|
9 มิถุนายน พ.ศ. 2489
ใกล้จะเหมือน 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เข้าไปทุกที
(ข้อความจาก WiKiPedia) เขียนคืนก่อนวันนองเลือด 10 เม.ย. 52 (ขอให้ผมคิดผิดเถิด)
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เสด็จสวรรคต รัฐบาลนายปรีดีที่เพิ่งชนะเลือกตั้งหลังการประกาศใช้ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ได้ขอความเห็นชอบต่อสภาฯ ว่า ผู้ที่จะขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ควรได้แก่สมเด็จพระอนุชา เมื่อสภามีมติเห็นชอบแล้ว ปรีดีก็ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ทั้งที่เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ก่อนการสวรรคต 1 วัน ด้วยเหตุผลว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงแต่งตั้งตนเป็นนายกรัฐมนตรีได้สวรรคตเสียแล้ว แต่หลังจากนั้นสภาผู้แทนราษฎรก็สนับสนุนให้ปรีดี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่ 3
กรณีสวรรคต รัชกาลที่ 8 ถูกศัตรูทางการเมืองของปรีดี ซึ่งเชื่อกันว่าประกอบด้วยกลุ่มทหารที่สูญเสียอำนาจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน นำมาใช้ทำลายปรีดีทางการเมือง โดยการกระจายข่าวไปตามหนังสือพิมพ์ ร้านกาแฟ และสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งส่งคนไปตะโกนในศาลาเฉลิมกรุงว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง" ซึ่งเป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก กลายเป็นกระแสข่าวลือ และนำไปสู่การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของปรีดีในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2489 โดยหลังจากนั้น หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนายปรีดี ให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
ต่อมาในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 คณะรัฐประหาร ซึ่งใกล้ชิด จอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกอบด้วย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ พ.อ.กาจ กาจสงคราม พ.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ พ.อ.สฤษดิ์ ธนะรัชต์ พ.อ.ถนอม กิตติขจร พ.ท.ประภาส จารุเสถียร และ ร.อ.สมบูรณ์ (ชาติชาย) ชุณหะวัณ ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ จากรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ หลังจากยึดอำนาจสำเร็จ คณะรัฐประหารพยายามจะจับกุมตัวปรีดีกับครอบครัว แต่ปรีดีทราบข่าวก่อนเพียงไม่กี่นาที จึงหนีทัน และได้ลี้ภัยการเมือง ไปยังประเทศสิงคโปร์ สองปีถัดมา ก็ลี้ภัยต่อไปอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างนั้นรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ ที่ได้รับแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร ก็ถูกรัฐประหารซ้ำโดยคณะรัฐประหารกลุ่มเดิม และ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งโดยต่อเนื่องเป็นเวลา 9 ปีเศษ
ข้างบนนี้ เป็นประวัติบางส่วนของท่านรัฐบุรุษ ปรีดี พนมยงค์ ที่ต้องลี้ภัยการเมือง จาก "กรณีสวรรณคต" ซึ่งยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ในขณะนี้
สิ่งที่น่ากลัว ก็คือ นี่ถือเป็น "ไม้ตาย" เพื่อให้ได้อำนาจการปกครอง ไม่จำเป็นต้องสนวิธีการ เพราะไม่มีใครหน้าไหนจะสู้ท่านปรีดีได้สักคนเดียว
ภายหลังจากเหตุการณ์ ฝ่ายทหารได้กุมอำนาจ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาจนทุกวันนี้
แม้ว่าในภายหลัง จะมีการพยายามทำรัฐประหาร ครั้งกบฏวังหลวง โดยมี ท.ร. เข้าช่วย แต่ก็ไม่สำเร็จ นั่นถือเป็นการสิ้นสุดอำนาจของนักการเมืองสายปรีดี อย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งทำให้ทัพเรือโดนบอนไซ มาถึงทุกวันนี้
จากกรณี สวรรณคต เป็นจุดเริ่มต้นทำให้พรรคการเมือง พรรคหนึ่งในที่นั่งในสภา และเป็นพรรคเก่าแก่มาจนทุกวันนี้
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นผู้กระทำ/บงการ แต่เหตุการณ์วันที่ 9 มิถุนา มีผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ ก็คือพรรคการเมือง "ใหม่" ในขณะนั้น ได้มีบทบาทในสภา ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ พรรครัฐบาลซึ่งภายหลังเลือกตั้งก่อนหน้านั้นมีเสียงข้างน้อยในสภา พรรค"ประชาธิปัตย์"
โอมี
Create Date : 09 เมษายน 2552 |
Last Update : 10 เมษายน 2552 23:01:40 น. |
|
2 comments
|
Counter : 860 Pageviews. |
|
|
|
โดย: คนไทย IP: 114.128.58.128 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:0:35:56 น. |
|
|
|
โดย: พลังเงียบ IP: 203.156.92.35 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:14:07:46 น. |
|
|
|
| |
|
|