ความในใจ..
 

วันวาน.. สามนาฬิกา


ลมหนาวพัดกรูเกรียวเข้ามา ณ ทางออกของสถานีรถไฟใต้ดินเวสต์มินสเตอร์

เบื้องหน้าคือหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่โดดเด่น ดูราวกับภาพถ่ายที่มักเคยเห็นอยู่เสมอตามโปสการ์ด



ราวกับความฝัน ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่ใช่ความจริงที่ฉันมาเหยียบยืนอยู่ตรงนี้ ณ วันนี้

เดินขึ้นจากสถานี สูดลมหายใจกลิ่นไอหนาวเข้าปอดลึกๆ มีคนมากมายหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวลอนดอนที่เร่งรีบ

ฉันจ้องมองแสงแดดอ่อนยามบ่ายตรงหน้าที่ทอดทาหอนาฬิการาวกับสีทองที่ฉาบไล้ให้สถาปัตยกรรมนี้โดดเด่น เรืองรองสวยงาม

น้ำตาเอ่อคลอดวงตา ความเศร้าและเหงาประหลาดล้ำเกาะกุมทั่วทุกอณูของหัวใจ

ลม หนาวพัดผ่านลำคอ ทำให้ขนลุกกรูเกรียว ฉันห่อตัวแน่นเข้ากับโอเวอร์โค้ตตัวหนาแล้วรีบเดินจ้ำข้ามสะพานเวสมินเตอร์ มองเห็นรถเข็นขายถั่วคั่วเคลือบชอกโกแล็ต มีควันฉุยลอยละมุนอ้อยอิ่งตามทาง แล้วนึกอยากได้ซักห่อมาซุกไว้ที่อก

เผื่อว่ากายและใจที่หนาวเหน็บจะได้รับไออุ่นขึ้นมาบ้าง

ฉันเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นตามหัวใจที่ร่ำร้อง ภาพเก่าๆ ครั้งอดีตผุดขึ้นในหัว เล่นภาพซ้ำไปซ้ำมาราวกับเครื่องเล่นดีวีดี

วันนั้น.. เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว.. ที่สถานที่เดียวกันนี้

--------------------------------

อากาศในวันนั้น ก็หนาวเหมือนเช่นวันนี้ อาจจะหนาวกว่าเสียด้วยซ้ำ
แต่หัวใจในวันนั้น กลับอบอุ่น ละมุน และวาบหวาม

มือแข็งแกร่งที่เกาะกุมถ่ายทอดความอุ่นจากมือเข้ามาสู่หัวใจ

ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนและนักท่องเที่ยวรอบข้าง

เวลาที่ล้อมรอบเราสองคนกลับดูเนิ่นช้า และอ้อยอิ่ง

ท่ามกลางเสียงรอบข้างที่จอแจ

แต่ระหว่างคนสองคน ที่เดินจูงมือกันเงียบๆ เลียบแม่น้ำเทมส์ กลับสงบเงียบ

แม้ไร้คำพูดใดๆ ได้ยินแต่เสียงย่ำเท้าเป็นจังหวะ และเสียงเต้นของหัวใจสองดวง

แต่ราวกับมีเรื่องราวมากมายในหัวใจ ถ่ายทอดซึ่งกันและกัน

ร่างสูงใหญ่ข้างๆ หยุดยืน.. ฉุดร่างเล็กข้างๆมาแนบตัว พร้อมรวบสองมือเย็นเจี๊ยบมาแนบไว้ีที่อกกว้าง

"ได้ยินเสียงหัวใจพี่ไหม" เสียงนุ่ม ทุ้ม และกังวานที่คุ้นเคยถามชิดที่ข้างหู ลมอุ่นๆ เป่าผ่านใบหูที่เย็นจัดทำให้ฉันรู้สึกจั๊กจี้ และประหม่า

"ลิเก" ฉันตอบเขินๆ พยายามยื้อยุดมือกลับมาไว้ที่ข้างตัว แต่ไม่เป็นผล มือแข็งแกร่งยังคงยึดไว้แนบแน่น

ฉันพยายามซ่อนใบหน้าที่ตอนนั้นร้อนผ่าวไว้อย่างขวยเขิน

ร่างสูงฉวยโอกาสเบี่ยงตัวฉันเข้าไปติดกำแพงกั้นริมตลิ่งของแม่น้ำ ฉันเสมองไปยังแสงสะท้อนแดดยามบ่ายระยิบระยับบนผิวแม่น้ำเทมส์



ช่างเป็นภาพที่สวยงาม

ก่อน ที่จะรู้ตัว ริมฝีปากก็ถูกสัมผัสจากริมฝีปากของคนตรงหน้าอย่างนุ่มนวล บางเบาราวกับขนนก แต่หวานละมุนยิ่งกว่าน้ำผึ้ง และเนิบนาบเชื่องช้าราวกับเวลาทั้งหมดในจักรวาลหยุดลง

ถ้าแม้น้ำเทมส์จะสามารถสะท้อนภาพของฉันในขณะนั้นได้ คาดว่าใบหน้าของฉันคงแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก

ลำแขนแข็งแรงกอดกระชับไม่ยอมปล่อย ริมฝีปากเลื่อนไปคลึงเคล้าที่ใบหู กระซิบเบาๆ อย่างอ้อยอิ่ง

"อีกเจ็ดปีข้างหน้าเรามาที่นี่ด้วยกันอีกนะ.. เราจะจูงมือมาดูแม่น้ำเทมส์และเวสมินเตอร์ด้วยกันอีก พี่สัญญา"

เสียงระฆังจากบิ๊กเบนดังก้องแว่วมาราวกับการตอบรับ ณ เวลา 3 นาฬิกา

"แต่ถึงตอนนั้น..คงไม่ได้มีแค่เราสองคน.." ฉันเงยหน้ามองเขาเป็นคำถาม เขาหลิ่วตา แววตาระยิบระยับ

".. เราคงได้จูงลูกเดินมาด้วยอีกคน"

ฉันทุบไหล่คนข้างตัวแก้เขิน ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง เพราะไม่ว่าจะพูดอย่างไรคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ในขณะที่เขาหัวเราะดังลั่น

------------------

วันนี้.. เจ็ดปีแล้วสินะ

ฉันซอยเท้าวิ่งตัดลงมาจากสะพานเพียงลำพัง

แม้บนสะพานจะแออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คน แต่ทางเดินริมตลิ่งตรงข้ามเวสมินเตอร์ก็มีคนเพียงไม่กี่คนที่จะมาเดินเล่นรับบรรยากาศริมน้ำ

หัวใจของฉันบีบอัด เตรียมรับความผิดหวัง แม้จะเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เสียงระฆังจากบิ๊กเบนดังก้องบอกเวลาแว่วมากระทบ

3 นาฬิกา

ฉันหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง

ณ ที่ตรงนั้น ที่เรายืนกอดเกี่ยวกัน

แสงยังคงสะท้อนผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ เฉกเช่นที่มันสะท้อนกับหยาดน้ำตาในดวงตาฉัน

7 ปีผ่านไป

ไม่มีร่างสูงที่คุ้นเคย

ไม่มีรักระหว่างเรา

ไม่มีความทรงจำสืบสานระหว่างกัน..


ลมหนาวพัดกรูเกรียวมาอีกครั้ง.. ฉันห่อตัวยิ้มให้เวสมินสเตอร์.. ยิ้มให้บิ๊กเบนที่ยังคงโดดเด่นอยู่ตรงหน้า















 

Create Date : 02 เมษายน 2552    
Last Update : 2 เมษายน 2552 16:55:34 น.
Counter : 192 Pageviews.  

 
 

honeytina
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add honeytina's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com