Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
รีวิว Scentio Ultimate Sun Protection Essence For Body SPF 50+ PA+++




สวัสดีค่ะ เรียกว่าห่างหายไปนานกับการเขียนบล็อกเลยทีเดียว แต่วันนี้กลับมาแล้วค่ะ พร้อมกับการรีวิวชิ้นแรกในรอบปี นั่นก็คือครีมกันแดดของ SCENTIO หาซื้อได้ตามร้าน BEAUTY BUFFET ในห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้เลยค่ะ


Scentio Ultimate Sun Protection Essence For Body SPF 50+ PA+++ 
ราคา 330 บาท ขนาด 60 ml

กันแดดตัวนี้ปุ้มใช้จนหมดหลอดแล้วนะคะ 
ขนาดหลอดสามารถพกพาได้สะดวกเลย พกไปไหนมาไหนก็ง๊ายง่าย



กันแดดของแบรนด์นี้มีทั้งทาผิวกายและผิวหน้า แต่ว่าปุ้มเลือกซื้อมาเฉพาะทาผิวกายเพราะกันแดดหน้าปุ้มมีตัวเลือกที่ชอบอยู่แล้วค่ะ เคยได้ยินเปรยๆ ว่ากันแดดยี่ห้อนี่ใช้ดี จึงเดินดุ่มๆ เข้าร้านไปสอยมาลองดูว่าจะเข้ากับเราได้ไหมนะ ??



ทางแบรนด์เค้าเคลมไว้ว่าเป็นกันแดดทาตัวที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วสบายผิว เอาหละจะเป็นอย่างที่แบรนด์เค้ากล่าวไว้หรือเปล่ามาดูกัน!!

มาดูเนื้อผลิตภัณฑ์กันก่อน



เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างเหลว คือเทออกจากหลอดปุ๊ป ไหลย้อยไปตามแขนเลยค่ะ แต่ไม่ถึงกับเหลวจนตามปาดไม่ทัน คือเหลวแต่ยังคงหนืด เอ๊ะยังไง! ขออธิบายว่าเนื้อครีมไม่ได้เหลวมากยังคงทาได้ทันแบบไม่ต้องรีบว่ากลัวครีมจะหกเลอะพื้น



เนื้อครีมเกลี่ยง่ายมาก ซึมซาบเข้าผิวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อทาเสร็จแล้วจะทิ้งความมันหน่อยๆ ไว้บนผิว ปุ้มได้ใช้ทั้งตอนหน้าหนาวและหน้าร้อนทำให้รู้ว่าครีมกันแดดตัวนี้จะรู้สึกไม่เหนอะหนะเท่าไหร่ถ้าอากาศเย็น แต่ถ้าอากาศร้อนเมื่อไหร่แทบจะไม่อยากหยิบมาทาเลย รู้สึกมันเหนอะหนะผิวมาก ไม่สบายผิวเอาซะเลย



ปุ้มได้เอากระดาษซับมันมาแปะหลังจากทาเสร็จ ผลที่ได้นั่นก็คือ >>



ด้านซ้าย คือกระดาษเปล่าที่ยังไม่ใช้ ส่วนด้านขวา คือหลังจากแปะแล้ว
จะเห็นได้ว่ากระดาษด้านขวาซับความมันมาเกือบเต็มแผ่นแต่เอาแผ่นที่สองซับต่อแล้วก็ไม่มีความมันติดมาเลยค่ะ

ข้อดี
1.พกพาง่าย
2.ใช้ทาตอนอากาศเย็น รู้สึกไม่เหนียวเหนอะ ชุ่มชื้นดี
3.กันแดดได้ดี ไม่แสบผิว

ข้อเสีย
1.ราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับปริมาณ
2.ทาตอนอากาศร้อน เหนอะผิวมาก
3.เนื้อผลิตภัณฑ์เหลวไปนิด

สรุป
กันแดดทาตัวแบรนด์นี้ราคาสูงไปนิด แต่ผลลัพธ์ในด้านกันแดดทำได้ดีเลยทีเดียว ถ้าปรับเนื้อผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับอากาศเมืองไทยจะเป็นกันแดดที่ดีตัวนึงเลยค่ะ




Create Date : 18 มิถุนายน 2559
Last Update : 18 มิถุนายน 2559 0:17:01 น.
Counter : 3472 Pageviews.

0 comment
Review>>มาสคาร่าคิ้วทั้งถูกและดี
สวัสดีอีกครั้งค่ะ
ท่านผู้ช๊มมม
วันนี้อยากจะบอกว่าอากาศเริ่มหนาวแล้ว
ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

เอาหล่ะวันนี้ปุ้มมีมาสคาร่าคิ้วมานำเสนอ
ซึ่งอยากจะบอกว่าใช้ดีและราคาก็ถูก
จะเป็นอย่างไรนั้น
เชิญรับชมได้เลยค่ะ
Smiley

มาสคาร่าคิ้วยี่ห้อ
Sivanna Eyebrow Mascara 

ราคาแค่ 90 บาทเท่านั้น
มีหลายเบอร์ให้เลือกแต่ปุ้มเลือกเบอร์ 3 ค่ะ
เพราะเข้ากับสีผมปุ้มที่สุด

นี่เลยสีเบอร์ 3 cocoa นั่นเอง
สีจะคล้ายๆ โกโก้ แค่คิดก็น่ากินแล้ว เอ้ย! ไม่ใช่ละ 555

ตัวแพคเกจน่ารักหวานแหววมากค่ะ
เหมาะสำหรับผู้หญิงหวานเช่นเรา Smiley
มาดูหัวแปรงกันชัดๆดีกว่า

ความรู้สึกหลังใช้แล้ว
ชอบนะคะปัดง่าย สีไม่เลอะ สีเข้มมาก บางวันที่รีบๆ ปุ้มลืมทาที่เขียนคิ้วก็ใช้
เจ้าตัวนี้ปัดๆ เรยปรากฏว่ามันเริ่ดอ่ะ สีติดทนด้วย ทั้งวันยังไม่หลุดเลย
มันช่างถูกและดีจริงๆ แนะนำเลยค่ะสำหรับใครที่ชอบของถูกๆเหมือนปุ้ม
SmileySmileySmiley
ให้คะแนน 8/10 ค่ะ 
ทีนี้มาดูหลังปัดคิ้วกัน
รูปนี้คือปัดแค่มาสคาร่าตัวนี้นะคะไม่ได้เขียนคิ้วก่อน
มาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร


เริ่ดอ่ะสีเข้มมาก อยู่ทนด้วยน้า อิอิSmiley

ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณนะคะที่แวะมา
วันนี้ขอตัวลาไปก่อนนะคะ 
หนาวแล้วอย่าลืมห่มผ้าน้า บ๊ายบายSmiley



Create Date : 06 ธันวาคม 2557
Last Update : 6 ธันวาคม 2557 22:15:26 น.
Counter : 2213 Pageviews.

0 comment
Review 'แป้ง 10 ตลับที่เคยใช้มาค่ะ'
สวัสดีค่ะ
ห่างหายไปนาน
วันนี้กลับมาอีกแล้วเย้ๆ
...
.............
Smiley

ฤทธิ์งามยามดีจะมารีวิว
แป้ง 10 ตลับที่เคยใช้ค่ะ
จะเป็นยังไงติดตามชมได๋เลยคร่ะท่านผู้ช๊มมม...
..
.......
...............
ขอออกตัวไว้ก่อนว่าเป็นคนผิวหน้าผสมค่อนไปทางมันค่ะ
การรีวิวนี้เป็นความรู้สึกส่วนบุคคลนะคะ
หวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์ไปไม่มากก็น้อยค่ะ
กราบ......Smiley

มาเริ่มกันเลย,,,,,,Smiley

ตลับที่ 1


นี่เลยยี่ห้อนี้กำลังมาแรง wet n wild นั่นเอง
ข้อดี
- แป้งอัดแน่นมาก ตกแล้วไม่แตกจ้า
- ทาแล้วไม่เป็นคราบเพราะไม่ผสมรองพื้น เหมาะกับคนหน้ามัน
ข้อเสีย
- พัฟที่ให้มาเล็กเกินไป
- แพคเกจดูบอบบางเกินไปค่ะ กลัวตกแตกซะเหลือเกิน

ตลับที่ 2


ข้อดี
-แป้งบางเบา เนื้อนุ่ม
-พกพาง่าย ตลับพลาสติกแข็งแรงไม่ต้องกลัวแตก
-ราคาถูก หาซื้อง่าย
ข้อเสีย
-แอบเป็นคราบเล็กน้อยระหว่างวัน
ตลับที่ 3

ข้อดี
-ตลับเป็นพลาสติกไม่ต้องกลัวแตก
-ทาแล้วไม่เป็นคราบระหว่างวัน
ข้อเสีย
-แอบแพงไปนิด 
-แพคเกจดูธรรมดาไปเมื่อเทียบกับราคา

ตลับที่ 4

ข้อดี
-เซตรองพื้นได้ดี แป้งเบาสบาย
-คุมมันได้ดี
ข้อเสีย
-ราคาแพงใน shop ไทย ต้อง preorder ราคาถึงจะถูกลง
-พัฟที่ให้มาเยินไวมาก 
ตลับที่ 5

ข้อดี
-แพคเกจดูแข็งแรงทนทาน
-คุมมันดีเยี่ยม
ข้อเสีย
-เบอร์แป้งมีให้เลือกน้อย
-ราคาแพง
-เหมาะกับคนผิวมันหรือผิวผสม คนผิวแห้งอาจจะไม่เหมาะกับแป้งตัวนี้
ตลับที่ 6

ข้อดี
-ราคาถูก หาซื้อง่าย
-ตลับดูไฮโซ
ข้อเสีย
-แป้งแตกง่ายมาก
-ไม่คุมมันเลย 
ตลับที่ 7

ข้อดี
-ราคาถูก พกพาง่าย
ข้อเสีย
-ไม่คุมมัน
-แพคเกจไม่แข็งแรงทนทานเท่าไร
ตลับที่่ 8

ข้อดี
-ตลับใหญ่มากใช้ได้นานมาก
-มีทางเลือกให้ใช้เยอะ มีแป้งผสมซิมเมอร์มาให้ด้วย
-ราคาถูกมากๆ 
ข้อเสีย
-ไม่คุมมันใดๆ ทั้งสิ้น
-ทาแล้วหน้าวอกมาก
ตลับที่ 9

ข้อดี
-ตลับดูไฮโซ สวยมาก
-ราคาถูก หาซื้อง่าย
-ทาแล้วหน้าเนียนดี ปกปิดได้ระดับหนึ่ง
ข้อเสีย
-ทาตอนแรกหน้าจะหนาไป ต้องรอให้แป้งเซตตัวสักพัก
-อยู่ไม่ทน
ตลับที่ 10

ข้อดี
-แพคเกจน่ารัก
ข้อเสีย
-เป็นแป้งที่นอกจากแพคเกจน่ารักแล้วก็ไม่มีคุณสมบัติอะไรโดดเด่นเลย
-ทาช่วงแรกหน้าจะหนาไปต้องรอแป้งเซตตัวสักพัก

จบแล้วค่ะ
สำหรับรีวิวในวันนี้
มีโอกาสอย่าลืมกลับมาแวะใหม่น้า..

ขอบคุณค่ะ
Smiley



Create Date : 03 ธันวาคม 2557
Last Update : 3 ธันวาคม 2557 23:48:49 น.
Counter : 1182 Pageviews.

0 comment
[Review]เครื่องสำอาง catrice ที่มีอยู่ในกรุค่ะ
กราบสวัสดีค่ะ
SmileySmileySmiley
ไม่ได้อัพบล็อกซะนาน
เกือบขึ้นราแล้วสิ Smiley(ไม่ใช่ละ)

วันนี้ก็จะมารีวิวเครื่องสำอาง catrice
ที่มีอยู่ในกรุของปุ้มเองSmiley
ซึ่งยี่ห้อนี้ปุ้มเองก็ชอบมากและราคาก็ไม่แพง
เป็นราคาที่นักเรียนนักศึกษาซื้อได้
ปุ้มเองก็เก็บเงินค่อยๆ ทยอยซื้อใช้ค่ะ
เพราะยังเรียนไม่จบแต่ก็ใกล้จบละค่ะ

แต่ขอบอกก่อนนะคะว่าอันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลนะคะ
สินค้าบางอย่างปุ้มใช้ดีแต่คนอื่นอาจจะใช้ไม่ดีหรือ
บางอย่างปุ้มใช้แล้วแพ้แต่คนอื่นบอกว่าดีก็ได้Smiley
ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนนะคะ ไม่เหมือนกันเนาะ
ส่วนตัวปุ้มเองเป็นคนผิวผสมค่อนข้างมันนะคะ

เอาล่ะ...มาเริ่มกันเลย
ชิ้นแรก
Catrice eye brow set


ที่เขียนคิ้วนั่นเอง ซื้อมาเท่าไรจำไม่ได้เหมือนกันค่ะ ลางๆ ก็ 100-200 บาท
(คือซื้อมานานมากแล้วค่ะ เป็นคนความจำสั้น อิอิ)


ตัวนี้เป็นพาเลทค่ะมี 2 สี วัสดุแข็งแรงทนทานดี ตกไม่แตก 
มีแปรงกับแหนบมาให้ด้วย


ส่วนตัวปุ้มใช้ที่เขียนคิ้วบ่อยมากๆ พาเลทแอบเยิน
ชอบมากๆค่ะ ใช้เกือบทุกวัน สีไม่เข้มไม่จืดจนเกินไป
ดูแล้วธรรมชาติดี แต่สีติดไม่ค่อยทนค่ะ
อยู่ได้แค่ครึ่งวันก็เลือนแล้วค่ะ ถ้าขยันก็พกไปเติมด้วยได้ค่ะ ตลับเล็กๆเอง
แปรงก็นุ่มดีค่ะ แต่เล็กไปหน่อย(ไม่เป็นปัญหาสำหรับปุ้มนะ)
เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่ปุ้มชอบและอาจซื้ออีกหากไม่พบอันใหม่ที่ดีกว่า

มาถึงชิ้นที่ 2 ค่ะ
นั่นก็คือ คอลซีลเลอร์ ที่ฮิตมาก


ปกติปุ้มไม่ค่อยใช้คอนซีลเลอร์นะคะ
แต่เห็นฮิตกันเลยซื้อมาใช้บ้าง


แต่ว่าแม่เจ้า อุวะฮ่าา
ตั้งแต่ซื้อมาใช้แค่สามสีคือ เขียว เนื้อ และขาว
สีเขียวใช้ปกปิดรอยแดง ส่วนสีเนื้อใช้ปกปิดรอยดำ
สีขาวสุดใช้ปกปิดรอยคล้ำต่างๆ 
ปุ้มใช้สีเนื้อบ่อยสุดเพราะมันกลืนไปกับผิวดี


ตัวนี้อย่าถามราคานะคะ จำไม่ได้อีกเหมือนกัน
จำได้แค่ว่าซื้อเวลาใกล้เคียงกับไอ้ตัวเขียนคิ้วนั้นแหละค่ะ ฮ่าๆๆ


สรุปแล้วเจ้าตัวนี้ ปุ้มเองก็ไม่ได้ใช้คอนซีลเลอร์ยี่ห้ออื่น
ไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไง 
การปกปิดถือว่าดีแต่ยังไม่ดีมาก มีหลุดหากเหงื่อออก หน้ามันเยิ้ม
อยู่ไม่ค่อยทน แต่สีมีให้เยอะดีค่ะ
เหมาะกับคนที่มีรอยหลายประเภทที่ไม่อยากเปลืองซื้อหลายสีหลายยี่ห้อ
ซื้อแค่ตลับเดียวเรียกว่า 5 in 1 เลยทีเดียวSmiley
ถามว่าซื้อต่อไหม อันนี้ยังไม่รู้ว่าจะใช้หมดเมื่อไหร่ คงอีกนานค่ะ ฮ่าๆ
ถ้าไม่เจอยี่ห้อที่ดีกว่านี้ก็คงจะซื้อต่อค่ะ ถ้าเจอก็คงบายยยSmiley

มาถึงอย่างที่สาม
แป้งฝุ่นอัดแข็งค่า



ส่วนตัวก็ชอบอันนี้มากเช่นกัน
ใช้จนเยินอีกแล้ว 
สำหรับแป้งฝุ่นอัดแข็งตลับแข็งแรงมากทีเดียว
แต่ดันไม่มีกระจกกับพัฟมาให้


เบอร์ให้เลือกก็น้อยค่ะ ปุ้มเลยเลือกเบอร์นี้มา
น่าจะเป็นเบอร์ขาวสุด นอกนั้นก็คล้ำกว่าสีผิวจริง
คือปุ้มไม่ได้เป็นคนขาวนะ เป็นคนผิวเหลืองปานกลางไม่ดำมาก
แต่เบอร์ของแป้งมีให้เลือกไม่มาก เลยเอาเบอร์นี้มา


เนื้อแป้งเนียนละเอียดดมาก ถึงจะเป็นเบอร์ขาวสุด
แต่มันไม่วอกเลย แถมเข้ากับผิวหน้าสุดๆ
ทาแล้วดูธรรมชาติมากๆ ชอบมากก
ตัวแป้งคุมมันนิดนึงนะคะ สำหรับคนผิวมันอาจไม่ชอบ
อยู่ไม่ค่อยทนค่ะ ครึ่งวันก็หลุดแล้ว แต่พกไปเติมได้ค่ะ
ถามว่าซื้อต่อไหม ซื้อต่อแน่นอนค่ะ ชอบๆSmiley

ชิ้นต่อมา
บรัชออนทาแก้มค่า

Catrice Defining Blush สี Apropos apricot



ราคาน่าจะร้อยกว่าบาท มีสีให้เลือกไม่ค่อยเยอะ
ส่วนตัวปุ้มชอบสีนี้ที่สุด เพราะมันดูธรรมชาติ

ทาได้หลายงานดีค่ะ ดูสุภาพมาก


เม็ดสีแน่นดี แต่ติดไม่ทน อยู่ได้ถึงครึ่งวันเอง
คือถ้ามีเหงื่อออกก็ไม่เหลือค่ะSmiley
พกพาเติมได้ตลับพกพาง่ายค่ะ แข็งแรงด้วย


เม็ดสีชัดมากๆ ทาแล้วไม่เวอร์ อิอิ
ถามว่าซื้อต่อไหม ซื้อแน่นอนค่ะ ชอบสีแนวนี้ค่ะถึงจะไม่ค่อยทนก็เหอะ
หมั่นเติมเอาค่ะ อิอิ

ชิ้นต่อมา

Catrice Defining Blush สี Love&peach



บรัชอีกเช่นกันแต่สีแรงกว่าเมื่อกี้
สีพีชเหมาะกับสาวเปรี้ยวหรือหวานก็ยังได้


สีนี้ปุ้มไม่ค่อยได้ใช้ ใช้ทาตอนไปงานไปเที่ยวหรือวันแต่งที่หน้าจัดเท่านั้น
เม็ดสีชัดดีค่ะ สีสวยดี 


สีนี้ก็คล้ายๆกับสีเมื่อกี้คือ ติดไม่ค่อยทน
ครึ่งวันก็หลุดแล้ว แต่ราคาประมาณนี้ถือว่าคุ้มนะคะ
ร้อยกว่าบาทจะให้เทียบกับเป็นพันๆ ได้ไงเนอะSmiley



ในรูปไม่ค่อยเห็นสีเลย แต่จริงๆ เม็ดสีแน่นนะคะ
เท่าๆ กับสีแรกเลย รูปถ่ายอาจจะไม่ค่อยเห็น
ถามว่าซื้อต่อไหม อาจจะค่ะ Smiley

ชิ้นต่อมา
Catrice รุ่น Photo finish  Liquid foundation 18 hr.


รองพื้นนั่นเอง 
ที่ซื้อเพราะเห็นนิยมกันนี่แหละค่ะ
ตอนแรกกะจะไม่ซื้อเพราะส่วนตัวชอบใช้บีบีมากกว่า
แต่เห็นแล้วอดใจซื้อมาไม่ได้Smiley
ราคาเท่าที่จำได้น่าจะสามร้อยกว่าบาท


ซื้อเบอร์นี้มาค่ะ ใกล้เคียงกับสีผิวที่สุดSmiley
เนื้อค่อนข้างเหลว เกลี่ยง่าย

แอบสยองกับแขนคือถ่ายตอนค่ำค่ะ Smiley

ต่อ..ทาแล้วไม่เป็นคราบ ทาแล้วหนามากค่ะ 
หรือเราชินกับบีบีก็ไม่รู้ ปกปิดน้อยมาก กลิ่นน้ำหอมแรงสุดๆ
อยู่ไม่ทนเหมือนที่คนอื่นบอกไว้เลย 
ทนน้อยกว่าบีบีที่เคยใช้อีก ดังนั้นปุ้มเลยไม่ค่อยได้ใช้ แฮะๆ
แต่ดีตรงไม่เป็นคราบนี่แหละ ทาแล้วเนียนดีค่ะ
เรื่องคุมมันก็ประมาณนึง หรือหน้าปุ้มมันเกินไปเนี่ยอะไรก็เอาไม่อยู่Smiley

สรุปแล้วยี่ห้อนี้ถือว่าคุ้มสมราคาค่ะ ปลอดภัย
ใช้ดีราคาย่อมเยาว์ เป็นยี่ห้อต่างประเทศ หาซื้อได้ง่าย
Smiley

อ่ามาถึงตรงนี้ก็แสดงว่าท่านอ่านมาจนจะจบแล้วค่ะ อิอิSmiley
อย่างที่บอกไปนะคะ นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น

ยังไงก็ฝากติดตามกันอยู่เป็นเพื่อนกันต่อไปด้วยนะคะ
^^ ขอกราบสวัสดีค่ะ บาย Smiley



Create Date : 23 กรกฎาคม 2557
Last Update : 11 สิงหาคม 2557 20:35:41 น.
Counter : 2588 Pageviews.

0 comment
(รีวิว)พบแล้ว!! คาโกเมะ น้ำมะเขือเทศยี่ห้อแรกที่ทำให้ดิฉันดื่มได้
สวัสดีค่ะทุก ๆ ท่าน
วันนี้ปุ้มมารีวิวในเวลาที่ทุกคนกำลังหลับไหล
วันนี้ปลื้มปลิ่มมากค่ะ ดีใจที่ตัวเองได้คนพบ
ผลิตภัณฑ์ที่สรรหามานาน 

ขอเกริ่นก่อนนะคะว่าปุ้มเป็นคนที่ทานมะเขือเทศยากมาก
มะเขือเทศสดหรือปรุงสุกแล้วแม้แต่น้ำมะเขือเทศก็ทานไม่ได้ค่ะ
จะอ้วกและขว้างทิ้งทันที ก็มันเหม็นนี่นา
แต่ก็สรรหาผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบดื่มมากิน ทั้งดอยคำ มาลี บลาๆ
ลองมาหมดแล้วค่ะ อันไหนที่เขาว่ากินง่าย คนที่ไม่ชอบมะเขือเทศ
กินแล้วก็บอกว่ากินง่าย ก็ไปหามากินแต่ แต่ แต่ปุ้มก็กินไม่ได้เหมือนเดิม
คิดในใจ ' กินง่ายตรงไหน ==' ทั้งเหม็นทั้งเค็ม
ลองเอามาผสมน้ำส้ม น้ำแครอทก็กินไม่ได้
สรุปคือก็ยังกินมะเขือเทศไม่ได้อยู่ดี แต่ก็พยายามสรรหามากิน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม ก็เพราะปุ้มเห็นเพื่อนที่กินมะเขือเทศ
ผิวสวยกันทุกคน ผิวนี่อมชมพูเชียวหละ น่าอิจฉามาก
สรุปของสรุป คือที่หามากินเพราะอยากผิวสวยค่ะ ฮ่าๆๆ 
อันที่จริงก็อยากรักษาสุขภาพด้วยเพราะสุขภาพไม่ค่อยดีค่ะ ป่วยง่าย

มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เล่าซะยาวเชียวเดี๋ยวคนอ่านวิ่งหนีหมด
มาถึงสิ่งที่ค้นพบ แท๊ แด๊ (จินตการว่าเป็นเสียงเปิดตัว)
นี่เลยน้ำมะเขือเทศเข้มข้นค้นพบที่เซเว่น
ซึ่งตอนแรกกะจะไปหาของบำรุงความสวยซะหน่อย
เล็งไว้ก็มีพวกเนเจอร์กิฟ แบรนด์ที่ออกใหม่ค่ะ
แต่แล้วก็สะดุดตากับเจ้าตัวนี้เห็นมะเขือเทศอยู่หน้ากล่อง
เลยหยิบมาดู แหมน่าลองเชียวแถมได้แสตมป์ตั้ง 9 ดวงแหละ
ไม่หยิบไปจ่ายเงินก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วเฮ้ยยย

มาดูหน้าตาของ 'คาโกเมะ' กัน ชื่อน่ารักเชียว
(กว่าจะได้แนะนำ นอกเรื่องซะยาว)

นี่ฮ๊า!! น่าตาน่ารักมว๊ากกก
มารู้จักกันแบบละเอียด (ไปค้นมาจากเว็บเลยค่ะ หุหุ)

งานวิจัยไลโคปีนของคาโกเมะที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 40 ปี นับตั้งแต่เปิดกิจการมา คาโกเมะก็ให้ความสำคัญกับมะเขือเทศและผักชนิดต่างๆ เรื่อยมาเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ ในยุคเมจิได้มีการนำเข้ามะเขือเทศมายังประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร ผู้ที่ให้ความสนใจและบุกเบิกการปลูกมะเขือเทศอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้นคือ อิจิทาโร่ คานิเอะ ผู้ก่อตั้งคาโกเมะ ในพ.ศ.2442 (ปีเมจิที่ 32) หลังเกษียณจากราชการทหาร อิจิทาโร่ คานิเอะซึ่งเป็นทายาทของครอบครัวเกษตรกร ได้ทำการหว่านเมล็ดผักของชาติตะวันตกหลากหลายชนิดรวมถึงมะเขือเทศในที่ดินของตนเองในจังหวัดไอจิ ซึ่งอิจิทาโร่ ได้นำพืชผักที่ตนเก็บเกี่ยวไปขายในร้านอาหาร แต่มีเฉพาะมะเขือเทศเท่านั้นที่ถูกมองข้ามเนื่องจากมีขนาดเล็กและสีแดงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ขายไม่ได้เลยแม้แต่ผลเดียวจนน่าวิตกด้วยเหตุนี้จึงเริ่มพัฒนาซอสมะเขือเทศของตัวเองโดยอาศัยซอสมะเขือเทศที่นำเข้ามาทางเรือเป็นต้นแบบและ ผลิตซอสมะเขือเทศ หมายเลข 1 (Tomato Puree ในปัจจุบัน) จนเสร็จสมบูรณ์ ในพ.ศ.2446 (ปีเมจิที่ 36) สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าแปรรูปจากมะเขือเทศที่เป็นผลิตผลภายในประเทศครั้งแรกของญี่ปุ่น ภายหลังจากนั้นซอสมะเขือเทศที่อิจิทาโร่ผลิตขึ้นก็ได้รับความนิยม อย่างสูงพร้อมกับขยายขนาดกิจการออกไปมากขึ้น ในพ.ศ.2451 หลังจากผ่านมาเป็นเวลา 5 ปีก็เริ่มทำการผลิตเค็ทชัพ (Ketchup) และวูสเตอร์ซอส (Worcester Sauce) เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามจากการวิจัยของคณะ DiMascio ในพ.ศ.2532 ทำให้ทราบว่าประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระของไลโคปีนถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ทั้งหมดเมื่อมีผลการวิจัยนี้เกิดขึ้นทำให้ไลโคปีนเริ่มเป็นที่จับตามองทั่วทุกมุมโลกในฐานะของสารประกอบที่ช่วยส่งเสริมด้านสุขภาพ ทางด้านคาโกเมะที่มีส่วนร่วม ในการผลิตมะเขือเทศมาเป็นเวลาหลายปีก็ให้ความสนใจเรื่องไลโคปีนในลักษณะเดียวกันและทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่การวิจัยศักยภาพของไลโคปีน ในพ.ศ.2536 ผลการวิจัยต่างๆ ที่คาโกเมะรายงาน เช่น บทความวิชาการที่ทำการวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัยอาหารแห่งชาติของกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง (ในขณะนั้น) ก็เป็นที่สนใจของบรรดานักวิจัยทั่วโลก ซึ่งจำนวนบทความวิชาการเกี่ยวกับ
ไลโคปีนที่คาโกเมะมีส่วนร่วมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีจำนวน 37 ฉบับและมีการนำเสนอในที่ประชุมวิชาการ 122 ครั้ง (ณ เดือนธันวาคม พ.ศ.2555) สถาบันวิจัยกลางคาโกเมะทุ่มเทในงานวิจัยร่วมเรื่องไลโคปีนกับมหาวิทยาลัย/สถาบันวิจัยทั่วโลกเพื่อหาค่าศักยภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

จำนวนสายพันธุ์มะเขือเทศที่คาโกเมะครอบครองอยู่มีมากเป็นอันดับ 1 ของโลกในสายธุรกิจเอกชน และสถาบันวิจัยกลางคาโกเมะซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอนาซุชิโอบาระ จังหวัดโทจิงินั้นมีสถานที่ลับซึ่งห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปโดยเด็ดขาด สถานที่ดังกล่าวคือ “คลังเก็บทรัพยากรพันธุกรรม” ซึ่งเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศที่รวบรวมมาจากแต่ละพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกเนื่องจากเมล็ดพันธุ์ของพืชมีกำหนดอายุขัย จึงไม่สามารถนำทรัพยากรพันธุกรรมที่สูญเสียไปแล้วครั้งหนึ่งกลับคืนมาได้ด้วยเหตุนี้ คาโกเมะจึงพยายามที่จะปลูกสายพันธุ์มะเขือเทศที่รวมรวมมาอย่างต่อเนื่องและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์เอาไว้ ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 7,500 สายพันธุ์ นับว่าเป็นความภาคภูมิใจที่เราได้เป็นอันดับหนึ่งของโลกในสายธุรกิจเอกชนอีกทั้งได้นำทรัพยากรทางพันธุกรรมที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตลอดจนดำเนินการพัฒนาสายพันธุ์ของตนเองไปพร้อมกันนอกจากนี้ทรัพยากรพันธุกรรมส่วนหนึ่งยังนำไปให้สถาบันวิจัยซึ่งเป็นหน่วยงานแห่งชาติอีกด้วย

มาดูคุณสมบัติของมะเขือเทศกัน
ว่าคุณสมบัติจะเยอะสักแค่ไหนกันเชียว

มะเขือเทศและไลโคปีน

มีผลจากการวิจัยมากมายพบว่า ไลโคปีนที่มีมากในมะเขือเทศนั้น สามารถลดความเสี่ยงจากโรคภัยร้ายแรงต่างๆได้ และได้มีการแนะนำอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกเรื่องการบริโภคมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศเป็นประจำ รวมถึงอาหารที่ช่วยเพิ่มการต่อต้านอนุมูลอิสระเพราะจะทำให้เราห่างไกลจากโรคร้ายแรงๆต่างได้ เช่น โรคมะเร็ง และโรคเส้นเลือดในสมองตีบ


ขอบคุณข้อมูลจาก //www.kagomethailand.com (ถ้าสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้เต็ม ๆ ที่เว็บนี้เลยค่ะ ขอบอกว่าสาระเยอะมากได้ข้อมูลเกี่ยวกับมะเขือเทศเยอะเลยค่ะ)



มาดูหน้าตาขวดที่ปุ้มซื้อมากันดีกว่า




 แบรนด์เค้าบอกมาว่า
สกัดจากมะเขือเทศธรรมชาติที่คัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านมะเขือเทศจากสถาบันวิจัยและพัฒนาคาโกเมะ ประเทศญี่ปุ่น ในหนึ่งขวดมีไลโคปีน (LYCOPENE)ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมจากธรรมชาติ ถึง 30 มิลลิกรัม, สารกาบา (GABA) และมีวิตามินซีสูงซึ่งมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและกระดูกอ่อน ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง

บรรจุ 45 มิลลิลิตร 

ปุ้มซื้อมาขวดละ 45 บาทค่ะ
ราคาเท่านี้ค่อนข้างแพงนะในความคิดปุ้ม
ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นที่ราคาสิบกว่าบาท
แต่ก็ซื้อกินหลายขวดมากเพราะกินยี่ห้ออื่นไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ



ในภาพมีสามขวดที่ได้ดื่มเกือบจะติดต่อกัน
ขอบอกว่ารสชาติไม่ได้อร่อยเว่อร์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกินไม่ได้
ตอนกินได้กลิ่นมะเขือเทศค่ะ แต่ไม่เหม็นมาก รสชาติจะออกเปรื้ยวๆ
กลบกลิ่นคาว ๆ เหม็น ๆ ของมะเขือเทศได้ดีทีเดียว




ขวดเค้าค่อนข้างแข็งแรงนะคะ ไม่ต้องกลัวแตก หน้าตาก็น่าลิ้มลองเชียว



หน้ากล่องเค้าเขียนว่า มีไลโคปีน กาบา และวิตามินซีสูง



เอาขวดมาตั้งเรียงกัน หลายคนอาจจะถาม 'เพื่อ?'



นี่ที่ฝาเค้าก็มีเขียนโลโก้นะเออ 
ด้านหลังขวดเค้าจะบอกส่วนผสมค่ะ ด้านข้างกล่องเขาก็จะบอกข้อมูลโภชนาการ
อยากจะบอกว่าปุ้มจะดูข้อมูลก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง ว่ามีไขมันโปรตีนเท่าไร
เผื่อบางอย่างไขมันสูง น้ำตาลสูงก็ไม่ดีสำหรับเราสักเท่าไร
ส่วนเจ้าคาโกเมะนี่ก็มีพลังงานแค่ 30 กิโลแคลอรี่เอง
ไขมัน 0 เปอเซนต์ รับรองไม่อ้วนแน่ ๆ



ส่วนประกอบก็จะมี
น้ำมะเขือเทศสกัดเข้มข้นถึง 90 % (เยอะทีเดียว) , ฟรุกโตสไซรัป ,
วิตามินซี, ไลโคปีน 
ไม่เจือสีสังเคราะห์และไม่ใส่วัตถุกันเสียด้วยค่ะ รับรองปลอดภัย

ดูจากภาพน้ำมะเขือเทศในขวดแล้วตอนแรกอยากจะบอก
เกือบตัดสินใจไม่กินแล้วค่ะ ก็ดูซะแหมสีเข้มข้นเชียว
อย่างกะเอามะเขือเทศปั่นมาให้กินอย่างนั้นหละ
กินครั้งแรกปุ้มปิดจมูกกินเลยค่ะ พอเข้าไปคำแรกเท่านั้นแหละ
เฮ้ยย มันก็พอกินได้นี่นา ไม่เหม็นด้วย รสชาติเปรี้ยว ๆ
ดีใจมากที่มีมะเขือเทศเข้าร่างกายค่ะ (นอกจากซอสมะเขือเทศอ่ะนะ)



ผลการดื่มมา 3 ขวดที่เกือบจะติดต่อกัน
รู้สึกได้เลยว่าผิวละเอียดขึ้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าค่ะ
เวลาลูบมันจะเนียน ๆ นุ่ม ๆ ขึ้น
แถมกินข้าวอร่อยขึ้นอีกต่างหาก (อันนี้ก็ไม่รู้เกี่ยวไม๊)
โดยปกติช่วงนี้ปุ้มจะชอบเป็นผดผื่นสีแดงๆ ตุ่มจะขึ้นเร็วมาก
หลังจากกินแล้วผดผื่นขึ้นน้อยลง ขึ้นช้า และไม่ค่อยคัน
การกินคาโกเมะนี้ปุ้มไม่ได้กินอาหารเสริมอย่างอื่นเพิ่มนอกจากกินข้าวปกติ
การรีวิวนี้อาจจะใช้เวลาสั้นไป ต้องใช้เวลานานกว่านี้อาจจะเห็นผลชัดกว่าค่ะ

ให้คะแนนเต็ม 10 ให้เท่าไร.....แหมชอบซะขนาดนี้ ให้ 9/10 ค่ะ 
หักที่ราคาแพงไปนิด ไม่ค่อยมีเงินซื้อค่ะ (บ่องตง) ฮิฮิ

สำหรับวันนี้ก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้
หวังว่าทุก ๆ คนจะมีทางเลือกในการดื่มมะเขือเทศมากขึ้น
โดยเฉพาะคนที่กินมะเขือเทศยากแบบปุ้มนะคะ

ปล.การรีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของปุ้ม บางคนอาจจะคิดแบบเดียวหรือคนต่างก็แล้วแต่บุคคล ปุ้มรีวิวเพื่อแชร์ประสบการณ์และแบ่งปันข้อมูลเผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ สำหรับวันนี้ขอกราบลาแต่เพียงเท่านี้ค่ะ สวัสดีค่ะ <3



Create Date : 12 ตุลาคม 2556
Last Update : 12 ตุลาคม 2556 3:27:32 น.
Counter : 17179 Pageviews.

15 comment
1  2  

ตะปูกับเรือใบ
Location :
อุดรธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]








Code Calendar
ยินดีต้อนรับ
เข้าสู่บล็อก poom_begreat
ทักทายและพูดคุย
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
Flag Counter
New Comments