหร่ หลานสาวสุดที่รักจะเรียนรู้มากขึ้นๆ และภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ นี่แหละเรื่องของคนไม่มีลูก (ซะที) แต่โชคดีมีหลานให้เลี้ยงให้เล่น และสามารถส่งคืนเมื่อต้องการ พ่อแม่ทำแบบนี้ไม่ได้นะจ๊ะ
Create Date : 28 เมษายน 2556 | | |
Last Update : 28 เมษายน 2556 14:15:26 น. |
Counter : 416 Pageviews. |
| |
|
|
|