Group Blog
 
All Blogs
 

วิธีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง

การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ต้องใช้ประสบการณ์ และความชำนาญพอสมควร ดังนั้นการตรวจสอบที่จะพูดถึงต่อไปนี้จะเป็นวิธีการตรวจสอบอย่างคร่าวๆ เท่านั้น ลองไปดูกันครับว่ามีอะไรบ้างที่เราควรตรวจสอบครับ

เริ่มกันที่การตรวจสอบ มิเตอร์ไฟฟ้ากับเบรกเกอร์ ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กัน โดยให้สังเกตตัวเลขที่ปรากฏบริเวณมิเตอร์ ถ้าเป็นตัวเลข 15(45)A หมายถึง มิเตอร์ไฟฟ้านั้นเป็นขนาด 15A/45A (ตัวเลข 15 แอมป์ ตัวแรกคือ ค่ากระแสของมิเตอร์ใช้งานปกติ สามารถใช้ต่ำกว่าได้ไม่มีปัญหา ตัวเลข 45 แอมป์ ตัวหลังคือ ค่ากระแสที่มิเตอร์นั้นรับได้สูงสุด ถ้าคุณใช้มากกว่านั้น มิเตอร์จะชำรุดเสียหายหรือไหม้ได้) เบรกเกอร์หลักก็จำเป็นต้องมีขนาดสัมพันธ์กันด้วยคือมีขนาดประมาณไม่เกิน 50A นั่นเอง

ถ้าสมมุติว่าตัวเลขคือ 30(100)A หมายถึง มิเตอร์ไฟฟ้านั้นเป็นขนาด 30A/100A โดยเบรกเกอร์หลักก็ควรมีขนาดไม่เกิน 100A นอกจากนี้ควรมีการแยกเบรกเกอร์ออกเป็นส่วนๆ อย่างเช่น ภายในกับภายนอก หรือ แบ่งตามชั้นของอาคาร ก็จะสามารถทำให้สะดวกสำหรับการตรวจสอบ ซ่อมแซม ปรับปรุงในภายหลัง

อย่างที่สองคือ การตรวจสอบสายไฟ สำหรับสายไฟที่อยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นได้ ให้สังเกตสภาพของสายไฟ ต้องไม่มีรอยชำรุด แตก รอยไหม้ หรือรอยกัดแทะของแมลงหรือหนู หรือสีของสายไฟเปลี่ยนจากสีขาวนวลไปเป็นสีเหลือง สำหรับในส่วนที่มองไม่เห็นอย่างเช่นสายไฟที่ซ่อนอยู่บนฝ้าเพดาน ก็ให้ถามกับเจ้าของบ้านถึงอายุการใช้งานของสายไฟ ซึ่งโดยปกติสายไฟทั่วๆ ไปจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7-8 ปี หากพบว่าสายไฟมีอายุการใช้งานมาแล้ว 5-6 ปี ก็ให้เตรียมพร้อมเปลี่ยนสายไฟใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้หมดอายุก่อน เพราะอาจเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจร หรือเพลิงไหม้ได้

นอกจากนั้นควรตรวจสอบอุณหภูมิของสายไฟ โดยใช้หลังฝ่ามือสัมผัสสายไฟ หากรู้สึกอุ่นหรือร้อนแสดงว่าอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น อาจเนื่องมาจากการใช้ขนาดของสายไฟไม่เหมาะสมกับปริมาณการใช้ไฟฟ้า โดยขนาดของสายไฟควรสัมพันธ์กับขนาดของเบรกเกอร์ที่ติดตั้งอยู่ตามจุดย่อย ต่างๆ ภายในบ้านดังนี้

ขนาดเบรกเกอร์ ขนาดสายไฟ (ตร.มม.)
10-15A 2.5
20A 4.0
30A 6.0
40A 10.0
50A 15.0
60A 25.0
80A 35.0
100A 50.0

อย่างที่สามคือ การตรวจสอบปลั๊กไฟ สำหรับการตรวจสอบปลั๊กไฟให้สังเกตสภาพของปลั๊กไฟว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีรอยแตก รอยไหม้ หากเป็นปลั๊กไฟที่อยู่ในจุดเสี่ยงที่จะมีโอกาสโดนน้ำ อย่างเช่น นอกบ้าน หรือห้องน้ำ ควรมีฝาปิดกันน้ำ เพื่อป้องกันการลัดวงจรของกระแสไฟฟ้า


>>>>>  อ่านบทความต่อ  <<<<<




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2555 8:18:28 น.
Counter : 1416 Pageviews.  

การแก้ไขกระเบื้องปูพื้นและผนังแตกร้าวหรือหลุดร่อน

ปัญหากระเบื้องแตกร้าว และหลุดร่อน
          หลังน้ำลดก็ได้เวลามาทำการตรวจสอบว่ากระเบื้องเสียหายมากน้อยเพียงใด โดยสามารถสังเกตได้จากพื้นผิว ขอบ และร่องยาแนวกระเบื้องว่ามีการขยับตัว มีรอยแตกร้าวหรือหลุดออกจากพื้นหรือไม่อย่างไร


การแก้ไข
1. สกัดพื้นผิวซิเมนต์ตรงจุดที่กระเบื้องหลุดล่อนสกัดให้เท่ากับความหนาของกระเบื้องและความหนาของกาวซิเมนต์ ประมาณ 1.5 เซนติเมตร
2. ทำความสะอาดเศษกาวซิเมนต์ที่สกัดออกมา
3. ผสมกาวซิเมนต์โดยใช้เกรียงใบโพธิ์ตักกาวซิเมนต์ทาบริเวณผิวซิเมนต์ที่สกัดไว้แล้ว
4. นำกระเบื้องที่ลวดลายและสีเดียวกันกับกระเบื้องที่แตกร้าว มาติดบนกาวซิเมนต์ เคาะให้แน่นด้วยด้านเกรียงให้ระดับของกระเบื้องเรียบเท่ากับกระเบื้องเดิม โดยต้องจัดให้ร่องยาแนวกระเบื้องเท่ากันทุกด้าน
5. ขูดกาวซิเมนต์ที่หลงเหลืออยู่ในร่องยาแนวโดยไม้เกรียงหรือไม้ชิ้นเล็กๆ
6. ทิ้งไว้ 12 ชั่วโมง (โดยห้ามเหยียบกระเบื้อง)
7. ผสมยาแนวตามอัตราส่วนผสม (ผสมในแก้วหรือถ้วยพลาสติกที่ใช้แล้ว) ยาแนวด้วยนิ้วโดยกดให้ยาแนวเต็มร่อง ใช้นิ้วปาดยาแนวให้เรียบ เช็ดทำความสะอาดด้วยฟองน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
8. นำฟองน้ำชุปน้ำหมาด ๆ เช็ดให้ร่องยาแนวเรียบอีกครั้งกรณี มีตำหนิ รู หลุม ให้ใช้ยาแนวซ้ำตรงที่เกิดตำหนิแล้วให้ฟองน้ำเช็ดอีกครั้ง หลังจากนั้นอาจเกิดคราบยาแนวหลงเหลือบริเวณผิวหน้าให้ใช้ผ้าแห้งเช็คอีกครั้ง ทิ้งไว้ 12 ชั่วโมง สามารถใช้งานได้ตามปกติ ปัญหา ร่องยาแนวหลุดล่อน


คำแนะนำเพิ่มเติม
          กาวยาแนวคอตโต้ ทนกรด สามารถทนกรดได้กว่ากาวยาแนวทั่วไป 3 เท่า และยังมีประสิทธิภาพในการกันน้ำซึม และป้องกันราดำที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย

>>>>>>  อ่านบทความนี้ต่อไป  <<<<<<




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2555    
Last Update : 29 ตุลาคม 2555 8:11:31 น.
Counter : 1577 Pageviews.  

ปราบผู้รับเหมาให้อยู่หมัด สำหรับผู้ที่ต้องการต่อเติมบ้านหรือสร้างบ้าน

ปราบผู้รับเหมาให้อยู่หมัด สำหรับผู้ที่ต้องการต่อเติมบ้านหรือสร้างบ้าน

เมื่อเวลาผ่านไปบ้านที่เราอยู่ก็ต้องมีการขยับขยาย สร้างใหม่หรือต่อเติมออกไป แต่จะสร้างใหม่หรือต่อเติมใช้ไครดีละ
งบเราก็มีน้อย จะใช้บริษัทก็ไม่ไหว แพงจริงๆ จะใช้ ช่างทั่วไปก็กลัวจะโดนโกง

ทำอย่างไรดี


ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีงบประมาณมากพอที่จะจ้างบริษัท มาต่อเติมหรือสร้างบ้านให้ได้คงจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอะไรเพราะการจ้างบริษัท
มาทำงานให้อย่างไรก็ตามงานเสร็จแน่นอน แต่จะช้าหรือเร็วและใช้วัสดุตรงตามที่ตกลงกันไหม ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
แต่ถ้า
ไม่มีงบประมาณมากพอละจะทำอย่างไรดี คงมีอย่างเดียวคือใช้ผู้รับเหมาทั่วไปนั่นเอง

ผู้รับเหมาทั่วไปเป็นใคร ??

ผู้รับเหมาทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็น คนงานที่ทำงานมาเป็นเวลานานมีความชำนาญบ้าง พออยู่ในวงการมาระดับหนึ่งก็หาลูกน้องออกมารับเหมาเอง
ส่วนคุณภาพและความรับผิดชอบ ไม่สามารถที่จะมองออกได้เลยว่าจะดีแค่ไหน จะทิ้งงานไหม จะเอาเงินเราไปทำอะไรบ้าง อันนี้เป็นเรื่องที่ย่ำแย่ในวงการก่อสร้างไทยจริงๆ

แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกโกง

ทำสัญญา ?!?!
การทำสัญญากับผู้รับเหมาในความเป็นจริงก็ไม่ได้ช่ายให้ผู้รับเหมาเกิดความรับผิดชอบขึ้นมาอะไรมากมายเพราะเค้าพร้อมที่จะฉีกสัญญาได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่จะทำให้รู้ว่าจะด้องบริหารเงินอย่างไรเท่านั้น




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2555    
Last Update : 28 ตุลาคม 2555 7:22:36 น.
Counter : 1473 Pageviews.  

การซ่อมแซมฝ้าเพดานสำหรับบ้านเก่าหรือบ้านมือสอง

หลายท่านคงเคยเข้าไปชมบ้านมือ 2 หรือบ้านประมูล แม้แต่บ้านที่ท่านอยู่อาศัยเอง จะพบ ปัญหาว่าฝ้าชำรุด หมดสภาพ 
ฝ้าภายในบ้าน มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ 
    
    
 ก็คือฝ้าที่มีขนาดแผ่นกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ยาว 60 เซนติเมตร และวางอยู่บนโครงคร่าวอลูมิเนียมเป็นช่อง ๆ สามารถถอดออก หรือ เปลี่ยนได้ในแต่ละช่อง 
    
    
ฝ้าแบบฉาบเรียบ คือ ฝ้าที่มองไปแล้วเรียบเป็นพื้นเดียวกันตลอด และมีโครงคร่าว อลูมิเนียม หรือสังกะสี ยึดอยู่หลังฝ้า ดูแล้วสวยงาม ปัจจุบันบ้านใหม่ ๆ จะใช้เป็นฝ้าฉาบ เรียบกันหมดแล้ว 
เมื่อรู้จักฝ้าประเภทต่าง ๆ แล้ว ก็มาดูว่า จะซ่อมอย่างไร ค่าใช้จ่าย หรือ งบประมาณอยู่ที่เท่า ไร แต่ก่อนที่จะซ่อมปรับปรุง
>>>>>  อ่านบทความต่อ  <<<<<




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2555    
Last Update : 26 ตุลาคม 2555 14:07:53 น.
Counter : 3030 Pageviews.  

เรื่องสำคัญที่ควรรู้ ในการตรวจรับ บ้านและคอนโด

ได้มีผู้รอบรู้หลากหลายคนนะครับที่ได้เขียนวิธีตรวจรับบ้านหรือคอนโดด้วยวิธีต่างๆๆนานา ซึ่งเป็นวิธีที่ดูง่ายบ้างยากบ้างแต่ผมจะแบ่งเป็น 4 ข้อหลักๆในการตรวจรับ ซึ่งเป็นการสังเกตุง่ายๆๆทุกคนสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องไปจ้างผู้รู้ (ไม่รู้จะรู้จริงหรือไม่)มาตรวจแถมเสียเงินเป็นหมื่นๆบาทอีกลองมาดูขอสำคัญหลักๆกันเลยครับ

1. งานพื้นผิว

  • ผิวกระเบื้องพื้นห้องทั่วไป
    • ลองเดินลากเท้าดูว่าพื้นเรียบเสมอกันไหมใช้ความรู้สึกนะครับ เพราะบางตำราใช้ลูกแก้วผมว่ามันดูจะละเอียดไปเพราะงานก่อสร้างไม่ได้ละเอียดขนาดนั้น  และลองใช้เหรียนบาทเคาะที่พื้นดูว่ามีเสียงก้องๆไหมถ้าก้องๆแสดงว่ามีกระเบื้องร่อนให้ทำเครื่องหมายไว้และแจ้งกับเจ้าหน้าที่โครงการ
  • ผิวกระเบื้องห้องน้ำ
    • อันนี้ง่ายๆครับรองน้ำไส่ถังน้ำแล้วเทนะครับถ้าน้ำไหลลงท่อระบายน้ำหมดไม่มีน้ำเป็นแอ่งอยุ่ที่พื้นใช้ได้นะครับ
  • ผิวลามิเนต
    • พื้นลามิเนตเวลาเดินจะต้องไม่ยวบหรือมีเสียงแกร็กๆๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าใช้ไม้ลามิเนตขนาดเท่าไร

2. งานผนังและประตูหน้าต่าง

  • ผนังในห้องคอนโดให้ตรวจในส่วนของ Wallpaper ว่าติดเป็นเช่นไรบ้าง  ในส่วนสำคัญคือ ประตูและหน้าต่าง ให้เชคในส่วนของการเปิดและปิด มาฝืดไหม ความแข็งแรงของลูกบิดว่าแข็งแรงไหม ส่วนหน้าต่างดูเรื่องการเปิดปิดว่าสนิทไหม กลอนล็อกได้ไหม มีรอยน้ำซึมเข้ามาไหม ในส่วนสีที่ทาผนังดูว่าทาแล้วสีขึ้นเสมอกันไหม ถ้าไม่ขึ้นเสมอกันอาจจะเกิดขึ้นเพราะ การเก็บงานแตกร้าวควรให้โครงการทาสีให้ใหม่อีก 1 เที่ยว




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2555    
Last Update : 21 ตุลาคม 2555 22:51:32 น.
Counter : 1589 Pageviews.  

1  2  3  4  

แค่นั้น
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]











Friends' blogs
[Add แค่นั้น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.