แก้จมูกจากปั้นๆ มาเป็นซิลิโคนแท่ง
พอดีเราได้ตั้งกระทู้ไว้แชร์ประสบการณ์แล้วคะ เผื่อใครกำลังคิดจะตัดสินใจศัลยกรรม เราก็อยากยกตัวอย่างเรื่องของเราไว้ให้ฟังๆกันๆ สงสัยอะไรก็ถามกันได้นะคะ



ที่มาแชร์ประสบการณ์โดยตรงกับตัวเราเอง เราไม่ได้มีเจตนาให้ทุกคนนิยมในศัลยกรรมนะคะ เล่าไว้เพื่อเป็นอุธาหรณ์ สอนใจ ก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไปนะคะ

ขอเริ่มเรื่องกันก่อนนะคะ พอดีว่าเป็นคนค่อนข้างอวบ
เคยมีคนตราหน้าว่า อ้วนแถมแต่งตัวก็ไม่เป็น แต่งตัวอะไรเชยมากๆ หน้าตาก็ตี่ ดั้งก็ไม่มี ตูดก็บ๊ะมาก นี้ทำให้เราฝังใจมาแต่ไหนแต่ไร
"ใช่สิ ก็คนที่พูดผอมยังกะไม้เสียบผีนิ ใส่อะไรก็สวย ดูดีตามแฟชั่น"

ตอนก่อนเราถ่ายรูปเราอายมากๆ อ้วนตาตี่ตามประสาคนจีน
ยาลดความอ้วนนะเหรอ เราเคยลองมาหมดแล้ว ตอนเรียนมหาวิทยาลัย
แต่ขอบอก อ้วนกว่าเดิมคะ เพียบคะ ไขมัน เซลล์ลูไลท์ มาเพียบคะ

บังเอิญว่าอยากสวยคะ อยากเสริมจมูก จำได้คะ สมัยเรียนปี 3 ด้วยความที่
หนังสือเล่มนึง เป็นนิตยสาร แฟชั่นสวยๆ มีของทันสมัย คลีนิคนี้ได้ลงโฆษณา สวยโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยความซื่อคะ อยากสวย เก็บเงิน
ดิ่งให้เพื่อนสาว พาไปเลยคะ ขึ้นเตียงให้หมอจิ้มๆๆ เค้าบอก เป็นศัลยกรรมแบบใหม่ ใช้ปืนยิง แล้วปั้นทรงได้ตามชอบ แล้วก็ปั้นๆ ตอนทำจำได้แม่น มีคนมารุมดู 3-4 ประมาณ คุณหญิง คุณนาย บอกสวยคะๆ เราก็เออนะ คิดอย่างเดียว ว่าอยากสวย ต้องสวยเท่านั้น ฟังดูง่ายนะคะ เดินออกมาดั้งโด่งทันใจ
ประคบเย็นอู๊ยดูแลอย่างดี กะสวย สวยได้ 5 ปีคะ จากนั้นมีข่าวโด่งดังที่คลีนิคนี้ ขออนุญาตไม่เอ่ย ชื่อคลีนิคนะคะ ประกอบกับเราก็คันตรงปลายจมูก นึกในใจ แถมเป็นรอยแดงๆ ตรงปลายอีก จมูก ฉัน!!!! จะทะลุออก มาไหมอ่ะ ซวยแล้วสิ ทำไงได้
ตาลี้ตาลาน ประสาทเสียคะ หาที่เอาออก กลัวหนังหน้าเน่า พระเจ้าทรงโปรด แม่เจ้า !!!! เพื่อนแสนดี เคยไปเสริมกับคุณหมอนี้มา เราเลยรีบดิ่งไป
ปรึกษาคุณหมอโดยด่วน คุณหมอใจดี รับขูดออกให้ แล้วสามารถเสริมให้ทันที ในใจ ยังหวังสวยอยู่.......


มาต่อกันเลยคะ เราได้ไปรอคิวคุณหมอท่านนี้ แค่รอปรึกษานะคะ นานมากๆ พยาบาลที่นี้โหดมากคะ ดุด้วย จนเราต้องไปบอกว่า คือว่าพี่คะ หนูอ่ะมาไกล มาจากต่างจังหวัด ขอเข้าพบแปบหนึ่งได้ไหมคะ คุณพยาบาลวัยกลางคน จึงได้หันมองหน้าเรา แล้วพูดว่า "อืม เดี๋ยวบอกหมอให้"
น้านแหละคะ ดิฉันจึงได้เข้าพบหมอ รอคุณหมอเกือบครึ่งวัน ได้คุณกับคุณหมอ 5 นาที เล่าย้อนอดีตให้คุณหมอฟัง ว่าได้ทำการปั้นจมูกมาจากที่นี้ ๆ เป็นระยะเวลา 5 ปี คุณบอกว่า ที่คลีนิคนั้นโฆษณาอ่ะ มันก็เป็นซิลิโคนเหลวดีๆ นี้แหละครับ อ้างว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ ทางการแพทย์ ซิลิโคนแท่งดีที่สุด
ทำไปแล้ว สามารถแก้ไขได้ง่าย อันนี้คุณหมอบอกมานะคะ เราก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย เพราะเราก็พลาดไปแล้ว ฮือๆๆๆๆๆ

เราได้ถามคุณหมอว่าแล้วสามารถเอาออกได้ 100 % ไหม คุณหมอยังไม่รับปาก แต่พยายามเอาออกให้ได้มากที่สุดต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะว่าซิลิโคนที่แทรกซึมอยู่กะเรามา 5 ปี มันเกาะติดกับผิวหนังไปแล้ว ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก แต่คุณหมอสามารถเสริมให้ได้เลย
โดยทำการขูดของเก่าออกแล้วยัดแท่งใหม่ใส่ให้เราคะ

เราเลยนัดคิวคุณหมออีก 1เดือนถัดมา

อ่ะมาต่อกัน 1 เดือน ผ่านไป 1 สัปดาห์ก่อนถึงวันนัด ลางาน ความซวยบังเกิดอย่างแรงคะ
ดันมาเป็นอิสุกอิใส เพียบคะ ขึ้นเพียบ ก่อนหน้าที่จะเป็นตุ่มอิสุกอิใสขึ้น
เราก็รู้สึกปวดเนื้อปวดตัว นึกว่าจะเป็นไข้ เพราะเราเป็นคนออกกำลังกาย และแข็งแรง
รู้สึกว่าร่างกายไม่ปกติ เราเลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด
โดยใช้สิทธิ์ประกันสังคมคะ พอเราเข้าพอหมอ คุณหมออ้วนๆ หน้าตาตี๋ๆ
เราก็เล่าให้ฟังว่าเรามีอาการ คั่นเนื้อคั่นตัว เหมือนจะเป็นไข้ ขอให้คุณหมอเช็คให้หน่อยคะ เพราะเราออกกำลังกายประจำ เราคิดว่าร่างกายเราผิดปกติ
หมอบอกว่า " นี้ คุณคิดมากไปเองเปล่า ไข้ก็ไม่มี ไม่เป็นอะไรหรอก สงสัยคุณเป็นโรคเครียดมั้ง เครียดลงกระเพาะแล้ว เอาๆๆ เอายาแก้เครียดไปกิน"

หมอเขียนใบสั่งยา แบบ ยุกๆยิก ตามประสา ลายมือแพทย์ ซึ่งเราไม่สามารถเข้าใจได้

ดิฉันทำหน้าแบบงงๆ เออ ตรูเป็นโรคเครียดก็โรคเครียดว่ะ

รับยา ออกมาจากโรงพยาบาลแบบ เอ๋อ ๆ

กลับบ้านมา กินพาราเซตามอล แล้วนอน....
รุ่งเช้าตื่นเข้าห้องน้ำ แม่เจ้าโว้ย........10-20 เม็ดบนหน้าตรูเลย
จมูกก็จะเน่า ยังมาซ้ำเติมอีก ก้มหน้าล้างหน้าล้างตา ไปพร้อมน้ำตา
ด้วยอาการเศร้าโศกเสียใจ อย่างรุนแรง อยากไปตื้บคุณหมอเสียนี้กระไร

ดิ่งไปหาคุณหมอที่คิลนิค ที่คิดว่าดีที่สุดในตัวจังหวัด
เป็นจริงดั่งคาด คุณหมอรักษาให้ไม่เหลือรอยอิสุกอีใสเลยสักเม็ด

หลังจากเป็นอิสุกอิใส 1อาทิตย์เต็มๆ ก็ถึงวันนัดกับคุณหมอทำจมูก
บึ่งไปคะ เป็นบ้านนอกเข้ากรุง คุณหมอเห็นหน้า พอยังไม่ทำให้นะครับรอเชื้อนี้หายก่อน อ้าว นัดใหม่คะ อีก 1 เดือนถัดไป..ถึงจะได้คิว สรุปมีมารเป็นอิสุกอิใส มาก่อกวนเลยไม่ได้เอาออกสักที..
พอถึงวันนัด ไปแต่เช้าเลยคะ ตื่นตัว คิวแรกเลยคะ
นึกในใจ เอาว่ะ ไม่สวย ก็ เสียผู้เสียคนไปเลยเรา
ไปถึงก็ หมอก็ถามว่าอยากได้แบบไหนดี
เราก็เลยบอกว่า ยังไงก็ได้คะ ขอแค่ให้แก้ แล้วไม่น่าเกลียด ยังไงก็ได้
แล้วแต่ ตามความเหมาะของคุณหมอเลยคะ
เรามันคนง่ายๆ ยังไงก็ได้
เสร็จแล้วก็ฉีดยาชา หมอก็เหลาซิลิโคน อยู่ข้างๆ เสียงเหมือนเหลาดินสอนะคะ พอยาชาได้ที่ หมอบอกให้เราจับมือพยาบาลไว้ แน่นๆ แล้วเจ็บหน่อยนะ
ยาชาที่ฉีด นี้ก็ฉีดเข้าเส้นเลือดนะคะ น่ากลัวม๊ะ
ตบหน้าตัวเองนี้ยังไม่รู้สึกเลยนะคะ ขอบอก
แล้วหมอก็เอาอุปกรณ์คะ กรีดรูจมูกด้านในก่อน นึกภาพตาม แซะโพลงจมูก
ด้านใน เสร็จแล้วก็เอาอีกตัว เอาเข้าไปขูดเลยคะ เหมือนเราขูดอะไรออกจากขวดเลย ขูดดังกึกๆๆๆๆ แม่เจ้า โค-ตะ-ระ เจ็บมากกกกกกกกกกกกกก
ยัดไปขูดในสุดยันกึ่งกลางหัวตา ตรงโคนดั้งเลย นึกออกกันไหมคะ
น้ำตาไหลรินเป็นทางยาว ขนาดยาชา เรายังรับรู้ได้ถึงความเจ็บขนาดนี้เลย
มันสุดโค่ยมากกกกกกกกกก นึกในใจ หาเรื่องเจ็บตัวทำไมเนี้ย อยู่แบบไม่มีดั้ง เป็นอาหมวยปนลาวก็ดีอยู่แล้ว ไปทำมันทำไม ร้องไห้แบบไม่รู้ตัวคะ
แต่ละครั้งที่ขูดเอาไอ้สาร ที่หมอคนก่อนฉีดให้เข้าไปที่เค้าเรียกว่า ไบโอ เนี้ย ซิลิโคนเหลวดีๆ นี้เอง กว่าจะขูดออก ในความรู้สึกเรา มันนานมาก
แต่ไม่รู้ว่ามันผ่านไปกี่นาที ที่ต้องอดทนแบบน้ำตาไหล ขูดเสร็จ หมอก็ยัดซิลิโคนแท่งกลับไปให้ใหม่ คือเสริมต่อเลย แล้วเย็บคะ เมื่อเรียบร้อย คุณผู้ช่วย ซึ่งเป็นพยาบาล ก็เอาเจ้าตัวที่ขูดออกเนี้ยมาให้เราดู

ใส่กระดาษชิชู่ ใส่มือมาให้เราดู นี้คะ คุณหมอเอาออกเกือบหมดแล้วนะคะ
แม่เจ้า!!!!!! ไอ้ของทีเอาออกมาจากจมูกเรา มันมันยางเอ็นรัดถุงแกง
นึกกันออกไหมคะ เหมือนเอายางเอ็น มาเผาไฟรวมกัน จุดกันเป็นก้อนๆ นะคะ ปนเลือด ติดเนื้อบางส่วนที่มันเกาะเป็นพังผืดกันตาม เป็นก้อนๆ
น่ากลัวมากกกกกกก มากถึงมากที่สุด...


หลังจากทำเสร็จแล้วใช่ไหมคะ คุณหมอก็แปะพลาสเตอร์คะ แปะ แบบว่าคาดทั้งจมูก ไปไหนมาไหนไม่ได้เลยคะ ครบ 5 วันคะ ถึงจะสามารถเอาออกได้ ช่วงนี้ก็รักษาตัว เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แต่ในบ้าน พอครบ 5 วัน
เอาพลาสเตอร์ออก มีรอยเขียวอยู่นิดเดียวตรงกลางดั้ง โชดดีมากที่ไม่เขียวแบบใต้ตาเหมือนคนอื่นๆ ที่ทำมาใหม่ๆ รอยตรงกลางดั้งอยู่นานมากคะ ประมาณ 15 วันได้ กว่าจะหายเป็นปกติ คราวนี้พอ 5 วันเอาพลาสเตอร์ออก
ก็ไปทำงานเลยคะ แล้วงานที่เราทำก็ต้องพบปะผู้คนแบบพอสมควร อายมากๆ เพราะว่าไหมที่คุณหมอเย็บไว้ มันแพล่มออกมาเหมือนผู้ชายมีคนจมูก
แถมติดขี้มูกด้วย พยายามแกะขี้มูกออก เจ็บแสนเจ็บ กลัวแผลอักเสบ
ทนไปคะ ลูกค้าถามไปทำอะไรมา บอกแบบฮาๆว่าปลูกขนจมูก แก้อายไปคะ

พอครบ 7 วัน นัดตัดไหม ต้องให้คุณหมอดูแผลก่อนใช้ไหมคะ
ที่นี้ไปให้คุณหมอดู อ่านะ ด้วยความที่เราเบื่อตอนทำจมูกแล้วอยู่เฉยๆ
กระแดะค่ะ ขยันจัด ไปล้างรถ จำไว้เลยนะคะ ใครอย่าเอาอย่างดิฉันเป็น
ตัวอย่างเด็ดขาดผลปรากฎ ว่าจมูกเอียงคะ ต้องอยู่ เฉย ๆ

คุณหมอเชิญขึ้นเตียงเลยคะ แล้วบอกว่าเจ็บนิดหนึ่งนะ
คุณหมอจับดั้งซิลิโคน ของเราเลยค่ะ จับแบบเต็มสองมือ ย้ำนะคะ ว่าเต็มสองมือจับบนดั้ง แล้วขยับดังกึ๊ก ดังกึก จริงๆคะ น้ำตาเล็ดอีกแล้ว
เอากระจกให้ดู อือฮือ มันตรงตามมือหมอจริงๆ แล้วห้ามเราทำอะไรที่เป็นงานหนักอีกแนะว่าให้แผลเข้าที่ก่อน เสร็จแล้วให้ไปตัดไหมคะ
ขอบอกว่าพยาบาลที่ตัดไหมน่ารักมาก ขี้มูกดิฉันเกาะเกอะกรัง
ค่อยเอาสำลี แหย่ๆ เอาออกก่อน แล้วก็ทำการตัดไหมให้
อุ...แม่เจ้า ตอนตัดไหมนี้สุดยอดคะ รูดไหมออกมาโดยที่มันมีขี้มูกติดอยู่
นึกกันออกไหมคะ น้ำตาเล็ดอีกแล้ว 5-6 เข็ม กว่าจะหมด พยาบาลก็บอกว่า
จะหมดแล้วคะ จะหมดแล้ว เรางี้ก็เกร็งจิกปลายเท้าซะ
ปัสสาวะเกือบเล็ดคะ **ขออภัยด้วยหาใช้คำไม่สุภาพ***
เล่าไปตามอารมณ์

หลังจากแผลจมูกเราหายดี เราก็ใช้ชีวิตแบบปกติ แล้วพี่นางคนเดิมที่เคยทักเราว่าอ้วนแต่งตัวไม่เป็น แต่งอะไรก็เชยไปหมด ก็ได้บอกเราว่า ไปทำอีกทำไม จมูกอ่ะ ของเดิมก็ดีอยู่แล้ว หาเรื่องตลอด เราก็เฉยคะ เก็บไว้ในใจ
แหม !!! อย่างหล่อนจะมาเข้าใจอะไรฉัน ฉันมันพลาดไปแล้วนิ
แล้วก็คนรอบข้าง จมูกเก่าก็ดีอยู่แล้วนะ จะไปอีกทำไม ทำมาไม่เห็นจะโด่งเลย ของเก่าโด่งกว่าอีก นี้ทำเหมือนไม่ได้ทำ พูดกันไปต่างๆนาๆ

แต่วันนี้เราภูมิใจคะ เพราะมันเข้าที่เข้าทางแล้วเราก็พอใจแล้ว
เพราะว่าแรกๆ มันดูยังไม่เข้าที่ พอ 1 ปีให้หลัง หลังจากซิลิโคนมันยึดติด
กับเนื้อที่ห่อหุ้มดีแล้ว มันก็รัดให้จมูกดูโด่งขึ้นถือได้ว่า เรายังทำบุญมาดีคะ
ที่ไม่ได้ขี้เหร่ หรือพิการเสียใบหน้าไป บอกตัวเองว่าโชคดีมากๆ.....

เด๋วไว้ว่างๆ มาแปะรุปให้ดูนะคะ



Create Date : 08 ธันวาคม 2554
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 21:56:50 น.
Counter : 1607 Pageviews.

3 comment

สายรุ้งในสายหมอก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]