FB ==> :. เพจอัฟเดทข่าวสาร - Peachii Book.:

<data:blog.pageName/> Peachii
Group Blog
 
All blogs
 

@@ Lai Dong Jin -- ไล่ตงจิ้น



Lai Dong Jin -- ไล่ตงจิ้น ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต



“ ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งโมโหกับชะตาชีวิตที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น
ความเจ็บป่ายและความยากจน ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างสูญสิ้น
แต่การหมดสิ้นศรัทธาในชีวิตนี่สิ เป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย “


ไล่ตงจิ้น เกิดมาในครอบครัวขอทานที่มีพ่อเป็นคนตาบอด แม่และน้องชายคนโต
ปัญญาอ่อน กับปากท้องทั้งหมด 14 ชีวิต ที่เขาต้องแบกไว้บนบ่า ด้วยแสงสว่างนำทาง
ในใจตลอด คือความเสียสละของพี่สาวคนโตที่แลกชีวิตในโรงเรียนมาให้แก่เขา!!!

คนบางคนเกิดมาด้วยความพร้อมทุกอย่าง แต่สำหรับคนบางคน ก็ลืมตามาเพื่อจะ
ถามตัวเองว่า ชีวิตพรุ่งนี้ จะอยู่อย่างไร??

สภาพครอบครัวที่ต้องดิ้นรนเพื่อคำว่าอยู่รอด กินแต่เศษของเหลือและเน่าบูด ไม่มีบ้าน
ไม่มีที่พักพิง ไม่มีการศึกษา ไม่รู้หนังสือ .... มีแต่ชีวิต เลือดเนื้อและความหิวโหย ... แต่ชีวิต
ที่น่าเวทนาเช่นนี้ก็มิอาจลบล้าง ความกตัญญู เสียสละ และความรัก ไปจากครอบครัวขอทาน
ครอบครัวนี้ได้เลย

หลายบทหลายตอน ที่อ่านแล้วทำให้น้ำตาซึม .. หลายบรรทัด ทำให้อมยิ้ม และ
หลายย่อหน้า กินใจเสียจนน้ำตาไหล .. แอบกลับมาตั้งคำถามลึกๆ ในใจขึ้นมากมายว่า
อุปสรรคทั้งหลายแหล่ในชีวิตที่ผ่านมา จริงๆ แล้วไม่มีค่าสั่นคลอนใดๆ ได้เลย ถ้าเพียงใจ
เราแข็งแกร่งพอ

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นจากเรื่องราวชีวิตของไล่ตงจิ้น คือความกตัญญู ยอมรับความจริงและ
คิดในแง่บวก เขารักพ่อแม่แม้ทั้งคู่จะพิการปัญญาอ่อน รักพี่สาวคู่ยากที่ยอมเสียสละทุกอย่างแม้
กระทั่งขายตัวเองเพื่อเขา ไม่เคยด่าว่า บ่นรำคาญ หรืออับอายที่จะเอ่ยออกมาว่า ความสำเร็จใดๆ
ที่เขาได้มาในวันนี้ล้วนมาจากพี่สาวคนนี้ทั้งสิ้น

อย่างตอนที่พ่อตีเขาหนักด้วยความโมโห เมื่อเขางุบหลับอย่างเหนื่อยอ่อนระหว่าง
เดินกลับจากขอทาน ทำให้พาพ่อและตัวเองตกลงไปในท้องร่อง เงินที่ได้จากการขอทานในคืนนั้น
ลอยหายไปกับสายน้ำ ... ไม้ที่กระหน่ำตีลงมาแต่ละที คือเสียงพร่ำบอกในใจว่า เขาผิดเอง
เขาผิดเอง อาจิ้นจะไม่หลับอีกแล้ว จะไม่เผลอหลับอีกแล้ว .. แทนที่จะร้องโวยวายโทษโชคชะตา
ว่าทำไม่ให้เขาเกิดมาลำบากกว่าคนอื่น

หรืออย่างแม่จะก่อปัญหาให้เขาไม่มีหยุดหย่อน เดี๋ยวร้องโวยวาย เดี๋ยวอึ เดี๋ยวฉี่
ต้องพาไปล้าง เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำความสะอาด ปลอบโยน ... แทนที่จะบ่นรำคาญรังเกียจ
ภาระวุ่นวายเหล่านี้ เขากลับเต็มใจทำทุกอย่าง และสงสารแม่ที่ถ้าแม้แต่ลูกอย่างเขาไม่สนใจแล้ว
ใครเล่าจะมาดูดี

หลายครั้งที่เขาถูกจับได้ว่าไปขโมยข้าวหมากิน หรือถูกเข้าใจผิด เขาเลือกที่จะขอโทษ
ยอมรับผิด แล้วเล่าความจริงของครอบครัวและเหตุผลความจำเป็นที่ต้องทำ ... แทนที่จะโกหก
เพราะอับอายว่าเกิดมาเป็นลูกขอทาน

รวมถึงเสียงประณามหยามเหยียด ดูหมิ่นดูแคลน ของบรรดาเพื่อนๆ รุ่นพี่ หรือแม้แต่
คนทั่วไปที่เขาไปขอทาน .. แทนที่จะโทษฟ้าโทษดินที่ให้เขาเกิดมาในสภาพนี้ เขากลับเลือกที่จะ
เปลี่ยนมันเป็นแรงจูงใจให้เดินหน้าต่อไป

แม้บรรทัดทุดบรรทัด และเรื่องราวทุกหน้าทุกตอนจะนำพาความรันทดหดหู่มาให้มากกว่า
ความบันเทิงเริงใจที่ควรจะได้จากหนังสือเล่มหนึ่ง แต่ทุกบททุกตอนเหล่านั้น .. กลับมีค่า ยิ่งกว่า
บทเรียนหรูจากปริญญาใบไหน เพราะไม่มีกระจกบานใด จะสะท้อนแง่คิดชีวิตกลับมาให้ได้ .. ใส ..
ยิ่งไปกว่า กระจกของ “ชีวิตจริง”

---------------------- *** The End of Suggest *** ---------------------
__ Yuuraya : ยูรญา __





 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2550 13:44:29 น.
Counter : 456 Pageviews.  

@@ Tell No one -- อย่าบอกใคร



Tell No one -- อย่าบอกใคร


เป็นหนังสือแนว Unputdownable Mystery อีกเรื่องที่หยิบจับแล้วก็วางไม่ลง เรื่องนี้ต่างจากThe Sculptress –ใครฆ่า เพราะใครฆ่าออกมาตรึงสายตาด้วยปริศนาที่อยากรู้ จนไม่อาจละสายตาตามหาไปกับตัวหนังสือตลอดเล่มได้ .. แต่ Tell No one ใช้เทคนิคในการตรึงความสนใจของคนอ่านไว้ กับปริศนาที่ค่อยๆ ผุดขึ้นมามากมายแบบบทต่อบท จนอ่านไป ก็เกิดสงสัยใคร่รู้ไปว่า .. คนเขียนจะคลี่คลายออกมาเช่นใดกัน ..

หลังจากที่หมอเบคสูญเสียภรรยาชื่อ เอลิสซาเบทไปเมื่อ 8 ปีก่อน โดยฝีมือของฆาตรกรโรคจิตฆ่าต่อเนื่อง .. แล้วจู่ๆ วันหนึ่งในปีที่ 8 ... เขาก็ได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่ง อีเมล์ที่ทำให้เขาสงสัยและตื่นตกใจเพราะข้อความและรหัสถ้อยคำความใน .. ไม่มีใครรู้นอกจาก เขากับภรรยา .. เบคจึงเริ่มสงสัยว่าเอลิซาเบธยังอาจจะมีชีวิตอยู่ ณ.ที่แห่งใดแห่งหนึ่งในโลกใบนี้ .. แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาคลางแคลงใจเป็นอย่างมากก็คือ .. คนที่ชี้ตัวศพตอนพบ .. คือพ่อ และอาของภรรยาของเขาเอง??? .. ปริศนาหลายอย่างชวนให้เบคค้นหา ซ้ำอีเมล์ก็ย้ำกับเขาตลอดเวลาว่า .. “ มีคนจับตาดูอยู่ ..ระวัง ..และอย่าบอกใคร!!! ..“

อย่างที่รู้กัน คือ หนังสือแนวนี้ส่วนใหญ่จะโชว์ประเด็นปริศนาเดียว แล้วดึงผู้อ่านให้เข้าไปในวังวนของการค้นหา และอยากรู้ วิ่งไล่ออกติดตามขบคิดไปจนถึงหน้าสุดท้าย ..แต่ถ้าใครที่อ่านแนวนี้มามากพอสมควร .. การเดินเรื่องแบบใช้ปมเดียว จึงทำให้รสชาติค่อนข้างจืด .. จนดูเกือบจะไร้รสชาติตอนกลาง หรือค่อนเรื่อง ..บางทีก็ตั้งแต่ต้นเรื่องไม่กี่หน้าของบทที่ 2 หรือ 3ด้วยซ้ำ เพราะ ..คนอ่านประเภทนี้จะเดาได้แล้วด้วยประสบการณ์ที่คลี่คลายปมเรื่องมาอย่างช่ำชองนั่นเอง .. แต่นั่นอาจใช้ไม่ได้กับ “ อย่าบอกใคร “

เพราะเรื่องนี้โชว์การเดินเรื่องจับเอาประเด็นที่ ผูกต่อเนื่องจาก 1 เป็น 2 เป็น 3 .. 4 .. เป็น 5หลายปมที่โยงใยพาให้คนอ่านฉงนสงสัยไปเรื่อยๆ .. แม้จะเกือบๆ บทสุดท้าย .. ยังสงสัยว่าจะจบเล่มอยู่แล้ว .. คนแต่งจะแก้ปัญหาคลายปมที่ผูกๆ มายังไงนะ ..แต่ก็ต้องยอมรับว่า โคเบนทำได้ และสรุปทุกอย่างแบบ สั้น กระชับ และชัดเจนในแค่หน้าเดียว ... ..อ่านแล้วยังอดทึ่งไม่ได้ ..เป็นการคลายเกลียวที่ชอบมาก เพราะไม่เอื่อยเฉื่อย และตรงไปตรงมา .. แบบกระตุกปมเดียว คลายหมดทุกจุด ...

แต่ตรงสุดยอดของจริงที่ทำเอาอึ้งปนทึ่งจัดจริงๆ คงเป็นย่อหน้าสุดท้าย ..ของบทส่งท้ายที่ทำเอาอ่านไป อึ้งไป เหมือนโดนหมัดฮุกขวาตรงหน้า .. หลังหลงเข้าใจว่า ระฆังหมดยกไปแล้ว อะไรอย่างนั้น ^^ ..


คม เฉียบ แถมตื่นเต้นเกินคาด ต้องขอบอกว่า นั่นแหละ “ อย่าบอกใคร “ .. ถ้าอยากรู้ว่าไอ้หมัดน็อคที่ว่ามันเป็นยังไง?? อันนี้ต้องไปหามาลองอ่านกันค่ะ ^^


---------------------- *** The End of Suggest *** ---------------------
__ Yuuraya & Peachii ___
Edit Writing : 20/05/2005 – 26/06/2005






 

Create Date : 13 ธันวาคม 2549    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2550 20:39:32 น.
Counter : 203 Pageviews.  

@@ The Sculptress -- ใครฆ่า



++ The Sculptress -- ใครฆ่า -- ++


อย่างที่บอกว่างานสัปดาห์หนังสือปี 2548 นี้หอบหิ้วเอาหนังสือแนวลึกลับ สืบสวนสอบสวน
และฆาตกรรมซ่อนเงื่อนกลับมาหลายเล่ม.. แน่นอนค่ะ รหัสลับดาวินชี คือเล่มแรกที่หยิบ
ขึ้นมาอ่าน แต่อ่านไปได้ครึ่งเล่ม ก็ถูกฉกชิงวิ่งยึด ..555 .. จากเจ้าน้องชายตัวดี เพราะความอืด
ในการอ่านของเราเอง -- --^ หลังจากทำสนธิสัญญา มองหน้ากันตอนจะเลือกหยิบหนังสือ
เล่มแรกของเทศกาลเสียทุนทรัพย์ครั้งนี้ ... จากกองงานฝีมือห่อปกประจำปีของข้าพเจ้าเอง ..^^
ว่า “ รหัสลับ “ อันดับหนึ่งของข้าพเจ้า .. เจ้าน้องเราผู้มิได้ถูกริดรอนแม้เศษสลึง .. ก็จะยอมอ่าน
“ เทวา “ แทนก่อน ( ตอนหยิบ ..หมอทำหน้าแบบจำใจมาก น่าอัดสักตุ๊บ .. สักตั๊บ ..>,< .. )
อ่านจบแล้วค่อยมาแลกกัน ...

แต่ด้วยความที่มีเวลาอ่านแค่ช่วงเดินทางตอนเช้าวันละประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ส่วนตอนเย็นนั้น
มันมืดจนมองไม่เห็น “ เทวา “ ก็เลยแซง “ รหัส “ กันชนิดไม่เห็นฝุ่น ..ง่า ..+o+ สุดท้าย
ก็เอาล่ะอ่านไปครึ่งเล่มก็ครึ่งเล่ม .. ตามกติกา .. จบก่อน ก็เลยให้เจ้าน้องชายไปอ่านก่อน ..
” ใครฆ่า “ เลยขึ้นแท่นมาเป็นหนังสือเล่มแรกที่อ่านจบของปีนี้ ..^^

อ้าว ..แค่ประวัติการหยิบมาอ่านก็ปาไป 2 ย่อ หน้าแล้วหรือนี่ ..555 .. อย่ากระนั้นเลย ..
มาดูกันที่เนื้อหาของหนังสือกันดีกว่า ..

เรื่องนี้ต้องขอบอกว่าเปิดอ่านแล้วก็บังเกิดอาการ “ วาง .. ไม่ลง “ ติดมาจาคำนิยมของปกหลัง
เหมือนที่เขาว่าไว้จริงๆ ด้วย ...555 .. แล้วก็ต้องยอมรับแบบเต็มปากเต็มคำเลยว่า สนุก ..
มาก ..กกก ..เกินความคาดหมายแต่แรก ..

ที่ว่าสนุก .. และเกินความคาดหมาย ก็เพราะอ่านไป .. ลุ้นไปจนเกือบๆ จะหน้าสุดท้ายโน้นแน่ะ
ถึงจะเริ่มเข้าใจ .. และเดาออกได้ .. สิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆ ก็คือ “ หัวใจ “ ของเรื่อง ..
ประเด็นหลักของคนแต่งที่คำนำของ สนพ. ก็บอกกันอยู่โต้งๆ เลยว่า .. คนเรามักจะตีราคาคนอื่น
จากสิ่งภายนอกที่เราเห็น .. มาเป็นอันดับแรก และมาก่อนที่จะเอ่ยปากพูดอะไรกับเขาด้วยซ้ำ
…
ซึ่งมันก็จริง?? .. ชอบแนวคิดนี้มาก .. เพราะอ่านแล้วทำให้สะดุดใจ จนต้องหันมานั่งถามตัวเองว่า
เราเองเล่า .. ลืมตัวเป็นแบบนั้นไปบ้างรึเปล่า??เพราะดูเหมือนความจริงนี้ได้กลายเป็นประเด็น
ธรรมดาๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในปมปัญหาเริ่มต้นมากมาย ที่หลายๆ คนมองข้ามไปแล้ว ..!!

เริ่มเรื่องเปิดฉากมาที่ การถูกพิจารณาคดีฆาตกรรมแม่และน้องสาวของ โอลีฟ ซึ่งถือว่าเป็นคดี
สะเทือนขวัญมากๆ เพราะจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ทั้ง 2 ถูกฆ่าหั่นศพออกเป็นชิ้นๆ
ในขณะที่ยัง ไม่สิ้นใจดีด้วยซ้ำ .. โดยใช้มีดแทงก่อน 40 กว่าแผล ก่อนจะหั่นออกเป็นชิ้นๆ ..
ซึ่งโอลีฟก็ยอมรับสารภาพว่าเธอเป็นคนลงมือฆ่าเอง ... โทรไปแจ้งตำรวจเอง .. และนั่ง
จมกองเลือดอยู่ในบ้านรอการจับกุม และรับสารภาพ ..


ด้วยรูปร่างที่อ้วนหนาเทอะทะ ในหน้ากลม คอเป็นลอนคลื่น ดูรวมๆ แล้ว ช่างเป็น
ฆาตรกรอัปลักษณ์ที่จิตใจโหดเหี้ยมน่าห่างไกล .. ข่าวการฆาตกรรมทำให้เธอกลาย
เป็นที่รังเกียจชิงชังของสังคม และถูกตีตราว่าเป็นคนบาป .. ไม่ได้รับการเหลียวแล
แม้จากพ่อของตัวเอง ..ที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุ จนกระทั่งตายในอีกไม่กี่ปีต่อมา
ทำไมเขาถึงยังใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่เมียและลูกถูกฆ่าตาย?? ไม่มีใครรู้ .. ???

โอลีฟเองก็เช่นกัน .. เธอเป็นฆาตกรที่จิตแพทย์หลายต่อหลายคนลงความเห็นว่า .. เธอเป็น
คนปกติ ไม่ได้มีอาการทางจิตแต่อย่างใด??? ที่น่าแปลกใจก็คือ เธอร้องขอต่อศาลให้ทดสอบ
อาการทางจิตของเธอและเต็มใจที่จะอยู่ในคุกตลอดชีวิต มากกว่าจะโดนย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาล
ทางจิต ซึ่ง ถ้าแพทย์ตีความว่าหายดี เธอก็สามารถออกมาใช้ชีวิตในสังคมได้ .. แต่เธอไม่ทำ ..
ทำไม?? .. ...

ตั้งแต่เกิดเรื่อง พ่อของโอลีฟไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลย เขาหาทนายมาให้ แต่ไม่เคยมาฟัง
การพิจารณาคดี ไม่เคยมาเยี่ยมโอลีฟ ไม่มีการติดต่อมา กลับไปหมกตัวอยู่ในบ้านหลังเก่าจน
ตายในที่สุด ทิ้งเอาไว้แต่พินัยกรรม .. ที่ให้กับลูกชายของน้องสาวโอลีฟ??? น้องสาวของเธอมีลูก
ตั้งแต่เมื่อไหร่?? ทำไมไม่มีใครพูดถึงมาก่อน??? .. ปริศนาหลายอย่างเริ่มเปิดออกมาทีละน้อย ..
และค่อยๆ กระจ่างชัดเจนขึ้นมาใหม่ด้วยการตามหาความจริงของ รอส ...

รอส .. เป็นนักเขียนที่มีปัญหากับชีวิตครอบครัวเป็นบาดแผลร้าวลึก สิ่งนั้นมีผลกระทบกับ
อาชีพนักเขียนมีชื่อของเธอ เพราะมันกัดกินกร่อนทำลายใจให้จมอยู่กับความหลังจนไม่กล้าที่จะก้าว
เดินต่อไป ... แต่สังคม ไม่ได้รับรู้ความเจ็บปวดนั้น สำนักพิมพ์ยังต้องกินต้องใช้ รอสจึงถูกบีบจาก
สำนักพิมพ์ให้จับปากกาปลุกกระแสเรื่องของโอลีฟ .. หลังการพิจารณาคดีผ่านมาถึง 5 ปีแล้ว ...
จุดเริ่มต้นของการค้นหาความจริงที่ถูซ่อนอยู่จึงเริ่มต้นขึ้น .. โอลีฟ ปิดปากเงียบ??? ทั้งๆ ที่โอกาส
ความเป็นอิสระกลับมาอีกครั้ง ??? รอส .. จึงต้องเผชิญหน้ากับการสาวเอาความหลังขึ้นมาเองที่
ยิ่งค้นหา ยิ่งขัดแย้ง ... ยิ่งลงลึก ยิ่งเลือนลาง ... ยิ่งถอยหลังห่าง ยิ่งเข้าใจ .. ยิ่งกระพริบตาใหม่
ยิ่งเห็นในสิ่งที่แตกต่าง .. ยิ่งคลำทาง ก็ยิ่งประหลาดใจ ... กับตัวตนของ โอลีฟ ...และนั่นคือที่มา
ของ เรื่อง “ ใครฆ่า “ ..

มันเป็นเรื่องยากที่จะหาความยุติธรรมในใจของคนเราทุกวันนี้ เพราะทุกคนต่างเร่งรีบ
และอ้างว่าไม่มีเวลา เราจึงเลือกที่จะตัดสินคนที่ผ่านเข้ามาอยู่เบื้องหน้าเราด้วยสายตา .. ไม่ใช่
หัวใจ .. โดยหารู้ไม่ว่า “ อคติ “ ที่ก่อเกิดขึ้นง่ายๆ อย่างไม่รู้ตัวนี้ ... อาจทำให้เรากลายเป็น ..
“ ฆาตรกร .. ที่ฆ่าคนได้โดยไม่ผิดกฎหมาย “ .. โดยใช้กระแสสังคมเป็นเครื่องมือ ...
เพราะฉะนั้นทุกครั้ง ..ที่เราจะตราหน้าใครว่าคือ ฆาตรกร .. สำรวจตัวเองว่า
ใช่จริงแล้วหรือไม่ ??? เพราะมือที่ เปื้อนเลือดที่แท้จริง .. อาจจะเป็นตัวคุณเอง ..
ถ้าเขาบริสุทธิ์ จงตระหนักไว้เถิดว่า คุณเป็น 1 ในกระแสสังคมที่ลงมีดฆ่าชีวิตเขาไปเรียบร้อยแล้ว ...

อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงเรื่อง “ คำพิพากษา “ ของคุณ ชาติ กอบจิตติ ... ที่อ่านแล้วทำให้
ซึมซาบความจริงอันน่าสลดใจจากคำพิพากษาของสังคมที่มีต่อ ไอ้ฟัก .. สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้ก็คือ
ที่ไหนสังคมใดก็ไม่ต่างกัน?? ..

อย่าให้ความเข้าใจผิด .. เข้ามายืมมือของคุณปลิดชีวิตคนอื่น ก่อนจะได้พูด ได้ถาม ได้เอ่ยอ้าง
หาความจริง .. อย่าใช้เพียงสายตาในการตัดสินค่าของคนอื่น .. ยังมีอณูเล็กๆ และรายละเอียด
มากมายที่คุณต้องใช้ใจ และประสาทสัมผัสมากมาย .. ถึงจะมองเห็นมันได้ .. นั่นล่ะ .. ใช่ ..
“ ความจริง!!! “ ..

__ Yuuraya & Peachii __
26/04/2005 – 04/05/2005


************************


ช่วงนี้วุ่นๆ กับการปรับเปลี่ยนเวบที่หน้าบ้านตัวเอง หนังสือเล่มต่อไปเลยรอค้างเติ่งไม่ได้เข็น
ออกมาสักที เลยขอเอาหนังสือแนวโปรดเล่มโดนใจของปีที่แล้วมาอัฟขัดตาทัพกันไปก่อนนะคะ
เล่มนี้ค่อนข้างดัง อาจมีหลายคนได้อ่านแล้ว ยังไงเข้ามาแจมความคิดเห็นกันได้นะคะ แบบว่าเวลา
ได้คุยกับคนคอเดียวกัน เรื่องเดียวกันมันรู้สึกมันส์อย่าบอกใคร ..555

อีกเรื่องคือ Tell No one ที่ติดใจขึ้นอันดับของปีที่แล้วเหมือนกัน ถ้า “ไล่ตงจิ้น” ยังขึ้นแท่นไม่ทัน
คงได้เอามาขัดตาทัพอีกหน ..อิอิ ^^

__Yuuraya & Peachii__
08/11/2006





 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2550 20:40:34 น.
Counter : 423 Pageviews.  

@@ Rashomon -- ราโชมอน



ราโชมอน – Rashomon


“ราโชมอน” จำได้ว่าชื่อนี้ติดหูมาจากข่าวการแสดงละครเวทีหนหนึ่งซึ่งเลือนลางนาน
พอควรแล้ว และที่ทำให้ติดอกติดใจถึงมาดหมายว่าวันหนึ่งต้องหาเรื่องราวมาอ่านให้จงได้
ก็คงเป็นเรื่องโปรยหัวยั่วน้ำลายให้อยากไปดูละครตอนนั้น

“ เหตุเกิดเมื่อซามูไรคนหนึ่งเดินทางกับเมียมากลางป่า แล้วเจอโจรนายหนึ่งระหว่างทาง
หลังจากนั้น ก็มีคนพบศพซามูไร ทำให้เกิดมีการสอบสวนหาคนผิดกันเกิดขึ้น เรื่องราวก็คงดูธรรมดา

ถ้า .. ทั้งโจร .. เมียซามูไร และ ซามูไรในร่างคนทรง ต่างจะไม่ให้การว่าตนเองเป็นคน
ลงมือฆ่า ??? “


โจร ... มีแรงจูงใจอย่างไรให้ฆ่า???

เมียซามูไร ... ทำไมถึงสารภาพว่านางเป็นคนลงมือ???

แล้ว ซามูไร ในร่างคนทรงเล่า ... เหตุใดถึงให้การว่าเป็นคนปักดาบลงบนอกของตนเอง??

เงื่อนงำที่น่าค้นหาเหล่านี้น่าทึ่งขึ้นเมื่อ 1 ฉาก บรรยายภาพออกมาได้ถึง 3 เหตุการณ์
3 เหตุผล .. 3 มุมมอง .. และ 3 คำให้การ อ่านไปแล้วให้นึกถึงหนังเรื่อง ฮีโร่ ขึ้นมาอีกครั้ง ..

แม้ราโชมอนของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เล่มนี้จะเล่าเรื่องราวออกมาในรูปบทละคร
ซึ่งอาจจะทำให้คนที่เคยชินอ่านบทบรรยายในรูปบทความหรือย่อหน้า สะดุดตาสะดุดใจกับ
ฉากบรรยายในวงเล็บไปบ้าง แต่อรรถรสของเนื้อถ้อยกระทงความก็ยังอยู่ครบ และถ้าลอง
นึกภาพตามฉากท่าทางต่างๆ ที่ให้มาดีๆ แล้ว ก็จะเสมือนหนึ่งว่าได้ดูละครเรื่องหนึ่งตรงหน้าเลยทีเดียว

นอกจาก 1 ฉาก 3 เหตุการณ์ จากในเรื่องแล้ว แก่นที่แท้จริงของเรื่องยังทำให้อดทึ่ง
อีกครั้งไม่ได้ ที่เขาว่า “ จิตใจคนนั้น .. ยากแท้หยั่งถึง “ นั้นคงไม่เกินไปเลย ต่างคนต่างมีเหตุ
และต่างคนต่างมีผลแห่งการกระทำนั้นๆ และแม้ความจริงจะถูกปกปิด หรือเก็บซ่อนไว้ไม่ว่า
จากใคร หรือเนิ่นนานเพียงใด แต่ความจริงที่แท้นั้น ก็จะยังคงอยู่ และกัดกร่อนในใจของผู้
เก็บงำอยู่ทุกๆ เวลานาที กัดเซาะทีละเล็กละน้อย จนหัวใจไม่อาจต้านทานให้ปรากฏออกมาได้ ...

อีกสิ่งที่ทำให้ทึ่งเป็นหนที่ 3 ปิดท้ายก็คือ .. คนเฉลยความจริงนั้นแล .. ต้องขอบอกว่า
ทึ่งกับการหักมุมให้จบ และสรุปบทสุดท้ายได้ถึงแก่นจริงๆ ^^


---------------------- *** The End of Review *** ---------------------
__ ยูรญา & Peachii __




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2549    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2550 20:41:53 น.
Counter : 182 Pageviews.  


Peachii
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










ผลงานทุกชิ้นในบล๊อคนี้
" สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดย Peachii - พีชร์ชิอิ "

-------------------
--------------------------
Friends' blogs
[Add Peachii's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.