พาลูกไปเที่ยวกันเถอะ
Group Blog
 
All blogs
 

กว่าจะมีวันนี้

ตั้งใจมานานอยากจะมีตัวเล็กๆให้เต็มบ้าน แต่พยายามอยู่หลายปีก็ไม่สำเร็จจนเริ่มท้อ เลยตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมอ เริ่มแรกโดยการฉีดยากระตุ้นไข่ เพื่อให้มีไข่ตกมากๆ ปกติจะฉีดประมาณ 7 วันแต่ต่อต้องฉีด 10 วัน จากนั้นก็ต้องฉีดยาเพื่อให้ไข่ตก ซึ่งยาตัวนี้เจ็บมากพอสมควรถึงกับน้ำตาซึมเลยค่ะ จากนั้นคุณหมอก็จะทำการเจาะหน้าท้อง 3 จุด และเจาะไข่ออกมาผสมกับ sperm ของสามีแล้วก็ฉีดกลับเข้าไปในท่อรังไข่ทั้งหมด 4 ฟอง วิธีนี้เรียกง่ายๆว่าการทำ GIFT นั่นเองค่ะ นอนพักที่รพ. 2 คืนก็กลับบ้านได้จากนั้นก็ต้องกลับไปรพ.อีกครั้งเพื่อดูระดับฮอร์โมน ปรากฏว่าฮอร์โมนตกโอกาสติดมีน้อยมาก คุณหมอเลยทำ Blastocyst Culture ให้ซึ่งตอนนี้มีไข่ที่ผสมและแบ่งตัวแล้วจากเดิม 11 ฟองเหลือรอดอยู่ 2 ฟองก็เลยตัดสินใจใส่ทั้ง 2 ฟองและนอนพักที่รพ. 1 คืน จากนั้นมีอาการแพ้ท้องทันทีค่ะ คือเหม็น และอยากกินของเปรี้ยวๆ ขนาดต้องบีบมะนาวในอาหารทุกอย่างแม้กระทั่งซุป

พอกลับบ้านได้สองสามวันอยู่ๆก็ท้องบวมขึ้นจนหายใจไม่ออก ตอนแรกนอนราบไม่ได้ ต่อมาก็นอนเอนไม่ได้ เลยไปรพ. คุณหมอก็ให้ทานยานอนหลับแล้วนั่งหลับแทน ตื่นมาตอนเช้าเริ่มนั่งไม่ได้แล้วค่ะ ต้องยืนถึงจะหายใจได้แต่ก็มีอาการหอบถี่มากขึ้นเหมือนเป็นหอบหืด หนักท้องมากต้องให้สามีประคองท้องไว้เวลายืนเพราะยืนไม่ไหว ในที่สุดก้ต้องเข้าห้องผ่าตัดเพื่อลดอาการบวมน้ำโดยการเจาะทางสะดือ ได้น้ำออกมา 5 ลิตร และยังต้องคาสายที่สะดือไว้เพื่อให้น้ำออกให้หมด ตอนนี้ต้องนอนที่รพ.ประมาณ 2 อาทิตย์โดยทุกๆวันจะมีน้ำออกมาวันละลิตรกว่าๆ แต่ระหว่างที่นอนพักฟื้นสายที่คาไว้เกิดอุดตัน 1 ครั้ง และ สายรั่วอีก 1 ครั้ง รวมต้องเข้าห้องผ่าตัดใหม่อีก 2 ครั้งภายในเวลาไม่ถึง 5 วัน แถมต้องใส่สายสวนซึ่งเจ็บและระบมมาก และมีอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ทรมานมากค่ะ ซ้ำร้ายยังมาท้องเสียซึ่งอันตรายมากสำหรับคนท้องอ่อนๆเพราะอาจทำให้แท้งได้

เพิ่งมาทราบทีหลังว่าอาการท้องบวมน้ำนั้นเป็นอาการปกติของคนที่ทำ GIFT ค่ะ ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายเมื่อถูกกระตุ้นให้ผลิตไข่ วิธีแก้คือการรับประทานไข่ขาวในปริมาณมาก เพราะสารในไข่ขาวจะช่วยให้ร่างกายดึงน้ำส่วนเกินนี้กลับเข้าไปในกระแสเลือด แต่ต่อมีอาการแพ้ท้องมากได้กลิ่นไข่แล้วอาเจียนตลอด ขนาดแค่พลาสติกใส wrap ปิดไข่ต้มไว้อย่างดี แต่แค่เปิดประตูห้องเท่านั้นหล่ะค่ะ ต่อเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนทันที ทำให้ทานไข่ขาวไม่ได้ ที่นี้พอทานไม่ได้ร่างกายก็ไม่ได้ดึงน้ำกลับไปที่กระแสเลือดทำให้เลือดข้น ก็ต้องให้น้ำเกลือช่วย พอให้น้ำเกลือมากๆตัวบวม แขนขาบวมมากจนหาที่เจาะไม่ได้ สุดท้ายร่างกายไม่ไหวจริงๆเลยต้องใช้สารแทนไข่ขาวช่วย อาการจึงดีขึ้นและได้กลับบ้าน

พอกลับบ้านได้สี่ห้าวัน อยู่ๆก็รู้สึกปวดท้องมาก ปวดบิดแล้วคลาย และปวดแรงขึ้นเรื่อยๆจนเหงื่อท่วมตัว หัวเปียกไปหมดเพราะเหงื่อ จึงตัดสินใจโทรเรียกคุณหมอและไปที่ห้องฉุกเฉินตอนตี 4 พอถึงรพ.คุณหมอฉีดยาแก้ปวด 3 เข็มและคอยเฝ้าสังเกตุอาการ ปรากฏว่ายังปวดท้องอยู่เลยต้องเข้าห้องผ่าตัดทันที สรุปคือท่อรังไข่แตกเนื่องจากท้องนอกมดลูกค่ะ เลยต้องตัดท่อรังไข่ทิ้ง ตอนนี้คุณหมอสรุปว่าจริงๆแล้วติดทั้งหมด 4 ฟอง แต่มาท้องนอกมดลูก 1 ฟอง อีก 3 ฟองปลอดภัย แต่ต่อมามีอาการตกเลือดเลยหลุดไปอีก 1 ฟองค่ะ เหลือ 2 ฟอง ถึงตอนนี้ต้องฉีดยากันแท้งที่สะโพกวันละ 2 เข็มกับทานฮอร์โมนอีกวันละ 4 เม็ด คราวนี้อยู่รพ.ประมาณหนึ่งอาทิตย์จึงกลับบ้าน

พอกลับบ้านมาได้ 2 อาทิตย์มีอาการหน้าบวม บวมมากจนผิดรูป จากเดิมเป็นคนหน้ารูปไข่ พอบวมเนี่ยะหน้าเป็นสี่เหลี่ยม อืดมาก เลยไปหาคุณหมออีกครั้งและนอนรพ.อีก 1 อาทิตย์ก็ยังหาสาเหตุไม่เจอ สุดท้ายเลยไปที่รพ.รามาธิบดี โชคดีที่เจออาจารย์หมอทางด้านหลอดเลือดโดยเฉพาะ เลยสั่งเอกซ์เรย์ทันทีพบก้อนบริเวณทรวงอก ซึ่งดูท่าทางอันตรายต้องทำ CT SCAN แต่ทำไม่ได้เพราะท้องอยู่ ที่เหลืออีกวิธีคือการทำ MRI เพื่อดูอย่างละเอียดว่าคืออะไร แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานว่าปลอดภัยสำหรับคนท้อง ถึงตอนนี้คุณหมอบอกว่าให้เลือกระหว่างแม่กับลูก เพราะจะให้ยาละลายลิ่มเลือดชนิดที่หายเลยแต่จะทำให้เด็กตกเลือดตาย พอต่อได้ยินก็ร้องไห้เลยค่ะ ไม่อยากทำเลย ดื้อมากไม่ยอม เลยกลับไปปรึกษาหมอสูติ ท่านก็ปรึกษาคุณหมอจากศิริราชให้ เลยรักษาโดยการฉีดยาละลายลิ่มเลือดอีกชนิดซึ่งปลอดภัยสำหรับคนท้อง โดยฉีดที่หน้าขาทุกวัน วันละ 1 เข็มไปตลอดและจะหยุดฉีดก่อนการผ่าท้องคลอดประมาณ 3 วัน Side Effect ของยานี้คือต่อจะเลือดใส เลือดแข็งตัวช้า ต้องคอยระวังไม่ให้เป็นแผล ถ้าจะผ่าตัดต้องหยุดยา หรือ ให้เกล็ดเลือดประมาณ 2 ชม.ก่อนการผ่าตัด

พอย่างเข้าเดือนที่ 6 ก็ต้องเพิ่มยาฉีดมาอีก 1 ตัว คือฉีดยากระตุ้นปอดเด็ก ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 เข็ม ที่ต้องฉีดก็เพื่อให้ปอดพัฒนาเร็วขึ้น เนื่องจากกรณีท้องแฝดอย่างต่อเนี่ยะ มีโอกาสสูงที่จะต้องคลอดก่อนกำหนด ถ้าไม่ฉีดอาจมีปัญหา เด็กอาจเสียชีวิตได้ถ้าปอดยังไม่เจริญเต็มที่

อยู่มาวันนึงเกิดอาการเสียดท้อง และเสียดมากขึ้นเรื่อยๆจนหายใจไม่ออกเจ็บจนบอกไม่ถูก เจ็บจนหายใจไม่ทันและเหนื่อยหอบ และท้องเริ่มลดภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ตอนนั้นไม่ทราบเลยค่ะว่าตัวเองเป็น ภาวะมดลูกบีบตัวชนิดเฉียบพลันรุนแรง เพราะอ่านในหนังสือ ทุกเล่มก็บอกว่าการปวดท้องคลอดจะค่อยๆปวด ปวดบีบแล้วหายเป็นช่วงๆ กรณีของต่อนี่ไม่ใช่เลย ก็รีบไปรพ. คุณหมอก็พาเข้าห้องคลอดทันทีและทำอัลตราซาวน์ พบว่า น้องถีบแรงมากจนมีเลือดออกที่ถุงน้ำคร่ำหลายจุด ดังนั้นมดลูกจึงทำการบีบตัวทันทีเพื่อขับให้เด็กออก ตอนนี้คุณหมอต้องให้ยาคลายการบีบตัวของมดลูก พร้อมทั้งให้เกล็ดเลือดไปพร้อมกันเพื่อเตรียมให้เลือดแข็งตัว ในกรณีที่ต้องผ่าตัดด่วน ซึ่งถ้ายาคลายการบีบตัวของมดลูกเอาไม่อยู่ก็ต้องผ่าคลอดฉุกเฉินแล้วต่อซึ่งทานยาละลายลิ่มเลือดนั้นจะอันตรายมากเพราะเลือดจะแข็งตัวช้า ขนาดแค่แผลฉีดยาธรรมดายังต้องกดไว้ 15 นาที ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผ่าตัดใหญ่จะเสียเลือดมากขนาดไหน พอฉีดยาก็รู้สึกคลื่นไส้มาก อยากจะอาเจียน หัวใจเต้นเร็วจนน่ากลัว แถมยังเจ็บท้องมากๆ เพราะคุณหมอพยายามคลึงท้องเพื่อเปลี่ยนท่าน้อง โชคดีที่ร่างกายตอบสนองยาดีมาก อีกประมาณ 1 ชม. มดลูกก็ไม่บีบตัว แต่ถึงตอนนี้คุณหมอก็ไม่ให้ออกจากรพ.แล้วค่ะ ต้องนอนพักที่รพ.จนกว่าจะหาฤกษ์คลอดได้ ในที่สุดก็ผ่าคลอดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมาค่ะ ได้ลูกชายตัวน้อยมา 2 หน่อ ดีใจมากๆค่ะ นับว่าคุ้มมากๆกับการเจ็บตัว ฉีดยามากกว่า 200 เข็ม




ผมชื่อน้องพิชญ์ครับ




ผมชื่อน้องพัฒน์ครับ




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2550    
Last Update : 29 สิงหาคม 2550 20:21:16 น.
Counter : 704 Pageviews.  

1  2  3  

TwinMoM
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วยคุณยายและคุณแม่ทำอาหารมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ชอบการทำขนมเป็นชีวิตจิตใจแต่ไม่เคยไปเรียนที่ไหนเลย อาศัยเปิดตำราและหัดทำเองมาตลอด ดีบ้างเสียบ้างตามแต่โชคชะตา
Friends' blogs
[Add TwinMoM's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.