Group Blog
 
All blogs
 

ไร่ปลูกรัก....ผักอินทรีย์

ส่งท้ายปีเก่ากันด้วยสายลมที่ไม่ค่อยจะหนาวนัก หากแต่หัวใจยังเต็มไปด้วยความแช่มชื่น รื่นเริง อีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันชอบปีใหม่คงเป็นพลังที่แฝงอยู่ในตัวของมันเอง กับความรู้สึกที่อยากจะเริ่มอะไรใหม่ๆ ให้กับชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตั้งต้นใหม่ได้ทั้งสิ้น หนึ่งในสิ่งที่ฉันอยากจะทำและควรจะทำคงเป็นการดูแลสุขภาพกายและใจให้มากขึ้น







อีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างสรรค์ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ช่วงฤดูหนาวที่ไร่ปลูกรักในจังหวัดราชบุรี คือการเปิดให้ร่วมเรียนรู้และสนุก 1 วันกับกิจกรรม Organic Family Day

กิจกรรมนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่เรียนรู้ว่ากว่าจะเป็นผักอินทรีย์ ต้องผ่านขั้นตอนการเพาะปลูกที่เอาใจใส่ขนาดไหน การดูแลผักในแปลงอย่างไรให้งามได้ โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมี และการจัดการของเหลือในฟาร์มเพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่นนำผักที่เหลือไปทำปุ๋ยชีวภาพและนำไปเลี้ยงเป็ดให้ได้ไข่ชีวภาพ อีกสิ่งหนึ่งคงเป็นการสื่อสารให้เรารักการทานผักและอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ฉันคิดว่านั่นคือที่มาของไร่ว่าทำไมถึงชื่อไร่ปลูกรัก เพราะไร่นี้ไม่ได้ปลูกแต่พืชผัก หากใส่ความรักและความตั้งใจ ห่วงใยถึงผู้บริโภคอย่างเราด้วย



ฉันอยากไปร่วมกิจกรรมใน Organic Family Day นี้มานานแล้วจึงเกณฑ์หลานๆ และคนใกล้ชิดไปทำกิจกรรมที่ไร่ปลูกรักในช่วงวันหยุดปีใหม่ เพื่อเพื่มความรักระหว่างกันให้มากขึ้น สมาชิกเราจึงมีถึง 30 คน พร้อมไปด้วยกันยังจ๊ะ น้าโอ๊ะ & the Gang



เราออกเดินทางจากกรุงเทพอย่างไม่รีบร้อนมาก จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ไร่ปลูกรัก ช่วงวันหยุดยาวอย่างนี้ ฉันรักกรุงเทพมากขึ้นตรงที่ผู้คนดูบางตา รถราหายไปเยอะ การเดินทางของเราจึงไม่ต้องเร่งรีบ กลุ่มของเราไปถึงก่อนใครๆ คุณกานต์ผู้จัดการไร่เตรียมเครื่องดื่มดอกไม้ออร์กานิค และขนมคุ๊กกี้โฮมเมดไว้ต้อนรับ ทีมงานหลอกล่อเด็ก ๆ ให้ไปทำกิจกรรมก่อน ส่วนผู้ใหญ่ก็เดินเล่นรอบๆ ตรงบริเวณซุ้มต้อนรับหรือไปนั่งรอบริเวณที่ฉันเรียกว่า “ lobby open air” บรรยากาศที่นี่ดีมากๆ ต้นไม้เยอะ รู้สึกได้ถึงความสะอาดของอากาศ อากาศกำลังดีไม่ร้อนจนเกินไป






เราเริ่มต้นกิจกรรมด้วยช่วง แนะนำออร์กานิกและไร่ปลูกรัก คุณกานต์ได้เล่านิทานและร้องเพลงเคล้าเสียงกีตาร์ให้พวกเราฟัง พร้อมทั้งอธิบายความเป็นมาของไร่ปลูกรัก มีหลายๆ คำถามที่ผู้ใหญ่อย่างเรายังตอบไม่ได้เลย เช่น เด็กๆ รู้มั๊ยว่า แมลง กับ แมง ต่างกันตรงไหน อืมม์ เราเองคิดอยู่ตั้งนาน








พูดถึงเรื่องนิทาน ฉันเองก็ได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน ว่าหนังสือนิทานของเด็ก ก็มีความหลากหลาย เหมือนหนังสือผู้ใหญ่ ที่มีทั้งดีและไม่ดี เหมาะสมและไม่เหมาะสม ครูชีวัน วิสาสะ หนึ่งในวิทยากรรับเชิญของที่นี่ เป็นผู้มีผลงานและประสบการณ์ด้านการเล่าและการเขียนหนังสือนิทานภาพเด็กกว่า 30 เรื่อง เช่น อึ ตัวเลขทำอะไร หนึ่งในผลงานของครูชีวิน ที่มีชื่อเสียงคือ เรื่อง นิ่ง เป็นหนังสือที่ได้รับการกล่าวขานในหลายๆ ประเทศ








ไร่ปลูกรักทำเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐานของสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ(IFOAM) ซึ่งหมายถึงการเข้มงวดในการใช้ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้าและออร์โมนสังเคราะห์ การทำเกษตรอินทรีย์จึงใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำมาจากวัสดุจากธรรมชาติ มูลสัตว์และปุ๋ยพืชสด เพื่อหลีกเลี่ยงการตกค้างของสารเคมี อันก่อให้เกิดมะเร็ง ฉันได้มีโอกาสใช้ชิวิตทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก จึงได้รับประสบการณ์โดยตรงกับการที่รัฐให้ความสำคัญของเรื่องนี้ โดยเฉพาะสหภาพยุโรปเข้มงวดมากๆๆๆๆ กับการตรวจสารตกค้างในพืชผักเป็นอย่างมาก




ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยทำไมราคาของผักออร์กานิคถึงแพงกว่าผักทั่วไป ประมาณสามเท่า หากมองในมุมกลับกันฉันยังเชื่อเสมอในหลักการ ป้องกันดีกว่ารักษา (Preventive measure VS Curative measure) หากเกิดอะไรขึ้น ค่ารักษาพยาบาลมักจะมีราคาแพงและไม่สนุกเลยที่เราจะต้องต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ “อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐเสมอ




กิจกรรมต่อไปคือการสำรวจแมลง “จับ ดู รู้ ปล่อย”
ระหว่างทางเราได้ชิมลูกหม่อนสดๆจากต้น หวานหอมชื่นใจจริงๆ
คุณน้าอย่างฉันก็ยังสนุก กับการชิมโน่น ชิมนี่ตลอดทาง ดูสิคะ ฝรั่งลูกนี้หน้าตาอาจไม่สวยเลยแต่รสชาติดีมากๆ










หลังจากนั้นสนุกกับงานศิลปะจากธรรมชาติ มีการเล่นเกมส์พับกระดาษ โดยมีคำถามเช่น สัตว์อะไรเอ่ยที่ช่วยพรวนดิน แล้วเราต้องพับกระดาษออกมาให้ออกมาเป็นรูปสัตว์นั้นๆ







กิจกรรมต่อไป Organic Dressing วิธืทำน้ำสลัดสมุนไพรออร์กานิค คุณแม่บ้านทั้งหลายเตรียมตัวจดกันใหญ่ ทำไม่ยาก ส่วนผสม มีน้ำมันงา น้ำผึ้ง ซีอิ้วญี่ปุ่น น้ำส้มสายชูหมักข้าวหอมมะลิ




คนเมืองกรุงอย่างพวกเราเป็นพวกที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากถึงมากที่สุด แต่ถึงกระนั้น แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังสับสนไม่เข้าใจว่าผักอินทรีย์ต่างจากผักปลอดสารยังไงและผักอนามัยที่ยังใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ยาฆ่าแมลง ต่างจากผักไฮโดรโปนิกส์ที่ถึงแม้จะไม่ใช้ยาฆ่าแมลงแต่ปลูกด้วยน้ำและสารละลายธาตุอาหารจะดีกว่าผักที่ปลูกตามธรรมชาติไหม เผื่อตารางนี่จะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น



ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วค่ะ มื้อนี้เรียบง่ายแต่คงไว้ซึ่งความเป็นธรมชาติของวัตุดิบออร์กานิค มีซุปฟักทอง สลัดผักสด ราดน้ำสลัดสมุนไพรออร์กานิคที่เพิ่งช่วยกันทำเมื่อสักครู่ และผักสดกับน้ำพริกตาแดง ไข่เจียวหอมละมุน ผัดผัก กินอยู่อย่างไทย




ช่วงบ่ายกับสายลมเย็นในศาลา เพื่อไม่ให้ง่วงนอน เราไปเก็บไข่เป็ดออร์กานิคสดๆ จากไร่กันค่ะ เป็ดเหล่านี้เมื่อถูกเลี้ยงแบบให้อิสระ ถึงทำหน้าที่เหมือนรถแทรคเตอร์ เวลามีอาหารหรือพืช ผัก เค้าจะช่วย ย่ำ กลบ วัชชพืช เหล่านี้ จนกลายเป็นปุ๋ยชั้นดี ส่วนอาหารชั้นดีของคุณเป็ดๆจะเป็นดอกดาวเรืองเพื่อให้ไข่มีสีเหลือง สดใส เด็กๆ เข้าไปเก็บไข่เป็ดกันอย่างสนุกสนาน ที่นี่ไม่มีกลิ่นอับให้เซ็งเป็ด





พิเศษ Workshop ทำไข่เค็มสูตรเด็ดกลับบ้าน หากอยากเก็บไว้เป็นไข่ดาวเค็มเก็บไว้ 15 วัน ไข่ต้มเค็มเก็บไว้13 วัน



ได้เวลา Afternoon tea พร้อมกับ Scone รสต่างๆ เช่น กุหลาบ อัญชัน ต่อด้วยกิจกรรมการทดสอบชาออร์กานิคจากทั่วโลก อย่างที่รู้กันว่าประโยชน์ของชามีมากมายขนาดไหน ทั้งบำรุงสายตา ลดความดันโลหิต นอนหลับสบาย ฉันทดสอบหลายรสจนคิดว่ามึนเหมือน wine tasting เลย อิ อิ




Organic Mocktail Workshop วัตถุดิบ เราใช้น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวหอมมะลิ น้ำตาล อัญชัน ที่เรียก Mocktail เพราะไม่มีออลกอฮอล์ มิฉะนั้นเราเรียก cocktail








สนุกกับการเก็บผักจากแปลงผักด้วยตนเอง





ปลูกผักง่ายๆ คลายโลกร้อนกับ Miniature Organic Garden นำกลับไปดูแลต่อที่บ้าน ก่อนกลับบ้านทุกคนจะได้เล่นสนุกกับการได้ปลูกผักสลัดครอสในกระถางของตน พร้อมทั้งเรียนรู้ขั้นตอนการดูแลเอาใจใส่
Organic Tea Compost Workshop ง่ายๆกับการทำปุ๋ยน้ำชาสูตรไร่ปลูกรักเพื่อทำให้ผักงาม
ได้เวลาอำลาไร่ปลูกรักแล้วค่ะ…ที่นี่...เราปลูกรักทุกวัน...ให้คุณ




กิจกรรมอย่างนี้ทำให้ฉันมีหัวใจสีเขียวมากขึ้น บทเรียนจากผักสอนการเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัวอีกมากมาย กิจกรรมวันนี้ทำให้ฉันรู้สึกใช้เวลาอย่างมีคุณค่า มีความสุขและสนุกกับการทำอาหารสุขภาพหลากหลายเมนูจากวัตถุดิบใกล้ตัว ได้ดูแลคนใกล้ชิดและเห็นหลานๆ พกความสุขและรอยยิ้มกลับบ้าน การใช้เวลาร่วมกันเป็นการพักผ่อนที่มีคุณค่ายิ่งในครอบครัว นอกจากนั้นฉันคิดว่าฉันพอมีคำตอบลางๆ ว่าถ้าวันหนึ่งระบบทุนนิยมถึงกาลล่มสลาย ระบบอะไรควรที่จะมารองรับพฤติกรรมมนุษย์

หากใครว่างลองแวะเวียนไปร่วมกิจกรรมกันดูนะคะ //www.thaiorganicfood.com










 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 10:25:03 น.
Counter : 4065 Pageviews.  

สวยหรืองาม @ อวตาร สปาเมาท์เท่น สวีท รีสอร์ท

สวยหรืองาม ครึ่งหนึ่งอยู่ที่การรู้ของผู้รับ หากความงามคือความสุข ความสุขที่แท้จริง จึงมิใช่เพียงสิ่งที่เห็นได้ด้วยตา หากแต่ต้องส่งผ่านไปยังหัวใจ



ความเงียบให้โอกาสพักหู พักใจ
ได้ยินเสียงธรรมชาติ
ได้อยู่กับตัวเอง กับสิ่งรอบตัว
ได้สังเกตสิ่งที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน
เสียงลมพัดใบไม้ เสียงจิ้งจก กบ เขียด
จนรู้สึกคุ้นเคยและรู้ค่าของความเงียบ
ความรู้สึกมั่นคงในความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
มนุษย์ถ้าขาดสิ่งใดไม่ได้ ก็เท่ากับเสียอิสรภาพทางใจให้สิ่งนั้น
ความงามหรือความรัก ต่างมีระยะห่างที่เหมาะสมของมันเอง ระยะไม่ใกล้จนอึดอัดและไม่ไกลจนเปลี่ยวเหงา






จากภาพรถติดบนถนนในกรุงเทพฯ เพียง 3 ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อเริ่มเข้าสู่เขตอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นภูเขาสีเขียวขจีลูกแล้วลูกเล่า บริเวณนี้ห่างจากอุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้งเพียงเล็กน้อย

เอวา อวตาร ถูกออกแบบตามคอนเซปต์ กลับสู่สามัญและการเกิดใหม่ (Back to Basic and reborn) เมื่อมาที่นี่ก็จะได้กลับไปใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกครั้ง อยู่อย่างเรียบง่าย สบายๆ เหมือนได้เติมพลังชีวิตและรู้สึกเหมือนกับการเกิดใหม่















อาคารคอนกรีตทรงกล่องที่ดูราวกับตึกร้าง ยิ่งดูก็ยิ่งแปลกตา เพราะอาคารหลังเดียวแต่ถูกออกแบบให้มี รูปทรงใบพัด 3 แฉก โดยรอบห้อมล้อมด้วยสระน้ำที่เต็มไปด้วยปลาคราฟท์ ด้วยโครงสร้างอาคารที่ปนดิบ ความแปลกของตัวอาคารไม่ได้ถูกออกแบบมาเพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้มาเยือน แต่ยังมีความสำคัญคือ กลายเป็นดังช่องลมขนาดใหญ่ที่ปล่อยให้แสงแดดลอดผ่านและปล่อยให้ลมเย็นๆพัดพาเอาโอโซนจากผืนป่าที่อยู่รายรอบผ่านเข้ามาได้











พื้นที่ว่างตรงกลางที่ถูกจัดเป็นล็อบบี้และ Stone Bar นอกจานนั้นภายในล็อบบี้และห้องพักทุกห้องตกแต่งด้วยปูนเปลือยดูคล้ายถ้ำ ประดับ ด้วยภาพเขียนมนุษย์หิน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ จากถ้ำบนยอดเขาปลาร้า แหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีแห่งสำคัญของชาติที่อยู่ ในอุทัยธานี









อวตารอาจดูเรียบง่าย สบายๆ ดังที่เห็นได้ใน ดีไซน์ของอาคาร แต่หากสังเกตในรายละเอียด ข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นล้วนแต่แสดงถึงความหรูหราและรสนิยมอันดีของผู้เป็นเจ้าของ ภายใต้เพดานล็อบบี้ที่ตกแต่งเป็นถ้ำ มีเสาเป็นก้อนหินภูเขากองรวมกัน ณ มุมหนึ่งถูกประดับประดาด้วยตะเกียงเรือโบราณจากญี่ปุ่น และโถผักดองของเก่าจากพระราชวังปักกิ่ง ส่วนอีกมุมจัดวางโซฟาบุหนังแท้ตัวเขื่องของเก่า จากยุโรปเอาไว้อย่างเก๋ไก๋ เสียงเพลงยุคคลาสสิกดังแว่วมาจากวิทยุโบราณ ยี่ห้อ Grundic ที่ตั้งไว้อีกมุม















อย่างไรก็ดีของสะสมที่กลายเป็นของตกแต่งราคาแสนแพงทั้งหลายในรีสอร์ตไม่อาจหรูหราไปกว่าธรรมชาติที่บริสุทธิ์และสมบูรณ์ที่อยู่รายรอบ รีสอร์ตแห่งนี้ไปได้ เสน่ห์ของอำเภอบ้านไร่ คงอยู่ที่อากาศดี มีออกซิเจนในปริมาณสูง ภูเขาที่มีป่าไม้ปกคลุมเขียวขจี อากาศก็เย็นสบาย ความขัดแย้งที่ดูลงตัวจึงกลายเป็นอีกเสน่ห์ของรีสอร์ตแห่งนี้






ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ บรรยากาศที่เงียบสงบ และป่าไม้ที่สมบูรณ์ ทำให้รีสอร์ตแห่งนี้กลายเป็น "สปา เมาท์เทน" ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งธรรมชาติ วิถีธรรมชาติเท่านั้นที่เป็นศาสตร์แห่งการบำบัดฟื้นฟูและเติมเต็มพลังชีวิตที่ให้ผลดีที่สุด ราวกับการเกิดใหม่ (Reborn) สมชื่อ "อวตาร"






เพื่อให้เข้าถึงการ "Reborn" อย่างสมบูรณ์ สำหรับไฮไลต์ที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือ สปาเกลือ ซึ่งเกลือที่ใช้เป็นเกลือสินเธาว์บริสุทธิ์จากอำเภอพิมาย นอกจากการทำสปา การได้ว่ายน้ำท่ามกลางแมกไม้ขุนเขาก็เป็นอีกวิธีในการ "ชาร์จแบต" ให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดี







น่าแปลกใจที่ยามมองสิ่งต่างๆ ด้วยมุมมองนี้ ทุกอย่างจะค่อยๆ เปิดเผยความสวยของมันออกมา หลายอย่างเราเห็นมามานับร้อยนับพันครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นมุมนี้

ทุกวันนี้เราเห็น...แต่เราไม่ค่อยได้มอง เราได้ยิน...แต่เราไม่เคยได้ฟัง
ลองให้โอกาสตัวเองกับการได้มอง ได้ฟัง สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเอง เผื่อธรรมชาติอาจกระซิบบอกเราถึงคำตอบที่เรากำลังหาอยู่ก็ได้













 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 14:15:46 น.
Counter : 1296 Pageviews.  

นั่งรถไฟไปปลูกดอกไม้นอกสวน

เรื่องมันมีอยู่ว่าช่วงปลายเดือนตุลา ฉันไปแม่ฮ่องสอนกับ เชียงใหม่มา ขากลับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนเรือบิน เห็น บทความสั้นๆ ชวนนั่งรถไฟไปหัวหิน กับสำนักพิมพ์สายธาร เราเลยแอบฉีก นสพ. ส่วนนั้นกลับมาด้วย แฮะ ๆ
ประมาณว่า สำนักพิมพ์สายธารชวนเยี่ยมบ้านนักเขียนสารคดี ภาณุ มณีวัฒนกุล ณ ร้านหนังสือ Rhythm&Books ช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน ที่หัวหิน โดยกติกาง่ายๆ ให้เขียนถึงความประทับใจจากหนังสือ 26 เล่ม* ของภาณุ มณีวัฒนกุล หรือเรื่องราวดอกไม้ในชีวิต และรับหนอนนักอ่าน หนอนนักเดินทาง ร่วมเดินทางไปพูดคุยกับภาณุ มณีวัฒนกุล ถึงร้านหนังสือของเขา สนทนาในบรรยากาศสบายๆ แลกเปลี่ยนเรื่องราวการเดินทาง ดนตรี วรรณกรรม คลอเสียงเพลงจากแผ่นเสียง ท่ามกลางกองหนังสือและ Gallery โดยเค้ารับ 7 คน



คุณภาณุ หรือ พี่บ๊าพ เป็นุลูกครึ่งอินเดีย แขกจาม เกิดกรุงเทพฯ เขียนหนังสือใช้นามปากกา “ก้อนกรวด บนดินแดง” ผ่านทั้งงานหนังสือพิมพ์ นิตยสารรายสัปดาห์ รายเดือน และรับงานอิสระ เป็นล่าม เป็นผู้ช่วยช่างภาพ เป็นฝ่ายจัดหาโลเกชั่นให้กับเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เป็นผู้ประสานงานกองถ่ายภาพยนต์สารคดีของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ของประเทศออสเตรเลีย และยังคงมีเขียนงานสารคดีการเดินทางและงานแปลออกมาให้นักอ่านติดตาม โหฟังสรรพคุณแล้วพี่เค้าเป็นหลายๆ อย่างที่เราอยากทำเลย

หลังจากการประกาศผู้เข้าได้เข้าร่วมกิจกรรมนั่งรถไฟไปปลูกดอกไม้นอกสวน ฉันก็ได้เป็นผู้ร่วม Trip จากการคัดกับมือของพี่บ๊าฟ ภาณุ จำนวน 7 ท่าน เย้ๆๆๆๆ ตามฉันมาเลยจ้า ตื่นเต้นนะ เพราะเป็นครั้งแรกที่จะนั่งรถไฟไปหัวหิน แอบเชย และไปเจอคนที่ฉันชื่นชม



ทีมงานเค้านัดเจอกันประมาณ 8 โมงครึ่งที่หัวลำโพง เราเริ่มต้นวันด้วย กาแฟร้อนสักถ้วย

ทีมมาเกือบครบแล้ว รู้สึกว่าสมาชิกจะมีแต่ผู้มีวัยวุฒิ อะฮ้ามีคนทำให้ทริปสนุกแล้ว น้องออมทรัพย์นั่นเอง ถ้าไม่มีน้องออมทรัพย ทริปนี้คงเหงา

เอาแหละ ขึ้นรถไฟกันได้แล้ว ปรากฎว่าขาดขาไปสองคน เพราะเช้าไปเลยไปเก็บตกกันที่สถานีบางซื่อ







เราขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงเที่ยว 09.25 น . ถ้าตามตารางควรจะถึงประมาณ 13.45 น. รถไฟไปหัวหินมีชั้นสามชั้นเดียว เป็นเก้าอี้ไม้ธรรมดากับพัดลมเพดาน แต่คนส่วนใหญ่ก็เปิดหน้าต่างให้ลมเย็นๆปะทะหน้า ชื่นใจดี จริงๆ ดูเหมือนจะใช้เวลาประมาณ สี่ชั่วโมงกว่า ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง งั้นคนที่ตั้งใจจะนั่งรถไฟต้องมีเวลามากจริงๆ หรือไม่งั้นก็ต้องตั้งใจมา



ช่วงสี่ชั่วโมงบนรถไฟ ฉันได้เห็นอะไรเยอะมากกว่าที่เราคิดเลย พอถึงสถานีใหญ่ๆ อย่างนครปฐม ราชบุรี จะมีผู้โดยสารขึ้น-ลงมาก มีพ่อค้า แม่ค้าเร่มาขายของ อันนี้ต้องลอง เป็นก๋วยเตี๋ยวแห้ง ห่อมาในกระดาษหนังสือพืมพ์ รองด้วยแผ่นพลาสติกไว้อีกชั้นข้างใน packaging ดูดี ห่อได้เก๋ไก๋มาก ขนาดก็หยิบสะดวกมือลูกค้า ด้วยราคาห่อละ ห้าบาท นอกนั้นก็มี หมูปิ้ง ข้าวหลาม ส่วนขนมตาล ฉันได้ชิมตอนใกล้ถึงเมืองเพชร วิวข้างทางช่วงเมืองเพชรสวยมากๆ เลยค่ะ เพราะว่าจะเห็นท้องทุ่งสีทองกับตันตาลที่ยืนอยู่เรียงราย อยากจะกลั้นหายใจจริงๆ






อีกอย่างที่ฉันชอบนะ คือว่ารถไฟจอดเกือบทุกสถานี แล้วช่วงรอรถไฟจะเคลื่อนขบวน ฉันเห็นวิถีชีวิตผู้คนหลากหลายดี ทั้งคนที่มารอรับ-ส่ง เพื่อน ญาติ แฟน หรือแม้กระทั่ง คนขับรถโดยสารประจำทาง มาดักรอลูกค้า คุณลุงสามล้อที่คงต้องพยายามฝึกพูดฝรั่ง ต้องหัดเข้าใจ เยส โน โอเค ฮาวมัช น่ารักดี



“ที่นี่สถานีหัวหิน
ท่านผู้โดยสารที่จะลงสถานีนี้ กรุณาตรวจสอบสัมภาระของท่านให้ครบถ้วนด้วยครับ”
ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีรถไฟหัวหิน ซึ่งฉันว่าเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่สวยคลาสสิกที่สุดของไทยก็ว่าได้



เรามาทวนเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์กันดีกว่า อย่างที่รู้กันว่ารัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างทางรถไฟขึ้นเป็นครั้งแรก และ สถานีรถไฟหัวหินนั้นสร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบวิกตอเรียเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ทรงยุโรป หลังจากนั้นก็มีสนามกอล์ฟรถไฟ โรงแรมรถไฟ



มีเรื่องเล่าสนุกเกี่ยวกับหัวหินว่า หลังจากตัดทางรถไฟสายใต้ เจ้านายทางบางกอกก็เริ่มมาสร้างบ้านพักตากอากาศกันมากขึ้น สมัยก่อนคนไทยไม่นิยมพักตามโรงแรม ท่านเจ้าบ้านจึงตั้งชื่อบ้านหรือตำหนักขึ้นเพื่อความสะดวกในการติดต่อ และในสมัยนั้นไม่นิยมมีเลขที่บ้านกัน บุรุษไปรษณีย์จึงใช้วิธีจำชื่อบ้าน เช่น บ้านสุขเวศน์ แสนสำราญ บานฤทัย ใจชื่น รื่นจิตต์ ปลิดกังวล อารมณ์นึงเราแวปถึงหนังเรื่องปริศนา เจ้าสาวของอานนท์ และหมิว ลลิตา คอนิยายคลาสสิกของไทยคงจำกันได้ ที่เค้าชอบใช้บ้านพักตากอากาศชายทะเลหัวหินเป็นฉาก ยุคนั้นเค้าใช้ชีวิตกันอย่างนี้เอง

เรามาถึงร้านหนังสือของคุณภานุ ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับร้านเค้กบ้านใกล้วังอันยอดนิยมของคนกรุงเทพ ตามโปรแกรมหลังจากสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น พี่บ๊าพจะพาไปเดินเล่นริมชายหาด แล้วกำหนดการกลับกรุงเทพช่วงเกือบดึก ส่วนฉันอยู่ค้างต่อที่หัวหิน โดยได้กัลยาณมิตรที่รักมาสมทบ



มาเข้าเรื่องของเราซะที มีรูปร้านพี่บ๊าฟมาฝาก พี่เค้าวางแผนจะเก็บตังค์ซักก้อนแล้วออกเดินทางไปอเมริกาใต้สักสองปี เลยเปิดร้านขายหนังสือและสมบัติที่เค้ามีทั้งหมด ร้านน่ารักดี เราของคอนเซ็ปต์ ของรักแต่ไม่หวง อันนี้ถ้าใครเป็นนักเดินทางจะเข้าใจมากว่า มันหมายถึงอะไร เพราะการยึดติด คือความทุกข์ที่แท้จริง







ในหนังสือเล่มหนึ่งของพี่บ๊าพ บอกว่า “ทุกวันนี้ ผมมีความสุขเมื่อเห็นดอกไม้บานในสวน และอยากบอกคุณว่า ผมไม่ได้รังเกียจฤดูหนาว เพราะถ้าไม่มีฤดูหนาว การรอคอยฤดูร้อนอันแสนสั้นก็อาจไม่คุ้มค่า..”
คนทำสวน เมืองสการ์ดู ปากีสถาน



อยากบอกว่าเธอเป็นคนเปิดประตูให้ฉันเดินออกไป ....ไม่ใช่ออกจากห้อง หรือที่พักอาศัย แต่ออกไปจากตัวของฉันเอง....



คนหนุ่มสาวจะไปรู้จักความเหงาหรือว้าเหว่ได้อย่างไร
และถ้าพวกเขาเรียกการอยู่คนเดียวโดยไม่มีคู่รัก
ไม่ว่าชั่วคราวหรืออย่างถาวร ว่าเป็นความเหงาละก็
ฉันว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากกว่า.....





ฉันว่าพี่บ๊าพเป็นนักเขียนที่เขียนงานนอกกระแส ความเป็นนักเขียนไม่ได้จำกัดเฉพาะข้อมูลการท่องเที่ยวแต่เป็นการแสวงหาตัวตนและความหมายของชีวิต มีบางตอนของบทสนทนาที่ฉันชอบมาก(อีกแล้ว) ว่า บางครั้งความสุขมันไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรมากมาย เวลาคุณเดินอยู่ริมหาด เท้าคุณโดนไล้ด้วยฟองคลื่น คุณอยากลงไปแช่น้ำเล่น คุณก็ทำได้ทันที คนเราทุกวันนี้ชอบสร้างข้อแม้ให้กับชีวิตว่า ถ้าฉันได้สิ่งนี้ ฉันถึงจะมีความสุข



ยังมีบทสนทนาที่ต่อยอดความคิดและจุดประกายความคิดดีๆ อีกหลากหลาย ใครสนใจและมีเวลาแวะเวียน ไปร้านพี่เค้าได้นะคะ แล้วจะรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ แอบปลื้มเล็ก ๆ พี่บ๊าฟบอกว่าภาษาเขียนฉันสวยดี ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้ฉันมีกำลังใจ อยากเขียน อยากเล่ามากขึ้น เราคุยกันว่า เราจะพยายามมาหัวหินให้บ่อยขึ้น และมาแลกเปลี่ยน ความคิดกัน ใครสนใจยินดีนะคะ










 

Create Date : 31 มกราคม 2553    
Last Update : 9 มกราคม 2554 9:46:18 น.
Counter : 960 Pageviews.  

1  2  3  

Please.Peace
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




หนึ่งใน New Year Resolutions คือความตั้งใจอยากจะเขียน เล่า เรื่องราวผ่าน Blog ส่วนหนึ่งคงเป็นการจัดระบบความคิดที่ดีของตนเอง อีกส่วนคงเป็นการได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนใน Cyber space มากขึ้น

ใช้ชีวิต กึ่ง ๆเหมือนพวก Urban living ชอบหาร้านกาแฟ หอมๆ นั่งอ่านหนังสือในวันหยุด

ขออภัย เมื่อใหม่หัดใช้ Blog ด้วยจ้า
New Comments
Friends' blogs
[Add Please.Peace's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.