เวปของคนเชื่องช้า เมื่อเข้ามาโปรดทำใจ

刑名师爷 สองสิงห์นักสืบ....ฮั่วเีจี้ยนหัว VS อู๋ฉีหลง


สิงหมิงซือเหยีย  (สองสิงห์นักสืบ)  เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ในชื่อเดียวกัน ที่ลงในอินเตอร์เน็ต ได้รับการกล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก มีคนเข้าไปอ่านถึง 60 ล้านครั้ง จัดว่าโด่งดังมาก

   เรื่องสิงหมิงซือเหยีย นี้นำนักแสดงชั้นนำสองคนมาประชันกัน คืออู๋ฉีหลง รับบท ต้วนผิง และฮั่วเจี้ยนหัว รับบท เมิ่งเทียนฉู่  สร้างเป็นซีรี่ส์ ยาว 30 ตอน

 ใครอยากดู เข้าไปดูที่นี่นะคะ   https://www.youtube.com/playlist?list=PLu6DHcGWhAd8-DDKioKEQFMHTtLr55aHN&feature=view_all  


สามตัวละครหลักจากเรื่องนี้ ต้วนผิง(อู๋ฉีหลง)  เซี่ยฟงอี (เหอจั๋วเหยียน)  และเิมิ่งเทียนฉู่ (ฮั่วเจี้ยนหัว)

หนังออกฉายเมื่อปลายปีที่แล้ว  ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมาก  เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการประชันความเก่งกาจของสองพระเอก คือต้วนผิงและเมิ่งเทียนฉู่  ที่แข่งกันทั้งในเรื่องงานและเรื่องความรัก

เข้าโหมดสปอยล์

ต้วนผิงเป็นเป็นเลขานายอำเภอที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วของอำเภอเจิ้นไห่  และเป็นลูกบุญธรรมของเซี่ยอีเตา พ่อค้าใหญ่เมืองนี้  เซี่ยอีเตามีลูกสาวชื่อเซี่ยฟงอี ที่เติบโตมาพร้อมกับต้วนผิง และรักอยู่กับต้วนผิง  เซี่ยอีเตาจึงยกลูกสาวให้แต่งกับต้วนผิง 
วันแต่งงานของต้วนผิงกับเซี่ยฟงอี  ต้วนผิงได้ข่าวมาว่า จอมขโมยชื่อดังเฉินลิ่ว จะแอบเข้ามาในงานเพื่อขโมยของที่ค่าที่สุดในบ้าน   ต้วนผิงจึงวางกำลังพลไว้ในบ้านเพื่อคอยจับเฉินลิ่ว  ปรากฎว่ามีชายหนุ่มแต่งตัวแบบโจรสลัดฝรั่ง แอบปีนเข้ามาในบ้าน เซี่ยฟงอีอยากช่วยต้วนผิงจับตัวจอมโจรเฉินลิ่ว จึงออกจากห้องไปทั้งชุดเจ้าสาว ได้เจอกับชายหนุ่มแต่งตัวเ็ป็นโจรสลัดคนนี้เข้า  หนุ่มคนนี้มัวตะลึงจ้องเซี่ยฟงอี เลยโดนเซี่ยฟงอีเตะจนหมดสติไป  พอฟื้นขึ้นมาก็โดนจับไปสอบสวนเพราะเข้าใจว่าเป็นจอมโจรเฉินลิ่ว แต่พอต้วนผิงเห้นชายหนุ่มคนนี้ และสอบถามไม่กี่คำ ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เฉินลิ่ว จึงปล่อยตัวไป
ชายหนุ่มแต่งตัวพิลึกพิลั่นคนนี้ชื่อเมิ่งเทียนฉู่้  เป็นคนจีนที่โดนโจรสลัดจับตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ๆ และไปเติบโตที่อิตาลีจนกระทั่งโตเป็นหนุ่ม  ตอนนี้เพิ่งเดินทางกลับมาที่ต้าหมิง และที่เดินทางมาบ้านเซี่ยก็เพื่อหาเซี่ยอีเตาที่เป็นน้องร่วมสาบานของบิดา  เซี่ยอีเตาได้พบกับหนุ่มท่าทางพิลึกคนนี้ หลังจากสอบถาม ก็มั่นใจว่านี่คือลูกของเมิ่งเหลียง พี่ร่วมสาบานของตนแน่นอน  ทำให้เซี่ยอีเตาำจำใจต้องบอกยกเลิกงานแต่งงานระหว่างต้วนผิงกับเซี่ยฟงอี  ด้วยเหตุผลว่า เซี่ยฟงอีมีพันธะหมั้นหมายกับเมิ่งเทียนฉู่คนนี้ตั้งแต่ยังแบเบาะ  เซี่ยฟงอีโกรธมาก ประกาศว่าชายคนเดียวที่นางจะยอมแต่งงานด้วยคือต้วนผิงเท่านั้น  

เมิ่งเทียนฉู่แรกเห็นเซี่ยฟงอีก็ตกหลุมรักแล้ว จึงไม่ถือสา  เพราะมั่นใจว่าจะสามารถทำให้เซี่ยฟงอีหันมารักตนเองได้   ยิ่งเห็นเซี่ยฟงอีรักต้วนผิงมากมาย  เมิ่งเทียนฉู่ก็ยิ่งมานะพยายามจะทำตัวให้ทัดเทียมกับต้วนผิงให้จงได้ 

ต่อมาสาวใช้ไปพบศพหญิงสาวสวมชุดแต่งงานนอนตายอยู่บนเตียงในห้องหอ  หญิงสาวที่ตายชื่อเสีี่ยวเหลียน  แต่ว่าแท้จริงหญิงสาวคนนี้เป็นองครักษ์เสื้อแพรที่ได้รับมอบหมายให้มาแอบสืบคดีของเฉินลิ่ว  ทำให้รองหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรเดินทางมาสืบคดีด้วยตนเอง  เมิ่งเทียนฉู่ถูกคนตีหัวจนสลบแล้วยัดมีดเปื้อนเลือดไว้ในมือ เพื่อใส่ร้ายว่าเป็นคนฆ่าเสี่ยวเหลียน  จึงถูกองครักษ์เสื้อแพรจับไปสอบสวน  ต้วนผิงรุ้ดีว่าเมิ่งเทียนฉู่ถูกใส่ร้าย จึงขอเวลาเพื่อสืบดดีนี้  

เมิ่งเทียนฉู่ถูกขังในคุก ไม่ยอมอยู่เฉย จึงหาทางหนีออกไปเพื่อสืบคดีนี้ให้ได้  จึงสวมรอยเป็นศพนักโทษที่ตายในคุก และนัดแนะกับซิงเกอซึ่งเป็นคนสนิท ให้ตามไปขุดเอาตัวขึ้นมา  จากนั้นเทียนฉู่ก็แอบสะกดรอยคนที่ไปเยี่ยมหลุมศพของเสี่ยวเหลียน แล้วสเก็ตช์ภาพใบหน้าคนผู้นั้นเอาไว้  

เมิ่งเทียนฉู่เอาภาพสเก็ตช์จากหลุมศพนั้นไปมอบให้ต้วนผิงเพื่อตามหาคนร้ายจนเจอ  จึงพบว่าเฉินลิ่วเป็นคนงานคนหนึ่งในบ้านตระกูลเซี่ยนั่นเอง  และยังเป็นพ่อแท้ ๆ ของเสี่ยวเหลียนด้วย  จากการสืบสวนอย่างละเอียดของต้วนผิงทำให้ได้เบาะแสว่า เสี่ยวเหลียนกำลังตามสืบคดีของเฉินลิ่ว และมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานองครักษ์เสื้อแพร  เพราะว่าเฉินลิ่วเป็นจอมขโมยที่ปล้นและฆ่าคนมากมาย มีทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปมูลค่ามหาศาล  ต้วนผิงไม่เชื่อว่าเฉินลิ่วจะลงมือได้เพียงลำพัง น่าจะต้องมีคนอื่นร่วมมือด้วยแน่นอน และอาจเป็นคนของทางการก็เป็นได้ เฉินลิ่วไม่ยอมบอกความจริงกลับชิงฆ่าตัวตาย  ทำให้คดีนี้จบลงอย่างเป็นปริศนา


เพราะว่างานแต่งงานกับต้วนผิงต้องถูกยกเลิกไปเพราะเมิ่งเทียนฉู่ ทำให้เซี่ยฟงอีเกลียดเมิ่งเทียนฉู่มาก  ไม่ว่าเซี่ยอีเตาจะพยายามหว่านล้อมอย่างไร เซี่ยฟงอีก็ไม่ยอมแ่ต่งกับเทียนฉู่เป็นอันขาด ทำให้เซี่ยอีเตาอ่อนใจมาก
เมิ่งเทียนฉู่ทึ่งในความสามารถของต้วนผิงมาก และอยากเป็นนักสืบอย่างต้วนผิง จึงขอให้ต้วนผิงสอนวิชาสืบสวนสอบสวนให้กับตนเอง  ต้วนผิงสั่งให้เทียนฉู่ไปอ่านหนังสือหลุนหวี่ จะได้เรียนรู้มารยาทและจริยธรรมแบบชาวจีน เมิ่งเทียนฉู่ทนอ่านอยู่ได้ไม่นานก็เบื่อจึงหนีไปอ่านหนังสือว่าด้วยการสืบสวนแทน  และเพื่อหาทางพิชิตจิตใจของเซี่ยฟงอี  เมิ่งเทียนฉู่จึงพยายามตาม"จีบ" เซี่ยฟงอีตามแบบฉบับหนุ่มอิตาลี  ซึ่งดูพิลึกพิลั่นในสายตาชาวจีนเป็นอันมาก เซี่ยฟงอีอับอายจนกลายเป็นโทสะ ตะเพิดไล่เทียนฉู่ครั้งแล้วครั้งเล่า  เซี่ยอีเตากลับเห็นดีเห็นงามและสนับสนุนเทียนฉู่ทุกอย่าง และให้กำลังใจเทียนฉู่ในการตามจีบเซี่ยฟงอีต่อไป


ต่อมาเกิดคดีชายหนุ่มในเมืองตายปริศนาโดยหาสาเหตุร่องรอยการตายไม่พบ  ต้วนผิงพยายามจะสืบคดีนี้ แต่ว่าหาสาเหตุการตายของชายหนุ่มเหล่านั้นยังไม่ได้ นอกจากจะผ่าพิสูจน์ ซึ่งขัดกับธรรมเนียมของจีน   เทียนฉู่อยากแสดงความสามารถให้คนอื่นเห็น และอยากจะเป็นนักสืบ จึงแอบขโมยศพชายหนุ่มที่ตายปริศนารายหนึ่งออกมา แล้วผ่าพิสูจน์  ต้วนผิงทราบว่าศพหายไปก็รีบตามไปจนเจอเทียนฉู่กำลังผ่าศพอยู่พอดี  เทียนฉู่บอกว่าหาสาเหตุการตายของชายหนุ่มเหล่านั้นได้แล้ว แล้วเอาเศษซากประทัดออกมาแสดงให้ดู  เทียนฉู่ชี้ให้เห็นต้วนผิงเห็นถึงข้อดีของตัวเอง ว่าไม่ถูกผูกมัดกับขนบธรรมเนียมแบบจีน จึงกล้าผ่าศพได้อย่างสบาย ๆ ขณะที่ต้วนผิงทำไม่ได้  
เบาะแสจากเทียนฉู่ทำให้ต้วนผิงตามสืบต่อไปจนพบกับผู้ต้องสงสัยที่เป็นช่างทำประทัดในเมืองคนหนึ่ง ขณะเดียวกันเทียนฉู่ก็ออกสืบคดีด้วยเหมือนกัน และตามไปจนพบช่างทำประทัดคนนี้เช่นกัน ปราำกฎว่าเทียนฉู่ถูกช่างประทัดจับโปะยาสลบ แล้วกรอกน้ำมัน เทประทัดลงไปในกระเพาะ จุดสายชนวน  เทียนฉู่ดิ้นรนสุดชีวิต แต่ไม่สำเร็๋จ โชคดีต้วนผิงตามมาทันเวลา ตัดสายชนวนทัน ช่วยชีวิตเทียนฉู่เอาไว้ได้หวุดหวิด 

กำหนดการสอบเข้าชิงตำแหน่งจอหงวนใกล้เข้ามา  ต้วนผิงเป็นบัณฑิตที่มีสิทธิ์เข้าสอบในปีนี้ เซี่ยอีเตามุ่งหวังอย่างยิ่งจะให้ลูกบุญธรรมคนนี้สอบได้และเข้ารับราชการเป็นขุนนางใหญ่ แทนที่จะเป็นแค่ผู้ช่วยนายอำเภออยู่แบบนี้   ใต้เท้าสวีไห่หลิน นายอำเภอที่เจิ้นไห่นี้ก็สนับสนุนต้วนผิงเต็มที่ ถึงขนาดสั่งห้ามทุกคนไปรบกวนการท่องหนังสือสอบของต้วนผิงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าเกิดคดีอะไรขึ้น  ต่อมามีบัณฑิตถูกยิงด้วยลูกเกาทัณฑ์จนตายไปหลายคน  ใต้เท้าสวีจึงลงมาสอบคดีนี้เอง แต่ก็จนปัญญาหาคนร้ายไม่ได้  เทียนฉู่เห็นเป็นโอกาสจึงไปเกลี้ยกล่อมเซี่ยฟงอีให้ช่วยเหลือในการสืบคดีนี้  เพราะเทียนฉู่สงสัยหลิวจื่อหมิงซึ่งเป็นเพื่อนบัณฑิตของต้วนผิง  เซี่ยฟงอียอมช่วยด้วยการพาเทียนฉู่ไปที่บ้านหลิวจื่อหมิง แนะให้รู้จักกัน แล้วตัวเองก็ไปค้นหาหลักฐานในการก่อคดีนี้  เซี่ยฟงอีพบคันเกาทัณฑ์ขนาดเล็กในบ้านของหลิวจื่อหมิง จึงเชื่อตามที่เทียนฉู่เคยบอก ว่าหลินจื่อหมิงเป็นคนร้าย  
ใต้เท้าสวีเชื่อตามที่เทียนฉู่บอก ประกอบกับมีหลักฐานที่เซี่ยฟงอีหามาได้ จึงจับตัวหลินจื่อหมิงไป ระหว่างคุมตัวไป  ต้วนผิงบังเอิญออกมาหาซื้อกระดาษ จึงพบเข้า แล้วรีบบอกใต้เท้าสวีว่าจื่อหมิงไม่มีวันเป็นคนร้ายไปได้  ใต้เท้าสวีไม่ฟัง บอกว่ามีหลักฐานพร้อมมูล  ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ หลินจื่อหมิงก็โดนรถม้าชนล้มแล้วถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์เสียชีวิต  เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เทียนฉู่เสียใจมากที่สืบพลาด  เซี่ยฟงอีก็แค้นเทียนฉู่และโทษว่าที่หลินจื่อหมิงตายเพราะเทียนฉู่  


ต้วนผิงลงมือสืบคดีนี้ด้วยตัวเอง  โดยเริ่มจาก จั๋วเจี่ยอิน เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านเหล้าที่เห็นเหตุการณ์ตอนรถม้าพุ่งชนบัณฑิต จั๋วเจียอินพาต้วนผิงไปดูสถานที่เกิดเหตุ    ขณะเดียวกันเมิ่งเทียนฉู่ที่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น พยายามจะสืบหาคนร้ายที่แท้จริงเพื่อบรรเทาโทษ ก็มาดักรอตรงจุดที่รถม้าก่อเหตุ  ต้วนผิงเห็นเทียนฉู่ ก็ทราบว่าเ่ทียนฉู่คิดอะไร จึงปลอบใจเทียนฉู่ และให้โอกาสเทียนฉู่ได้สืบคดีนี้ร่วมกัน  เทียนฉู่เอาม้าที่ใช้ลากรถคันเกิดเหตุมาสืบหาสาเหตุที่ม้าคลุ้มคลั่งจนวิ่งไล่ชนบัณฑิต  และพบว่ามาจากกลิ่นของพืชชนิดหนึ่ง  หลังจากเทียนฉู่เอาไปสกัดออกมาก็ได้เป็นผงของกลิ่นที่ใช้ในการทำูธูปชนิดหนึ่ง  จากเบาะแสนี้จึงนำไปสู่การจับกุมคนร้ายที่แท้จริงซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายธูปเทียน ที่มีความผิดหวังอย่างรุนแรงเนื่องจากลูกชายคนเดียวมีอาการเสียสติเพราะพลาดหวังจากการสอบเข้ารับราชการมาแล้วสามครั้ง  เจ้าของร้านธูปเทียนคนนี้จึงลงมือฆ่าบัณฑิตทุกคนที่บังเอิญพบเพื่อระบายความแค้นส่วนตัวเท่านั้นเอง
        เมิ่งเทียนฉู่ยังพยายามจะตามจีบเซี่ยฟงอีต่อไปอย่างไม่ลดละ แต่เซี่ยฟงอีก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารักต้วนผิงคนเดียว และแม้จะโดนเซี่ยฟงอีตอกจนหน้าหงายกลับมาหลายครั้ง เมิ่งเทียนฉู่ก็ยังอดทนตามจีบเซี่ยฟงอีต่อไปด้วยวิธีประหลาด ๆ ตามแบบหนุ่มอิตาลี  ทำให้ต้วนผิงรู้สึกเวทนาเทียนฉู่ยิ่งนัก

(เทียนฉู่กับคนสนิท ซิงเก๋อ  พยายามตามจีบสาวต้าหมิง แต่แห้วทุกครั้ง)

ใต้เท้าสวีไห่หลินเคยรับปากเทียนฉู่ว่าหากไขคดีรถม้าปริศนาได้ จะตั้งให้เป็นนักสืบของเมือง  เทียนฉู่ไปทวงสัญญาแต่สวีไห่ิหลินกลับบอกว่าต้วนผิงเป็นคนบอกเองว่าไม่ให้รับเทียนฉู่ไว้เป็นนักสืบของเมือง  เทียนฉู่เสียใจไปดื่มเหล้าจนเมามาย เจอหมอดูคนหนึ่งทำนายว่า เทียนฉู่จะมีขีวิตอยู่ไม่ถึงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้  เทียนฉู่ไม่สนใจคำทำนายนี้  
         เกิดเหตุมีคนกระโดดน้ำตาย  ต้วนผิงไปสืบสวนพบว่าชายคนที่ตายนี้ก่อนตายมีหมอดูทำนายว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่เกิน 3 วัน พอครบสามวัน ชายคนนี้ก็โดดน้ำตาย แล้วศพก็หายสาบสูญไป  ต้วนผิงเห็นว่าคดีนี้มีเงื่อนงำน่าสงสัยมาก   การตายของชายคนนี้ทำให้หมอดูที่ทำนายมีชื่อเสียงโด่งดังในชั่วพริบตา  มีลูกค้าไปดูหมอกันแน่นขนัด  เพราะเชื่อว่าเป็นหมอดูเทวดา   

(ดอกไม้ที่เทียนฉุ่หามา  โดนต้วนผิงเด็ดไปแซมผมให้ฟงอีแทน เทียนฉู่เลยแห้วไปตามระเบียบ)  

       เทียนฉู่ผิดหวังจากการไม่ได้เป็นนักสืบของเมือง เลยเปิดสำนักงานนักสืบเอกขนของตัวเองขึ้นมา แม้ว่าต้วนผิงจะบอกว่าเป็นการผิดกฏหมายของต้าหมิง เทียนฉู่ก้ไม่ฟัง  ในที่สุดก็มีลูกค้ารายหนึ่งมาใช้บริการ ให้เทียนฉู่สืบคดีที่กรมเมืองไม่ยอมแตะต้อง นั่นคือสืบหาแม่ไก่ที่หายไป  เทียนฉุ่จำใจรับไว้ แล้วสั่งให้ซิงเก๋อไปตามหาไก่มาคืนให้ลูกค้ารายแรกนี้ให้จงได้

ต้วนผิงยังสืบคดีคนโดดน้ำตาย พบเงื่อนงำว่าคดีนี้เกี่ยวกับหมอดูที่เคยดูว่าเทียนฉู่จะอยู่ไม่ถึงวันเข้าฤดูใบไม้ร่วง   และหมอดูคนเดียวกันนี้ยังบอกว่าหลี่อี้ลูกค้าของเทียนฉู่จะตายใน 3 วัน และวันที่ 3 หลี่อี้ก็ไปโดดน้ำหายไปจริง ๆ  ทำให้ชื่อเสียงหมอดูเทวดายิ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง
         เจ้าโหย่วเหลียงนายทุนหน้าเลือดได้ยินกิตติศัพท์หมอดูเทวดา เลยไปให้หมอดูดวงให้ หมอทำนายว่าเจ้าโหย่วเหลียงต้องตายภายใน 3 วัน จากเหตุการณ์ที่มีลูกค้าที่โดนหมอดูทักแบบนี้ตายไป 2 รายแล้ว ทำให้เจ้าโหย่วเหลียงกินไม่ได้นอนไม่หลับ  เชื่อว่าตนเองจะต้องตายในสามวันแน่นอน ต้วนผิงไปตามหมอมาตรวจอาการ หมอยืนยันว่าเจ้าโหย่วเหลียงร่างกายเป็นปกติดี แต่ว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนตายไปแล้วเจ็ดส่วน แม้คนที่บ้านจะปลอบใจอย่างไรก็ไม่ฟัง แต่ที่สุดเจ้าโหย่วเหลียงก็มีชีิวิตพ้นวันที่ 3 มาได้  ด้วยความดีใจเกินขนาด  เจ้าโหย่วเหลียงกลับช็อคตายไป
เทียนฉู่ที่หมอดูเคยทำนายว่าจะตายก่อนวันถึงฤดูใบไม้ร่วง คลุ้มคลั่งวิ่งไปกระโดดน้ำ ต้วนผิงตามไปพบว่าเทียนฉู่วิ่งหนีไปที่บ้านของหวังอู่ แล้วเทียนฉู่ก็เปิดโปงว่าคนที่ไปโดดน้ำทั้งสองครั้งก่อนคือหวังอู่  ส่วนหวังเอ้อและหลี่อี้ยังมีชีวิตอยู่ 
ต้วนผิงสืบคดีนี้ต่อจนพบว่า เป็นการวางแผนร่วมกันของหมอดูเทวดา หมอรักษาคนไข้ที่รักษาเจ้าโหย่วเหลียง และหลี่อี้กับหวังเอ้อและหวังอู่ร่วมกันเพื่อหวังให้เจ้าโหย่วเหลียงต้องช็อคตาย  ซึ่งก็ทำจนสำเร็จจริง ๆ ต้วนผิงส่งคนทั้งหมดไปคุมขัง ปรากฎว่าชาวบ้านในเมืองนั้นมาร้องไห้ร้องห่มขอร้องให้ปล่อยทั้งห้าคนไป เพราะว่าเจ้าโหย่วเหลียงเป็นนายทุนหน้าเลือดที่สมควรตายไปตั้งนานแล้ว แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย แม้ว่าต้วนผิงจะไม่อยากดำเนินคดีคนทั้งหมด แต่ก็จำใจต้องทำ  ขณะที่เทียนฉู่ซึ่งมีส่วนช่วยในการไขคดีนี้กลับยกความดีความชอบให้ต้วนผิงจนหมดเพราะรู้ดีว่าผลต้องออกมาแบบนี้  ถือเป็นการแก้แค้นเล้ก ๆ น้อย ๆ จากเทียนฉู่
(หนึ่งในวิธีจีบหญิงของเมิ่งเทียนฉู่ คือทำพิซซ่าให้กิน  มิน่าล่ะฟงอีถึงอ้วนอย่างนี้!!! )

การสอบใกล้เข้ามาทุกขณะ เซี่ยฟงอีท้าพนันกับเทียนฉู่ว่า หากเทียนฉู่สอบไม่ได้ก็จะต้องถอนหมั้น เทียนฉู่รับคำท้า  และพยายามท่องหนังสือเตรียมสอบอย่างหนัก  แม้ว่าเทียนฉู่ยังไม่เคยเข้าสอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เซี่ยฟงอีก็ใช้เงินซื้อตำแหน่งบัณฑิตจิ้นซื่อให้เทียนฉู่จะได้มีสิทธิ์เข้าสอบสนามใหญ่  

ในสนามสอบ เทียนฉู่พยายามจะทุจริตแต่ไม่สำเร็จ กลับพบว่าคนที่เข้าสอบในห้องข้าง ๆ โดนจับไปข้อหาทุจริตการสอบ เทียนฉู่เลยขอสละสิทธิ์ในการสอบแล้วบอกขุนนางที่คุมสอบว่าชายที่ถูกกล่าวหานั้นบริสุทธิ์ และมีหลักฐานเป็นกระดาษลอกข้อสอบที่ตกอยู่แล้วเทียนฉู่เก็บได้  ชายคนนั้นจึงได้เข้าสอบอีกครั้ง แต่ไม่คาดว่าเพิ่งเข้าไปสอบไม่นานชายคนดังกล่าวก็โดนวางยาตาย  เหตุที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ต้วนผิงที่สอบอยู่ในสนามสอบด้วยทนต่อไปไม่ได้ ในที่สุดจึงขอสละสิทธิ์ในการสอบเพื่อสืบคดีนี้  จากการร่วมมือกันของต้วนผิงกับเทียนฉู่ทำให้พบว่าคนที่วางแผนฆ่าชายคนนั้นเป็นพนักงานในสนามสอบนั่นเอง สาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่บัณฑิตคนนั้นเคยล่อลวงลูกสาวของตนจนตั้งท้องแล้วไม่ยอมรับ จนลูกสาวทนอับอายไม่ได้จึงฆ่าตัวตาย 

เมื่อต้วนผิงสละสิทธิ์ในการสอบ ทำให้เซี่ยฟงอีที่หวังจะแต่งงานกับต้วนผิงผิดหวังอย่างมากและโกรธที่ต้วนผิงไม่เห็นแก่อนาคตจนไม่ยอมพูดคุยกับต้วนผิง ต้วนผิงกลุ้มใจจึงมาดื่มเหล้าแก้กลุ้มทีร้านของจั๋วเจี่ยอิน  และพูดคุยกันอย่างถูกคอ  จั๋วเจียอินแนะให้ต้วนผิงไปง้อเซี่ยฟงอี  ต้วนผิงกำลังจะไปง้อก็ปรากฎว่าเทียนฉู่ที่ำกำลังตามจีบเซี่ยฟงอีด้วยการเย็บชุดกระโปรงแบบฝรั่งมากำนัลให้ และชวนฟงอีไปกินข้าวด้วยกัน   เซียฟงอีเห็นต้วนผิงอยู่ตรงนั้นจึงประชดด้วยการเอ่ยปากว่าจะไปกินข้าวกับเทียนฉู่  ทำให้เทียนฉู่ปลื้มมาก ต้วนผิงได้ยินเข้าก็เสียใจจึงเดินหนีไป  พอต้วนผิงไปแล้ว ฟงอีก็สะบัดหน้าเชิดใส่เทียนฉู่เหมือนเดิม  จนจั๋วเจียอินต้องมาช่วยพูดแทนต้วนผิง ทำให้เซียฟงอีหายโกรธต้วนผิงในที่สุด กลับไปโกรธเทียนฉู่แทนหนักกว่าเดิม

บ้านตระกูลหยางจัดงานวันเกิด ต้วนผิงและเทียนฉู่ต่างไปร่วมงานเลี้ยง ในงานปรากฎว่าลูกชายของบ้านหยางเสียชีวิตอยู่ในห้องอย่างปริศนา แขนขวาถูกตัดขาดหายไป  ต้วนผิงและเทียนฉู่ต่างคนต่างสืบคดีนี้  ปรากฎว่าใต้เท้าสวีสั่งให้เซี่ยอีเตาควบคุมเมิ่งเทียนฉู่ให้ดี ห้ามออกนอกบ้านไปสืบคดีให้วุ่นวายอีกเพราะเป็นการผิดกฎหมายของต้าหมิง เทียนฉู่เกรงว่าเซี่ยอีเตาจะเดือดร้อน เลยจำใจต้องยุติบทบาทในการเป็นนักสืบ แล้วเก็บตัวอยู่กับบ้านอย่างแสนเซ็ง 

ต่อมาก็มีคนถูกฆ่าตัดแขนอีกสองราย แม้ต้วนผิงจะสงสัยหลินรุ่ยจือ แต่ไม่มีหลักฐาน  ซ้ำตอนที่สองรายหลังถูกฆ่าตาย หลินรุ่ยจือก็อยู่ที่้บ้านไม่ได้ออกไปไหน  ใต้เท้าสวีถูกเบื้องบนบีบบังคับให้คลี่คลายคดีนี้ให้ได้ในสามวัน  เกรงว่าต้วนผิงคนเดียวจะทำไมไ่ด้ เลยมาขอร้องให้เทียนฉู่ไปช่วยสืบอีกแรงโดยยื่นข้อเสนอว่าถ้าไขคดีนี้สำเร็จ จะแต่งตั้งให้ทียนฉู่เป็นนักสืบของเมืองอย่างเป็นทางการ เทียนฉู่เลยร่วมกับต้วนผิงคลี่คลายคดีนี้ จนพบว่าคนก่อคดีเป็นฝาแฝดของหลินรั่วจือ แต่กว่าจะจับได้ เทียนฉู่ก็เกือบจะถูกฆ่าตัดแขนไปแล้ว ดีว่าเซี่ยฟงอีพาต้วนผิงมาช่วยทัน เลยรอดอย่างหวุดหวิดอีกครั้ง

หลังจากไขคดีฆ่าตัดแขนสำเร็จ ใต้เท้าสวีทำท่าจะเบี้ยวไม่ให้เทียนฉู่เป็นเลขา  ต้วนผิงช่วยพูดขอร้องให้จนใต้เท้าสวียอมตั้งเทียนฉู่เป็นเลขา แต่ว่าให้มีตำแหน่งเลขาฝ่ายตรวจสอบ เป็นรองจากต้วนผิง  เทียนฉู่ดีใจมาก  และจัดการสลัดคราบโจรสลัดทิ้ง เปลี่ยนมาแต่งตัวแบบชาวต้าหมิงเต็มตัว  แวบแรกที่เซียฟงอีเห็นถึงกับตะลึงไป

(สองสิงห์นักสืบประจำเมือง ประชันความหล่อกัน  กินกันไม่ลงเลยทีเดียว)

ใ้ต้เท้าเกาฟั่นหลงขุนนางใหญ่ในราชสำนักเดินทางมาที่เมืองเจิ้นไห่  ใต้เท้าสวีจึงพาต้วนผิงไปเยี่ยมคารวะ ระหว่างนั้นก็มอบหมายให้เทียนฉู่จัดการกับคดีในศาล ซึ่งล้วนแต่เป็นคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ เทียนฉู่เบื่อหน่ายมาก  แต่ต้วนผิงกลับชี้ให้เห็นว่าแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หากสืบดี ๆ ก็จะเห็นถึงเบื้องหลังของมัน  เพราะฉะนั้นอย่าได้ดูถูกว่าเป็นคดีมโนสาเร่ไม่มีความสำคัญอันใด  เทียนฉู่จึงตั้งใจพยายามจะเป็นนักสืบที่ดีเหมือนต้วนผิงให้จงได้

ระหว่างที่เกาฝั่นหลงอยู่ที่เมืองเจิ้นไห่ เกิดคดีร้ายแรงเมื่อเงินหลวงจำนวนหนึ่งแสนตำลึงที่ฝากไว้ในคลังเก็บของเมืองหายไปอย่างไร้ร่องรอย  ต้วนผิงกับเทียนฉู่ร่วมมือกันสืบสวนจนพบว่าตัวการที่เอาเงินไปที่แท้คือแม่ทัพที่คุมการลำเลียงเงินไปเมืองหลวงนั่นเอง  หลังจากจับได้ ใต้เท้าเกาฟั่นหลงจึงสั่งให้จับแม่ทัพอินไปคุมขังและเตรียมส่งไปดำเนินคดีต่อที่เมืองหลวง
เซี่ยอีเตาทั้งบีบบังคับ ทั้งขอร้องให้ฟงอียอมแต่งงานกับเมิ่งเทียนฉู่ แต่ฟงอีไม่ยอมแถมประกาศยกเลิกการหมั้นกลางที่ประชุมวงญาติ ทำให้เซี่ยอีเตาโกรธมาก  ส่วนต้วนผิงยิ่งมายิ่งน้อยใจที่เซี่ยอีเตาไม่ยุติธรรมกับตนเอง แล้วพยายามจะยกฟงอีให้แต่งกับเทียนฉู่ให้จงได้  ต้วนผิงไปดื่มเหล้าระบายความในใจกับจั๋วเจียอิน ถึงได้รู้ว่าพ่อบุญธรรมโกหกเรื่องพ่อที่แท้จริงของตัวเอง  จึงไปสอบถามความจริงจากเซี่ยอีเตา ในที่สุดเซี่ยอีเตายอมเปิดเผยความเป็นมาของต้วนผิงทั้งหมด และบอกว่าพ่อของต้วนผิงกับพ่อของเมิ่งเทียนฉู่ต่อสู้กันจนตัวตายทั้งคู่  เซี่ยอีเตาจึงรับเลี้ยงดูต้วนผิงไว้  และแม้จะสงสารต้วนผิงแค่ไหน แต่เมิ่งเทียนฉู่เป็นลูกชายคนเดียวของเมิ่งเหลียงที่เป็นพี่ร่วมสาบานของเซี่ยอีเตา และไม่มีญาติเหลืออยู่อีกเลย ดังนั้นเซี่ยอีเตาจึงต้องดูแลเทียนฉู่แทนพี่ร่วมสาบานให้ดีที่สุด


ต้วนผิงแค้นใจที่พ่อถูกฆ่าตาย และเริ่มชังเมิ่งเทียนฉู่มากขึ้น  และไม่ยอมร่วมกันสืบคดีอีก  ทำให้เมิ่งเทียนฉู่ที่ไมู่้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยรู้สึกงุนงงมาก  และเมื่อเกิดคดีร้ายแรงเมื่อเกาฟั่นหลงหายไปอย่างไร้ร่องรอย  มีเพียงกองขี้เถ้าซึ่งทั้งต้วนผิงและเทียนฉู่สันนิษฐานว่านี่คงเป็นที่ซึ่งคนร้ายเอาศพเกาฟั่นหลงมาเผาทิ้ง  ทั้งต้วนผิงและเมิ่งเทียนฉู่ต่างคนต่างเร่งสืบคดีนี้ 

การตายของเกาฟั่นหลงเกี่ยวพันกับเงินสองหมื่นตำลึงของหลวงที่หายไปด้วย เบาะแสมีเพียงเงินของกลางที่มีตราประทับของทางการที่อยู่ในมือศพเหลาลี่ แต่เหลาลี่ก็ถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว ดังนั้นเบาะแสที่มีจึงหายไปหมด  

ต้วนผิงยังตั้งข้อรังเกียจเทียนฉู่อย่างไม่มีเหตุผล  ทำให้เทียนฉู่อึดอัดใจมาก ยิ่งเซี่ยอีเตาเอาใจเทียนฉู่มากเท่าไร ต้วนผิงก็ยิ่งคับแค้นใจ  ก็ยิ่งไปดื่มเหล้าที่ร้านจั๋วเจียอินจนละเลยฟงอีไป  เทียนฉู่ที่ยังคงตามจีบฟงอีอย่างสม่ำเสมอ  และชวนฟงอีไปดูฝนดาวตกด้วยกัน  ทิวทัศน์ที่สวยงามของฝนดาวตกทำให้ฟงอีประทับใจมาก หนำซ้ำยังโดนเทียนฉู่ขโมยจูบไปอีกด้วย  และยังได้เต้นรำแบบฝรั่งกับเทียนฉู่ ทำให้จิตใจฟงอีเริ่มสับสนรวนเร

จั่วเจียอินพยายามปลอบใจต้วนผิง แล้วบอกใ้ห้ต้วนผิงอย่าได้ละเลยกับฟงอี  ต้วนผิงกลับไปบ้านก็ได้เห็นฟงอียิ้มแย้มเต้นรำอยู่กับเทียนฉู่ ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ  ซ้ำยังโดนใต้เท้าสวีตำหนิที่คดีการหายไปของเกาฟั่นหลงไม่คืบหน้าเลย 

เซี่ยฟงอีกลัวว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจจากต้วนผิง จึงตัดสินใจชวนต้วนผิงให้หนีตามกันไป  ต้วนผิงที่ผิดหวังกับทุกเรื่องจึงยอมพาฟงอีหนีจากเมืองเจิ้นไห่  ใต้เท้าสวีสั่งให้เทียนฉู่ไปตามตัวต้วนผิงกลับมาให้ได้ภายในสามวัน  เซี่ยอีเตาก็ขอร้องให้เมิ่งเที่ยนฉู่พาสองคนนั้นกลับมาให้ได้  เทียนฉู่พยายามคิดว่าต้วนผิงจะพาฟงอีหนีไปทางไหน แล้วในที่สุดก็หาเจอที่เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งเกิดคดีฆ่าคนตายในโรงเตี๊ยมพอดี และโรงเตี๊ยมนั้นต้วนผิงกับฟงอีก็พักอยู่ด้วย

เทียนฉู่กับต้วนผิงร่วมมือกันสืบคดีฆ่าคนตาย และหาตัวคนร้ายออกมาได้ในที่สุด แต่โชคร้ายที่คนร้ายจับตัวฟงอีไปเป็นตัวประกัน เทียนฉู่พยายามเข้าไปช่วยฟงอีจึงถูกแทงบาดเจ็บสาหัส
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เทียนฉู่ได้คิด ต้วนผิงเองก็คิดได้  ทั้งสามคนจึงกลับไปที่เมืองเจิ้นไห่  เทียนฉู่ขอร้องเซี่ยอีเตาให้ยกเลิกการแต่งงานระหว่างตนเองกับฟงอี  ทำให้ฟงอีและต้วนผิงต่างรู้สึกซาบซึ้งกับความรักที่เทียนฉู่มีต่อฟงอี   ฟงอีเองหลังจากกลับมา ก็เริ่มมีใจให้กับเทียนฉู่มากกว่าเดิม กลับกลายเป็นว่าเทียนฉู่ยิ่งพยายามหลบหน้าฟงอีแทน  ส่วนต้วนผิงไม่แค้นเทียนฉู่แล้ว หนำซ้ำมิตรภาพระหว่างต้วนผิงกับเทียนฉู่กลับแน่นแฟ้นกว่าเดิม


ต้วนผิงทำผิดด้วยการพาลูกสาวเซี่ยฟงอีหนีไป จึงถูกสวีไห่หลินปลดจากตำแหน่ง  และให้เิิมิ่งเทียนฉู่เป็นแทน  จากนั้นเกิดคดีฆ่าตัดหัวชายหนุ่มมีฐานะดีในเมืองไปหลายราย ใต้เท้าสวีให้เทียนฉู่สืบหาคนร้ายออกมา  เทียนฉู่ไปขอความช่วยเหลือจากต้วนผิง แต่ต้วนผิงวัน ๆ เอาแต่ดื่มเหล้าดับทุกข์ในร้านของจั๋วเจียอิน  กระนั้นต้วนผิงก็ยังบอกใบ้ให้เทียนฉู่หนึ่งประโยค ทำให้เทียนฉู่จับตัวคนร้ายที่แท้จริงได้สำเร็จ  

ต้วนผิงสืบจนรู้ว่าจั๋วเจียอินเป็นสายสืบขององครักษ์เสื้อแพรชื่อว่าต้วนหงอี  ถูกส่งมาเพื่อสืบคดีสำคัญที่เจิ้นไห่  เรื่องนี้พัวพันถึงขุนนางในราชสำนัก  ต้วนหงอีขอความร่วมมือจากต้วนผิงให้ช่วยสืบคดี แต่ต้วนผิงไม่มีกะใจจะสืบคดีอะไรทั้งสิ้น จมอยู่กับความทุกข์ในเรื่องส่วนตัว จนกระทั่งเกิดคดีเด้ก ๆ หายสาบสูญไปจำนวนหลายคน  เทียนฉู่พยายามสืบหาคนร้าย จึุงไปขอความช่วยเหลือจากต้วนผิง  

ต้วนผิงและเทียนฉู่ร่วมมือกันสืบคดีเด้กหาย จนได้ตัวเลี่ยวไคถิงที่เป็นคนร้ายแล้ว แต่แล้วใต้เท้าสวีไห่หลินกลับปล่อยไปหน้าตาเฉย แล้วยังตำหนิพวกเมิ่งเทียนฉู่อีกด้วย  ทำให้พวกเมิ่งเทียนฉู่ผิดหวังอย่างมาก  ต้วนผิงยังโดนเลี่ยวไคถิงใส่ร้ายจนใต้เท้าสวีจับไปขังคุก  เทียนฉู่ทำอะไรกับคนร้ายตัวจริงไม่ได้ได้แต่เจ็บใจ  แต่ยังดีที่ช่วยเด็ก ๆ ที่ถูกจับไปทั้งหมดออกมาได้ แต่เลี่ยวไคถิงก็หนีไปอย่างลอยนวล
เซี่ยอีเตาบังคับให้ฟงอีเข้าพิธีแต่งงานกับเทียนฉู่  ในวันแต่งงาน ต้วนผิงที่ได้รับการช่วยเหลือจากจั๋วเจียอิน  รีบรุดมาที่งานแต่งงาน แล้วก็พาตัวฟงอีไป  เซี่ยอีเตาโกรธจนตัดพ่อตัดลูกกับต้วนผิง  เมิ่งเทียนฉู่ห้ามเซี่ยอีเตาไม่ไให้ติดตามฟงอีกับต้วนผิงไป


เมื่องานแต่งงานล่มไปแล้ว  เซี่ยอีเตานั่งคุยกับเทียนฉู่ จึงได้รู้ว่าเมิ่งเหลียงพ่อของเทียนฉู่ยังไม่ตาย เซี่ยอีเตาจึงยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามจริงเมื่อ 20 ปีก่อน ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเมิ่ง ต้วน และเซี่ย ที่พัวพันกันมาจนถึงรุ่นของเทียนฉู่  ขณะเดียวกัน ต้วนผิงกับฟงอี ก็ได้พบกับเมิ่งเหลียน พ่อของเทียนฉู่ที่ร้านจั๋วเจียอิน  และได้รับฟังความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดเช่นกัน


เมิ่งเหลียงมาพบเมิ่งเทียนฉู่ที่บ้านของเซี่ยอีเตา  แต่แล้วสวีไห่หลินก็พาคนมาล้อมจับ  เมิ่งเหลียงหนีไปได้ แต่เซี่ยอีเตาและเมิ่งเทียนฉู่ถูกจับไปบนเรือที่เดินทางออกทะเล  และบนเรือยังมีต้วนผิงและฟงอีด้วย ซึ่งโดนสวีไ่ห่หลินจับมาทั้งคู่

ต้วนหงอี (จั๋วเจียอิน) ส่งข่าวไปที่องครักษ์เสื้อแพร รายงานว่าพบตัวคนร้ายที่ช่วยขุนนางชั่วหลบหนีคดีแล้ว นั่นคือสวีไห่หลิน และพรรคพวก  หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรยกกำลังมาที่เมืองเิจิ้นไห่ ล้อมจับสวีไห่หลิน แต่สวีไห่หลินขึ้นเรือหนีไปก่อนแล้ว ทิ้งไว้แค่เมิ่งเหลียงที่ปลอมตัวเป็นสวีไห่หลิน

บนเรือ สวีไห่หลินเผยความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อนที่เกี่ยวพันกับพ่อของต้วนผิง พ่อของเทียนฉู่และเซี่ยอีเตา ที่แท้คนที่ฆ่าพ่อของต้วนผิงคือเซี่ยอีเตา ไม่ใช่เมิ่งเหลียง  ต้วนผิงเสียใจมาก เซี่ยอีเตาถูกสวีไห่หลินบังคับให้ฆ่าเทียนฉู่  ในที่สุดจึงหันกลับไปฆ่าสวีไห่หลินและพรรคพวกแทน จากนั้นก็ฆ่าตัวตาย

คดีของสวีไห่หลินจบลง  พวกองครักษ์เสื้อแพรกำลังจะเดินทางกลับ แต่ด้วนผิงและเทียนฉู่บอกว่าเรื่องไม่ได้จบแค่นี้ เพราะว่าสวีไห่หลินเพียงลำพังไม่มีวันทำเรื่องพวกนี้ได้ ต้องมีขุนนางในเมืองหลวงคอยแจ้งเบาะแสให้กับสวีไห่หลิน และรีดเงินจากพวกขุนนางทุจริตเหล่านั้น นั่นคือหน่วยงานองครักษ์เสื้อแพรนั่นเอง

หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรจะฆ่าพวกต้วนผิงปิดปาก ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็ปรากฎพระองค์ขึ้น จับหัวหน้าองครักษ์และคนเกี่ยวข้องทั้งหมดไปลงโทษ  และทรงชักชวนต้วนผิงให้เข้าเมืองหลวง จะได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นขุนนางใหญ่ แต่ต้วนผิงขอเป็นแค่นักสืบที่เมืองเจิ้นไห่  ฮ่องเต้ทรงอนุมัติตามขอ ส่วนเทียนฉุ้ ฮ่องเต้สั่งให้ไปอ่านตำราลุ่นหวี่ใหม่จนกว่าจะเข้าใจ โดยให้ต้วนผิงเป็นคนควบคุม  สองหนุ่มจึงยังคงทำหน้าที่ซือเหยียที่เมืองเจิ้นไห่ต่อไป

เอี๋ยนควน รับบทฮ่องเต้ต้าหมิง  โผล่มาแค่ตอนต้นกับตอนท้าย แต่รัศมีฮ่องเต้เจิดจ้ามาก



สามหนุ่มรูปหล่อประชันกัน เลือกไม่ถูกเลย

เรื่องนี้สนุก ควรแก่การติดตามชม  ยิ่งถ้าหากฟังภาษาจีนออก จะได้อรรถรสสนุกสนานมากขึ้น สองหนุ่มหล่อคือฮั่วเจี้ยนหัวและอู๋ฉีหลง ต่างเล่นได้ดีราวกับรู้จักกันมานานนับสิบปีทั้งที่จริง ๆ เพิ่งเคยร่วมงานกันเป็นเรื่องแรก  
 สองหนุ่มทะเล้นพอกัน




 

Create Date : 11 มีนาคม 2556   
Last Update : 25 มีนาคม 2556 23:55:41 น.   
Counter : 17039 Pageviews.  

後宮..甄嬛傳 เจินหวน นางพญาวังหลัง ภาคหลัง

เนื่องจากเรื่องเจินหวน นางพญาวังหลัง มีความยาวถึง 76 ตอน  เอนทรี่ที่แล้วยังเล่าไม่จบ  จึงต้องมาต่อที่เอนทรีนี้ มาติดตามตอนต่อกันเลยนะจ๊ะ


ด้านยงเจิ้งฮ่องเต้ หลังจากเจินหวนออกจากวังไปแล้ว ก็ไม่อาจลืมนางได้ ยิ่งได้เห็นองค์หญิงหลงเยว่ซึ่งเป็นพระธิดาองค์โปรด ก็ยิ่งคิดถึงเจินหวน เลยมีคำสั่งห้ามทุกคนในวังเอ่ยชื่อเจินหวนให้ได้ยินอีก ฮองเฮาพยายามจะให้อันผิน(อันหลิงหรง) และฉีผิน เข้าไปแทนที่เจินหวนในใจของฮ่องเต้ให้ได้

หลิงหรงกับฉีผินแย่งชิงความโปรดปรานของฮ่องเต้ อันหลิงหรงมีความรู้เรื่องยาและเครื่องหอม จึงผสมกำยานชนิดหนึ่งที่ทำให้ฮ่องเต้ดมเข้าไปแล้วเคลิบเคลิ้ม แต่ยาชนิดนี้กลับทำให้ยงเจิ้งหมดสติไป หลิงหรงตกใจมาก รีบสั่งคนสนิทเอากำยานไปทำลายทิ้งอย่าให้ใครจับได้เป็นอันขาด ยงเจิ้งป่วยหนักหมดสติไปหลายวัน ระหว่างนั้นอ๋อง 17 ต้องคอยเฝ้าดูอาการในวัง ไม่อาจออกมาหาเจินหวนที่กระท่อมได้ แต่ก็ส่งข่าวมาบอกตลอดเวลา ฮ่องเต้เอาแต่เพ้อถึงชื่อเจินหวน ทำให้ทุกคนรู้ว่าฮ่องเต้ยังรักนางอยู่ไม่เสื่อมคลาย

หลังจากหายประชวร ฮ่องเต้ก็ได้พบกับสาวงามจากนอกด่านที่ชำนาญการขี่ม้า ชื่อเย่ไหลอี ทรงมีคำสั่งให้แต่งตั้งนางเป็นสนม ตำแหน่ง เย่ต๋าอิ้ง เย่ไหลอีไม่ได้อยากถวายตัวเป็นสนมแต่ขัดราชโองการไมได้ จำใจต้องเข้าวังไป เมื่อเป็นสนมแล้วก็ได้รับความโปรดปรานจากยงเจิ้งมาก แต่เย่ไหลอีไม่ยินดีกับความโปรดปรานนี้เลยเพราะใจนางมีแต่อ๋อง 17 คนเดียวมาตลอด การที่ยงเจิ้งเลือกนางเป็นสนมทำให้นางหมดโอกาสที่จะอยู่ร่วมกับอ๋อง 17 ดังนั้นในใจนางจึงนึกชิงชังฮ่องเต้มาก เมื่อฉีเฟยสั่งให้นางกินยาพิษชนิดหนึ่งเพื่อจะไม่ต้องมีครรภ์ไปตลอดชีวิต นางจึงกินลงไปอย่างไม่ลังเล และถูกพิษเกือบตาย ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้พิโรธฉีเฟยมาก ฮองเฮาเห็นเป็นโอกาสจึงสั่งให้ฉีเฟยฆ่าตัวตาย อ้างว่าเพื่ออนาคตที่มั่นคงขององค์ชายสามที่จะได้เป็นรัชทายาท ฉีเฟยจึงจำใจตายเพื่อลูก

  (เย่ไหลอี...เย่ต๋าอิ้ง ซึ่งตอนหลังได้เป็นหนิงกุ้ยเหริน  อีกหนึ่งสาวงามที่แม้จะต่างความคิด แต่จุดหมายเดียวกันกับเจินหวน)

ไทเฮาทราบเรื่องฮองเฮาวางแผนฆ่าฉีเฟยเพื่อชิงเอาองค์ชายสามไปเป็นลูกของตัวเอง เพราะหวังจะได้เป็นไทเฮาในอนาคต จึงทรงเรียกฮองเฮาไปตำหนิอย่างรุนแรง กลับถูกฮองเฮาโต้เถียงกลับมาว่าที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของตระกูลอูหล่าน่าหล่า ซึ่งเป็นตระกูลของไทเฮาและฮองเฮา หากไทเฮาไม่สนับสนุนแล้ว ต่อไปตระกูลอูหลาน่าหล่าก็จะหมดอำนาจลง ทำให้ไทเฮาไม่อาจทำอะไรฮองเฮาได้ จำต้องปล่อยให้ฮองเฮาสำแดงอำนาจในวังต่อไป 

หลิวเสวียะหัว รับบทไทเฮา

เจินหวนกับอ๋อง 17 ไปเดินเล่นในป่า บังเอิญได้ช่วยชีวิตชายผู้หนึ่งถูกงูพิษกัด ชายคนนั้นเป็นคนของเผ่าจุนเก้อร์เอ๋อร์ และเอ่ยปากว่าชอบเจินหวน และไม่ว่าสิ่งของหรือสตรี หากตนเองชมชอบแล้วจะต้องหาทางให้ได้มาให้ได้ เจินหวนแม้รู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่มีอ๋อง 17 อยู่ทำให้นางอุ่นใจไม่น้อย ชายเผ่าจุนเก้อร์เอ๋อร์คนนั้นมีบริวารมาตามหาและพาจากไป  แต่ชายคนนั้นยังพูดทิ้งท้ายว่า สักวันพวกต้าชิงจะต้องพบกับศัตรูที่ร้ายกาจอย่างเผ่าจุนเก้อเอ๋อร์

อ๋อง 17 วางแผนจะพาเจินหวนไปใช้ชีวิตร่วมกันในที่ไกลแสนไกล เลยไปขอให้เวินสือชูช่วยปรุงยาที่เมื่อกินลงไปแล้วจะเหมือนตายไป 7 วัน  แต่ว่าก่อนจะได้ทำตามแผน ยงเจิ้งฮ่องเต้กลับมีบัญชาให้อ๋อง 17 ไปสืบราชการลับเกี่ยวกับพวกจุนเก้อร์เอ๋อร์   อ๋อง 17 สัญญากับเจินหวนว่าจะกลับมาหานางภายใน 40 วัน แล้วจากนั้นจะพานางจากไปใช้ชีวิตอย่างสุขสงบตามแผนที่วางไว้ แต่แล้ว ปรากฎว่าอ๋อง 17 ระหว่างที่ข้ามแม่น้ำเรือที่โดยสารไปล่มลง อ๋อง 17 จมน้ำหายสาบสูญไป เมื่อเจินหวนทราบช่าว นางเสียใจมาก  แต่เมื่อตั้งสติได้ และคิดแก้แค้นให้กับการตายอย่างน่าสงสัยของอ๋อง 17  รวมทั้งคิดถึงอนาคตของลูกในท้องของนาง  ที่เป็นลูกของอ๋อง 17 จะต้องเติบโตขึ้นมาอย่างมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ยังมีพ่อของนาง เจินหยวนเต้าที่ถูกคุมขังอยู่ที่หนิงกู่ถะ ก็ป่วยหนักและยังไม่ได้ล้างมลทิน เจินหวนจึงวางแผนจะกลับเข้าไปอยู่ในวังอีกครั้ง

เพื่อการกลับไปอยู่ในวัง จินซีกู๋กูจึงไปติดต่อกับซูเป่ยเซิง ขันทีคนสนิทของยงเจิ้งฮ่องเต้ให้หาทางช่วยเหลือพวกนาง โดยจินซีรู้ดีว่าซูเป่ยเซิงรักนางมานานแล้ว  จินซีจึงบอกว่าหากซูเป่ยเซิงต้องการอยู่กับจินซีแล้ว ต้องหาทางให้เจินหวนได้กลับไปอยู่กับฮ่องเต้อีกครั้ง  ซูเป่ยเซิงดีใจมากที่จินซีตอบรับจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับตน จึงหาหนทางช่วยเหลือพวกเจินหวน โดยวางแผนโน้มน้าวพระทัยยงเจิ้ง ให้มาไหว้พระที่วัดกานลู่ซื่อ  และจัดฉากให้ยงเจิ้งได้พบกับเจินหวนที่กระท่อมบนยอดเขาหลิงหวิน
เมื่อได้พบกับเจินหวนอีกครั้ง ยงเจิ้งทรงดีพระทัยมาก และได้ร่วมอภิรมย์กับเจินหวนที่นั่นเอง จากนั้นไม่นาน ซูเป่ยเซิงก็รายงานว่าเจินหวนตั้งครรภ์แล้ว ยิ่งทำให้ยงเจิ้งดีพระทัยยิ่งขึ้นไปอีก สั่งให้เวินสือชูไปเป็นหมอประจำตัวเจินหวน และหาหนทางที่จะรับตัวเจินหวนกลับมาอยู่ในวังอีกครั้ง

ภายในวัง เกิดเหตุร้ายเมื่อมีคนวางยาพิษหมายจะฆ่าองค์ชายสี่หงลี่ แต่แม่นมรับเคราะห์ตายแทน  หงลี่หวาดกลัวมาก วิ่งเตลิดหนีไปถึงเรือนซุยอวี้หยวนซึ่งตอนนี้เสิ่นเหมยจวงที่ได้เลื่อนเป็นฮุยผินครอบครองอยู่  ฮุยผินรีบพาหงลี่ไปอยู่ที่ตำหนักไทเฮา  ไทเฮาทรงทราบทันทีว่าแผนร้ายนี้คงจะมาจากฮองเฮา แต่ไม่อาจบอกใครได้  ทรงตั้งพระทัยจะปกป้องหงลี่ให้ได้ เมื่อฮ่องเต้มาปรึกษาเรื่องจะรับเจินหวนกลับวัง เพราะขุนนางจะรุมคัดค้านที่ฮ่องเต้รับพระสนมที่ทรงขับไล่ออกไปแล้วกลับเข้าวังมาอีกครั้ง  หนำซ้ำพ่อของเจินหวนยังเป็นนักโทษ ซึ่งผิดกฎมณเฑียรบาล จะรับลูกของนักโทษอาญาแผ่นดินเป็นพระสนมไมได้

ไทเฮาทรงให้ฮ่องเต้คิดหาพระมารดาที่เข้มแข็งให้หงลี่ เพื่อจะได้ปกป้องหงลี่จนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่  ยงเจิ้งทรงคิดแล้วคิดอีก ในที่สุดทรงคิดให้เจินหวนเปลี่ยนแซ่  เปลี่ยนสถานะทั้งหมด กลายเป็นคนในตระกูล นิวฮู่ลู่  มีศักดิ์เป็นซีเฟย และแต่งประวัติให้เจินหวนเป็นพระมารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายหงลี่ที่ออกจากวังไปอยู่ข้างนอกเพื่อสวดมนต์ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศชาติเป็นเวลานาน  เพื่อแก้ปัญหาเรื่องสถานภาพของเจินหวน และเพื่อให้หงลี่ได้มีพระมารดาคอยปกป้องคุ้มภัยด้วย  หงลี่ดีใจมากที่จะได้มีเจินหวนเป็นพระมารดา แม้ว่าหงลี่จะมีอายุน้อยกว่าเจินหวนแค่ 7 ปี แต่ยงเจิ้งฮ่องเต้ให้แก้ในทะเบียนประวัติโดยเพิ่มอายุให้เจินหวนไปอีก 10 ปี กลายเป็นอายุห่างจากหงลี่ 17 ปีเต็ม

เจินหวนเตรียมตัวเตรียมใจกลับวัง  แต่ว่าก่อนที่นางจะเข้าวังเพียงวันเดียว อ๋อง 17 ก็กลับมา เจินหวนทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ  เพราะนางเลือกหนทางในอนาคตไปแล้ว  อ๋อง 17 ก็เสียใจแทบคลุ้มคลั่งที่ตนเองกลับมาสายเกินไป 

ยงเจิ้งดีใจมากที่อ๋อง 17 กลับมาอย่างปลอดภัย และขอให้อ๋อง 17 เป็นผู้ไปรับเจินหวนกลับจากวัด  ก่อนจะกลับ เจินหวนจัดการลงโทษแม่ชีจิ้งไป๋ที่คอยรังแกพวกนางมาตลอดระหว่างที่อยู่ในอารามมาสามปี 


เจินหวนเมื่อหวนกลับสู่วังอีกครั้ง  ในศักดิ์ฐานะ ซีเฟย  ในนามนิวฮู่ลู่ เจินหวน 

เจินหวนกลับมาอย่างยิ่งใหญ่  ฮองเฮาไม่พอใจมาก แต่ทำอะไรออกหน้าออกตาไม่ได้ หนำซ้ำเจินหวนยังตั้งครรภ์ฝาแฝด ยงเจิ้งก็ยิ้งทนุถนอมนางอย่างมาก  อันหลิงหรงกลุ้มใจมากที่สุดที่เจินหวนกลับวังมาครั้งนี้  ยังมีฉีกุ้ยเหรินที่เคยเหยียดหยามเจินหวนเมื่อครั้งยังอยู่ที่วัดกานลู่ซื่อ  พวกนางวางแผนที่จะขจัดเจินหวนอีกครั้ง แต่ตอนนี้เจินหวนไม่ใช่เจินหวนคนเก่าอีกต่อไปแล้ว  นางไม่ยอมใจอ่อนอีกเด็ดขาด

จินหวนได้พบกับหลงเยว่ แต่ปรากฎว่าหลงเยว่ติดจิ้งเฟยแจ ไม่ยอมเรียกเจินหวนว่าแม่ และไม่ยอมมาอยู่กับเจินหวนที่ตำหนักหย่งโซ่ว  จิ้งเฟยเองก็รักหลงเยว่เหมือนลูกในไส้ ไม่อาจทำใจแยกจากหลงเยว่ได้เหมือนกัน  เจินหวนจึงจำยอมให้หลงเยว่กลับไปอยู่กับจิ้งเฟยที่ตำหนักเสียนฝูไปก่อน

เจินหวนเพิ่งกลับถึงวังได้แค่สองวัน ก็โดนฉีผินเล่นงานจนเกือบจะตกจากเสลี่ยงที่นั่ง เจินหวนไม่ยอมให้ถูกเล่นงานฝ่ายเดียว นางใช้มารยาหญิงออดอ้อนยงเจิ้งให้รู้ว่ามีคนคิดปองร้ายนางแล้ว ยงเจิ้งกริ้วและเริ่มกังวลที่มีคนคิดจะทำร้ายเจินหวน ฉีผินตอนนี้อยู่ที่ตำหนักฉู่ซิ่วกง ร่วมกับซินกุ้ยเหริน แต่ฉีผินวางตัวใหญ่โตเป็นเจ้าของตำหนักเพราะนางถือว่าตำแหน่งของนางสูงกว่าซินกุ้ยเหรินและคอยกดขี่ข่มเหงซินกุ้ยเหรินตลอดเวลา เวลาที่ฮ่องเต้เสด็จไปค้างกับซินกุ้ยเหริน ฉีผินก็จะใช้อุบายว่าฝันร้ายหลอกให้ฮ่องเต้เสด็จไปค้างกับนางแทนเสมอ ๆ ทำให้ซินกุ้ยเหรินคับแค้นใจ แต่ว่าไม่อาจทำอะไรฉีผินได้เพราะตำแหน่งนางต่ำกว่า
หลิงหรงต้องการเล่นงานฉีผิน จึงมาบอกเจินหวนเรื่องที่นางเกือบจะตกจากเสลี่ยงครั้งก่อนว่าเป็นฝีมือของฉีผิน และยังเตือนให้เจินหวนระวังตัวให้จงดี เจินหวนไม่แยแสคำเตือนกึ่งจริงกึ่งเท็จที่หลิงหรงเอามาบอก เมื่อสืบจนทราบว่าตอนนี้ทั้งฉีผินและอันผิน(อันหลิงหรง) เป็นคนของฮองเฮาแต่ว่าสองคนนี้ไม่ถูกกัน คอยแก่งแย่งชิงดีกันเสมอ


(ฉีผิน (เสื้อเขียว) กับ ซินกุ้ยเหริน(เสื้อม่วงอ่อน)  โปรดสังเกตสร้อยคอฉีผิน เป็นสร้อยที่ฮองเฮาประทาน ทำจากเซ่อเซียงจึงมีกลิ่นหอม คนที่ใส่สร้อยแบบนี้จะไม่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เช่นเดียวกับหวาเฟยที่ใช้กำยานผสมเซ่อเซียงจึงไม่มีวันตั้งครรภ์ได้เด็ดขาด) 

เจินหวนต้องการเล่นงานฉีผิน และช่วยซินกุ้ยเหรินด้วย โดยเริ่มจากส่งยาที่กินแล้วหลับสบายไม่ฝันร้ายอีก(แต่รสชาติร้ายกาจ)ไปให้ฉีผินกินต่อหน้าฮ่องเต้ ฉีผินปฏิเสธไม่ได้จำต้องดื่มยารสชาติแย่นั้นลงไป ต่อมาเจินหวนก็ทำให้ฮ่องเต้เห็นนิสัยที่แท้จริงของฉีผินที่ถืออำนาจบาตรใหญ่คอยกดขี่ข่มเหงซินกุ้ยเหรินตลอดมา ฮ่องเต้กริ้วมาก จึงมีรับสั่งให้ซินกุ้ยเหรินเป็นใหญ่ในตำหนักฉู่ซิ่วกง ส่วนฉีผินนิสัยแย่จึงโดนลดยศเหลือแค่ฉีกุ้ยเหริน และห้ามย่างเท้าออกนอกตำหนักฉูซิ่วกงแม้แต่ก้าวเดียว
ฮ่องเต้เสด็จไปหาฮุ่ยผิน(เสิ่นเหมยจวง) แม้ว่าเสิ่นเหมยจวงไม่อยากต้อนรับ แต่ว่าขัดรับสั่งของไทเฮาไม่ได้ จึงยอมดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฮ่องเต้ แต่แล้วนางก็ไม่อาจทำใจปรนนิบัติฮ่องเต้ได้ ฮ่องเต้ทรงทราบจึงเสด็จกลับไป เหมยจวงนั่งดื่มเหล้าต่อคนเดียวจนเมามาย คนสนิทของเหมยจวงไปตามหมอเวินสือชูมาดูอาการให้เหมยจวง เหมยจวงกลับชวนหมอเวินสือชูมาดื่มเหล้าด้วยกันจนเมาหนักทั้งคู่ ในที่สุดเหมยจวงเปิดเผยความในใจต่อเวินสือชู เวินสือชูก็ไม่อาจหักห้ามความต้องการของตัวเอง ทั้งคู่จึงมีความสัมพันธ์กัน
เจินหวนบอกฮ่องเต้ให้ทำใจให้หนักแน่น ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็อย่าได้กริ้ว อย่าได้เก็บมาใส่พระทัย เมื่อฮ่องเต้ไปหาฮองเฮา ฮองเฮาก็พูดทำนองว่าสงสัยเรื่องที่เจินหวนท้องคราวนี้ดูผิดกว่าคนอื่นเพราะท้องใหญ่มากเกินกว่าปกติ น่าสงสัยถึงสายเลือดในท้องของนาง ฮ่องเต้เริ่มกริ้วที่ฮองเฮามาพูดเช่นนี้ ตำหนิไปหลายคำและเลยเสด็จกลับ ทำให้ฮองเฮาแค้นเจินหวนมากกว่าเดิม
เหมยจวงมีท้อง นางดีใจมาก และเนื่องจากต้องการเก็บลูกไว้ นางจึงใช้มารยาหญิงหลอกล่อฮ่องเต้ให้ร่วมอภิรมย์กับนาง และจากนั้นไม่นานนางก็ประกาศต่อหน้าทุกคนในงานเลี้ยงว่านางท้องแล้ว ฮ่องเต้ดีพระทัยที่สุด ที่ทั้งเจินหวนและเหมยจวงต่างมีท้อง หลิงหรงมาเยี่ยมเหมยจวงทำให้เหมยจวงไม่สบายใจมาก และไม่ต้องการให้หลิงหรงมาเยี่ยมอีก จึงวางอุบายทำเป็นนอนไม่หลับให้ฮ่องเต้เห็น สาวใช้คนสนิทรีบทูลว่าเป็นเพราะอันผิน(อันหลิงหรง) มารบกวนจนดึกทำให้เสิ่นเหมยจวงไม่สบายใจจึงไม่ได้นอน ฮ่องเต้เลยมีคำสั่งห้ามหลิงหรงมาที่เรือนของเหมยจวงอีกต่อไป

 (จิ้งเฟยกับองค์หญิงหลงเยว่ ที่ผูกพันกันจนไม่อาจแยกจากกันได้)

หลงเยว่รักจิ้งเฟยเหมือนแม่แท้ ๆ และไม่ยอมไปอยู่กับเจินหวน แม้ว่าจะจิ้งเฟยจะบอกว่าเจินหวนเป้นแม่ผู้ให้กำนเนิด องค์หญิงหลงเยว่ก็ไม่ยอมรับสักที เช่นเดียวกับที่จิ้งเฟยรักหลงเยว่เหมือนลูกในใส้ ก็ไม่อาจทำใจแยกจากหลงเยว่ได้เช่นกัน เจินหวนยอมให้หลงเยว่อยู่ที่ตำหนักเสียนฝูกับจิ้งเฟยไปก่อนจนกว่าหลงเยว่จะทำใจได้ แต่องค์ชายสี่หงลี่กลับมาพาหลงเยว่ไปหาเจินหวนเกือบทุกวัน ทำให้จิ้งเฟยยิ่งมายิ่งรู้สึกเหมือนกำลังโดนแย่งลูกไป ฮองเฮาเห็นโอกาสเลยเรียกจิ้งเฟยไปคุยด้วย จากนั้นไม่นานก็ จินซีกู๋กู และซูเผยเซิงก็ถูกลงโทษอย่างรุนแรงฐานลักลอบรักกัน เพราะคนหนึ่งเป็นขันที อีกคนเป็นนางในวัง
 เจินหวนโกรธมากที่จินซีโดนเล่นงานครั้งนี้ นางบุกไปเยี่ยมจินซีถึงสถานที่คุมขังในกรมวังฝ่ายใน และบอกจินซีว่าจะหาทางชว่ยจินซีให้จงได้ จากนั้นเจินหวนก็วางแผนหว่านล้อมให้ยงเจิ้งยอมอภัยโทษให้กับซูเป่ยเซิงและจินซี โดยชี้ให้เห็นว่า เรื่องความรักระหว่างขันทีและนางในวัง แม้จะผิดกฎ แต่ไม่ได้ส่งผลเสียร้ายแรงต่อชาติบ้านเมือง อีกอย่างนับแต่ไม่มีซูเป่ยเซิงอยู่ข้างพระวรกาย ก็ไม่มีขันทีคนไหนปรนนิบัติยงเจิ้งได้ถูกพระทัยอีก เพราะซุเป่ยเซิงรู้ใจยิงเจิ้งไปหมด
ในที่สุดยงเจิ้งทรงอภัยโทษให้ทั้งสองด้วยพระองค์เอง ทำให้ฮองเฮาคัดต้านอะไรไม่ได้

 หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป จินซีถึงได้ตระหนักว่า ซูเผยเซิงทุ่มเทเพื่อนางมาเพียงไหน และนางเองก็เริ่มมีใจชอบซูเผยเซิงเหมือนกัน ซูเผยเซิงดีใจมากที่จินซีเริ่มรักตอบแล้ว  ซูเผยเซิงรู้ซึ้งถึงบุญคุณของเจินหวนที่วิ่งเต้นช่วยเหลือพวกตนทั้งสองจนรอดตายมาได้

อ๋อง 17 กลับมาเมืองหลวงหลังจากไปราชการเป็นเวลานาน ฮ่องเต้ทรงสำราญพระทัยจัดงานเลี้ยงในวัง นี่เป็นครั้งแรกนับแต่เข้าวังมาที่เจินหวนได้พบหน้าอ๋อง 17 อีกครั้ง  นางกลัวอย่างมากว่ายงเจิ้งจะจับได้ว่าทั้งสองรักกัน  เพราะท่าทีของอ๋อง 17 ที่มีต่อนางนั้นไม่เปลี่ยนแปร  โชคดีฮ่วนปี้มีไหวพริบอ้างว่าเจินหวนตั้งครรภ์ไม่ค่อยสบาย ต้องกินยา จึงขอตัวกลับออกจากงานเลี้ยง แต่อ๋อง 17 กลับแอบมาดักพบในที่ลับตา และจับมือถือแขนเจินหวน  ฮ่วนปี้รีบไปดูต้นทางเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้คุยกัน  เจินหวนเตือนอ๋อง 17 ว่าหากอ๋อง 17 ยังคงมีท่าทีแจ้งชัดแบบนี้ต่อไป สักวันต้องถูกคนอื่นจับได้ และ ขอให้อ๋อง 17 พยายามตัดใจแยกจากไป อ๋อง 17 เห็นแก่ความปลอดภัยของเจินหวน จึงยอมลาจากไปอย่างชอกช้ำ 


เหตุการณ์ที่ทั้งสองแอบพบกันอยู่ในสายตาของหนิงกุ้ยเหรินโดยตลอด  ฮ่วนปี้เห้นเพียงมีคนแอบมอง แต่ว่านางจับไม่ได้ว่าเป้นใคร  ทำให้สองนายบ่าวรีบเร่งกลับตำหนักทันที  ระหว่างนั่งเสลี่ยงกลับหย่งโซ่วกง  เกิดมีแมวกระโจนเข้ามาก่อกวนทำให้ขันทีที่แบกเสลี่ยงทำเสลี่ยงตกกระแทกพื้น เจินหวนได้รับความกระเทือนจึงปวดท้องคลอดทันที

เจินหวนคลอดลูก ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของฮ่องเต้และเวินสือชู  และเมื่อนางคลอดอย่างปลอดภัยเป็นแฝดชายหญิง ฮ่องเต้ยงเจิ้งทรงโสมนัสมาก  ทรงเลื่อนตำแหน่งให้เจินหวนเป็นซีกุ้ยเฟย คอยดูแลปกครองหกตำหนักวังหลัง  และให้รางวัลบ่าวรับใช้ในตำหนักหย่งโซ่วทุกคน ยกเว้นสาวใช้นางหนึ่งที่ชื่อเฟยเหวินที่บังเอิญพูดคำไม่เป็นมงคลออกมาต่อหน้าพระพักตร์ ยงเจิ้งฮ่องเต้กริ้วเลยสั่งลงโทษให้นางตบปากตัวเองจนบวมแดง เฟยเหวินแค้นใจมาก พอดีฮองเฮามาเห็นท่าทีของเฟยเหวินจึงเกลี้ยกล่อมไว้เป็นพวก เพื่อหวังวางสายไว้ข้างกายของเจินหวน

ยงเจิ้งตั้งชื่อโอรสที่เกิดใหม่ว่าหงเอี่ยน ส่วนพระธิดานั้นเจินหวนตั้งชื่อว่า หลิงซี (ความจริงนางตั้งเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่นางได้พบรักกับอ๋อง 17 แต่ยงเจิ้งฮ่องเต้ไม่ทราบ ทรงพอพระทัยว่าชื่อนี้ไพเราะ)
เมื่อมีองค์หญิงหลิงซี ยงเจิ้งก็นึกถึงองค์หญิงหลงเยว่ขึ้นมา และมีรับสั่งว่าจะให้จิ้งเฟยคืนหลงเยว่ให้เจินหวน สองแม่ลูกจะได้อยู่ด้วยกันไม่ต้องแยกกันอีก

เจินหวนจึงเรียกจิ้งเฟยมาพบ และบอกว่านางรู้ว่าจิ้งเฟยคือคนที่เอาเรื่องความสัมพันธ์ของจินซีกับซูเผยเซิงไปบอกแก่ฮองเฮา  จิ้งเฟยเสียใจ  นางบอกว่าที่ทำไปก็แค่อยากยืดเวลาที่จะได้อยู่กับหลงเยว่ออกไปอีกสักหลาย ๆ ปี  เพราะชีวิตในวังสำหรับพระสนมที่ไร้โอรสธิดาสำหรับพึ่งพาแล้ว ช่างเหงาเปล่าเปลี่ยวและว้าเหว่ยิ่งนัก  จิ้งเฟยรักหลงเยว่เหมือนลูกในไส้  และคงทนอยู่ไม่ได้อีกต่อไปถ้าไม่มีหลงเยว่  เจินหวนเข้าใจถึงความรักความผูกพันธ์ระหว่างจิ้งเฟยและหลงเยว่ จึงออกปากยกหลงเยว่ให้จิ้งเฟยเลี้ยงเป็นลูก  เพราะเจินหวนก็มีหลิงซีแล้ว  จิ้งเฟยดีใจจนร้องไห้  ทั้งสองจึงปรับความสัมพันธ์กันและกลายเป็นมิตรสนิทกันอีกครั้งหนึ่ง

ฮ่องเต้อ้างว่าสุขภาพฮองเฮาไม่ดี ป่วยออด ๆ แอด ๆ จึงขอมอบอำนาจว่าการวังหลังให้ซีกุ้ยเฟย แต่ฮองเฮาคัดค้าน  เจินหวนเลยเสนอให้ตวนเฟยกับจิ้งเฟยและนางร่วมกันเพื่อดูแลตำหนักใน  ฮ่องเต้เห็นดีด้วย ฮองเฮาจึงไม่กล้าคัดค้านอีก 

หนิงกุ้ยเหรินหลอกพาเจินหวนไปที่ลับตาเพื่อหวังฆ่าทิ้ง แต่ได้เห็นสร้อยข้อมือปะการังที่เจินหวนใส่ติดตัว รู้ว่าเจินหวนคือสตรีที่เป็นยอดดวงใจของอ๋อง 17 ทำให้หนิงกุ้ยเหรินที่รักอ๋อง 17 ยิ่งกว่าชีวิต ไม่อาจตัดใจฆ่าเจินหวนได้เพราะเกรงจะเป็นการทำร้ายจิตใจอ๋อง 17  และตัดสินใจปล่อยเจินหวนไป  เหตุการณ์นี้ทำให้เจินหวนรู้ถึงความรักที่หนิงกุ้ยเหรินมีต่ออ๋อง 17 ว่ามากมายเพียงไหน

อิ๋ซิวฮองเฮากลุ้มใจนักที่เจินหวนเป็นที่โปรดปรานของยงเจิ้ง  จึงพาลกระทบกระแทกว่าอันผินและฉีกุ้ยเหรินว่าไร้ความสามารถที่จะผูกมัดพระทัยฮ่องเต้  ฉีกุ้ยเหรินและอันผินที่ไม่กินเส้นกันอยู่แล้วทำให้ฉีกุ้ยเหรินยิ่งเกลียดอันผินว่าคอยแก่งแย่งความรักความโปรดปรานไป  จึงวางแผนให้อันผินดื่มยาที่ทำให้เสียงอันไพเราะของอันหลิงหรงถูกทำลาย  อันผินเป็นที่โปรดปรานก็เพราะนางร้องเพลงได้ไพเราะ เมื่อเสียงเสียไปแล้ว ก็หมดอาวุธสำคัญ  อันผินจึงดิ้นรนหาทางทำให้ตัวเองกลับเป็นที่โปรดปรานอีกให้จงได้ โดยพยายามฝึกหัดระบำบนน้ำแข็งให้สวยงามที่สุด  และแสดงการร่ายรำนี้หน้าพระพักตร์ยงเจิ้ง ทำให้ยงเจิ้งพอพระทัยถึงขนาดเสด็จลงจากที่ประทับมาคลุมเสื้อคลุมให้หลิงหรงด้วยพระองค์เอง และประทานรางวัลมากมาย จากนั้นก็เรียกหลิงหรงไปถวายการปรนนิบัติอีกครั้งและกลายเป็นที่โปรดปรานอีก แม้ว่าเสียงนางจะไม่เพราะเหมือนเดิมแล้วก็ตาม  เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เจินหวนได้คาดการณ์ไว้หมดแล้วจึงไม่ประหลาดใจอะไร แต่ฮองเฮานั้นแปลกใจและดีใจมากที่หลิงหรงกลับเป็นที่โปรดปรานอีกครั้ง  ขณะที่ฉีกุ้ยเหรินโกรธยิ่งนัก

     เจินหวนเห็นว่าควรรื้อฟื้นเรื่องที่พ่อของนางโดนพ่อของฉีกุ้ยเหรินใส่ร้าย ขึ้นมาพลิกคดีใหม่เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้กับพ่อ  แต่ฮ่องเต้ท้วงว่ายังไม่ถึงเวลา หากทำตอนนี้จะเกิดเรื่องวุ่นวายในราชสำนักฝ่ายหน้า  เจินหวนจึงยอมอดทนรอโอกาสต่อไป


(เจินหวนเมื่อได้เลื่อนจากตำแหน่งซีเฟย เป็นซีกุ้ยเฟย  มีอำนาจในการว่าการหกตำหนักฝ่ายใน)

ยงเจิ้งอนุญาตให้อวี้หยาว น้องสาวของเจินหวนเข้าวังมาพักอยู่เป็นเพื่อนของเจินหวน  อวี้หยาวเติบโตเป็นหญิงสาวสวยน่ารัก นิสัยเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไร้จริตมารยา และบังเอิญได้พบกับอนุชา 21 อวิ่นสี่ อวิ่นสี่ถูกใจอวี้หยาวมาก  และบอกเรื่องนี้ที่พบคนถูกใจให้อ๋อง 17 ฟัง อ๋อง 17 ฟังแล้วก็คิดถึงความรักที่ไม่สมหวังของตัวเองกับเจินหวน  และระหว่างขี่ม้า อ๋อง 17 ก็พลัดตกม้าสลบไป  เมื่อข่าวไปถึงในวัง เจินหวนตกใจมาก ฮ่วนปี้ก็ร้อนรน  เจินหวนไม่อาจออกจากวังไปดูแลอ๋อง 17 ได้ จึงส่งฮ่วนปี้ไปปรนนิบัติอ๋อง 17 ที่ยังนอนสลบอยู่ที่วังแทนตัวเอง ฮ่วนปี้ดีใจมากเพราะนางหลงรักอ๋อง 17 มานานแล้ว และเจินหวนก็ทราบเรื่องนี้ดี จึงสนับสนุนน้องสาวอย่างฮ่วนปี้เต็มที่

 ฉีกุ้ยเหรินเปิดฉากโจมตีเจินหวนอย่างเปิดเผย โดยทูลฟ้องต่อฮองเฮาว่า ว่าเวินสือชูกับเจินหวนมีอะไรกัน อันหลิงหรงทำเป็นพูดจาเหมือนจะเข้าข้างเจินหวนแต่ที่จริงกลับบอกกับทุกคนในห้องนั้นอ้อม ๆ ว่าเวินสือชูกับเจินหวนนั้นรักใคร่สนิทสนมกันมานานแล้ว  ฉีกุ้ยเหรินอ้างพยานคือเฟยเหวิน(สาวใช้ในตำหนักหย่งโซ่วกงที่ฮองเฮาเคยทาบทามให้เป็นสายข้างกายเจินหวน) สาวใช้คนนี้กลับปั้นเรื่องราวว่าเห็นเวินสือชูกับเจินหวนจับไม้จับมือกัน และพูดจาทำนองชู้สาวกัน  เวินสือชูปฏิเสธอย่างหนักแน่น ส่วนเจินหวนนั้นนิ่งสงบไม่หวั่นไหว  และยังรุกถามกลับเฟยเหวินว่าเคยเห็นที่ไหนอย่างไร จนเฟยเหวินพูดไม่ออก ทุกคนในห้องมองออกว่าเฟยเหวินโกหก  หลิงหรงก็เลยแนะนำอ้อม ๆ อีก ให้ทุกคนคิดถึงตอนที่เจินหวนอยู่อารามกานลู่ซื่อ ว่ามีแต่เวินสือชูคนเดียวที่ไปคอยดูแลนาง  เจินหวนมองหลิงหรงด้วยสายตาเยียบเย็น

ยงเจิ้งเสด็จมาทันที  ทรงสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ฉีกุ้ยเหรินรีบทูลฟ้องกล่าวหาว่าเจินหวนเป็นชู้กับเวินสือชู ยงเจิ้งกริ้วจนตบฉีกุ้ยเหรินกลิ้งไป ฮองเฮารีบหว่านล้อมให้ฮ่องเต้ยอมฟังฉีกุ้ยเหรินก่อน ฉีกุ้ยเหรินอ้างพยานจากวัดกานลู่ซื่อที่เคยเห็นเวินสือชูไปเยี่ยมเยียนเจินหวน นั่นคือแม่ชีจิ้งไป๋  จิ้งไป๋บอกกับทุกคนอย่างคลุมเครือว่าเห็นเวินสือชูไปหาเจินหวนบ่อย ๆ และเจินหวนยังไล่แม่ชีทุกคนออกมาขณะที่เวินสือชูไปพบด้วย  ทำให้แม่ชีไม่ทราบว่าทั้งสองมีหรือไม่มีอะไรกันแน่หรือเปล่า เป็นการปรักปรำว่าทั้งสองน่าจะมีอะไรกันจริง ๆ  หนิงกุ้ยเหรินที่ฟังอยู่นาน ลุกขึ้นทูลลา บอกว่าทนฟังเรื่องแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว แล้วก็ออกไปแบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น แต่ที่จริงนางส่งคนไปแจ้งที่ตำหนักหย่งโซ่วว่าเจินหวนกำลังโดนเล่นงาน ให้คนที่ตำหนักหย่งโซ่วรีบหาทางช่วยโดยด่วน

(ฉากไคลแม็กซ์ฉากหนึ่งของเรื่องนี้  ฉีกุ้ยเหรินฟ้องเจินหวนว่าเป็นชู้กับเวินสือชู )

ยงเจิ้งฮ่องเต้เริ่มหวั่นไหว ทรงถามเจินหวนว่ามีอะไรกับเวินสือชูจริงหรือเปล่า  เจินหวนปฏิเสธอย่างหนักแน่นมั่นใจ ฮ่องเต้จึงรับสั่งว่าเชื่อเจินหวน แต่แล้วหลิงหรงกลับยุยงว่าให้ทรงสอบสวนให้ละเอียด  ฉีกุ้ยเหรินก็ใส่ไฟซ้ำว่าเจินหวนท้องตั้งแต่ก่อนจะเข้าวังมานี่ ไม่แน่อาจจะเป็นลูกเวินสือชูก็ได้  ฮองเฮารีบซ้ำว่า เคยสงสัยและได้ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องครรภ์นี้ของเจินหวนมาตั้งแต่นางเข้าวังมาใหม่ ๆ แล้ว  และเวลาที่คลอดนั้นก็ผิดจากเวลาที่ควรจะเป็นไปมาก  ยงเจิ้งเริ่มกริ้ว รับสั่งว่าใคร ๆ ก็รู้ว่าเจินหวนคลอดก่อนกำหนดเพราะว่าขบวนเสลี่ยงของนางโดนแมวกระโจนใส่จนตกกระแทกพื้น กระเทือนถึงครรภ์จึงคลอดก่อนกำหนด  อีกอย่าง องค์หญิงหลงเยว่ก็คลอดก่อนกำหนดเหมือนกัน  ฉีกุ้ยเหรินรีบเถียงทันทีว่า ถ้าเสลี่ยงตกเพราะโดนคนแกล้งโยนแมวใส่ ทำไมไม่หาคนทำร้ายเจินหวนในครั้งนั้นมาลงโทษ กลับปล่อยให้เงียบแบบนี้น่าสงสัย  เฟยเหวินก็รีบสนับสนุนคำของฉีกุ้ยเหริน ด้วยการอ้างว่าได้ยินเรื่องที่เวินสือชูเคยคุยกับเจินหวน เกี่ยวกับคลอดก่อนคลอดหลังอะไรนี่แหละ

ฉีกุ้ยเหรินรีบเสนอให้เอาตัวจินซีกับฮ่วนปี้ สองสาวใช้คู่กายของเจินหวนไปทรมานเพื่อสอบหาความจริง เจินหวนโกรธมาก  จินซียินดีรับทัณฑ์ทรมานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้เป็นนาย เจินหวนรีบห้ามจินซี  แต่หลิงหรงกลับดักคอทันทีว่าควรยอมปล่อยให้จินซีไปรับการทรมานเพื่อพิสูจน์ความจริง  เจินหวนมองหลิงหรงอย่างรู้เท่าทันด้วยสายตาราวกับคมมีด  ฮองเฮาเลยเสนอให้พิสูจน์สายเลือดขององค์ชายหกหงเอี่ยนกับยงเจิ้ง  คราวนี้เจินหวนตกใจจนเข่าอ่อน รีบทูลขอร้องว่าอย่าได้ทำเช่นนี้

ยงเจิ้งพิจารณาแล้ว ตัดสินใจให้เจาะเลือดพิสูจน์ เพื่อจะได้แสดงให้ทุกคนเห็นกันไปเลยว่าใครบริสุทธิ์  เจินหวนไม่มีทางเลือกจำใจยอมให้เจาะเลือด  ฮองเฮาดีใจรีบสั่งคนไปเตรียมชามใส่น้ำเข้ามาเพื่อเจาะเลือด  ซูเผยเซิงไปอุ้มองค์ชายหกหงเอี่ยนเข้ามาเจาะเลือดหยดลงไป  เจินหวนใจคอไมดีเลย  แต่เมื่อฮองเฮาสั่งให้เวินสือชูมาเจาะเลือดหยดลงไป เจินหวนรู้สึกโล่งอกในทันที  แต่ปรากฎว่าเลือดของเวินสือชูกับหงเอี่ยนกลับเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว  ยงเจิ้งเห็นดังนั้น พิโรธมาก บริภาษเจินหวนอย่างรุนแรง เจินหวนก็ตกใจมาก เวินสือชูรีบร้องว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

ฮองเฮารีบร้องสั่งให้คนมาลากตัวเวินสือชูออกไปประหาร แล้วลากเจินหวนไปคุมขัง  เจินหวนไม่ยอม รีบถลาไปดูที่ชาม ร้องบอกทุกคนว่าน้ำยาในชามนี้มีปัญหาแน่นอน  แล้วก็ดึงมือซูเผยเซิงที่เป็นขันทีมาเจาะเลือดหยดลงไป ผลก็ปรากฎว่าเลือดของซูเผยเซิงเข้ากับเลือดที่หยดในน้ำอยู่แล้วได้อีก  จินซีลองเจาะลงไปบ้าง ก็เข้ากับเลือดทุกคนที่หยดไปก่อนหน้านี้  เจินหวนรีบบอกให้ทุกคนทราบว่าน้ำยานี้มีปัญหาแน่ ๆ ไม่ว่าใครจะหยดเลือดลงไปก็เข้ากันได้หมด  จิ้งเฟยเลยรีบทูลให้ฮ่องเต้ตระหนักทันทีว่าใครกันเป็นคนยืนยันให้พิสูจน์เลือดให้ได้ ตวนเฟยรีบสนับสนุนอีกแรง  ทำให้ฮ่องเต้นึกขึ้นได้ว่า ฮองเฮาเป็นคนเสนอวิธีนี้และฮองเฮานั่นเองที่เป็นคนเตรียมน้ำยาชามนี้ไว้  จึงรับสั่งกับฮองเฮาว่า ทรงนึกได้แล้วว่าฮองเฮานั้นมีความรู้ด้านวิชาแพทย์ และน้ำยานี้ก็ฮองเฮาเป็นคนเตรียมไว้ ฮองเฮารีบแก้ตัวเป็นพัลวัน แต่ยงเจิ้งไม่ฟังแล้ว

ซูเผยเซิงรีบไปเอาน้ำเข้ามาชามใหม่ แล้วหยดเลือดพิสูจน์ระหว่างเวินสือชูกับองค์ชายหกหงเอี่ยนอีกครั้ง  ผลคราวนี้คือเลือดเข้ากันไม่ได้  ฮ่องเต้โล่งพระทัยมาก ส่วนฮองเฮาตกที่นั่งลำบาก เจินหวนร้องไห้ถามยงเจิ้งว่าคราวนี้หายสงสัยแล้วกระมัง ยงเจิ้งรีบรับสั่งขอโทษเจินหวนที่เข้าใจนางผิดไป  แล้วทรงหันไปเล่นงานฉีกุ้ยเหรินทันที  แต่ฉีกุ้ยเหรินก็ไม่ยอมแพ้ รีบเถียงโดยอ้างพยานอย่างเฟยเหวินและจิ้งไป๋ว่าเคยเห็นเวินสือชูกับเจินหวนอยู่ด้วยกันตามลำพัง 

ทันใดนั้นหนิงกุ้ยเหรินก็โผล่กลับมา บอกว่าแม่ชีอย่างจิ้งไป๋นั้นไม่มีศีลมีสัตย์ มุสาวาท  อวี้หยาวน้องสาวเจินหวนก็รีบเข้ามาต่อว่าต่อขานยงเจิ้งอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมทั้งให้เบิกตัวแม่ชีม่อเอี่ยนจากอารามมายืนยันถึงความร้ายกาจต่าง ๆ นานาที่จิ้งไป๋เคยกระทำต่อพวกเจินหวนระหว่างอยู่ที่อารามในช่วงสามปี  และทำให้เจินหวนเกือบต้องตาย ดีแต่ได้เวินสือชูรีบไปรักษา หากเวินสือชูจะมีอะไรกับเจินหวนจริง ๆ ทำไมเจินหวนต้องทนยอมลำบากทนหนาวอยู่บนยอดเขาหลิงหวินอยู่เป็นนาน 

ยงเจิ้งเพิ่งรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจินหวน และทรงเชื่อในความบริสุทธิ์ของเจินหวนทั้งหมด  ทรงกริ้วมากและรับสั่งลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการใส่ร้ายเจินหวน  หลิงหรงรีบออกตัวให้เอาตัวแม่ชีจิ้งไป๋ไปตัดลิ้นซะโทษฐานใช้ลิ้นตลบตะแลง ทำให้เหล่าพระสนมทุกคนในที่นั้นประหลาดใจกับความโหดเหี้ยมครั้งนี้ ทั้งที่หลิงหลงเป็นคนจิตใจอ่อนโยนมาตลอด  ฮ่องเต้ก็มองหลิงหรงอย่างแปลกพระทัย   หนิงกุ้ยเหรินรีบพูดถึงพยานเท็จที่ถูกฉีกุ้ยเหรินลากมาต้องลงโทษให้สิ้น  แต่เจินหวนรีบทูลเตือนสติฮ่องเต้ว่า เบื้องหลังฉีกุ้ยเหรินต้องมีคนสนับสนุนแน่นอน ไม่อย่างนั้นสนมเล็ก ๆ อย่างฉีกุ้ยเหรินเพียงลำพังไหนเลยจะกล้ากล่าวหาเจินหวนที่เป็นกุ้ยเฟยด้วยข้อหาร้ายแรงขนาดนี้  หนิงกุ้ยเหรินรีบสนับสนุนเจินหวนอีกแรง โดยทูลว่าถ้าปล่อยคนที่อยู่เบื้องหลังต่อไปภายหน้าวังหลังคงไม่สงบเป็นแน่  ควรที่ฮ่องเต้จะกวาดล้างให้สิ้นซาก

เจินหวนบอกฉีกุ้ยเหรินว่าชีวิตของฉีกุ้ยเหรินขึ้นกับตัวเอง  จะอยู่หรือไปแล้วแต่นางจะตัดสินใจ  ฉีกุ้ยเหรินแอบมองฮองเฮาที่นั่งอย่างท้อแท้อยู่บนเก้าอี้เบื้องหน้า แล้วตัดสินใจยอมรับว่าทำเองคนเดียว ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ที่ทำไปเพราะนางเกลียดเจินหวนมานานแล้ว  ฮองเฮาได้ที รีบบอกว่านางเอ็นดูเจินหวนเหมือนน้องสาวแท้ ๆ มาตลอด และหากฉุนหยวนฮองเฮายังอยู่ จะต้องเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของนางแน่นอน  ฮ่องเต้กลับรับสั่งว่า ทรงหวังมาตลอดว่าฉุนหยวนไม่น่าจะมีน้องสาวอย่างฮองเฮาอี๋ซิวเลย  ฮองเฮาได้ยินแล้วช็อคมาก ทรุดลงไปนั่งบนพื้นข้างที่ประทับของยงเจิ้ง ฮ่องเต้ยังรับสั่งว่า ยาน้ำที่พิสูจน์เลือดนี่ก็ฮองเฮาจัดหามา  สาวใช้คนสนิทนางหนึ่งของฮองเฮารีบออกมารับสมอ้างว่า เป็นเพราะนางไม่ระวังเอง ตอนเตรียมน้ำเลยทำให้ยาเปื้อนลงไปในน้ำ ไม่เกี่ยวกับฮองเฮาแต่อย่างไร  ฮ่องเต้กำลังกริ้วจัด จึงสั่งให้ลากคนสนิทของฮองเฮานางนี้ออกไปสำเร็จโทษเสีย  จากนั้นก็หันมาตัดสินโทษฉีกุ้ยเหริน โดยส่งไปขังไว้ที่ตำหนักเย็น  ส่วนคังฉางไจ้กับเจินผินที่คอยกระแนะกระแหนเจินหวนนั้น ให้ตัดเบี้ยหวัดครึ่งปี  ส่วนคนอื่น ๆ ยกให้เจินหวนลงโทษด้วยตัวเอง

เจินหวนสั่งลงโทษแม่ชีจิ้งไป๋  และสาวใช้เฟยเหวินที่เป็นนกสองหัว  ให้โบยจนตาย  ส่วนปิงเอ๋อร์ที่ถูกฉีกุ้ยเหรินบังคับข่มขู่มา ให้ปล่อยเป็นอิสระ พอดีทหารที่ลากจิ้งไป๋ออกไปตัดลิ้น ถือถาดใส่ลิ้นจิ้งไป๋เข้ามา เจินหวนสั่งให้กำนัลลิ้นของจิ้งไป๋แก่ฉีกุ้ยเหริน จะได้เป็นเครื่องเตือนสติ และหันไปขอบใจหลิงหรงที่อุตส่าห์คิดวิธีลงโทษที่โหดร้ายทารุณแบบนี้ออกมาได้ 

ฉีกุ้ยเหรินยังไม่ยอมแพ้ ตะโกนถามเวินสือชูว่ากล้าสาบานไหมว่าไม่เคยคิดอะไรกับเจินหวนเลย  หลิงหรงก็รีบขู่เวินสือชูว่าความรักที่เวินสือชูมีต่อเจินหวนนั้นจะหวนกลับมาทำร้ายเจินหวนเองในภายหลัง  เวินสือชูอึกอักพูดไม่ออก ได้แต่บอกว่าไม่มีอะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของตนเองได้ จึงทูลลาฮ่องเต้ออกมา แล้วกลับไปที่กรมแพทย์ฝ่ายใน ลงมือเชือดอวัยวะของตัวเองทิ้งจนกลายเป็นขันทีไป

ฮ่องเต้สั่งให้ลากฉีกุ้ยเหรินที่ยังร้องโวยวายก่นด่าเจินหวนออกไป  จากนั้นก็ลงโทษฮองเฮา โดยสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ในตำหนักจิ่งเริ่นกง ห้ามออกไปนอกตำหนักเด็ดขาด  ส่วนการดูแลบริหารฝ่ายในทั้งหมด ให้เจินหวนร่วมกับตวนเฟยและจิ้งเฟย ช่วยกันดูแล

อันหลิงหรงวางหมากหลายชั้นเพื่อหวังทำร้ายเจินหวนในครั้งนี้โดยไม่เลือกวิธี โดยระหว่างที่เกิดเรื่องกับเจินหวนอยู่ในตำหนักจิ่งเริ่นกง  ก็สั่งให้สาวใช้คนสนิทรีบนำความไปเล่าให้เสิ่นเหมยจวงฟัง  เหมยจวงที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดร้อนใจจนไม่เป็นอันทำอะไร รีบตามมาที่ตำหนักจิ่งเริ่นเพื่อจะช่วยเจินหวน แต่ปรากฎว่านางกลับมาทันได้ยินทหารรายงานเรื่องเวินสือชูตัดอวัยวะตัวเองกลายเป็นขันที  เหมยจวงถึงกับสลบไปทันที  เมื่อฟื้นมานางก็คลอดก่อนกำหนดทันที

หลิงหรงยังทำเป็นหวังดีรีบรุดมาดูอาการของเหมยจวง เจินหวนทราบว่าคนที่เอาเรื่องมาเล่าให้เหมยจวงฟังคือคนสนิทของหลิงหรง ยิ่งชิงชังหลิงหรงมากขึ้น ถึงขั้นตบหน้าหลิงหรง และบอกว่าหากสองแม่ลูกเป็นอะไรไป เจินหวนจะไม่เอาหลิงหรงไว้เหมือนกัน หลิงหรงจึงไปลงกับสาวใช้โดยตบหน้าสาวใช้เพื่อหวังระบายความโกรธของเจินหวน แต่ยงเจิ้งเสด็จเข้ามาพอดี รับสั่งว่าสาวใช้นางนี้ไม่รู้การควรไม่ควร ตบหน้าไปก็ไม่มีประโยชน์ให้เอาไปกำจัดทิ้งซะ  หลิงหรงไม่กล้าค้าน ได้แต่มองสาวใช้คนสนิทถูกลากออกไปประหาร

เวินสือชูอาการสาหัส แต่ยังลากสังขารมาช่วยหมอเว่ยที่เป็นลูกศิษย์ช่วยทำคลอดให้เสิ่นเหมยจวงที่คลอดยาก ยงเจิ้งสั่งเลื่อนเหมยจวงจากฮุ่ยผินขึ้นเป็นฮุ่ยเฟยทันที  จากนั้นไม่นานฮุ่ยเฟยก็คลอด  ยงเจิ้งโล่งพระทัยเสด็จกลับไปพัก หลิงหรงรีบตามกลับไปด้วย แต่แล้วไม่นานเหมยจวงก็ตกเลือดอาการทรุดลง  เวินสือชูกับเจินหวนอยู่ดูใจ เหมยจวงตั้งชื่อลูกสาวว่าจิ้งเหอ แล้วก็ขอให้เวินสือชูอุ้มลูกที่เกิดจากนางเอาไว้  เจินหวนจึงได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เวินสือชูสารภาพในวาระสุดท้ายก่อนที่เหมยจวงจะสิ้นลมว่ารักเสิ่นเหมยจวง  ทำให้เหมยจวงจากไปอย่างสงบในอ้อมกอดของเวินสือชู

เมื่อสูญเสียเหมยจวงที่เจินหวนรักเหมือนพี่สาวแท้ ๆ ไป เจินหวนเสียใจอย่างที่สุด เวินสือชูก็เอาแต่ดื่มเหล้าจนแทบไม่เป็นผู้คน  เจินหวนจึงเลือกให้หมอเว่ยที่เป็นศิษย์ก้นกุฏิของเวินสือชูมารับหน้าที่เป็นหมอประจำตัวนางแทน  ด้านหลิงหรงแอบดื่มเหล้าฉลองที่เหมยจวงตายไปเสียได้  และเล่าให้สาวใช้คนสนิทฟังว่าเหตุที่นางเลือกทำร้ายเหมยจวงก็เพราะว่าการตายของเหมยจวงจะทำให้เจินหวนเจ็บปวดที่สุด และหลิงหรงพอใจที่สุดที่จะได้เห็นแบบนั้น  หลิงหรงแอบไปพบกับฮองเฮาที่เสียอำนาจไปแล้วและสัญญาว่าตราบใดที่นางมีชีวิตอยู่ จะไม่ยอมให้เจินหวนได้อยู่อย่างมีความสุขเด็ดขาด

ยงเจิ้งทาบทามขอฮ่วนปี้ จะแต่งตั้งให้ฮ่วนปี้เป็นสนม  ฮ่วนปี้ตกใจรีบบอกว่าตนเองมีขายในดวงใจแล้ว  ที่แท้ยงเจิ้งแกล้งล้อเจินหวนเล่นเพื่อหวังจะให้เจินหวนหึงหวง  เจินหวนไม่ค่อยสบายใจเมื่อเห็นสายตาที่ยงเจิ้งทรงมองอวี้หยาวผู้เป็นน้องสาว  ซึ่งระหว่างนั้นเริ่มผูกสมัครรักใคร่กับอวิ่นซี (องค์ชาย 21) แล้ว 

ยงเจิ้งทรงจัดงานเลี้ยงในวังเชิญอ๋อง 17 และอนุชาอีกหลายองค์มาด้วย  ระหว่างที่ดื่มยงเจิ้งทรงเก็บถุงเครื่องหอมของอ๋อง 17 ได้  เมื่อแกะออกดูก็พบกระดาษตัดเป็นรูปหน้าสตรีที่ดูคล้ายเจินหวนมาก ยงเจิ้งทรงเริ่มระแวงอีก  ฮ่วนปี้รีบออกรับว่าถุงเครื่องหอมนั้นเป็นของนางเอง หากฮ่องเต้ไม่เชื่อให้เปิดดู ในนั้นจะมีดอกตู้รั่วที่นางชอบใส่ไว้ด้วย  ส่วนกระดาษตัดนั้น ก็ฝีมือของนางเองที่ตัดให้อ๋อง 17 ไว้เป็นที่ระลึก  ฮ่องเต้จึงหยอกว่าที่แท้ชายในดวงใจของฮ่วนปี้คืออ๋อง 17 นี่เอง ฮ่วนปี้ไม่ปฏิเสธ  ฮ่องเต้เลยประกาศจะยกฮ่วนปี้ให้เป็นเมียของอ๋อง 17 เจินหวนอยากสนับสนุนฮ่วนปี้ เลยทูลขอให้รับฮ่วนปี้เป็นน้องสาวบุญธรรม มีศักดิ์ฐานะ เพื่อว่าจะได้แต่งกับอ๋อง 17 ได้อย่างสมฐานะ ไม่ต้องเป็นแค่สาวใช้ ฮ่องเต้ทรงอนุญาตตามที่เจินหวนขอ  ให้ฮ่วนปี้เข้าเป็นคนในตระกูลนิวฮู่ลู่ เปลี่ยนชื่อเป็นอวี้อิ่น และแต่งเป็นชายารองของอ๋อง 17 ขณะเดียวกัน เมิ่งกั๋วกงมีลูกสาวชื่อเมิ่งจิ้งเสียน ที่ต้องการให้แต่งกับอ๋อง 17  ยงเจิ้งจึงถือโอกาสนี้ แต่งให้กับอ๋อง 17 พรัอมกันทีเดียวสองคน มีศักดิ์ฐานะเท่ากันทั้งฮ่วนปี้และเมิ้งจิ้งเสียน  อ๋อง 17 แม้ไม่อยากแต่งงานเลย แต่เมื่อเป็นราชโองการก็ขัดไม่ได้ จำใจต้องแต่งชายาพร้อมกันสองคน  ฮ่วนปี้มีความสุขมากที่เจินหวนสนับสนุนนางให้ได้อยู่กับคนที่นางรัก 

เจินหวนได้พบกับพ่อและแม่ที่หายป่วยแล้ว  จึงคิดจะขอให้ฮ่องเต้ช่วยฟื้นคดีและคืนความบริสุทธิ์ให้กับตระกูลเจินของนาง  ฮ่องเต้รับปาก แต่ว่ายังใจร้อนไม่ได้  ในเวลาเดียวกันยงเจิ้งทรงพอพระทัยอวี้หยาวที่หน้าตาละม้ายกับฉุนหยวนฮองเฮา  และมีทีท่าว่าจะรับนางเป็นพระสนมคนใหม่ เจินหวนไม่พอใจและมีท่าทีคัดค้านอย่างมาก  ยงเจิ้งไม่กล้าขัดใจเจินหวน จึงทำเพียงมอบหยกล้ำค่าของฉุนหยวนฮองเฮาที่ทรงพกติดพระวรกายเป็นประจำให้กับอวี้หยาว เสมือนกับหมั้นหมายนางไว้ เพื่อรอให้อวี้หยาวโตกว่านี้จะได้แต่งตั้งนางเป็นสนม อวี้หยาวไม่พอใจมาก และอีกอย่างนางมีอวิ่นสี่(องค์ชาย 21)เป็นชายในดวงใจแล้ว จึงหาทางจะคืนหยกนี้ให้กับฮ่องเต้

(อวี้หยาว น้องสาวของเจินหวนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับฉุนหยวนฮองเฮา)

กวาเอ่อเจียเอ้อหมิ่นถูกจับได้ว่าทำผิดร้ายแรงหลายข้อหา จึงถูกจับประหารรวมถึงชายฉกรรจ์ในตระกูลทั้งหมด ส่วนเด็กผู้ชายถูกเนรเทศไปทิเบต  ผู้หญิงทั้งหมดถูกส่งเข้าเป็นทาสในวัง  กวาเอ่อเจียเหวินหยวน(อดีตฉีกุ้ยเหรินที่เคยใส่ร้ายเจินหวนว่าเป้นชู้กับหมอเวินสือชู) มาร้องขอความเมตตาจากฮ่องเต้แต่ยงเจิ้งสั่งปลดนางลงเป็นไพร่ แล้วให้ซูเผยเซิงไล่นางไปให้ไกล ๆ ซูเผยเซิงจึงถือโอกาสนี้สั่งให้ทหาร"จัดการ" เหวินหยวน แล้วเอาศพไปทิ้งนอกวังโดยไม่ให้ยงเจิ้งรู้  หลังจากอดทนรอคอยมายาวนาน ในที่สุดเจินหวนก็แก้แค้นตระกูลกวาเอ่อเจียที่ใส่ร้ายพ่อของนางได้สำเร็จ

ความสัมพันธ์ระหว่างอวี้หยาวและอ๋อง 21 แนบแน่นขึ้นทุกวัน  เจินหวนเมื่อทราบเรื่องจากฮ่วนปี้ จึงร่วมมือกันสนับสนุนให้อวี้หยาวแต่งกับอ๋อง 21 จนเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นไม่นาน ไทเฮาก็สิ้นพระชนม์ แต่ก่อนจะสิ้นพระชนม์ ไทเฮามีคำสั่งลับว่า ไม่ว่าฮองเฮาจะทำผิดร้ายแรงเพียงไหน ห้ามปลดนางจากตำแหน่งเด็ดขาด

อันปี่ไหว พ่อของอันหลิงหรงยักยอกเงินหลวงไปแปดแสนตำลึง จึงโดนปลดและถูกคุมขัง หลิงหรงเพื่อช่วยพ่อจึงไปคุกเข่าหน้าตำหนักหย่างซินขอร้องฮ่องเต้ เจินหวนรู้ดีว่ายงเจิ้งทรงเกลียดคนทุจริตที่สุดจึงแสร้งพูดเข้าข้างหลิงหรงให้ช่วยผ่อนผันแก่อันปี่ไหว ทำให้ฮ่องเต้ยิ่งกริ้วอันปี่ไหวหนักขึ้น ถึงขนาดบอกหลิงหรงว่าถ้าหากนางยังคุกเข่าขอร้องอีก จะสั่งประหารอันปี่ไหวทันที หลิงหรงจึงไปหาฮองเฮาให้ช่วยเหลือ ฮองเฮาแนะให้นางตั้งครรภ์ เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ดีพระทัย ทีนี้นางจะขออะไรก็จะได้สมปรารถนา  หลิงหรงแย้งว่านางกินยาคุมกำเนิดตามที่ฮองเฮาสั่งมานานแล้ว  ต่อให้ตั้งครรภ์ได้ ก็เกรงว่าจะอุ้มท้องได้ไม่ครบกำหนดคลอด ฮองเฮากลับบอกว่า ใครต้องการให้นางมีลูกกัน แค่ต้องการให้นางมีครรภ์ก็พอแล้ว แล้วก็มอบสูตรยาให้นางไปกิน เพื่อว่าจะได้ตั้งครรภ์ได้

หลังจากนั้นไม่นานหลิงหรงก็ตั้งครรภ์  ฮ่องเต้ดีพระทัย  ฮองเฮาโยนเรื่องภาระการดูแลครรภ์ของหลิงหรงให้เจินหวน เพราะรู้ดีว่าหลิงหรงไม่มีวันคลอดลูกได้สำเร็จแน่ และหากเกิดอะไรขึ้นกับครรภ์ของหลิงหรง เจินหวนต้องรับผิดชอบไปเต็ม ๆ  เจินหวนสงสัยว่าจะเป็นกลอุบาย แต่ก็ต้องรับไว้ ฮองเฮายังขอให้ฮ่องเต้แต่งตั้งอันหลิงหรงจากผินให้ขึ้นเป็นระดับเฟยด้วย

เจินหวนสงสัยว่าหลิงหรงตั้งครรภ์ได้อย่างไร แล้วปัญหาที่ตามมาคือ หากหลิงหรงมีพระโอรส แปลว่าฮองเฮาจะมีโอรส 2 องค์ คือองค์ชายสามและลูกที่เกิดจากหลิงหรง จะทำให้ฮองเอาได้เปรียบพวกเจินหวนมาก

ฮ่องเต้ให้เจินหวนคิดชื่อตำแหน่งของหลิงหรง เจินหวนเลือกคำว่า หลีเฟย (หลีเป็นชื่อนกที่ร้องไพเราะชนิดหนึ่ง เหมือนนกขมิ้นบ้านเรา...) ฮ่องเต้เห็นด้วย และในเวลาเดียวกันเจินหวนก็แอบผลักดันให้ฮ่องเต้ แต่งตั้งตวนเฟยให้เป็นหวงกุ้ยเฟยซึ่งมีตำแหน่งสูงสุดรองลงมาจากฮองเฮาเท่านั้น เลื่อนจิ้งเฟยเป็นจิ้งกุ้ยเฟย ซินกุ้ยเหรินเป็นซินผิน หนิงกุ้ยเหรินก็ได้เป็นหนิงผิน แม้กระทั่งเสิ่นเหมยจวงที่ตายไปแล้วก็ได้เลื่อนตำแหน่งด้วย ซึ่งทุกคนเป็นพันธมิตรของเจินหวนทั้งสิ้น

หลิงหรงได้รู้ว่าตัวเองเป็นหลีเฟย รู้สึกโกรธมาก เพราะนางคิดไปถึงว่านางถูกเหยียดหยามเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งเท่านั้น ส่วนฮองเฮานั้นสั่งให้หมอดูแลครรภ์ของหลิงหรงให้ดี ไม่ว่าอย่างไรต้องทำให้ครรภ์นี้ของหลิงหรง ดูเหมือนเป็นครรภ์ที่ไม่มีปัญหาแต่ประการใดทั้งสิ้น 

เจินหวนไปเยี่ยมหลิงหรง ต่างฝ่ายต่างใส่หน้ากากเรียกพี่เรียกน้องกันสนิทสนม เจินหวนถือโอกาสนี้พาหมอเว่ยไปด้วยเพื่อตรวจดูอาการของหลิงหรง แต่หลิงหรงไม่ยอมโดยอ้างว่าฮองเฮาส่งหมอมาแล้ว ก่อนจะกลับเจินหวนได้แอบเอาเครื่องหอมที่ใช้ในตำหนักของหลิงหรงมา มาตรวจสอบดู พบว่าเป็นตัวยาปลุกกำหนัด ส่วนหมอเว่ยก็รายงานการตรวจอาการของหลิงหรงว่า คงไม่สามารถประคับประคองครรภ์นี้ให้รอดได้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่เจินหวนคาดไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนเครื่องหอมปลุกกำหนัดนั้น หากผสมกับน้ำจะยิ่งออกฤทธิ์รุนแรง ทำให้คนที่ได้กลิ่นมึนเมา และเมื่อกลิ่นหายไปแล้ว จะไม่เหลือหลักฐานอะไรตกค้างให้จับได้เลย


ฮองเฮาบอกให้หลิงหรงรีบ ๆ หาทางจัดการใส่ร้ายเจินหวนโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้ตั้งครรภ์ไปถึงหกเดือน นอกจากจะรักษาเด็กไว้ไม่ได้ แม้แต่ชีวิตของหลิงหรงก็คงรักษาไว้ไม่ได้ด้วย แต่หลิงหรงยังหาโอกาสใส่ร้ายไม่ได้เลย เพราะว่าของทุกอย่างที่เจินหวนส่งมา ก็มีแพทย์หลวงคอยตรวจสอบทุกครั้งว่าปลอดภัย ทุกคนก็เห็นเป็นพยาน จึงใส่ร้ายไม่ได้ ฮองเฮาบอกว่าให้หลิงหรงรีบจัดการเร็ว ๆ และที่สำคัญระหว่างนี้ห้ามนอนกับฮ่องเต้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเด็กอาจแท้ง โดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรกับเจินหวนเลย กรมวังฝ่ายในส่งดอกลิลลี่มาให้ เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ หมอที่ฮองเฮาส่งมาคอยดูแลก็ตรวจดูแล้วไม่พบว่าผิดปกติ หลิงหรงจึงวางใจ คืนนั้นฮ่องเต้เสด็จมาเยี่ยม ทรงได้กลิ่นหอมของดอกไม้ หลังจากดื่มสุรา แล้วเลยค้างคืนกับหลิงหรง ทำให้หลิงหรงแท้ง

การแท้งของหลิงหรงเกิดจากนางร่วมสัมพันธ์กับฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้เสียพระทัยมาก ฮองเฮาผิดหวังมากที่เรื่องไม่เป็นไปตามที่คาด เมื่อหมดหวังจากหลิงหรงแล้ว ก็เลยหันมาสนับสนุนคังฉางไจ้แทน แต่ฮ่องเต้อารมณ์ไม่ดีอยู่เลยไล่ตะเพิดคังฉางไจ้ไป หลิงหรงหลังจากแท้งลูก วัน ๆ เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมพบใคร หลิงหรงรู้สึกว่าชีวิตของนางเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของฮองเฮาเท่านั้นเอง ไม่มีสิทธิ์ในชีวิตของตัวเองเลย นางเบื่อหน่ายกับสภาพเช่นนี้เหลือเกิน ยิ่งเทียบกับเจินหวน ก็ยิ่งรู้สึกว่านางยิ่งสู้ไม่ได้

ตวนเฟยตรวจพบยาปลุกกำหนัดในตำหนักของหลิงหรง มีพยานพร้อมหลักฐาน ทำให้หลิงหรงดิ้นไม่หลุด ข้อหาใช้ยาปลุกกำหนัดกับฮ่องเต้ ซ้ำเจินหวนยังทำให้ฮ่องเต้ระลึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เจินหวนแท้งลูกครั้งแรก ก็เพราะยาทาแผลของหลิงหรง ฮ่องเต้กริ้วมาก แม้ว่าฮองเฮาจะอยากช่วยหลิงหรงไว้ แต่ก็ไม่มีหนทางเลย เพราะทั้งเจินหวน ตวนเฟย และจิ้งเฟย ช่วยกันทั้งหาหลักฐานมาแสดง และพูดให้ฮ่องเต้ทรงเห็นถึงความผิดของหลิงหรงอย่างชัดเจน หลิงหรงไม่สะทกสะท้าน เพราะรู้ดีว่าวาระสุดท้ายของนางมาถึงแล้ว นางเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ยอมรับเรื่องที่ทำลงไป ไม่ขอความเมตตา ยงเจิ้งเลยสั่งถอดยศหลิงหรง ขังในตำหนักเอี๋ยนสี่ รอให้นางหายดี จึงค่อยให้นางไปคุกเข่าสารภาพความผิดบาปต่อหน้าพระทุกวัน ๆ เป็นตัวอย่างให้ทุกคนในวังสำนึกไว้ ส่วนสาวใช้คนสนิทให้ประหาร สาวใช้อื่น ๆ ในตำหนักเอี๋ยนสี่ให้ปลดลงเป็นทาสให้หมด ส่วนอันปี่ไหวพ่อของอันหลิงหรง ให้ประหารทั้งตระกูล หลิงหรงขอพบเจินหวน เมื่อพบหน้าหลิงหรงก็ระบายความโกรธแค้นทั้งหมดในชีวิตให้เจินหวนฟัง เพื่อให้ทราบว่าทำไมนางถึงต้องทำทุกอย่างลงไป ก่อนจากกัน นางร้องบอกเจินหวนว่า ฮองเฮา...ฆ่า...ฮองเฮา...
แล้วนางก็กินยาพิษฆ่าตัวตาย

(อันหลิงหรง ยอมทำทุกอย่างเพื่อหวังว่าจะชนะเจินหวนได้ แต่สุดท้ายกลับไม่เหลืออะไรเลย)

องค์ชายสามหงซื่อ ไม่ค่อยฉลาดเฉลียว แม้จะเป็นโอรสองค์ใหญ่ของยงเจิ้ง แต่ก็ไม่เป็นที่โปรดปราน ส่วนองค์ชายสี่หงลี่ ขยันหมั่นเพียรศึกษา และยังฉลาดเฉลียวมีไหวพริบ เจินหวนคอยดูแลและอบมรมสั่งสอนอย่างดี ฮองเฮาต้องการให้หงซื่อแต่งงานกับหลานสาวของตน แต่หงซื่อไม่ชอบ กลับไปชอบอิ่นกุ้ยเหรินที่เป็นพระสนมของพระบิดาแทน จนกระทั่งก่อเรื่องเขียนจดหมายถึงอิงกุ้ยเหริน ทำให้ยงเจิ้งกริ้วมาก และประหารอิงกุ้ยเหรินแทน อิงกุ้ยเหรินเดิมเป็นคนของตำหนักอ๋อง 17 เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เจินหวนไม่สบายใจ เพราะว่ายงเจิ้งมีท่าทีหวาดระแวงว่า อิงกุ้ยเหรินจะเป็นสตรีที่อ๋อง 17 ส่งเข้ามาเพื่อหลอกล่อหงซื่อให้หมายชิงบัลลังก์ หนำซ้ำเพราะเรื่องนี้ทำให้ยงเจิ้งระแวงเจินหวนว่าจะวางแผนชิงบัลลังก์ให้กับองค์ชายหกหงเอื่ยน จึงดึงอำนาจในการดูแลฝ่ายในกลับคืนไปให้ฮองเฮาดังเดิม

ยงเจิ้งยิ่งมายิ่งหวาดระแวงว่าจะมีคนวางแผนชิงบัลลังก์ ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในอาจจร่วมมือกัน เจินหวนตั้งครรภ์อีกครั้ง ระหว่างที่บรรดาองค์หญิงและองค์ชายกำลังเล่นกันที่ตำหนักหย่งโซ่ว มีตวนหวงกุ้ยเฟยและจิ้งกุ้ยเฟยอยู่ด้วย เจินหวนกลับนึกถึงคำพูดของหลิงหรงก่อนจะตาย ที่ว่าฮองเฮา..ฆ่า..ฮองเฮา ตอนนี้นางรู้แล้วว่าหลิงหรงต้องการจะบอกเจินหวนว่า ที่แท้อี๋ซิวฮองเฮาเป็นคนฆ่าฉุนหยวนฮองเฮา ไม่ใช่ต้องการให้เจินหวนฆ่าฮองเฮาแก้แค้นให้แก่นาง ตวนหวงกุ้ยเฟยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ฉุนหยวนฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ทั้งสามคนได้ข้อสรุปว่าเรื่องนี้น่าสงสัยอี๋ซิวฮองเฮามากที่สุด

เจินหวนตั้งครรภ์ แต่คราวนี้มีทีท่าว่าจะแท้ง หมอเว่ยต้องเชิญเวินสือชูเข้ามาช่วยดูแล เวินสือชูตรวจแล้วบอกว่าครรภ์นี้คงไม่อาจรักษาไว้ได้เกินห้าเดือน เจินหวนกำชับให้เรื่องนี้รู้กันแค่เวินสือชู กับหมอเว่ยหลิน และให้พยายามรักษาครรภ์นี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ และสั่งให้หมอเวินสือชูเตรียมยาขับเลือดเอาไว้ เพื่อว่าวันหนึ่งจะได้อาศัยครรภ์นี้ ช่วยให้แผนใหญ่ของนางประสบผลสำเร็จ

ฮ่องเต้พระราชทานปะการังแดงต้นใหญ่ซึ่งเป็นของหายากให้เจินหวนถวายพระเพื่อขอพรให้คุ้มครองทารกในครรภ์ เจินหวนถือโอกาสนี้เชิญบรรดาเหล่าสนมมาชื่นชมปะการังแดงด้วยกัน และบอกว่าให้คนที่มีศักดิ์สูงที่สุดในวังหลังเป็นผู้จุดธูปบูชาพระเพื่อขอพรให้นางและลูก นางจึงคิดจะเชิญฮองเฮา หวงกุ้ยเฟย และจิ้งกุ้ยเฟยมาด้วย เพื่อช่วยกันจุดธูปขอพรพระ ฮ่องเต้สั่งให้เตรียมการไปตามที่เจินหวนขอ แต่เมื่อถึงวันงาน ฮองเฮาไม่ยอมมา ทำให้ฮ่องเต้กริ้วมาก ยิ่งมีหนิงผินพูดกระตุ้นให้ฮ่องเต้คิดถึงความบาดหมางระหว่างเจินหวนกับฮองเฮา ฮ่องเต้ก็ยิ่งไม่พอพระทัย และสั่งให้ซูเผยเซิงไปเชิญฮองเฮาด้วยตัวเอง

 ฮองเฮายอมมาที่หย่งโซ่วกง และทำพิธีจุดธุปบูชาพระให้ ก่อนจะเข้าไปในห้อง จินซีให้เจินหวนกินยา "บำรุงครรภ์" แล้วค่อยเข้าไปจุดธูปในห้องด้านใน เวลานั้นในห้องมีเพียงเจินหวนกับฮองเฮา ส่วนตวนหวงกุ้ยเฟยและจิ้งกุ้ยเฟยอยู่ด้านนอก เจินหวนพูดกับฮองเฮาถึงเรื่องของฉุนหยวนฮองเฮา และท้าให้ฮองเฮาสาบานต่อหน้าพระว่าไม่ใช่คนที่ฆ่าฉุนหยวนฮองเฮาและโอรส ฮองเฮาโกรธจนสะบัดเจินหวนกระเด็นไปกระแทกโต๊ะหมู่บูชา เจินหวนแท้ง ฮ่องเต้สอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งตวนหวงกุ้ยเฟยและจิ้งกุ้ยเฟย บอกว่าไม่เห็นเหตุการณ์แต่ได้ยินฮองเฮาทะเลาะกับเจินหวนก่อนเกิดเหตุ ฮองเฮายืนยันว่าตนเองถูกใส่ร้าย หลงเยว่เห็นเหตุการณ์ตอนที่เจินหวนกระเด็นไปกระแทกโต๊ะบูชา จึงทูลฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้พิโรธมาก สั่งขังฮองเฮาในตำหนักจิ่งเริ่นกง ฮองเฮาแค้นใจมาก

องค์ชายสี่หงลี่แก้แค้นให้เจินหวนที่ต้องเสียลูกไป ด้วยการยุยงให้องค์ชายสามไปทูลขอความเมตตาให้กับพวกอ๋อง 8 (ซึ่งเคยก่อกบฏ และถูกขังไว้) องค์ชายสามเบาปัญญาไปทูลขอความเมตตาให้อ๋อง 8 กับอ๋อง 14 เป็นการจี้ใจดำของยงเจิ้ง  ทำให้พิโรธถึงที่สุด มีรับสั่งว่าให้ยกหงสือเป็นลูกอ๋อง 8 และต่อไปนี้ไม่ถือเป็นโอรสของพระองค์อีก จึงไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์อีกต่อไป

หงสือเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของฮองเฮา เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทำให้ฮองเฮาแค้นจะแทบเสียสติ  เจี่ยนชิวคนสนิทของฮองเฮาต้องการแก้แค้นให้นาย จึงสมคบกับเจียงกงกง หัวหน้าขันทีของฮองเฮา วางยาพิษใส่องค์ชายหกหงเอี่ยนในงานเลี้ยง  แต่เมิ่งจิ่งเสียน ชายาอ๋อง 17 ที่กำลังตั้งครรภ์แก่กินเข้าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้นางคลอดก่อนกำหนดและเสียชีวิตเพราะยาพิษ  ยงเจิ้งกริ้วมาก สืบหาจนเจอตัวการคือจื่อชิวและเจียงกงกง จึงเอาไปทรมาน  เจียงกงกงสารภาพถึงเรื่องเลวร้ายอีกหลายสิบเรื่องที่ฮองเฮาบงการ แต่ที่ยงเจิ้งทนไม่ได้ที่สุดคือเรื่องที่อี๋ซิวฮองเฮาฆ่าฉุนหยวนฮองเฮา  จึงสั่งปลดฮองเฮาจากตำแหน่ง แต่นางกำนัลคนสนิทของไทเฮาถือสาส์นลับของไทเฮามาบอกให้ฮ่องเต้ ห้ามฆ่า ห้ามปลดฮองเฮา และยังเตือนให้นึกถึงคำขอร้องก่อนตายของฉุนหยวนฮองเฮา ที่ขอให้ฮ่องเต้ไม่ว่าอย่างไรต้องเมตตาและอย่าได้ทอดทิ้งอี๋ซิวเด็ดขาด  ยงเจิ้งจึงยอมให้อี๋ซิวฮองเฮามีชีวิตต่อไป แต่ไม่มีอำนาจใด ๆ อีกต่อไป ให้อยู่แต่ในตำหนักจิ่งเริ่น ห้ามออกมาจนตลอดชีวิต  ต่อให้ยงเจิ้งตายไปก็ห้ามออกมาให้เห็นอีกต่อไป


อิ๋ซิวฮองเฮา  มักใหญ่ใฝ่สูงมาชั่วชีวิต  ที่สุดก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

ยงเจิ้งจัดงานเลี้ยงรับรองข่านจุนเก้อเอ่อร์ ที่เดินทางมาเมืองหลวง ข่านจุนเก้อเอ๋อร์ได้เห็นซีกุ้ยเฟย(เจินหวน) ก็จำได้ทันที เพราะว่าเจินหวนและอ๋อง 17 เคยช่วยข่านคนนี้ไว้เมื่อตอนยังอยู่ที่อารามกานลู่ซื่อ ข่านจุนเก้อเอ่อร์ทูลขอเจินหวนไปเป็นชายา เพื่อแลกกับการถอนทัพที่ข่านจุนเก้อเอ่อร์แอบยกมาตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่ไกล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ยงเจิ้งระแวงความสัมพันธ์ระหว่างเจินหวนกับอ๋อง 17 เลยวางแผนเพื่อดูใจอ๋อง 17 ว่ารักเจินหวนเหมือนอย่างที่ข่านจุนเก้อเอ่อร์บอกหรือไม่ ปรากฎว่าอ๋อง 17 หลงกล ทำให้ยงเจิ้งแค้นใจมาก จึงดึงดันจะส่งเจินหวนไปให้จุนเก้อเอ่อร์ เจินหวนเสียใจมากที่ยงเจิ้งทำกับนางแบบนี้ เจินหวนเตรียมใจจะไปเป็นชายาจุนเก้อเอ่อร์ แต่แล้วอ๋อง 17 ที่ทนไม่ได้ แอบยกกองทัพออกไปขับไล่เผ่าจุนเก้อเอ่อร์ ยงเจิ้งปล่อยให้อ๋อง 17 ไปรบโดยไม่ห้ามปราม และยิ่งแน่ใจมากว่าอ๋อง 17 รักเจินหวน จึงยอมทำขนาดนี้ อ๋อง 17 นำทัพไปขับไล่จุนเก้อเอ่อร์นานถึง 3 ปี ที่สุดขับไล่สำเร็จ เดินทางกลับเมืองหลวง

วันที่อ๋อง 17 กลับมา ยงเจิ้งก็เรียกเข้าเฝ้า บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงประทานที่อ๋อง 17 ขับไล่ศัตรูสำเร็จ แต่ก่อนจะถึงงานเลี้ยง ยงเจิ้งเรียกเจินหวนไปเฝ้า แล้วบอกให้เจินหวนวางยาพิษอ๋อง 17 เสีย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของนาง เจินหวนใจสลาย รู้ทันทีว่ายงเจิ้งไม่เชื่อใจนางอีกแล้ว หนำซ้ำยังบีบให้นางฆ่าชายที่นางรักอีกด้วย เมื่อถึงเวลาจัดเลี้ยง กลายเป็นว่าในศาลาจัดเลี้ยงมีเพียงเจินหวนกับอ๋อง 17 เพียงสองคน เจินหวนรินสุราให้อ๋อง 17 ทั้งน้ำตา แล้วก็เปลี่ยนใจ คิดจะดื่มสุราถ้วยนั้นเสียเอง แต่อ๋อง 17 ชิงสุรามา แล้วดื่มลงไปด้วยความเต็มใจ เพราะนึกรู้อยู่แล้วว่ายงเจิ้งไม่ปล่อยเอาไว้แน่ อ๋อง 17 จึงยินดีตายเพื่อให้เจินหวนอยู่รอดต่อไป หลังจากอ๋อง 17 สิ้นลม เจินหวนก็เดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยงด้วยใจที่แหลกสลาย แล้วตกจากบันไดตำหนักจนขาหักหมดสติไป ฮ่วนปี้เมื่อรู้ว่าอ๋อง 17 ตายแล้ว เพราะยงเจิ้งบีบคั้น จึงฆ่าตัวตายตาม

เจินหวนเสียใจจนหมดอาลัยตายอยาก แต่เพื่อลูกจึงกัดฟันทนมีชีวิตต่อไป แม้เจินหวนจะสังหารอ๋อง 17 แล้ว แต่ยงเจิ้งก็ยังระแวง และไม่มาหานางอีก กลับไปขลุกอยู่กับหนิงผินและสนมอื่น ๆ เจินหวนเองก็ไม่มีใจให้กับยงเจิ้งอีกแล้ว ในใจของนางตอนนี้มีแต่ต้องการแก้แค้นเท่านั้น ยงเจิ้งสุขภาพอ่อนแอลงทุกวัน หนิงผินก็จัดหายาบำรุงกำลังขนานต่าง ๆ มาให้ยงเจิ้งเสวย ทำให้อาการดีขึ้น แต่แล้วก็ทรุดกลับลงไปใหม่ ที่แท้ยาที่หนิงผินหามาเป็นที่เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะเป็นพิษต่อร่างกาย ทั้งนี้เพราะหนิงผินแค้นที่ยงเจิ้งสังหารอ๋อง 17

ในที่สุดร่างกายของยงเจิ้งก็ทนต่อไปไม่ไหว ประชวรหนักใกล้จะสิ้นพระชนม์ แต่ก่อนจะสิ้นพระชนม์ ยงเจิ้งยังคาใจมากว่าองค์ชายหกหงเอี่ยนเป็นโอรสของพระองค์หรือเปล่า จึงส่งเซี่ยอี่ไปเจาะเอาเลือดองค์ชายหกมาจะพิสูจน์ แต่หนิงผินมาพบเข้าโดยบังเอิญก่อน จึงบอกเจินหวน เจินหวนสั่งให้เสี่ยวอวิ่นจือไปฆ่าเซี่ยอี่ จากนั้นจึงไปเฝ้ายงเจิ้งที่ประชวรหนักเต็มที แล้วบอกความจริงให้ฟัง ว่าหงเอี่ยนเป็นโอรสของอ๋อง 17 และยังบอกอีกด้วยว่า องค์หญิงจิ้งเหอที่ยงเจิ้งเมตตาสงสารว่ากำพร้ามารดานั้น ที่แท้ก็เป็นลูกของเวินสือชู ยงเจิ้งได้ยินแล้วแค้นใจสิ้นพระชนม์ไป

หงลี่ขึ้นครองราชย์เป็นเฉียนหลงฮ่องเต้ สถาปนาเจินหวนขึ้นเป็นไทเฮา และเลื่อนองค์ชายหกหงเอี่ยนให้เป็นกว่อจวิ้นหวาง สืบทอดตำแหน่งแทนอ๋อง 17 ตามที่เจินหวนขอ เจินหวนไปเยี่ยมอี๋ซิวฮองเฮาที่ถูกขังที่ตำหนัก อี๋ซิวบอกว่าตอนนี้นางคือไทเฮาแล้ว เพราะว่านางคืออดีตฮองเฮา เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ นางย่อมต้องได้เป็นไทเฮา แต่เจินหวนแจ้งว่าโองการของยงเจิ้งประกาศไว้ ว่าห้ามอี๋ซิวฮองเฮาออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว รวมทั้งแม้จะตายไปก็ห้ามฝังร่วมสุสานกับยงเจิ้งเด็ดขาด อี๋ซิวจึงได้เป็นฮองเฮาไปตลอดชีวิต ไม่มีวันได้เป็นไทเฮา อี๋ซิวเมื่อทราบเรื่องโองการของยงเจิ้ง แค้นใจจนพูดไม่ออก ที่สุดกินยาพิษฆ่าตัวตาย


เจินหวนเหนื่อยล้ากับการแก่งแย่งชิงดีในวังเต็มที ที่สุดนางก็หลับและจากไปอย่างสงบ




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2555   
Last Update : 2 กรกฎาคม 2556 16:52:26 น.   
Counter : 67113 Pageviews.  

後宮..甄嬛傳 เจินหวน นางพญาวังหลัง ภาคแรก

 

后宮..甄嬛传  เจินหวน นางพญาวังหลัง  เป็นหนังฟอร์มยักษ์ประจำปี 2012 นี้  สร้างจากบทประพันธ์ของหลิวเลี่ยนจือ ที่โด่งดังมากทางเน็ต จนได้ตีพิมพ์รวมเล่ม   หนังเริ่มถ่ายทำเมื่อปีที่แล้ว และเพิ่งออกฉายในจีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง กวาดเรทติ้งสูงสุดในช่วงที่ออกฉาย  ในเรื่องขนดาราสวย ๆ มาประชันกันเพียบ


 เริ่มจากตัวเอกของเรื่อง เจินหวน  นำแสดงโดย ซุนลี่


ยงเจิ้งฮ่องเต้  แสดงโดย เฉินเจี้ยนปิน 


กั่วชินหวาง อวิ่นลี่  (อ๋อง 17) แสดงโดย หลี่ตงเสวีย

แล้วก็ดาราหญิงอีกมากมาย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของวังหลัง ในยุคหย่งเจิ้ง จึงอุดมไปด้วยสาว(และไม่สาว)สวย ๆ มากมายก่ายกอง จำแทบไม่หวัดไม่ไหว  เอาที่เป็นตัวหลัก ๆ ก่อน

จากซ้ายไปขวา ฮว๋าเฟย เหนียนซือหลัน แสดงโดยเจียงซิน
สนมเสิ่นเหมยจวง แสดงโดย หลานซี
เจินหวน แสดงนำโดย ซุนลี่
อันหลิงหรง แสดงโดย เถาซินหราน
ฮองเฮาอี๋ซิว  แสดงโดยนักแสดงเจ้าบทบาทจากฮ่องกง ไช่เส้าเฟิน

เข้าโหมดสปอยล์

เนื้อเรื่อง(ไม่ค่อย)ย่อ

เจินหวน ธิดาของใต้เท้าเจินหยวนเต้า  ต้องเข้ารับการคัดเลือกสาวงามเพื่อคัดตัวเป็นพระสนมในวัง เจินหวนไม่อยากต้องโดนเลือก จึงไปอธิษฐานขอพรต่อพระ  เมื่อไหว้พระเสร็จ ก็ได้พบกับเวินสือซู  หมอหนุ่มที่สนิทสนมกับครอบครัวของเจินหวนมานาน  เวินสือชูนำของล้ำค่าประจำตระกูลมามอบให้และขอแต่งงานกับเจินหวน แต่เจินหวนไม่รับของหมั้นหมายและไม่รับปากแต่งงาน เพราะเจินหวนรักเวินสือชูเหมือนกับพี่ชายแท้ ๆ เท่านั้น  
 
เมื่อถึงวันคัดเลือกสาวงาม เจินหวนจงใจแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเรียบ ๆ และไม่สวมเครื่องประดับ เพราะไม่ต้องการให้เด่นสะดุดตา ด้วยเกรงจะถูกคัดเลือกไป  และได้พบกับเสิ่นเหมยจวง ที่เจินหวนรู้จักสนิทสนมกันมาแต่เด็ก ๆ และรักกันเหมือนพี่น้องแท้ ๆ  รวมทั้งได้พบกับอันหลิงหรง ซึ่งเป็นลูกสาวขุนนางระดับล่าง ฐานะยากจน จึงโดนสาวงามจากตระกูลเซี่ยดูถูกเหยียดหยามและกลั่นแกล้ง  เจินหวนทนไม่ได้จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ  และหาดอกไม้มาประดับผมให้หลิงหรง รวมทั้งมอบต่างหูให้หลิงหรงใส่เพื่อให้ดูดีขึ้น หลิงหรงซึ้งใจเจินหวนมาก

เจินหวนและหลิงหรงถูกคัดตัวพร้อมกัน เจินหวนคอยช่วยหลิงหรงตลอดให้นางได้ผ่านการคัดเลือก จนหลิงหรงถูกคัดเลือกเข้าจริง ๆ ก็ยินดีมาก ความที่เจินหวนมัวแต่คอยช่วยหลิงหรง จึงเผลอแสดงความสามารถออกไป ทำให้ฮ่องเต้หย่งเจิ้งสนใจเป็นพิเศษ และยิ่งเมื่อได้พูดคุยด้วยก็ยิ่งพอใจ จึงเลือกเจินหวนเข้าวังเป็นนางสนม พร้อมทั้งทรงคิดชื่อตำแหน่งประทานให้เป็นพิเศษ เป็นหวันฉางไจ้ เสิ่นเหมยจวง ได้เป็นเสิ่นกุ้ยเหริน ส่วนหลิงหรงได้เป็นอันต๋าอิ้ง
(ในบรรดาศักดิ์สนมของฝ่ายในยุคราชวงศ์ชิง มีตำแหน่งแปดลำดับ เริ่มจากตำแหน่งล่างสุดคือต๋าอิ้ง  ฉางไจ้ กุ้ยเหริน ผิน เฟย กุ้ยเฟย หวงกุ้ยเฟย และหวงโฮ่ว (ฮองเฮา)....)

เจินหวนไม่ยินดีเลย แต่ก็ต้องจำใจเข้าวังไป  และเมื่อเข้าวังไปแล้วจึงได้รู้ว่า ผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในวังหลังคือฮว๋าเฟย พระสนมคนโปรดของฮ่องเต้  ฮว๋าเฟยเบ่งบารมีคับวัง ไม่เกรงกลัวใครแม้กระทั่งฮองเฮาอี๋ซิว  บรรดานางสนมในวังต่างก็ต้องเกรงกลัวนางทั้งนั้น เพราะฮว๋าเฟยทั้งโหด และบ้าอำนาจ รวมทั้งเป็นที่โปรดปรานมากมานาน  ฮว๋าเฟยมีอำนาจในการควบคุมวังหลังทั้งหกตำหนักตะวันตก อีกทั้งฮว๋าเฟยยังเป็นน้องสาวของเหนียนเกิงหยาว แม่ทัพใหญ่ที่กุมอำนาจทางทหารไว้ในมืออีกด้วย ยิ่งทำให้หย่งเจิ้งเกรงใจหวาเฟยพิเศษ บรรดานางในวังทุกคนไม่มีใครกล้าหือกับหวาเฟยทั้งสิ้น

ฮองเฮารู้ใจฮ่องเต้ว่าถูกใจเจินหวนมากตั้งแต่แรกพบ  เลยตั้งใจสนับสนุนเจินหวนให้มาสู้กับหวาเฟย และจัดที่พักให้เจินหวนไว้ใกล้ ๆ ที่ประทับฮ่องเต้ แต่กลับถูกหวาเฟยจัดการใหม่ไปอยู่ที่เรือนซุยอวี้หยวนที่ไกลจากที่ประทับของหย่งเจิ้งลิบลับ  เพื่อที่หย่งเจิ้งจะได้ไม่พบไม่เจอ ไม่เรียกหาเจินหวน  กลายเป็นที่ถูกใจของเจินหวน เพราะเจินหวนไม่อยากเป็นพระสนมมาตั้งแต่แรก  เจินหวนพาสองสาวใช้คู่ใจจากบ้านคือฮ่วนปี้ และหลิวจูเข้าวังไปด้วย และได้ชุยจินซี อดีตหญิงรับใช้ข้างกายของฉุนหยวนฮองเฮา มาเป็นกู๋กูคนสนิท  และมีขันทีรับใช้อีกสี่คน ทุกคนในวังต่างรู้ว่าฮ่องเต้โปรดปรานเจินหวนมาก จึงพยายามเอาใจเจินหวนกันสุดฤทธิ์  ขณะที่บรรดาสนมที่อยู่มาก่อนต่างก็ไม่ค่อยพอใจเจินหวน โดยเฉพาะหวาเฟย

เสิ่นเหมยจวงถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของจิ้งผิน  ซึ่งเป็นพระสนมที่จิตใจดี จึงอยู่สบายกว่าอันหลิงหรง ที่ถูกจัดให้ไปอยู่เรือนเดียวกันกับเซี่ยต๋าอิ้ง  หลิงหรงถูกเซี่ยต๋าอิ้งเหยียดหยามตลอดเวลา  ทำให้หลิงหรงได้แต่ก้มหน้าแอบเสียใจ  อันที่จริงหลิงหรงหน้าตาไม่ค่อยสวย ซ้ำไม่กล้าแสดงออก ได้แต่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ผิดกับเจินหวน ที่กล้าแสดงออก และแสดงออกได้อย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับเสิ่นเหมยจวงที่กล้าแสดงออก และรักความยุติธรรม 

เพียงไม่กี่วันที่เข้าไปอยู่ในวังพวกเจินหวนทั้งสามก็รู้ซึ้งถึงอำนาจของหวาเฟย เมื่อพวกเจินหวนมีเรื่องทะเลาะกับเซี่ยต๋าอิ้ง ต่อหน้าหวาเฟย  เพื่อแสดงอำนาจข่มพวกเจินหวน หวาเฟยเลยสั่งให้ลงโทษทรมานเซี่ยต๋าอิ้งจนถึงตาย  และเมื่อเจินหวน เดินกลับเรือนพัก ก็ไปพบศพสาวใช้ถูกฆ่าตายหมกไว้ในบ่อน้ำอีก ทำให้เจินหวนตกใจกลัว จนล้มป่วย

แม้จะป่วยไม่มาก แต่เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถวายตัวกับหย่งเจิ้ง เจินหวนจึงขอให้เวินสือชู ซึ่งตอนนี้เข้ารับราชการในกรมแพทย์ฝ่ายใน ซึ่งเป็นผู้มาตรวจอาการป่วยของเจินหวนเอง ให้จัดยาชนิดที่ทำให้อาการป่วยอยู่นานที่สุดเท่าที่จะประวิงเวลาได้  เวินสือชูก็ยอมทำตามที่เจินหวนขอร้อง ทำให้เจินหวนล้มป่วยอยู่นานนับเดือน ระหว่างนั้น เสิ่นเหมยจวงได้ถวายตัวปรนนิบัติ กลายเป็นที่โปรดปรานของหย่งเจิ้งมาก  ส่วนอันหลิงหลงได้รับการเรียกไปถวายตัว แต่เนื่องจากนางกลัวจนตัวสั่น ทำให้หย่งเจิ้งไม่โปรดและไม่เรียกหานางอีกเลย

 เมื่อเจินหวนไม่ถูกเรียกหาไปถวายตัวสักทีทั้งที่เข้าวังมานานแล้ว เพราะมัวแต่ป่วยอยู่ คนในวังจึงไม่มีใครยำเกรง และเริ่มกลั่นแกล้ง ด้วยการไม่จัดหาข้าวของเครื่องใช้ที่เจินหวนควรจะมีควรจะได้ตามฐานะ หรือถ้าจัดมาก็มีแต่ของไม่ดี   ทำให้บรรดาหญิงรับใช้และขันทีที่เรือนชุยอวี้ ต่างกลัวว่าจะตกอับตามเจ้านายไปด้วย เลยพากันหนีไปหาเจ้านายอื่น ๆ เพื่อเป็นที่เกาะรายใหม่  ซึ่งเจินหวนก็ไม่ห้าม เพราะเมื่อคนเหล่านี้ไม่มีใจภักดี นางก็ไม่อยากรับไว้เหมือนกัน   สาวใช้ทั้งหมดเรือนและขันทีพากันจากไป เหลือเพียงขันทีน้อยที่ชื่อเสียวหวิ่นจือ กับจินซีกู๋กู ที่บอกว่า จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจินหวน ต่อให้เจินหวนไม่เป็นที่โปรดปรานและต้องอยู่เดียวดายในวังหลังไปตลอดชีวิต พวกนางก็จะไม่หนีไปไหน ทำให้เจินหวนซึ้งในน้ำใจของทั้งสองคนมาก ในเรือนชุยอวี้จึงมีเพียงเจินหวนกับพวกคนสนิททั้งสี่เพียงเท่านี้  แต่เจินหวนก็มีความสุข  และเสิ่นเหมยจวงจะคอยมาดูแลเอาใจใส่เจินหวน รวมทั้งอันหลิงหรง  ให้พวกนางได้อยู่อย่างสุขสบายตามสมควร

ในวันปีใหม่ ในวังมีงานเลี้ยง  หย่งเจิ้งไม่สบายพระทัยนักเลยทรงออกมาเดินเล่นในสวนดอกเหมยตามลำพัง  กลับพบกับเจินหวนที่แอบออกมาอธิษฐานขอพรปีใหม่กับต้นเหมย แต่ว่าไม่ทรงเห็นหน้าว่าเป็นใคร ได้แต่ตอบโต้กันด้วยวาจา  กลอนที่เจินหวนกล่าวตอบโต้กับหย่งเจิ้งทำให้พอพระทัยในความฉลาดและสติปัญญาของนาง  แต่หลังจากตอบโต้กันเจินหวนก็หนีกลับไปที่เรือน โดยไม่รู้ว่าคนที่ตนคุยด้วยคือหย่งเจิ้ง ส่วนหย่งเจิ้งก็ไม่รู้ว่าสาวกลางสวนตอกเหมยนั้นคือใคร เลยให้ขันทีเอากลอนที่ตอบโต้กันนั้น ไปหาคนต่อกลอน ใครต่อได้ถูก ก็จะให้รางวัล  ปรากฎว่าระหว่างที่หย่งเจิ้งคุยกับเจินหวนนั้น มีสาวใช้ในวังแซ่หวีนางหนึ่ง ได้ยินกลอนที่ทั้งคู่ตอบโต้กันและจำได้  สาวใช้แซ่หวีนั้นต่อกลอนท่อนนั้นได้ถูกต้อง  หย่งเจิ้งคิดว่าคือสาวในสวนเหมยคนนั้น เลยรับนางเป็นสนมแต่งตั้งให้เป็นหวีต๋าอิ้ง

หวีต๋าอิ้งถือตัวว่าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ จึงกร่างไปทั่ววัง  ถึงขนาดไปเบ่งอำนาจ สั่งขังซินฉางไจ้ทั้งที่ซินฉางไจ้มีศักดิ์สูงกว่า  ไทเฮาทรงทราบเรื่องไม่พอพระทัยมาก สั่งถอดยศหวีต๋าอิ้งไปเป็นหญิงรับใช้ตามเดิม แล้วสั่งขังครึ่งเดือน  หวีฉางไจ้ไปร้องไห้อ้อนวอนขอให้หวาเฟยช่วย  หวาเฟยเลยแนะให้หวีฉางไจ้ไปร้องเพลงให้ฮ่องเต้ฟัง ฮ่องเต้ชอบดนตรีและเสียงเพลง จึงคืนตำแหน่งให้หวีต๋าอิ้งตามเดิม  และเรียกมาปรนนิบัติอีก พอได้กลับมาหวีต๋าอิ้งก็กลับมากร่างทั่ววังเหมือนเดิม

   
เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ  เจินหวนที่หายดีแล้ว แอบไปเป่าขลุ่ยเล่นที่ชิงช้าในสวนกับหลิวจูสาวใช้คนสนิท  หย่งเจิ้งทรงผ่านมาพอดี และได้เห็นเจินหวนเต็ม ๆ ตา กับสดับเสียงขลุ่ยที่เจินหวนเป่า  ทรงพอพระทัยมาก รับสั่งชมเชยเสียงขลุ่ย และพูดคุยเรื่องดนตรีกับเจินหวนอย่างมีความสุข  เจินหวนคิดว่าชายคนนี้คือพระอนุชาของฮ่องเต้ หย่งเจิ้งก็เลยสวมรอยว่าเป็นอ๋อง 17 กั่วชินหวาง  เจินหวนเริ่มรู้สึกดี ๆ กับคนผู้นี้  เมื่อเจินหวนกลับไปก็พยายามนึกว่าชายคนนี้คือใคร เพราะนางไม่เชื่อว่านี่คืออ๋อง 17 พอสอบถามจินซีกู๋กู  ก็ยิ่งแน่ใจว่าชายคนนั้นไม่ใช่กั่วชินหวาง แต่ไม่รู้ว่าคือใคร  รู้แค่ว่าชายคนนี้ต้องเป็นเชื้อพระวงศ์แน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีสิทธิ์มาเดินในวังแบบนี้
 
    ต่อมาเจินหวนกลับไปที่สวนอีกและไกวชิงช้าเล่นกับหลิวจู  ระหว่างที่หลับตาอยู่ หย่งเจิ้งแอบเสด็จมาแล้วไกวชิงช้าแทนหลิวจู  พอเจินหวนรู้ก็รีบจะลงจากชิงช้า  หย่งเจิ้งแหย่ว่าเจินหวนกลัวใช่ไหม  เจินหวนก็เลยแสดงความกล้า นั่งชิงช้าต่อไปแล้วให้หย่งเจิ้งไกวสูงขึ้น ๆ ทุกทีจนนางเริ่มจะกลัวจริง ๆ จึงได้ขอลงจากชิงช้า และรีบลากลับเรือน  แต่หย่งเจิ้งถูกใจเจินหวนมาก เลยนัดให้เจินหวนมาที่สวนแห่งนี้อีกในวันต่อมา  เจินหวนสองจิตสองใจ  เพราะไม่แน่ใจว่าชายคนนี้คือใคร แล้วนางเองก็เป็นนางสนมที่ถูกคัดตัวไว้แล้ว หากเรื่องเปิดเผยออกไปต้องผิดร้ายแรง แต่ว่าอีกใจนางก็ยังอยากพบชายคนนี้อีก เพราะนางคุยถูกคอมาก  วันรุ่งขึ้นเจินหวนกับหลิวจูจึงกลับไปที่ชิงช้าอีกและยืนตากฝนคอยอยู่นาน ชายคนนั้นก็ไม่มา  พวกนางจึงกลับไปเรือนอย่างผิดหวัง
    
     ที่จริงหย่งเจิ้งไม่ได้ลืมนัดกับหวนเจิน แต่ว่าทรงตื่นสายเพราะทรงงานดึก แล้วขันทีก็ไม่ปลุกตามเวลา เพราะขันทีนั้นกำลังโดนหวีต๋าอิ้งกลั่นแกล้งอยู่  หย่งเจิ้งทรงรีบจะไปให้ทันนัด แต่ไทเฮาก็มีรับสั่งเรียกพบอีก เลยทำให้ไปที่นั้นสาย เลยคลาดกันกับเจินหวน  พอเสด็จกลับก็ประขวรจนไม่ได้เสด็จออกไปไหนอีกหลายวัน

  ส่วนหวีต๋าอิ้งนั้นอยากใกล้ชิดเป็นคนโปรดฮ่องเต้ดังเดิม เมื่อสังเกตเห็นฮ่องเต้ชอบไปเที่ยวสวนบ่อย ๆ ก็เลยไปบ้างเพื่อหาทางจะได้พบกับฮ่องเต้ เพราะพระองค์ไม่เรียกหาให้ปรนนิบัติอีก  หวีต๋าอิ้งไปพบเจินหวนนั่งเล่นชิงช้าอยู่  ก็เลยทำกร่างใส่ เจินหวนต้องการสั่งสอนบทเรียนให้หวีต๋าอิ้ง จึงสั่งให้นางทำความเคารพตนเองตามตำแหน่ง หวีต๋าอิ้งบอกว่าตำแหน่งของเจินหวนสูงกว่านางแค่นิดหน่อย

และตำแหน่งสูงต่ำไม่สำคัญ ใครเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้มากกว่า คนนั้นก็คือมีศักดิ์ฐานะสูงกว่า  หย่งเจิ้งที่ยืนฟังอยู่นานแล้วไม่พอพระทัยมาก ทรงเพิ่งรู้ว่าหวีต๋าอิ้งกำเริบเสิบสานขนาดนี้  จึงปรากฎประองค์ออกมา เลื่อนตำแหน่งเจินหวนเป็นหวันกุ้ยเหรินทันทีเพื่อให้มีศักดิ์สูงกว่าต๋าอิ้งถึงสองขั้น และสั่งลงโทษหวีต๋าอิ้งให้ออกจากตำหนักจงชุ่ย และไปอยู่ที่ไกล ๆ อย่ามาให้ฮ่องเต้เห็นหน้าอีกตลอดไป ทำให้หวีต๋าอิ้งผูกใจเจ็บเจินหวน

      หลังจากเปิดเผยพระองค์เองแล้ว  หย่งเจิ้งก็รับเจินหวนไว้ข้างพระวรกาย ทรงโปรดปรานอย่างที่สุดมากกว่าสนมคนใด ๆ  แม้กระทั่งหวาเฟย  ก็แทบไม่เสด็จไปหา  ทำให้หวาเฟยกระวนกระวายและยิ่งชิงชังหวันกุ้ยเหรินคนนี้ขึ้นทุกที  
       เจินหวนตอนนี้เป็นหวันกุ้ยเหริน ใคร ๆ รู้ทั้งวังว่านางเป็นที่โปรดปรานที่สุด พวกคนใช้และขันทีที่หนีไปก็กลับมาประจบประแจง แต่เจินหวนไม่คิดจะรับคนเหล่านี้กลับมาอีก  บรรดาคนในเรือนชุยอวี้ทุกคนได้หน้าได้ตา  เสี่ยวหวิ่นจือขันทีน้อยที่จงรักภักดีกับเจินหวนมาตั้งแต่แรก  ได้รับแต่งตั้งให้เป้นหัวหน้าขันทีของเรือนซุยอวี้หยวน  
 
     ฮ่องเต้เสด็จมาหาหวันกุ้ยเหรินทุกวัน  ประทานของมีค่าให้มากมายมหาศาล  อันหลิงหรงเศร้าใจมากที่เห็นเจินหวนเป็นที่โปรดปรานมาก และเสิ่นกุ้ยเหรินก็เป็นที่ไว้วางพระทัยถึงขนาดจะให้เสิ่นกุ้ยเหรินช่วยหวาเฟยดูแลหกตำหนัก ขณะที่หลิงหรงยังเป็นแค่อันต๋าอิ้งเล็ก ๆ ที่ไร้คนเหลียวแลเหมือนเดิม   แม้เสิ่นกุ้ยเหรินกับหวันกุ้ยเหรินพยายามจะช่วยสนับสนุนแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
    
      หวาเฟยทำอะไรเจินหวนไม่ได้ เลยหันไปเล่นงานเสิ่นเหมยจวงแทน โดยการแกล้งเรียกให้ไปเขียนบัญชีตอนดึก ๆ จนตาลายเพราะมีแสงน้อย  พอเหมยจวงกลับตำหนักก็ถูกคนผลักตกสระในสวนจนเกือบจมน้ำตาย  เสิ่นเหมยจวงฟื้นขึ้นมา ก็ใคร่ครวญว่าคนที่สั่งทำร้ายตนน่าจะเป็นหวาเฟยแน่นอน  แต่ว่าไม่มีหลักฐาน จึงได้แต่เก็บความคับแค้นนี้ไว้ในใจ 

      เจินหวนไม่สบายนิดหน่อย แต่กลับเอาแต่นอน เมื่อให้หมอเวินสือชูมาตรวจ ก็พบกว่านางโดนวางยาไว้ในยาที่หมอเวินสั่งให้   ซึ่งหากนางกินยานี้นานไป จะล้มป่วยลง  เจินหวนวางแผนจับคนที่วางยานางทั้งหมด พบว่าเป็นขันทีเก่าที่เคยอยู่ซุยอวี้หยวน ที่รับสารภาพว่ารับยามาจากหวีต๋าอิ้ง เพื่อทำร้ายเจินหวน   หวีต๋าอิ้งจึงถูกลงโทษถึงชีวิต   แต่แท้จริงคนที่อยู่เบื้องหลังคือลี่ผิน เฉากุ้ยเหริน และหัวเฟย รวมหัวกันเพื่อปองร้ายเจินหวน  หวีต๋าอิ้งไม่ยอมตายแต่โดยดี อันหลิงหรงเลยไปสั่งให้ขันทีจัดการฆ่านางซะ  เหตุการณ์นี้ทำให้เจินหวนกับเสิ่นเหมยจวงรู้สึกแปลกใจกับหลิงหรงมาก ไม่คิดว่าหลิงหรงที่ดูอ่อนโยน จะกล้าถึงขนาดสั่งให้ฆ่าคนได้ทั้งเป็น

     เจินหวนมานึกทบทวน ก็คิดได้ว่าน่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังในการวางยาตนเอง จึงวางแผนหาคนบงการเบื้องหลังออกมา โดยให้คนปลอมเป็นผีหวีต๋าอิ้งไปหลอกหลอนคนในวังจนเล่าลือกันไปทั่ว ทำให้ลี่ผินเกิดหวาดกลัวผีหวีต๋าอิ้งจะมาหลอกหลอน จนที่สุดยอมสารภาพออกมาจนหมดว่าเป็นการวางแผนของตนเอง   ฮองเฮาอยากริดรอนอำนาจในวังของหวาเฟยมานานแล้ว เลยถือโอกาสนี้ ส่งลี่ผินที่ถูกผีหลอกจนเสียสติเข้าตำหนักเย็นไป  เฉากุ้ยเหรินที่เป็นมันสมองของหัวเฟยเตือนว่า เรื่องนี้คงมีคนแกล้งทำเป็นผีมาหลอกจนลี่ผินเสียสติต้องพูดความจริงออกมา   แม้ลี่ผินจะสารภาพว่าเป็นการวางแผนของพวกหวาเฟย แต่ไทเฮาก็ห้ามฮองเฮาไม่ให้เอาเรื่องกับหวาเฟย เพราะไม่ว่าอย่างไร หวาเฟยก็ยังเป็นคนโปรดของฮ่องเต้และเหนียนเกิงหยาวพี่ชายของนางก็ยังมีอำนาจล้นฟ้า ไม่ควรไปแตะต้องหวาเฟยเด็ดขาด

ฮ่วนปี้ สาวใช้คนสนิทของเจินหวนแอบเผากระดาษเงินกระดาษทองส่งไปให้แม่ ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎในวังร้ายแรง  เฉากุ้ยเหรินมาพบเข้า จึงเอาเรื่องนี้มาขู่เข็ญให้ฮ่วนปี้ยอมเป็นไส้ศึกที่อยู่ข้างตัวเจินหวน
ฮ่วนปี้ที่จริงเป็นน้องสาวต่างแม่ของเจินหวน  เนื่องจากแม่ของฮ่วนปี้เป็นชาวฮั่น ไม่สามารถแต่งกับแมนจูได้ เมื่อแม่ตาย ใต้เท้าเจินหยวนเต้าจึงพาฮ่วนปี้กลับมาเลี้ยงแต่ไม่กล้าเปิดเผยกับใครว่าฮ่วนปี้เป็นลูกสาว จึงได้แต่เลี้ยงในฐานะสาวใช้ข้างตัวของเจินหวน  แต่ก่อนเจินหวนจะเข้าวัง เจินหยวนเต้าเปิดเผยเรื่องนี้ให้เจินหวนทราบ และขอให้เจินหวนดูแลฮ่วนปี้ให้ดีในฐานะที่นางเป็นน้องเจินหวนเหมือนกัน  ฮ่วนปี้ไม่รู้เลยว่าเจินหวนรู้ความจริงเรื่องนี้ ได้แต่คิดน้อยใจในฐานะของตัวเองมาตลอด เมื่อเฉากุ้ยเหรินมาสั่งให้ฮ่วนปี้เป็นไส้ศึก ฮ่วนปี้เลยยอมแต่โดยดี
 (ฮ่วนปี้ น้องสาวต่างแม่ของเจินหวน)

ฮองเฮาดึงเอาเจินหวนกับเสิ่นเหมยจวงมาเป็นพวก  ขณะที่ฮ่องเต้ก็ไม่มาหาหวาเฟยนานแล้ว เพราะมัวแต่ไปอยู่กับพวกเจินหวน  ทำให้หวาเฟยโกรธแค้นอย่างมาก จึงมาลงเอากับเฉากุ้ยเหริน  เฉากุ้ยเหรินได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน  หวาเฟยอิจฉาเฉากุ้ยเหรินที่มีพระธิดากับฮ่องเต้ ขณะที่นางไม่มีเลย  

     ความจริงหย่งเจิ้งฮ่องเต้มีพระชนมายุไม่น้อยแต่ว่ามีโอรสธิดาน้อยมาก  ทรงมีธิดาประสูติกับเฉากุ้ยเหรินชื่อองค์หญิงเวินอี ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานมาก  แม้จะไม่โปรดเฉากุ้ยเหรินเท่าใดนัก  หวาเฟยจึงคิดจะใช้องค์หญิงเวินอีล่อให้ฮ่องเต้มาหานาง โดยบังคับเอาตัวองค์หญิงเวินอีมาเลี้ยงเองที่ตำหนักเริ่นจิ่งกง  เฉากุ้ยเหรินแม้ไม่อยากก็ต้องจำใจให้เวินอีไปอยู่กับหวาเฟย  ฮ่องเต้จึงเสด็จมาบ่อย ๆ เพื่อเล่นกับเวินอี แล้วเลยค้างอยู่ตำหนักของหวาเฟย แต่ไม่ว่าอย่างไรพระองค์ก็ยังโปรดปรานเจินหวนมากอยู่เหมือนเดิม ทำให้หวาเฟยไม่พอใจอย่างยิ่ง  

(องค์หญิงเวินอีแสนจะน่ารัก แต่แม่ร้ายกาจสุด ๆ)

     หน้าร้อนมาถึง หย่งเจิ้งฮ่องเต้พาหมู่พระสนมติดตามไปพักร้อนที่พระราชวังฤดูร้อน  เฉากุ้ยเหรินแสร้งพูดต่อหน้าฮ่องเต้กับเจินหวนถึงเรื่องการพบกันระหว่างฮ่องเต้กับเจินหวน  ที่ฮ่องเต้อ้างตัวเป็นอ๋อง 17 ถือว่าเป็นแม่สื่อให้ฮ่องเต้กับเจินหวนได้ลงเอยกัน   และพูดเป็นนัยว่าเจินหวนคงมีใจให้กับอ๋อง 17 บ้าง  ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยนัก เจินหวนเองก้รู้สึกหวั่นใจว่าฮ่องเต้จะหวาดระแวงเหมือนกัน จึงรีบทูลบอกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่นางไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวกลับกล้าคุยด้วยอย่างใจจริง เพราะนึกว่านั่นคืออ๋อง 17 จริง ๆ และนางก็ระวังตัวอย่างที่สุดที่จะไม่สนิทสนมใกล้ชิด ฮ่องเต้เองก็ทรงทราบเรื่องนี้ดี  แล้วที่นางรู้สึกดี ๆ กับฮ่องเต้ก็เพราะฮ่องเต้ออกหน้าให้นางเรื่องหวีต๋าอิ้ง ถือเป็นผู้มีพระคุณ แล้วตอนนี้ทรงเป็นสามีของนาง ทำให้นางยิ่งมีแต่ความจงรัก ฮ่องเต้จึงคลายความรู้สึกหวาดระแวงลง  

       เรื่องนี้ความจริงมีคนรู้แค่เจินหวนกับหลิวจู ไม่รู้ว่ารั่วไหลออกไปถึงหูเฉากุ้ยเหรินได้อย่างไร ทำให้เจินหวนไม่สบายใจอย่างมาก จินซีกู๋กูที่อยู่ในวังมานาน ยิ่งไม่สบายใจ เตือนให้เจินหวนระวังตัว ไม่ว่าคนอื่นจะว่าอย่างไรไม่ต้องไปกังวล ขอเพียงให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อมั่นในตัวเจินหวนอย่างเดียวเท่านั้นเป็นพอ  
         ในพระราชวังพักร้อนมีองค์ชายสี่หงลี่ซึ่งเป็นโอรสที่หย่งเจิ้งไม่โปรดปรานเพราะไม่โปรดพระมารดาขององค์ชายสี่ที่เป็นแค่หญิงสามัญต่ำศักดิ์   จึงพลอยทอดทิ้งองค์ชายสี่ไว้ที่พระราชวังพักร้อน ไม่ให้ไปอยู่ด้วยในวังหลวง เมื่อมาอยู่วังพักร้อนทำให้เจินหวนได้พบกับหงลี่ แล้วถูกชะตากันมาก   รวมทั้งสงสารชะตากรรมขององค์ชายหงลี่มาก

(หวันกุ้ยเหริน พบองค์ชายหงลี่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ในพระราชวังฤดูร้อนเพียงลำพัง)

       ในวังจัดงานเลี้ยง  เฉากุ้ยเหรินวางแผนฉีกหน้าพวกเจินหวน โดยเสนอให้เล่นเกมส์จับสลาก ใครจับได้อะไรต้องมาแสดงความสามารถให้ทุกคนเห็นตามที่เขียนไว้ในฉลาก  เฉากุ้ยเหรินแอบทำสลากพิเศษไว้แล้วบอกว่าของเจินหวนให้เต้นระบำชุด"จิงหงอู่"  ระบำชุดนี้รำยากมาก เจินหวนจำใจระบำทั้งที่ไม่ได้ฝึกซ้อมมานาน  เหมยจวงอาสาดีดกู่ฉิน  แล้วให้หลิงหรงร้องเพลง เสียงร้องเพลงของหลิงหรงไพเราะมาก แต่เจินหวนยิ่งระบำได้งามยิ่งกว่า ทำให้ฮ่องเต้คิดถึงฉุนหยวนฮองเฮาที่ล่วงลับไป ซึ่งมีชื่อเสียงในการระบำจิงหงอู่นี้  ด้านอ๋อง 17 ได้เห็นเจินหวนระบำ ก็เป่าขลุ่ยคลอด้วยความประทับใจ และเริ่มตกหลุมรักเจินหวน
        
(เฉาฉินโม่...เฉากุ้ยเหริน  มันสมองจอมวางแผนของหวาเฟย)  
      
        สิ่นเหมยจวงไว้วางใจในตัวแพทย์ที่เปลี่ยนคนใหม่มา  หมอคนนี้อ้างว่าเป็นคนบ้านเดียวกับเหมยจวง เหมยจวงจึงเรียกใช้งานเป็นหมอประจำตัว ต่อมาก็บอกว่าเหมยจวงมีครรภ์ ทำให้หย่งเจิ้งฮ่องเต้ดีใจมาก  สั่งคนดูแลเสิ่นเหมยจวงอย่างดีที่สุด และยิ่งเอาอกเอาใจเสิ่นเหมยจวงอย่างดี

        อันปี่ไหว พ่อของอันหลิงหรง ได้รับคำสั่งให้ร่วมกับขุนนางอีกคนคุมเสบียงไปส่ง กลับถูกฝ่ายศัตรูแย่งชิงไปแล้วซ้ำยังถอยทัพหนีพร้อมกับหอบเงินหนีไปด้วย ฮ่องเต้พิโรธมากจึงจับพ่อของหลิงหรงสั่งขังไว้เพื่อเตรียมลงโทษ หลิงหรงกลัวพ่อจะต้องรับอาญาถึงตาย จึงมาขอให้เจินหวนกับเหมยจวงช่วยเหลือ เหมยจวงกำลังตั้งครรภ์อยู่ตอนนี้เป็นคนโปรดปรานของฮ่องเต้ คิดจะไปทูลขอเมตตา แต่ซูเปยเซิ่งขันทีคนสนิทของฮ่องเต้รีบห้ามไว้ บอกว่าถ้าขืนเข้าไปทูลขอตอนนี้ รับรองว่านอกจากพ่อของหลิงหรงจะไม่รอด กลับจะยิ่งตายเร็วขึ้น เพราะหวาเฟยจะต้องเอาเรื่องนี้ไปยิ่งกระพือให้ฮ่องเต้กริ้วหนักกว่าเดิมแน่  เจินหวนกับหลิงหรงจึงไปขอให้ฮองเฮาช่วยเหลือ  อีกทั้งเจินหวนอาศัยจังหวะ ทูลขอหย่งเจิ้งอีกครั้งในยามอารมณ์ดี  พ่อของหลิงหรงจึงถูกขังและถูกสอบสวนใหม่  ไม่ต้องถึงกับตายทันที  แต่กู๋กูคนสนิทของฮองเฮาบอกว่าพ่อของหลิงหรงรอดตายครั้งนี้เพราะฮองเฮาช่วยทูลขอให้  ทำให้หลิงหรงคิดว่า ต่อไปนี้หากจะอยู่รอดในวังหลังโดยไม่ให้ใครมารังแก จะต้องเกาะฮองเฮาไว้เป็นการดีที่สุด เพราะฮองเฮามีอำนาจมากที่สุด 

          เหมยจวงได้รับการดูแลอย่างดีเพราะกำลังตั้งครรภ์  แต่แล้วคนรับใช้ในเรือนของเหมยจวงกลับบอกว่า นางไม่ได้ตั้งครรภ์ เมื่อหมอมาตรวจก็พบกว่านางไม่ได้ตั้งครรภ์จริง ๆ ทำให้ฮ่องเต้พิโรธมาก ไม่ว่าเหมยจวงจะบอกว่านางถูกใส่ร้าย ฮ่องเต้ก็ไม่เชื่อ  หาว่าเหมยจวงจงใจสมคบหมอหลวงหลอกลวงความรักฮ่องเต้  ส่วนหมอคนนั้นก็หายสาบสูญไป  ฮ่องเต้จึงสั่งลดยศนางเป็นแค่ต๋าอิ้ง  ขังนางไว้ และห้ามคนเข้าพบเด็ดขาด จนกว่าจะหาตัวหมอหลิวเปิ่นพบแล้วมายืนยันความบริสุทธิ์ให้เหมยจวง  

     เจินหวนแม้ร้อนใจอยากจะช่วยเสิ่นเหมยจวงใจจะขาด แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร จินซีเตือนว่าหากเดินแต้มพลาดไป ฮ่องเต้ไม่โปรดปรานนางเมื่อใด โอกาสที่นางจะได้ช่วยเสิ่นเหมยจวงก็จะไม่เหลืออีกเลย เจินหวนจึงได้แต่ทนดูเหมยจวงถูกขังไว้ในตำหนัก มีแค่จิ้นผินคอยดูแล   เสิ่นเหมยจวงถูกคนวางยาในอาหารที่ส่งไปให้กิน ยังดีที่จิ้นผินตรวจพบเสียก่อน  ทำให้เหมยจวงกลัวมาก และคาดว่าหวาเฟยเป็นคนสั่งวางยา  แต่ไม่สามารถทำอะไรได้  

     เมื่อไม่มีเหมยจวงแล้ว เจินหวนก็พยายามสนับสนุนหลิงหรงให้ได้ปรนนิบัติฮ่องเต้ โดยให้หลิงหรงร้องเพลงซึ่งเป็นสิ่งที่หลิงหรงทำให้ดีที่สุด  ฮ่องเต้ได้ยินเสียงเพลงของหลิงหรงแล้วพอพระทัยมาก ฮองเฮาก็รับสนับสนุนอีกแรง เพราะต้องการลดทอนอำนาจของหวาเฟยลง  ทำให้หวาเฟยยิ่งแค้นใจพวกเจินหวนหนักกว่าเดิม

       องค์หญิงเวินอีประชวร หย่งเจิ้งฮ่องเต้เป้นห่วงมาก  สั่งให้หมอไปตรวจดู พบว่าเวินอีโดนวางยา ฮ่องเต้กริ้วจัด สั่งให้หาคนที่วางแผนวางยาเวินอีออกมาให้ได้  กลับปรากฎว่ากลายเป็นส่วนผสมของขนมที่ใช้ในตำหนักของเจินหวน อีกทั้งขณะที่จัดงานเลี้ยง อยู่ ๆ เจินหวนก็ออกไปนอกงาน หวาเฟยรีบใส่ไฟว่าช่วงที่เจินหวนหายไป คงจะออกไปทำอะไรมา  ฮ่องเต้ถามว่ามีใครเป้นพยานได้ไหมว่าเจินหวนไม่ได้ไปวางยาเวินอี  จู่ ๆ ตวนเฟยก็ปรากฎออกมาเป็นพยานยืนยันว่าช่วงที่เจินหวนหายออกไปนอกงานเลี้ยงนั้น ไปคุยเป็นเพื่อนกับตวนเฟยเอง  ทำให้เจินหวนรอดพ้นจากการใส่ร้ายครั้งนี้ไปได้   เจินหวนและตวนเฟยจึงสนิทสนมกันในเวลาต่อมา 
 
    ฮ่องเต้เห็นใจที่หวาเฟยยึดตัวเวินอีไปเลี้ยงทั้งที่ไม่ใช่แม่  เลยสั่งให้เฉากุ้ยเหรินเอาองค์หญิงกลับไปเลี้ยงเอง  เฉากุ้ยเหรินดีใจจนออกนอกหน้า ทำให้หย่งเจิ้งได้รู้ว่าตัวการคนที่วางยาเวินอีจริง ๆแล้วน่าจะเป็นหวาเฟยมากกว่า  แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องเอาใจหวาเฟยต่อไปเพราะว่าอิทธิพลของเหนียนเกิงหยาวที่ยิ่งมายิ่งกำเริบเสิบสาน ทำให้ฮ่องเต้กลุ้มใจมาก  เรื่องนี้เจินหวนเข้าใจฮ่องเต้ดีที่สุดและเสนอให้ฮ่องเต้พยายามรักษาน้ำใจหวาเฟยกับเหนียนเกิงหยาวเอาไว้


(พี่น้องสกุลเหนียนที่ทรงอิทธิพล เหนียนกิงหยาว และหวาเฟย)

หลังจากเกิดเรื่องวางยาองค์หญิงเวินอี  เจินหวนก็พยายามหาคนที่เป็นไส้ศึกข้างตัว  เลยวางแผนแอบเข้าไปพบกับเหมยจวง  แต่ข่าวนี้กลับรั่วไปเข้าหูหวาเฟย  หวาเฟยรีบพาคนบุกเข้าไปในตำหนักที่กักตัวเหมยจวง เพื่อจะจับให้ได้คาหนังคาเขา ฮ่องเต้ทราบข่าว รีบเสด็จมา  หวาเฟยรีบฟ้องว่าเจินหวนกล้าขัดคำสั่งฮ่องเต้ ลอบเข้าไปพบกับเหมยจวง ฮ่องเต้สั่งคนเข้าไปตรวจดู  กลายเป็นว่าเจินหวนไปนั่งคุยอยู่กับจิ้นผิน และในตำหนักเหมยจวงไม่มีใครเลย  ทำให้หวาเฟยเสียหน้าอย่างมากและโดนฮ่องเต้ลงโทษฐานขัดรับสั่งบุกรุกเข้าไปในตำหนักที่กักตัวเหมยจวง  โดยการยึดอำนาจในการดูแลหกตำหนักฝ่ายในคืน  หวาเฟยแค้นใจเจินหวนมาก   

     เจินหวนแอบเข้าไปพบเหมยจวงและได้คุยกัน  ก่อนจะรีบหลบกลับตำหนัก ระหว่างทางพบทหารพอดี เจินหวนจึงรีบหลบเข้าไปซ่อนในเรือ กลับพบอ๋อง 17 ในเรือ  อ๋อง 17 ช่วยกลบเกลื่อนให้เจินหวน และพายเรือพาเจินหวนกลับไปส่งที่ตำหนัก ระหว่างทางได้พูดคุยกัน และเจินหวนเก็บถุงหอมของอ๋อง 17 ได้ ในนั้นมีกระดาษที่ตัดเป็นรูปหน้าของเจินหวน  เจินหวนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
 
     กลับมาที่ตำหนัก เจินหวนคุยกับฮ่วนปี้เรื่องที่ฮ่วนปี้ทำตัวเป็นไส้ศึก  ฮ่วนปี้เสียใจมาก และเมื่อรู้ว่าเจินหวนคอยดูแลในฐานะพี่สาว ฮ่วนปี้ก็ซึ้งใจมากและสำนึกผิด กลับตัวกลับใจ

    เหนียนเกิงหยาวชนะศึกที่ซีเป่ย ยิ่งกำเริบเสิบสาน หวาเฟยเกรงว่าฮ่องเต้จะไม่พอใจจึงเตือนพี่ชายให้ระวัง แต่เหนียนเกิงหยาวถือดีว่าตัวเองมีความดีความชอบใหญ่หลวง ไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น  หย่งเจิ้งเห็นแก่เหนียนเกิงหยาวจึงทำดีกับหวาเฟย  กลับทำให้หวาเฟยยิ่งกำเริบเสิบสาน ถึงขนาดขอให้ฮ่องเต้เรียกอันหลิงหรงมาร้องเพลงให้นางฟัง หลิงหรงกลัวมาก เจินหวนจึงมาเป็นเพื่อน หลิงหรงร้องเพลงและเจินหวนดีดฉิน กลับโดนหวาเฟยพูดจาถากถางและมอบเหล้าให้หลิงหรงดื่ม หลิงหรงไม่อยากดื่ม ฮ่องเต้ก็ขอให้นางดื่มลงไปทำให้หลิงหรงขมขื่นใจมาก พอดื่มเหล้าลงไปแล้วทำให้หลิงหรงร้องเพลงไม่ออก เจินหวนจึงดีดฉินร่ายกลอนระบายความในใจให้ฟังแทน แท้ที่จริงกลอนที่ร่ายออกมานั้นนางจงใจให้ฮ่องเต้ฟัง   สิ่งที่หวาเฟยทำลงไปคราวนี้ทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยมาก แต่ก็ข่มกลั้นพระทัยเอาไว้ 
      
     เมื่อโดนหวาเฟยรังแก หลิงหรงคับแค้นใจมาก ฮองเฮาเห็นเป็นโอกาสจึงกล่อมให้อันหลิงหรงเข้าเป็นพวก  และให้นางคิดถึงความก้าวหน้าในอนาคต  หลิงหรงไม่อยากโดนหวาเฟยข่มเหงรังแกอีก ยินยอมทำตามที่ฮองเฮาบัญชา  
     ฮ่องเต้ยิ่งมายิ่งไม่พอใจพฤติกรรมของเหนียนเกิงหยาว ส่วนหวาเฟยก็ยิ่งกำเริบเสิบสานหนักขึ้น กล้าฉีกหน้าฮองเฮาต่อหน้าบรรดานางสนมฝ่ายใน  รวมทั้งพูดจาดูถูกดูหมื่นสนมอื่น ๆ ทำให้ทุกคนยิ่งชิงชังนาง 
     ไทเฮาแสดงให้เห็นว่าโปรดปรานเจินหวนเป็นพิเศษ ทำให้หวาเฟยไม่สบายใจเลย   ฟู่จ๋ากุ้ยเหรินตั้งครรภ์ หวาเฟยอิจฉามาก ไม่นานในวังเกิดโรคระบาด ที่ตำหนักของหวาเฟยก็เกิดโรคด้วย  หวาเฟยสั่งให้เอาข้าวของของคนที่ติดโรคตายไปทำลายทิ้งให้หมด  แต่เฉากุ้ยเหรินท้วงไว้ บอกว่าเสิ่นเหมยจวงยังมีชีวิตอยู่  หมอหลิวเปิ่นก็ยังไม่ตาย อาจจะเกิดเรื่องได้  หวาเฟยเลยสั่งให้เอาชุดน้ำชาของคนที่ติดโรคไปให้เสิ่นเหมยจวงใช้ จะได้กำจัดนางไป
      เหมยจวงล้มป่วยหนัก  เจินหวนไปดูอาการ  ต่อมาหลิวเปิ่นถูกจับได้ พาไปเฝ้าฮ่องเต้  หลิวเปิ่นสารภาพความจริงทั้งหมดว่าเรื่องของเสิ่นเหมยจวงหวาเฟยเป็นคนบงการ  ฮ่องเต้จึงสั่งคืนศักดิ์ตำแหน่งให้เสิ่นเหมยจวงเป็นฮุ่ยกุ้ยเหรินตามเดิม และให้หมอไปรักษาอย่างดี  และสั่งให้ลดยศหวาเฟยลงเป็นหวาผิน  เพื่อลงโทษ  แต่กระนั้น..หย่งเจิ้งยังถามเจินหวนว่า เรื่องของหลิวเปิ่น เจินหวนวางแผนไว้หรือเปล่า ทำให้เจินหวนตกใจมาก  จากนั้นก็แปรเป็นเสียใจที่ฮ่องเต้หวาดระแวงนาง  
     หลิงหรงวางแผนส่งคนไปแจ้งให้หวาเฟยรู้ว่าฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องที่ตัวเองก่อไว้กับเสิ่นเหมยจวงแล้ว ก็ร้อนตัวกลัวจะโดนลงโทษ เฉากุ้ยเหรินก็บอกให้นางรีบทำความดีความชอบลบล้างความผิดซะก่อนจะโดนหย่งเจิ้งลงโทษเอา หวาเฟยเลยเรียกหมอหลวงแซ๋เจียงสองพี่น้องที่ตนเองใช้งานประจำ มาปรึกษา เพราะหมอสองคนนี้ก็ช่วยกันวางแผนใส่ร้ายเหมยจวง  ตอนนั้นในวังเกิดโรคระบาดร้ายแรง คนติดโรคล้มตายกันทุกวัน  หมอเวินสือชูได้คิดหายามารักษาจนสำเร็จ โดยนำไปรักษาเสิ่นเหมยจวงจนค่อย ๆ ทุเลา คาดไม่ถึงว่าหมอหลวงเจียงสองพี่น้องกลับขโมยสูตรยานี้เอาไปรักษาคนในวังจนหาย แล้วแอบอ้างเอาว่าเป็นผลงานคิดค้นของพวกตน  ฮ่องเต้เห็นหมอหลวงทั้งสองมีผลงานช่วยรักษาคนในวังจนรอดตาย และเป็นคนที่หวาเฟยแนะนำมา ถือเป็นความดีความชอบ  ก็เลยยกโทษให้ ไม่เอาเรื่อง แต่ว่าแท้ที่จริงแล้ว หย่งเจิ้งทรงเกรงว่าหากทำอะไรรุนแรงไป เหนียนเกิงหยาวจะไม่พอใจและอาจสร้างความยุ่งยากให้ราชสำนักได้ เลยนอกจากจะไม่ทำอะไรหวาเฟยแล้ว ยังคืนอำนาจในการดูแลหกตำหนักฝ่ายในให้หวาเฟยตามเดิม แต่ว่าฮ่องเต้ก็แต่งตั้งจิ้งผินให้เป็นจิ้งเฟย แล้วมอบอำนาจให้ช่วยว่าการหกตำหนักฝ่ายในร่วมกับหวาเฟยด้วย ทำให้หวาเฟยแม้ไม่พอใจ แต่ก็จำใจต้องยอมรับ
     เหมยจวงรอดตายจากโรคระบาดได้เพราะเวินสือชูทุ่มเทแรงกายแรงใจรักษาสุดกำลัง   เจินหวนดีใจมาก   เหมยจวงพออาการดีขึ้น ก็นึกขึ้นได้ว่าที่ติดโรคครั้งนี้เป็นเพราะหวาเฟยวางแผนทำร้าย  รู้สึกเสียใจมากที่ฮ่องเต้ไม่เอาเรื่องหวาเฟยอีกตามเคย ปล่อยให้นางกำเริบเสิบสานต่อไป  อีกทั้งแค้นฮ่องเต้ที่ไม่ยุติธรรมกับนาง และไร้น้ำใจนัก  นับแต่นั้นนางความรู้สึกที่นางมีต่อฮ่องเต้ก็เปลี่ยนเป้นเย็นชาตลอดเวลา  ส่วนเจินหวนแม้จะเข้าใจว่าฮ่องเต้ทำลงไปเพราะมีแผนจัดการกับเหนียนเกิงหยาว แต่ว่านางก็อดหวาดกลัวในความหวาดระแวงของฮ่องเต้ไม่ได้  เพราะแม้นางจะทุ่มเททั้งจิตใจให้ฮ่องเต้ ก็ยังถูกพระองค์หวาดระแวงจนได้  ท่าทีที่นางมีต่อฮ่องเต้จึงค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นระวังตัวมากขึ้น ใกล้ชิดน้อยลง
     พระสนมฝ่ายในมารวมตัวกันเพื่อชมดอกไม้  ฟู่จ๋ากุ้ยเหรินที่กำลังตั้งครรภ์ก็มาด้วย แต่นางเบ่งบารมีจนบรรดาสนมหลายคนหมั่นไส้  ฮองเฮาเห็นแก่ที่นางมีครรภ์ อนุญาตให้นางไปนั่งพักผ่อน  ระหว่างที่บรรดาสนมทั้งหลายกำลังชมดอกไม้กัน จู่ ๆ แมวที่ฮองเฮาเลี้ยงไว้ก็โดดเข้าทำร้ายฟู่จ๋ากุ้ยเหริน  เจินหวนเองก็โดนผลักไปจนปะทะกับฟู่จ๋ากุ้ยเหรินล้มลงทั้งคู่ซ้ำยังเจินหวนยังโดนแมวข่วนเป็นผลที่คอ   ส่วนฟู่จ๋ากุ้ยเหรินแท้ง  ตวนเฟยแอบอยู่บริเวณนั้น และเก็บหลักฐานบางอย่างที่พื้นได้
    เจินหวนเองตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไทเฮารีบเสด็จมาดูและสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ฮองเฮาบอกวาเจินหวนพยายามช่วยฟู่จ๋ากุ้ยเหรินก็เลยเสียหลักล้มลงไป แล้วเลยโดนแมวข่วนมีแผลที่คอ ฮองเฮาสั่งให้หมอหลวงไปตรวจร่างกายเจินหวน ก็พบว่านางตั้งครรภ์แล้ว  ไทเฮาดีพระทัยมาก  เจินหวนก็ดีใจมาก  เสิ่นเหมยจวงรู้ข่าวก็รีบมาแสดงความยินดีกับนางทันที แล้วเตือนให้นางระวังตัว เพราะว่าในวังหลังมีเหตุบังเอิญให้พระสนมแท้งลูกมากมาย  บางทีเรื่องที่เกิดกับฟู่จ๋ากุ้ยเหรินอาจไม่ใช่เหตุบังเอิญก็ได้ ขอให้เจินหวนระวังตัวให้มาก ๆ
     เจินหวนเล่าให้จินซีกู๋กูฟังว่า นางไม่ได้จงใจโดดออกไปช่วยฟู่จ๋ากุ้ยเหริน แต่ว่านางโดน"ผลัก"ออกไปโดยใครบางคน  จินซีฟังแล้วกังวลใจมาก  ตวนเฟยเอาตลับใส่ผงยามาให้เจินหวนดูแล้วบอกว่านี่คือเหตุที่ให้แมวตัวนั้นคลุ้มคลั่ง  เวลาเดียวกันไทเฮาก็สั่งคนตรวจสอบจนพบว่า มีคนบางคนทำให้แมวตัวนั้นคลุ้มคลั่งจนไล่ทำร้ายฟู่จ๋ากุ้ยเหรินโดยใช้กลิ่นของผงชนิดหนึ่ง และผงชนิดนี้ถูกทาบนตัวของฟู่จ๋ากุ้ยเหริน  และคนที่ให้ผงหอมชนิดนี้กับฟู่จ๋ากุ้ยเหรินก็คือฮองเฮานั่นเอง เรื่องนี้ทำให้ไทเฮากริ้วมาก  และเตือนว่าเรื่องนี้อย่าได้เกิดขึ้นอีก
     ตวนเฟยเตือนเจินหวนให้ระวังเฉากุ้ยเหรินให้ดี ๆ เพราะเฉากุ้ยเหรินรับมือยากกว่าหวาเฟยอีก เฉากุ้ยเหรินเป็นอาวุธที่น่ากลัวของหวาเฟย  แท้จริงตวนเฟยกับหวาเฟยมีเรื่องกันมาก่อน เพราะหวาเฟยหาว่าตวนเฟยเป้นเหตุให้นางแท้งลูก  หวาเฟยจึงบังคับให้ตวนเฟยกินยาขนานหนึ่งลงไป ยาขนานนี้จะทำให้คนที่กินไม่อาจมีลูกได้อีกตลอดไป ด้วยเหตุนี้ตวนเฟยจึงมีร่างกายอ่อนแอป่วยตลอดเวลา ฮ่องเต้ก็เมตตานางเป็นพิเศษ ให้นางรักษาตัวในตำหนักให้ดี  ตวนเฟยจึงไม่ค่อยได้ออกจากตำหนักไปพบใคร  แต่ตวนเฟยเป้นสตรีที่ชาญฉลาดและรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของคนในวัง รวมทั้งมองออกถึงกลอุบายร้ายกาจต่าง ๆ นางต้องการแก้แค้นหวาเฟย จึงให้ความช่วยเหลือเจินหวนทุกอย่าง และดีต่อเจินหวนด้วยความจริงใจ
 
(หวาเฟย แสดงโดยเจียงซิน  เล่นได้น่าตบม้ากมาก...เอาโล่ไปเลย..)
    หวาเฟยไม่ตั้งครรภ์สักที  จึงให้เชิญหมอจากข้างนอกมาตรวจดูร่างกายว่าเพราะอะไร  หมอตรวจแล้วเห็นว่าร่างกายนางปกติแข็งแรงดีทุกอย่าง สามารถมีครรภ์ได้แน่นอน  ขอให้ใจเย็น ๆ อย่าใจร้อน และแล้วหมอคนนี้ถูกคนในตำหนักไทเฮาเตือนว่า หากหมอส่วนใหญ่พูดว่านางป่วย แต่มีหมอคนเดียวที่พูดว่านางไม่ป่วย หมอคนนี้ก็จะถูกคนอื่นหาว่าบ้า และทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาหลายปี  ทางที่ดี หมอควรจะทำตามอย่างหมอคนอื่น ๆ เพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้  หมอผู้นี้เข้าใจในคำเตือนนี้ทันที ด้วยเหตุนี้ หวาเฟยจึงยังคงไม่ตั้งครรภ์ต่อไป
     ฮ่องเต้ทราบข่าวเจินหวนตั้งครรภ์ก็ดีไจมาก และห่วงนางมากเป็นพิเศษ จนไม่ยอมไปค้างตำหนักฮองเฮาตามกำหนด  ฮองเฮาเสียใจมาก ฮ่องเต้สั่งให้ฮองเฮาดูแลเจินหวนให้ดี ๆ เพราะกลัวจะเป็นเหมือนฉุนหยวนฮองเฮาที่สิ้นพระชนม์ไปเนื่องจากแท้งลูก   แล้วฮ่องเต้ยังสั่งให้จัดส่งเครื่องหอมและยาทาแผลไปให้เจินหวน  ให้นางใช้  หลิงหรงแวะมาเยี่ยมแล้วเอายาสำหรับทาลบรอยแผลถูกแมวข่วนที่คอมาให้  เจินหวนยินดีมาก ใช้ยาของหลิงหรงแทนยาที่ฮ่องเต้ประทานมา  แผลเป็นก็ค่อย ๆ หายไป 
    


ฮ่องเต้เพื่อแก้แค้นให้เสิ่นเหมยจวง จึงสั่งนักฆ่าคนสนิทชื่อเซี่ยอี้ ไปฆ่าหมอเจียงสองพี่น้อง  แล้วแต่งตั้งเวินสือชูเป็นหัวหน้าหมอหลวงฝ่ายในแทน  เจินหวนเคยคุยกับฮ่องเต้ถึงเรื่องที่หวาเฟยไม่ตั้งครรภ์สักที  ฮ่องเต้ตอบเพียงว่า หวาเฟยไม่มีวันตั้งครรภ์ได้  ทำให้เจินหวนประหลาดใจมาก

เจินหวนได้เลื่อนตำแหน่งจากหวันกุ้ยเหรินเป็นหวั่นผิน  ในวันเกิดของนาง ฮ่องเต้ทรงจัดงานให้เป็นพิเศษ และบัญชาให้อ๋อง 17 หาทางทำให้เจินหวนมีความสุขที่สุด อ๋อง 17  สั่งคนปล่อยว่าวเต็มท้องฟ้า แล้วทำให้ดอกบัวในสระบานทั้งที่ไม่ใช่ฤดู  เจินหวนมีความสุขมาก อีกทั้งฮ่องเต้ยังแต่งตั้งแม่ของเจินหวนให้เป้นฮูหยินขั้นที่ 3 ทัดเทียมกับแม่ของหวาเฟย ทำให้หวาเฟยไม่พอใจอย่างมาก จึงสั่งให้คนออกไปส่งข่าวให้เหนียนเกิงหยาว หาทางกำจัดพ่อแม่ของเจินหวนทิ้ง  แต่ถูกฉุนฉางไจ้แอบได้ยิน หวาเฟยเลยสั่งให้ขันทึคนสนิทฆ่าฉุนฉางไจ้ทิ้งโดยการผลักตกสระบัว  
เจินหวนรักฉุนฉางไจ้เหมือนน้องสาวแท้ ๆ รู้สึกเสียใจกับการตายของฉุนฉางไจ้มาก และสงสัยมาก ยิ่งคิดถึงสิ่งที่เฉากุ้ยเหรินมาชวนคุย เจินหวนยิ่งแน่ใจว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับหวาเฟยอย่างแน่นอน แต่ยังไม่มีหลักฐาน  เจินหวนคิดจะแก้แค้นให้ฉุนฉางไจ้ให้ได้

เหนียนเกิงหยาวชนะศึกอีก ฮ่องเต้จึงเลื่อนตำแหน่งคนตระกูลเหนียนให้สูงขึ้น รวมทั้งหวาเฟย ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหวากุ้ยเฟย  ต่อมาฮองเฮาประชวรแต่หาหมอหลวงมารักษาไม่ได้สักคนเดียว เป้นเพราะฮูหยินของเหนียนเกิงหยาวป่วยมาก เหนียนเกิงหยาวจึงสั่งให้หมอหลวงทุกคนไปรักษาฮูหยินให้หาย ถ้ารักษาแล้วยังไม่ดีขึ้นห้ามหมอหลวงออกจากจวนตระกูลเหนียน  เรื่องนี้เหล่าขุนนางเอามาร้องกล่าวโทษกับเหนียนเกิงหยาว แต่ฮ่องเต้ก็ไม่เอาเรื่อง ทำให้เหนียนเกิงหยาวได้ใจหนักกว่าเดิม

ฮองเฮาและอันหลิงหรงช่วยกันชี้แนะแบบอ้อม ๆ ให้ฉีเฟยหาทางกำจัดลูกของเจินหวนเพื่อจะได้ไม่เป็นเสี้ยนหนามขององค์ชายสาม  ฉีเฟยจึงพยายามหาทางทำร้ายเจินหวนด้วยการวางยาพิษ แต่ไม่สำเร็จ กลับถูกอันหลิงหรงจับได้  ทำให้เจินหวนตกใจมาก  หลิงหรงเตือนไม่ให้เจินหวนเอาเรื่องกับฉีเฟย  ส่วนฮองเฮาก็ลงโทษฉีเฟยที่พยายามทำร้ายเจินหวน ด้วยการห้ามฉีเฟยพบกับองค์ชายสามอีกต่อไป  แล้วบอกให้ฉีเฟยทราบว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจินหวนมาฟ้องฮองเฮา ยังดีที่ฮองเฮาปกป้องฉีเฟยจึงลงโทษแค่นี้

ฮ่องเต้กับฮองเฮาต้องไปกราบไหว้ฟ้าดีนที่หอเทียนถันเพื่อขอให้ฝนฟ้าตกตามฤดูกาล  ในวังตอนนี้หวากุ้ยเฟยจึงมีอำนาจเต็มที่ ฮ่องเต้ก่อนจะไปสั่งแล้วสั่งอีกไม่ให้เจินหวนไปยุ่งเกี่ยวกับหวากุ้ยเฟยเด็ดขาด ไม่ว่ามีเรื่องอะไรไว้ฮ่องเต้กลับมาค่อยว่ากัน 
เจินหวนรู้สึกไม่ค่อยสบาย  หมอเตือนให้ระวังตัวเพราะว่าร่างกายนางอ่อนแอ อย่าได้ตรากตรำเกินไป แม้จะกินยาที่หมอจางให้มาแล้ว แต่อาการของเจินหวนก็ยังไม่ดีขึ้น  ยิ่งตอนนี้หวากุ้ยเฟยพยายามหาเรื่องเจินหวนทุกทาง สั่งให้เจินหวนไปพบที่อี้คุนกง  แม้เจินหวนไม่อยากไป ก็จำต้องไป เมื่อนางไปสาย หวากุ้ยเฟยจึงหาเรื่องทำโทษด้วยการสั่งให้คุกเข่าตากแดดที่หน้าตำหนักอี้คุนกงหนึ่งชั่วยาม เจินหวนร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว จึงแท้งลูก

     ฮ่องเต้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากอ๋อง 17 ก็รีบรุดกลับมา  และลงโทษหวากุ้ยเฟย โดยลดยศนางลงเป็นหวาเฟยดังเดิม แล้วให้ไปคุกเข่าตากแดดยามเที่ยงทุกวัน  อีกทั้งริบอำนาจว่าการหกตำหนักกลับคืน  เจินหวนเสียใจมากที่ต้องเสียลูกไป  แล้วยิ่งเสียใจที่ฮ่องเต้ไม่ลงโทษหวาเฟยให้หนักกว่านี้  ฮ่องเต้บอกว่ายามนี้ยังจำเป็นต้องใช้เหนียนเกิงหยาว แต่พระองค๋สาบานว่าจะคืนความเป็นธรรมให้กับเจินหวนให้จงได้  หวาเฟยตากแดดยามเที่ยงมาสามวันจนเป็นลมสลบไป แต่ฮ่องเต้ก็ไม่มาสนใจใยดี  ทำให้หวาเฟยที่รักฮ่องเต้อย่างจริงใจ เสียใจมาก   
      หมอเวินสือชูกลับมาดูแลสุขภาพให้เจินหวน และตรวจพบว่าสาเหตุที่นางแท้งลูกในคราวนี้เนื่องจากใช้ตัวยาหอมชนิดหนึ่ง ยาชนิดนี้ใช้นานไปจะทำให้ไม่อาจมีครรภ์ได้ หรือถ้าสตรีมีครรภ์ก็จะแท้งได้โดยง่าย  และยาชนิดนี้เป็นเครื่องหอมชนิดพิเศษที่มีเฉพาะตำหนักของหวาเฟยเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้ และหวาเฟยก็โปรดปรานกำยานกลิ่นนี้มาก สั่งให้จุดในตำหนักตลอดเวลา  เจินหวนจึงเพิ่งรู้ว่าทำไมฮ่องเต้ถึงพูดว่าหวาเฟยจะไม่มีวันตั้งครรภ์        
     เจินหวนนับแต่เสียลูกไป นางก็หมดอาลัย ยิ่งไม่อยากเป็นคนโปรดของฮ่องเต้อีก เพราะว่ากลัวจะโดนปองร้ายจากคนอื่น และเบื่อหน่ายกับการแก่งแย่งชิงดีในวังหลัง  ดังนั้นจึงจงใจทำตัวเหินห่างและเย็นชากับฮ่องเต้ แม้ว่าฮ่องเต้จะเสด็จมาหาหลายครั้งนางก็ไม่ต้อนรับ ฮ่องเต้แม้จะกริ้ว แต่ก็ยังรักเจินหวนอยู่มาก และเห็นว่าปล่อยให้นางหายดีก่อน แล้วรอให้เรื่องทุกอย่างซาลง นางคงจะดีขึ้นเอง จึงไม่มารบกวนนางอีกเลย  แต่เมื่อฮ่องเต้ไม่เสด็จมา กลับกลายเป็นว่าทุกคนเห็นว่าหวันผินไม่เป้นที่โปรดปรานแล้ว จึงเริ่มเหยียดยามและไม่ให้เกียรติเจินหวนอีกต่อไป  แต่เจินหวนก็ไม่สนใจ
     ฮองเฮาเห็นเป็นโอกาส รีบดันอันหลิงหลงให้เป็นที่โปรดปรานแทน อันหลิงหรงมีเสียงร้องเพลงที่ไพเราะถูกพระทัยฮ่องเต้มาก อีกทั้งท่าทางสงบเสงี่ยม อ่อนโยน แม้จะไม่สวยเท่าเจินหวน แต่ก็ถูกพระทัยฮ่องเต้ จึงกลายเป็นคนโปรดในเวลาอันรวดเร็ว  และเมื่อหลิงหรงกลายเป็นคนโปรด ก็ไม่ต้องทนกับการกดขี่ข่มเหงของใครอีก นิสัยที่แท้จริงก็เริ่มเปิดเผยออกมาทีละน้อย ๆ
      เจินหวนยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบในวัง  เหมยจวงกลับเป็นฝ่ายทนไม่ได้เองที่เห็นหลิงหรงลำพองใจ ส่วนเจินหวนก็ตกต่ำแบบนี้ จึงลากนางไปยังตำหนักเย็นให้ดูสภาพของบรรดานางสนมที่ถูกขังอยู่ในตำหนัก ที่ส่วนใหญ่กลายเป็นคนบ้าเสียสติ รวมทั้งลี่ผินที่เคยทำร้ายเจินหวนมาก่อน  เจินหวนรู้สึกหวาดกลัวกับสภาพเช่นนั้นมาก  และเมื่อตอนที่กลับมายังตำหนัก ยังโดนฉีเฟยและฟู่จ๋ากุ้ยเหรินเหยียดหยาม ด้วยการสั่งให้นางคุกเข่าสองชั่วยามที่หน้าประตูตำหนัก แล้วยังให้สาวใช้ตบปากเจินหวนอีกด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เจินหวนได้คิด ว่าหากนางยังคงตกต่ำอยู่เช่นนี้ ไม่ช้าคนที่จะถูกกำจัดก็ต้องเป็นนางแน่นอน ดังนั้นเจินหวนจึงลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่ง
     ตอนนี้เจินหวนรู้แล้วว่า สาเหตุที่นางอ่อนแอจนแท้งลูก มาจากเครื่องหอมที่จุดในตำหนักอี้คุนกง นางยิ่งแค้นหวาเฟยจับใจ  เจินหวนที่ตอนนี้กลับมาเป็นที่โปรดปรานยิ่งกว่าเดิม  เริ่มแสดงให้คนอื่นเห็นว่านางมิใช่ถูกรังแกได้ง่าย ๆ อีกต่อไป ฟู่จ๋ากุ้ยเหรินเป็นตัวอย่างที่โดนเจินหวนพูดจาข่มขู่เพียงเล็กน้อย ก็แตกตื่นหวาดกลัวจนล้มป่วยลุกไม่ขึ้นไปหลายวัน ฉีเฟยเองก็หนาว ๆ ร้อน ๆ ที่เคยสั่งให้สาวใช้ตบหน้าเจินหวนในครั้งก่อน รีบมาขอโทษ แต่เจินหวนไม่ยอมให้พบ ทำให้ฉีเฟยอยู่ไม่เป็นสุขเลย  ในเวลาเดียวกัน เจินหวนก็วางแผนเอาคืนหวาเฟยบ้าง โดยการชักจูงเฉาฉินโม่มาเป็นพวกของนาง เฉาฉินโม่ถูกหวาเฟยกดขี่ข่มเหงมานาน นางฉลาดพอที่จะรู้ว่าตอนนี้หวาเฟยเริ่มอับแสงแล้ว หากนางยังอยากจะมีชีวิตรอดต่อไป นางต้องหาที่เกาะใหม่แล้วนั่นก็คือเจินหวนที่กำลังเป็นที่โปรดปราน
     เมื่อเจินหวนกลับมา  อันหลิงหรงก็ไม่เป็นที่โปรดปรานเหมือนแต่ก่อน ทำให้หลิงหรงต้องแอบเก็บความชิงชังไว้ใต้ท่าทีอ่อนโยน  และทำเหมือนยังรักและเคารพเจินหวนเหมือนเดิม  แต่ลับหลังก็แอบร่วมมือกับฮองเฮาทำทุกอย่างเพื่อกำจัดเจินหวนออกไป และยุยงให้เสิ่นเหมยจวงกินแหนงแคลงใจกับเจินหวน โดยการยกเหตุการณ์ที่เจินหวนยุยงให้ฮ่องเต้กลับไปคืนตำแหน่งกับหวาเฟยมาเป็นประเด็นทำให้เสิ่นเหมยจวงโกรธเจินหวนจนแทบไม่ยอมมองหน้า
     เพื่อเป็นการซื้อใจเฉาฉินโม่ และเจินหวนก็ชอบองค์หญิงเวินอีจริง ๆ  จึงตกลงรับเวินอีเป็นลูกบุญธรรม ทำให้เฉาฉินโม่ ตกลงใจยอมเข้าเป็นพวกของเจินหวน โดยจะแอบเป็นไส้ศึกข้างกายของหวาเฟยให้  เจินหวนมาปรับความเข้าใจกับเสิ่นเหมยจวงแต่ไม่สำเร็จ  เรื่องนี้คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือฮองเฮา และนางพอใจกับการลงมือของหลิงหรงมาก
     หลิงหรงต้มยาไปให้เจินหวนบอกว่าเป็นยาบำรุง โดยเชือดข้อมือผสมเลือดตัวเองลงไปด้วยเพื่อหวังซื้อใจเจินหวน  เจินหวนยังคงไม่กล้ากินยาที่หลิงหรงให้ สั่งให้เอาไปเททิ้ง    
     ฮ่องเต้ไปพักร้อนที่หยวนหมิงหยวน  บรรดาสนมทุกนางตามเสด็จ ยกเว้นเสิ่นเหมยจวงที่ขออยู่วังหลวงคอยปรนนิบัติไทเฮา  
     แผนกำจัดเหนียนเกิงหยาวใกล้จะบรรลุผล  ฮ่องเต้ยิ่งระวังไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้ยกเว้นเจินหวนที่คอยสนับสนุนฮ่องเต้อยู่อย่างลับ ๆ   หวาเฟยคิดว่าตัวเองเป็นที่โปรดปรานเหมือนเดิม เลยยกซ่งจือสาวใช้ข้างกายให้ปรนนิบัติฮ่องเต้  และได้รับการแต่งตั้งเป็นจือต๋าอิ้ง  หวาเฟยกลับมาเบ่งบารมีคับวังอีกเหมือนเดิม  เจินหวนห้ามคนของตัวไปแตะต้องพวกของหวาเฟย ไม่ว่าพวกนางจะอวดเบ่งแค่ไหนก็อย่าไปใส่ใจ  เฉากุ้ยเหรินก็ช่วยกระพือให้หวาเฟยยิ่งหลงระเริงหนักกว่าเดิม 
     ฮ่องเต้ให้เจินหยวนเต้า พ่อของเจินหวนแอบไปสืบเรื่องของเหนืยนเกิงหยาวอย่างลับ ๆ เพื่อรวบรวมหลักฐานการทำผิด  ฮ่องเต้กริ้วเจินหวน ส่งนางไปกักตัวไว้บนเกาะผังเหลยโจวกลางอุทยาน  ฮองเฮาเห็นผิดปกติ เลยสั่งให้หลิงหรงตามไปด้วย  หลังจากฮ่องเต้ปราบอ๋อง 8 อ๋อง อ๋อง 9 และอ๋อง10 ลงได้แล้ว  จึงให้คนไปรับนางกลับมาเหมือนเดิม   ที่แท้ทั้งหมดเป็นแผนที่ฮ่องเต้และเจินหวนวางไว้ล่วงหน้า หลิงหรงจึงรู้ความจริงทั้งหมด

เมื่อพวกของอ๋อง 8 ถูกกำจัดลงไปได้ หย่งเจิ้งฮ่องเต้ก็หันมาจัดการกับเหนียนเกิงหยาวที่ทรงปล่อยให้กร่างมานาน  ทรงลดยศของเหนียนเกิงหยาวลงทีละขั้น ๆ ริบทรัพย์ตระกูลเหนียน จนถึงที่สุดให้เป็นคนเฝ้าประตูเมืองหยางโจว แต่เหนียนเกิงหยาวก็ยังกร่างไม่เลิก ถึงกับกล้าเอาเสื้อทองพระราชทานไปใส่ยืนยามเฝ้าประตู ทำให้หย่งเจิ้งพิโรธถึงที่สุด จึงตัดสินพระทัยกำจัดเหนียนเกิงหยาวทิ้ง
     ด้านหวาเฟย เมื่อเห็นพี่ชายตกต่ำ ก็รู้สึกตกใจกลัวมาก เจินหวนเห็นเป็นโอกาสแล้วที่จะแก้แค้น จึงให้เฉากุ้ยเหริน กล่าวโทษหวาเฟย  เฉาฉินโม่เล่าทุกเรื่องที่หวาเฟยกระทำไว้ ไม่ว่าเรืองที่นางจงใจใส่ร้ายเสิ่นเหมยจวงว่าตั้งครรภ์หลอก ๆ  เรื่องที่ฉุนฉางไจ้ตายอย่างปริศนา และสำคัญคือเรื่องที่หวาเฟยรับสินบนเป็นเงินจำนวนมหาศาล โดยอาศัยอำนาจอิทธิพลของเหนียนเกิงหยาว  ฮองเฮาสั่งคนไปตามหวาเฟยมา  พอหวาเฟยมาเห็นเฉากุ้ยเหรินอยู่ก็รู้ทันทีว่านางโดนเฉาฉินโม่ขายเสียแล้ว ด้วยความโกรธจึงตรงเข้าทำร้ายเฉากุ้ยเหริน และเผลอยอมรับเรื่องสินบนออกมา  ฮองเฮาจึงให้คนไปล้อมตำหนักอี้คุนเอาไว้ สั่งขังหวาเฟย แล้วก็ให้ลากตัวขันทีคนสนิทของหวาเฟยมาลงทัณฑ์จนสารภาพทุกเรื่อง  จากนั้นก็ทูลฟ้องต่อฮ่องเต้
     ฮ่องเต้ตัดสินใจ ลดยศหวาเฟย เป็นเพียงเหนียนต๋าอิ้ง  แต่ยังให้อยู่ตำหนักอี้คุนตามเดิม และมีซ่งจือเป็นสาวใช้ข้างกายได้ดังเดิม  เจินหวนกับเสิ่นเหมยจวงผิดหวังกับการตัดสินลงโทษของฮ่องเต้มาก  เจินหวนรู้ดีว่าฮ่องเต้ยังคงนึกถึงน้ำใจเก่าก่อนที่ทรงโปรดปรานเหนียนซือหลานมานานหลายปี   ส่วนเฉากุ้ยเหรินนั้น ฉีเฟยทูลขอให้ลงโทษเพราะว่าเฉากุ้ยเหรินสมคบกับหวาเฟยมานานปี แต่เจินหวนกลับขอร้องฮ่องเต้ให้เห็นแก่ความดีความชอบที่เฉาฉินโม่ที่ปกป้ององค์หญิงเวินอี และกล้าเปิดเผยถึงความเลวร้ายของหวาเฟย   ฮ่องเต้จึงให้รางวัลเฉากุ้ยเหริน เลื่อนขึ้นเป็นเซียงผิน
     เซียงผินวางแผนจะก้าวต่อไปให้มีฐานะสูงขึ้นทัดเทียมหวาเฟยสมัยก่อน  เพื่อที่เวินอีจะได้มีฐานะสูงตามไปด้วย นางไม่หวังจะพึ่งพาเจินหวน ตรงกันข้ามหากมีโอกาสนางจะไม่ใจอ่อนกับเจินหวนเด็ดขาด ไทเฮาเตือนว่าคนเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างเฉาฉินโม่ไม่ควรไว้ใกล้ตัว เจินหวนเองก็ตักเตือนเฉาฉินโม่ให้วางตัวให้ดี ตวนเฟยได้พบกับองค์หญิงเวินอี รู้สึกผูกพันมากเป็นพิเศษ  แม้จะไม่ชอบเฉาฉินโม่เลยก็ตาม  
    ฉีกุ้ยเหรินสนมใหม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้  ฉีกุ้ยเหรินเห็นฮ่องเต้โปรดปรานเจินหวนที่สุด จึงคิดจะเกาะเจินหวนเอาไว้เป็นที่พึ่ง  ฉีกุ้ยเหรินพบกับเหนียนต๋าอิ้ง(หวาเฟย) ก็จงใจเหยียดหยามนาง แต่เหนียนซือหลันตอนนี้ไม่สนใจอะไรอีก  แถมยังเตือนฉีกุ้ยเหรินด้วยว่าให้ดูนางไว้เป็นตัวอย่าง อีกหน่อยฉีกุ้ยเหรินก็จะเป็นอย่างนางเหมือนกัน 
   เซียงผิน(เฉาฉินโม่) เสนอแนะให้ฮ่องเต้กำจัดเหนียนต๋าอิ้งไปซะ  ฮ่องเต้ปรึกษากับไทเฮาถึงเรื่องเซียงผิน  ไทเฮาเห็นว่าผู้หญิงน่ากลัวอย่างเฉาฉินโม่ไม่น่าจะเอาไว้  ส่วนเรื่ององค์หญิงเวินอี ให้หาสนมอื่นมาเป็นแม่ให้เวินอีจะดีกว่าได้ผู้หญิงจิตใจร้ายกาจเช่นเฉาฉินโม่คอยเลี้ยงดู  ฮ่องเต้จึงสั่งคนวางยาเฉาฉินโม่ 
     เหนียนซือหลันยังคงคิดแค้นเจินหวน จึงสั่งให้ขันทีของตัวเองมาวางเพลิงที่ซุยอวี้หยวน  เสี่ยวอวิ่นจือสืบทราบจึงมารายงานเจินหวน  เจินหวนวางแผนซ้อนแผน จนสามารถจับตัวขันทีของเหนียนซือหลันได้  ฮ่องเต้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทรงพิโรธมาก  และประทานความตายให้เหนียนซือหลัน  เจินหวนไปพบหน้าเหนียนซือหลันก่อนตาย และบอกถึงสาเหตุที่เหนียนซือหลันไม่ตั้งครรภ์  เหนียนซือหลันเสียใจมาก และพุ่งศีรษะชนผนังฆ่าตัวตายด้วยความคับแค้นใจ
(จากหวากุ้ยเฟย ตกต่ำจนกลายเป็นเหนียนต๋าอิ้ง และจบลงด้วยความตาย เป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของเหนียนซือหลัน...)
  
   เซียงผิน(เฉาฉินโม่) ตาย องค์หญิงเวินอีเป็นกำพร้า เจินหวนช่วยพูดให้ฮ่องเต้ยกเวินอีให้ตวนเฟยไปเลี้ยงดู ตวนเฟยดีใจมาก รักเวินอีเหมือนลูกแท้ ๆ 
    ฮ่องเต้เลื่อนเจินหวน จากหวั่นผิน เป็นหวั่นเฟย  แล้วเลือกวันมงคลประกอบพิธีแต่งตั้ง  ทว่าในวันแต่งตั้งปรากฎว่าชุดที่กรมวังฝ่ายในนำมาให้เจินหวนใส่นั้น เป็นชุดเดิมของฉุนหยวนฮองเฮา  ฮ่องเต้เห็นแล้วทรงพิโรธมาก  สั่งให้เจินหวนถอดชุดนั้นออกทันที แล้วสั่งกักตัวเจินหวนและทุกคนในตำหนักซุยอวี้เหวียน ไม่ให้ติดต่อกับคนข้างนอก  เจินหวนเพิ่งจะทราบเดี๋ยวนี้เองว่านางมีส่วนละม้ายคล้ายกันกันกับฉุนหยวนฮองเฮา และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮ่องเต้โปรดปรานนางมากนับแต่แรกเห็น  และก็พิโรธนางมากที่นางใส่ชุดเดิมของฉุนหยวนฮองเฮา เพราะฉุนหยวนฮองเฮา เป็นสตรีเพียงนางเดียวที่หย่งเจิ้งทรงรักมาโดยตลอดจนบัดนี้ 
     เจินหวนเสียใจมาก นางเพิ่งรู้ว่าแท้จริงฮ่องเต้รักเพียงเงาร่างของฉุนหยวนที่อยู่ในตัวนาง ไม่ใช่รักตัวเจินหวน  จึงหมดอาลัยกับทุกอย่าง และล้มป่วยลง  คนในตำหนักพยายามจะให้ทหารยามข้างนอกไปตามหมอมาดูอาการของเจินหวน แต่ไม่มีใครยอมไปตามหมอ  ที่สุดพวกฮ่วนปี้ หลิวจู ฝ่าทหารออกไป หลิวจูวิ่งเข้าหาคมดาบจนตาย  ฮ่วนปี้วิ่งฝ่าออกไปตามหมอเวินสือชูมาตรวจอาการให้เจินหวนได้  ทหารยามรีบไปรายงานซูเป่ยเซิงขันทีคนสนิทของฮ่องเต้  ฮ่องเต้กริ้วมากที่ทหารยามฆ่าคนของเจินหวนจนตายไป สั่งให้ลงโทษทหารนั้นทันที  แล้วให้หมอรีบไปดูอาการของเจินหวน
     เจินหวนไม่มีกระใจจะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่เวินสือชูพบว่าเจินหวนตั้งครรภ์แล้ว  เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เจินหวนสงสัยว่าเป็นฝีมือของฮองเฮา เพื่อพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของลูกในครรภ์ เจินหวนจึงขอให้ฮองเฮาเป็นคนดูแลนางจนกว่าจะคลอดโดยปลอดภัย  เมื่อรู้ว่าหลิวจูตาย เจินหวนตั้งใจว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อแก้แค้นให้หลิวจูให้จงได้
     ฮองเฮาถูกไทเฮากำชับให้ดูแลครรภ์ของเจินหวนให้ดี  ทำให้ทำอะไรเจินหวนไม่ได้  หลิงหรงจึงวางแผนให้เจินหวนกระทบกระเทือนใจเพื่อจะให้นางแท้ง  เจินหวนเพิ่งจะทราบความจริงจากหมอเวินสือชูว่า ยาทาแผลที่นางได้จากหลิงหรง มีส่วนผสมของเซ่อเซียงที่ทำให้นางแท้งลูก  ทำให้เจินหวนแค้นใจมาก ที่อันหลิงหรงที่นางรักเหมือนน้องทำกับนางแบบนี้  จินซีกู๋กูบอกว่างเจินหวนควรจะดีใจที่ศัตรูในที่มืดปรากฎตัวออกมาแล้ว ทำให้นางไม่ต้องหวาดระแวงอีกต่อไป  จินซียังเตือนอีกว่า ในวังหลังนี้ ต่อให้เป็นพี่น้องแท้ ๆ ก็ยังกลายเป็นศัตรูกันได้
   เจินหยวนเต้าถูกกวาเอ่อเจียเอ้อหมิ่น พ่อของฉีกุ้ยเฟยใส่ร้ายว่าเห็นใจเหนียนเกิงหยาว จนถูกจับไปคุมขัง และเตรียมเนรเทศไปชายแดน  ทุกคนปิดไม่ให้เจินหวนรู้เรื่องนี้เพราะกลัวกระเทือนถึงครรภ์ แต่หลิงหรงกลับวางแผนให้เจินหวนรู้เรื่องนี้จนได้ หลิงหรงยังส่งคนเข้าไปในคุกวางยาเจินหยวนเต้าทำให้มีหนูมารุมกัดแทะ ติดกาฬโรคจนป่วยหนัก เจินหวนสะเทือนใจมากจนคลอดก่อนกำหนด 
    เจินหยวนเต้าไม่ตาย เพราะได้เวินสือชูรักษาจนสุดความสามารถ  ส่วนเจินหวนนั้นหลังจากคลอดองค์หญิงหลงเยว่ ก็ยกหลงเยว่ให้จิ้งเฟยไปเลี้ยงดู ส่วนนางก็ขออำลาจากวังหลัง ไปใช้ชีวิตในอาราม  นางหมดเยื่อใยในตัวฮ่องเต้แล้วโดยสิ้นเชิง 
 จิ้งเฟย กับองค์หญิงหลงเยว่

เจินหวนถูกจัดให้พักอยู่ในอารามใกล้กับบริเวณที่แม่ชีชงจิ้ง (อดีตซู่ไท่เฟย...เป็นอดีตสนมของคังซี เป็นพระมารดาของอ๋อง 17 )พำนัก  แต่กลับถูกแม่ชีจิ้งไป๋ที่มีหน้าที่ดูแลทั่วไปในอารามกลั่นแกล้ง ให้ไปพักที่ห้องพักเก่า ๆ ด้านหลังเขา  เจินหวนร่างกายยังไม่แข็งแรงเพราะเพิ่งคลอดลูกได้ไม่ถึงอาทิตย์  กลับถูกใช้ให้ทำงานหนักสารพัด  โดยเฉพาะพวกแม่ชีจิ้งไป๋จะคอยกลั่นแกล้งและเยาะเย้ยเจินหวนตลอดเวลา  ทำให้สุขภาพของเจินหวนย่ำแย่ลง ดีว่าเสิ่นเหมยจวงสั่งให้หมอเวินสือชูออกมาคอยดูแลเจินหวน และคอยส่งข่าวจากในวังมาให้เจินหวนทราบ

อ๋อง 17 มาหาเจินหวนที่อาราม แล้วมอบภาพเหมือนที่อ๋อง 17 เขียนขึ้น เป็นภาพของเสิ่นเหมยจวงและสนมจิ้งเฟย กำลังอุ้มชูองค์หญิงหลงเยว่  เจินหวนซาบซึ้งใจมาก   ฮองเฮาจงใจพาบรรดาพระสนมในวังมาไหว้พระที่อาราม เพื่อจะได้เยาะเย้ยเจินหวน  เจินหวนต้องอดทนอดกลั้นมากกับการเหยียดหยามของสนมฉีกุ้ยเหรินที่ตอนนี้ได้เลยเป็นฉีผินแล้ว  เสิ่นเหมยจวงทนดูไม่ได้ เข้าไปช่วยเหลือเลยโดนฮองเฮาสั่งให้คุกเข่าลงโทษข้าง ๆ เจินหวน ฮองเฮาพอใจมากที่เห็นเจินหวนตกต่ำถึงเพียงนี้

เจินหวนป่วยหนักไอไม่หยุด พวกแม่ชีจิ้งไป๋หาว่านางเป็นวัณโรค เลยขับไล่นางไปอยู่ที่กระท่อมบนยอดเขาหลิงหวินท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ พวกจินซีพาเจินหวนที่ป่วยหนักออกจากอาราม ยังไม่ทันถึงที่พักเจินหวนก็หมดสติไป ฮ่วนปี้รีบไปตามอ๋อง 17 มาช่วยเหลือ อ๋อง 17 พาเจินหวนไปพักรักษาตัวที่บ้านพักของตนเอง ระหว่างที่เจินหวนเป็นไข้สูงหมดสติ อ๋อง17 ลงทุนไปตากหิมะให้ตัวเย็นแล้วกลับเข้ามากอดเจินหวนเพื่อหวังจะลดความร้อนในร่างกายของเจินหวนลง  ผลจากการทำเช่นนี้ทำให้อ๋อง 17 ป่วยนอนซมลุกไม่ขึ้น 

เจินหวนที่ได้เวินสือชูช่วยรักษาจนอาการดีขึ้น แวะไปเยี่ยมอ๋อง 17 นางเริ่มหวั่นไหวในความรักที่อ๋อง 17 มีไห้ แต่ยังพยายามหักห้ามใจไว้ แต่อ๋อง 17 ไม่ละความพยายามที่จะแสดงให้เจินหวนเห็นถึงความรักที่มีต่อเจินหวน ถึงขนาดไปยืนคอยเฝ้าดูเจินหวนนอกกระท่อม  ความจริงใจและความรักที่อ๋อง 17 ทุ่มเทให้สามารถพิชิตใจของเจินหวนได้ ในที่สุดเจินหวนตกลงใจรับรักของอ๋อง 17 และใช้ชีวิตร่วมกันในกระท่อมบนยอดเขา  โดยมีฮ่วนปี้ จินซี และซูไท่เฟยรับรู้เรื่องราวทั้งหมด

 (ที่หมดแล้วค่ะ โปรดติดตามเจินหวน ภาคหลัง ได้ในเอนทรี่ต่อไปค่ะ....)

 




 

Create Date : 27 กันยายน 2555   
Last Update : 15 ตุลาคม 2555 21:54:11 น.   
Counter : 78969 Pageviews.  

爱在有情天 ฟ้านี้ลิขิตรัก

爱在有情天 ฟ้านี้ลิขิตรัก

เรื่องนี้สร้างโดยเอทีวีของฮ่องกง เมื่อปี 2008  
นักแสดงนำของเรื่อง หม่าจิ้งเทา และเฉินซิ่วเหวิน

เนื้อเรื่อง(ไม่)ย่อ

เสิ่นโยวหราน เป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อเสี่ยวเฉวียน  ซึ่งทุกคนในหมู่บ้านเป็นเครือญาติในตระกูลเสิ่นทั้งนั้น   หมู่บ้านนี้เคยมีชื่อเสียงจากการกลั่นเหล้าที่มีรสชาติเลิศ เพราะได้น้ำจากน้ำพุที่มีรสชาติพิเศษ แต่ต่อมาน้ำพุนี้แห้งลง ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต้องเลิกกลั่นเหล้า หันไปเช่านาของตระกูลซุนทำนา นับวันก็ยิ่งยากจนลงทุกวัน ๆ จากรุ่นพ่อของโยวหราน  มาสู่รุ่นของโยวหรานที่รับช่วงเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อ ทุกคนยากจนจนไม่มีเงินพอจะไปสู่ขอผู้หญิงมาแต่งเป็นภรรยา

ในปีนั้นข้าวในนาทำท่าจะดี  ทุกคนในหมู่บ้านเลยพร้อมใจกันให้โยวหรานหาผู้หญิงมาแต่งเป็นภรรยาได้  แม่สื่อแนะนำหญิงที่ชื่อหยวนม่านชิงที่อาศัยอยู่ในตำบลลิ่วเหอ  โยวหรานเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่อยากหลอกผู้หญิง เลยบรรจงเขียนจดหมายสุดฝีมือ ฝากแม่สื่อไปบอกคุณสมบัติของตัวเองตามที่เป็นจริง ว่าไม่ร่ำรวยอะไร ความรู้ก็น้อย ให้ฝ่ายหญิงพิจารณาดูด้วยตัวเอง อย่าหลงเชื่อแม่สื่อ

ม่านชิงอ่านจดหมายแล้ว รู้สึกอยากเห็นหน้าโยวหราน เลยลงทุนเดินจากตำบลในเมืองมาที่หมู่บ้านเสี่ยวเฉวียน บังเอิญวันนั้นกองทัพแมลงลงกินข้าวในนา แล้วน้องชายของโยวหรานจุดไฟไล่แมลง ลมรุนแรงทำให้ที่นาทั้งหมู่บ้านวอดวายไปกับไฟ ทุกคนในหมู่บ้านต้องอดอยาก ไม่มีข้าวขาย ไม่มีเงิน  พอม่านชิงมาถึงขอพบโยวหราน โยวหรานเลยไม่ออกไปพบ  เพราะรู้ตัวว่าไม่มีเงินไปสู่ขอม่านชิงได้แล้ว ม่านชิงเลยกลับไป  แต่โยวหรานรู้สึกผิด เลยตามมาจะขอโทษ ก็ไม่พบม่านชิงแล้ว

(พระเอกนางเอกของเรื่อง เสิ่นโยวหราน (หม่าจิ้งเทา) หยวนม่านชิง (เฉินซิ่วเหวิน)
โยวหรานบอกให้ทุกคนในหมู่บ้านขุดหัวมันในนาขึ้นมา แล้วโยวหรานกับน้องขนเอาไปขายในเมืองลิ่วเหอ  ที่เมืองลิ่วเหอ กิจการค้าเกือบทั้งหมดเป็นของตระกูลซุน  วันที่โยวหรานเข้าไปในเมืองเป็นวันที่บ้านตระกูลซุนจัดฉลองวันเกิดให้นายรอง ซุนลี่พอดี  และวันนั้นซุนซิ่วตง ลูกสาวคนเดียวของซุนลี่ก็ตัดสินใจหนีไปกับชายที่ตัวเองรัก แต่ถูกจับกลับมาได้  คุณนายรองภรรยาซุนลี่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดปราดเปรื่อง ดูคนเก่ง  ต้องการให้ลูกสาวรู้ความจริง  เลยให้ผู้ชายคนนั้นเลือกเอาระหว่างเงินก้อนหนึ่งกับตัวคุณหนูซิ่วตง  ชายคนนั้นเลือกเงิน ทำให้ซิ่วตงเสียใจมาก

ตระกูลซุนเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมาก แต่มีผู้สืบตระกูลซุนเพียงสองคน คือซุนซิ่วฟง และซุนซิ่วตง ซึ่งเป็นลูกคุณนายรอง ซุนซิ่วฟงลูกชายถูกโจรดักปล้นและฆ่าตาย คุณนายรองสั่งให้เจียงเลี่ยงเหรินซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของคุณนายรอง ไปจัดการหาที่ดินทำเลดีทำฮวงซุ้ยฝังลูกชาย  เลี่ยนเหรินไปเจอที่ดินที่เป็นที่ตั้งชุมชนเล็ก ๆ และมีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่พ่อของหยวนม่านชิงจัดตั้งขึ้น   เลี่ยงเหรินเลยสั่งให้ทุกคนในที่ดินย้ายออกไปให้หมด เพราะนี่เป็นที่ดินตระกูลซุน  ทุกคนในที่ดินต้องการเวลาหาที่อยู่ใหม่ แต่เลี่ยงเหรินไม่สนใจ และสั่งคนของตนขับไล่คนที่อยู่เดิมออกไป  หยวนม่านชิงเป็นตัวตั้งตัวตี พาคนในชุมชนไปหาคุณนายรอง เล่าเรื่องให้ฟัง เพื่อขอความเป็นธรรม คุณนายรองเลยสั่งให้อิงกูคนสนิท จัดการไล่ทุกคนไป  ทุกคนในชุมชนโกรธมากและปะทะกับตระกูลซุนอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บ  วันนั้นโยวหรานอยู่ในเหตุการณ์พอดี เห็นคนตระกูลซุนกำลังจะตีม่านชิง เลยเข้าไปขวาง จึงถูกตีจนสลบไป  พวกคนในชุมชนสู้ไม่ได้ก็ถอยหนีกลับไป  ต่อมาเลี่ยงเหรินเอาเงินไปฟาดหัวเพื่อไล่ทุกคนในที่ดินออกไปตามคำสั่งคุณนายรอง  แล้วลงมือรื้อทำลายโรงเรียนและบ้านในชุมชนจนหมด  พวกม่านชิงต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น

ตระกูลซุน ก่อร่างสร้างตัวโดยซุนลี่ผู้เป็นนายรอง  แต่ซุนลี่ทำงานหนักไปจนกระทั่งป่วย กลายเป็นโรคทางสมองคล้ายคนปัญญาอ่อน ทำให้คุณนายรองต้องรับภาระดำเนินธุรกิจและดูแลทุกอย่างของบ้านซุนด้วยตัวเอง คุณนายรองเป็นคนฉลาด มีหัวทางการค้า เลยทำให้ธุรกิจบ้านซุนเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาโดยตลอด  ต่อหน้าคนอื่นคุณนายรองดูจะเป็นคนมีเมตตาอารี แต่เบื้องหลังเธอทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้อย่างที่ตัวเองต้องการ  โดยมีอิงกูสาวใช้คนสนิทเป็นมือขวา หลังจากซุนซิ่วฟง ลูกชายคนเดียวของตระกูลซุนตายไป ภาระการสืบทอดตระกูลก็ตกอยู่กับซิ่วตงผู้เป็นลูกสาว คุณนายรองวางแผนให้ซุนซิ่วตงแต่งงาน หาคนมาเป็นสามีเพื่อสืบทอดภารกิจบ้านตระกูลซุน แต่ซิ่วตงไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย  และต่อต้านด้วย   เพราะซิ่วตงอยากเป็นอิสระ ไม่อยากอยู่บ้านตระกูลซุนทีมีแต่ความวุ่นวาย แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน เลยหนีออกจากบ้าน ไปพบคนในชุมชนเข้าพอดี ด้วยความโกรธคนในชุมชนเลยมาลงกับซิ่วตง จับเธอไปขังไว้  โยวหรานเห็นเหตุการณ์เข้าเลยตามไปช่วยซิ่วตงออกมา แล้วส่งกลับบ้านตระกูลซุนอย่างปลอดภัย  ทั้งหมดนี้ทำให้คุณนายรองพอใจในพฤติกรรมของโยวหรานมาก
 
(คุณหนูซุนซิ่วตงที่แสนจะเอาแต่ใจตัวเอง)

ซุนเฝิง พี่ชายซุนลี่ ถือตัวว่ามีบุญคุณท่วมหัวตระกูลซุน เพราะว่าเมื่อหนุ่ม ๆ ซุนเฝิงยอมตอนเป็นขันทีเพื่อหาเงินยี่สิบตำลึงมาให้ซุนลี่ตั้งต้นทำการค้า เมื่อตระกูลซุนเจริญมั่งคั่ง ซุนเฝิงถือว่าเป็นความดีความชอบของตัวเองทั้งนั้น  ตอนนี้ทายาทชายคนเดียวของตระกูลซุนตายไป ซุนเฝิงอยากเป็นใหญ่เลยจะยกเด็กที่ตนเองอุปการะให้เป็นทายาทบ้านซุน ด้วยการให้แต่งกับซิ่วตง คุณนายรองรังเกียจความคิดนี้ของซุนเฝิง  และบอกว่ามีคนที่คุณนายรองหมายตาให้ซิ่วตงไว้แล้ว

คุณนายรองบีบบังคับโยวหราน ให้ยอมแต่งเป็นเขยยู่จุย (เขยยิบจ่วย คือเขยที่แต่งเข้าสกุลฝ่ายหญิง ต้องใช้แซ่ฝ่ายหญิง ลูกที่เกิดมาใช้แซ่ฝ่ายหญิง คนจีนถือว่าผู้ชายที่แต่งเป็นเขยยิบจ่วยเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้ามาก ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ผู้คนในสังคมจะดูถูกเหยียดหยามมาก)  โดยแลกกับการที่ตระกูลซุนจะอุปการะหมู่บ้านเสี่ยวเฉวียนทั้งหมู่บ้าน ให้ทุกคนในหมู่บ้านอยู่ดีกินดี ไม่อดอยากอีก โยวหรานไม่ยินยอม คุณนายรองบอกให้กลับไปคิดให้ดี

 โยวหรานกลับถึงหมู่บ้าน ปรากฎว่าเนื่องจากความอดอยากทำให้เด็กในหมู่บ้านคนหนึ่งไปขุดเห็ดพิษมากิน แล้วเลยป่วยจนตายไปในอ้อมกอดของโยวหรานนั่นเอง   โยวหรานสะเทือนใจมาก คิดว่าเป็นเพราะตัวเองเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ไม่ดีพอ ไม่สามารถทำให้ทุกคนในหมู่บ้านอยู่ดีกินดีได้   เลยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงตัดสินใจรับข้อเสนอคุณนายรอง  แม้ว่าทุกคนในหมู่บ้านจะคัดค้าน   แต่ว่าแม่ของโยวหรานบอกว่า ไม่ว่าโยวหรานจะแซ่อะไร ก็ยังเป็นลูกของนางเสมอ

โยวหรานเข้าไปอยู่บ้านซุน ทุกคนต่างรังเกียจที่โยวหรานชาติตระกูล ความรู้ และฐานะต่ำต้อย  โดยเฉพาะซุนซิ่วตงยิ่งชิงชังรังเกียจ เพราะคิดว่าโยวหรานยอมแต่งเป็นเขยตระกูลซุนก็เพราะต้องการเงิน มีเพียงคนเดียวในบ้านซุนที่ไม่รังเกียจโยวหรานคือคุณนายใหญ่ที่เป็นภรรยาแต่ในนามของซุนเฝิง  ที่ให้คำแนะนำในการอยู่ร่วมบ้านตระกูลซุน  ว่าให้ระวังตัวให้ดี ๆ

วันแต่งงานของโยวหรานกับซุนซิ่วตง  ซุนเฝิงไล่ตบตีคุณนายใหญ่กลางงานโดยไม่เกรงใจใคร  ด่าว่าคุณนายใหญ่เป็นชู้กับชายอื่นจนมีท้อง คุณนายใหญ่ยอมรับ คืนนั้นซิ่วตงที่รังเกียจโยวหรานมากไม่ให้โยวหรานเข้าหอ โยวหรานต้องไปนอนที่ห้องโถงแทน

คุณนายใหญ่โดนซุนเฝิงฆ่าตาย  แขวนประจานไว้ในห้องโถง รุ่งขึ้นทุกคนในบ้านรับรู้หมด  ซุนเฝิงให้เอาศพไปโยนทิ้งไว้กลางทุ่ง

ซุนลี่พ่อของซิ่วตงที่เหมือนคนปัญญาอ่อน วิ่งหนีหายไปจากบ้าน  โยวหรานตามไป เลยได้เจอศพคุณนายใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้กลางทุ่ง ทนไม่ได้จึงต้องขุดหลุมฝังคุณนายใหญ่เอง โดยมีพ่อของซิ่วตงคอยช่วยบ้าง  คนบ้านซุนตามหาซุนลี่จนเจอพอพากลับไปซุนลี่ก็ไม่สบาย  โยวหรานโดนซิ่วตงด่าว่า และยิ่งเกลียดโยวหรานมากขึ้น และทำรุนแรงกับโยวหราน ด้วยการโยนเหล้าที่เป็นของที่แม่โยวหรานให้มาเป็นของขวัญ ทิ้งลงกับพื้น  โยวหรานเสียใจและทนไม่ได้แล้ว  เลยคิดจะไปจากตระกูลซุน

รุ่งขึ้นโยวหรานเก็บของ ออกจากบ้านซุนไป  บังเอิญได้พบกับหยวนม่านชิง  ทั้งสองได้คุยกันและถูกคอกันมาก ต่างฝ่ายต่างแนะนำกันให้อีกฝ่ายอดทน ม่านชิงยอมกลับบ้านไปอยู่กับแม่ ส่วนโยวหรานกลับไปอยู่กับซิ่วตง  ขณะเดียวกันซิ่วตงก็รู้ความจริงว่าโยวหรานเป็นคนช่วยฝังศพคุณนายใหญ่ให้ และคุณนายใหญ่เป็นคนที่ซิ่วตงรู้สึกดีด้วยมาตลอด  เธอจึงเริ่มรู้สึกดี ๆ กับโยวหราน เมื่อสองคนเข้าใจกันได้ ก็เลยตกลงใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบ

ผ่านไปหนึ่งปี ซิ่วตงยังไม่ตั้งครรภ์ คุณนายรองส่งโยวหรานกับซิ่วตงไปตรวจร่างกายในเมืองกวางโจว ผลออกมาว่าซิ่วตงเป็นหมัน คุณนายรองกลัวว่าซุนเฝิงที่หาโอกาสจ้องฮุบอำนาจในตระกูลซุนตลอดมาจะรู้ความจริง เลยวางแผนให้โยวหรานไปนอนกับหญิงอื่น เมื่อมีลูกก็ให้ซิ่วตงเลี้ยงเป็นลูกตัวเอง  โยวหรานกลัวจะเป็นการทำร้ายจิตใจซิ่วตง เลยไม่รับปาก แต่เมื่อซิ่วตงรู้ความจริงว่าตัวเองเป้นหมัน กลับเสียใจมากมาย โยวหรานก็เลยรับปากจะทำตามแผนคุณนายรอง

โยวหรานและหญิงคนนั้นต่างถูกปิดตา สั่งห้ามพูดคุยออกเสียงกันเด็ดขาด  ทั้งคู่ได้อยู่ร่วมกันแค่เจ็ดวัน แต่โยวหรานกลับรู้สึกลึกซึ้งกับหญิงนิรนามคนนี้มาก ทั้งรู้สึกผิด และรู้สึกโหยหา หลังจากผ่านไป  ซิ่วตงรู้ความจริง อาละวาดมากมาย และเริ่มหวาดระแวงในตัวโยวหราน  แต่ก็ยอมทำตามแผนของคุณนายรอง โดยแกล้งทำเป็นมีท้อง และท้องโตขึ้นทุกวัน ๆ เพื่อตบตาทุกคนในตระกูลซุน  และเมื่อได้รู้ความจริงว่า โยวหรานแอบชอบผู้หญิงนิรนามคนนั้นแล้ว ก็อาละวาดยกใหญ่ เพราะตอนนี้ซิ่วตงรักโยวหรานเข้าแล้ว

ที่แท้หญิงคนนั้นคือม่านชิง ที่ถูกจวงหนิงจับตัวมา เพราะแม่ของม่านชิงติดหนี้มหาศาล เลยโดนจวงหนิงบีบบังคับให้ม่านชิงต้องยอมนอนกับโยวหราน หลังจากนี้จะปล่อยม่านชิงกับแม่ให้เป็นอิสระ ม่านชิงไม่รู้ว่าตัวเองนอนกับใคร แต่รู้สึกลึกซึ้งเป็นพิเศษกับผู้ชายคนนี้  เมื่อม่านชิงท้อง ถูกส่งไปอยู่กับน้าเฉียวที่เป็นหญิงตาบอดปากร้ายแต่ใจดี  จนกระทั่งใกล้คลอด ม่านชิงไม่อยากให้ลูกกับคนอื่นก็เลยหนี แต่หนีไม่รอด ที่สุดคลอดลูกแฝดชายหญิง  ตระกูลซุนมารับตัวเด็กไป  ม่านชิงสลบไปแต่น้าเฉียวหลอกโยวหรานว่า ม่านชิงตายไปแล้ว โยวหรานเสียใจมาก

โยวหรานอุ้มลูกมาส่งให้ซิ่วตง ซิ่วตงรับไว้แต่ลูกชาย แต่ลูกสาวนั้นซิ่วตงแสลงใจเพราะนึกไปถึงแม่ของเด็กที่โยวหรานหลงรักทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นใครด้วยซ้ำ  เลยสั่งให้เอาไปทิ้ง ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมเล่นละครนี้อีก  โยวหรานไม่ยอม เลยโดนทุบหัวจนสลบ แล้วคุณนายรองก็สั่งให้คนสนิทเอาเด็กไปโยนทิ้งเพื่อเอาใจซิ่วตง 

ลูกของโยวหรานชื่อเทียนจู้ ซิ่วตงเลี้ยงลูกอย่างดี ทุกคนในบ้านซุนตามใจเด็กคนนี้มากจนเด็กเสียคน  โยวหรานพยายามจะสอนลูกแต่ก็ไม่มีโอกาสเลยเพราะคุณนายรองแย่งเอาไปดูแลเองจนหมด  และเพื่อไม่ให้โยวหรานมาวุ่นวายกับเทียนจู้ คุณนายรองเลยส่งโยวหรานไปคุมการทำเหมืองที่กำลังมีปัญหา  ปรากฎว่าโยวหรานได้พบกับม่านชิงอีกครั้ง และเมื่อมีเหตุการณ์เหมืองถล่ม ทั้งสองไปติดอยู่ในเหมืองด้วยกัน และมีความรู้สึกที่คุ้นเคยกันอย่างประหลาด โยวหรานรู้สึกดีมากกับม่านชิง และกลับนึกถึงหญิงนิรนามผู้เป็นแม่ของเทียนจู้ที่ตายไป  

น้าเฉียวที่ป่วยหนัก อยากจะให้ม่านชิงรู้ความจริงว่าชายคนที่เธอมีอะไรด้วยคือใคร และลูกอยู่ที่ไหนจึงเค้นถามความจริงจากจวงหนิง ซึ่งเป็นคนที่น้าเฉียวเคยช่วยชีวิตไว้  จวงหนิงรักน้าเฉียวเหมือนญาติแท้ ๆ จึงยอมบอก  น้าเฉียวตามมาหาม่านชิงที่เหมือง  และได้พบว่าม่านชิงกับโยวหรานได้พบกันอีก  รู้สึกดีใจแทนม่านชิง  ยังไม่ทันได้บอกเรื่องลูก น้าเฉียวก็จากไปอย่างสงบ

ด้านซิ่วตง หลังจากมีข่าวว่าโยวหรานติดอยู่ในเหมือง ก็ร้อนใจมาก ยิ่งได้ยินเทียนจู้พูดจาก้าวร้าว ดูถูกพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง ก็รู้สึกผิดกับโยวหราน เพราะที่ผ่านมาซิ่วตงไม่เคยแสดงท่าทีให้เกียรติ ไม่เคยยกย่อง ไม่เคยดูแลเอาใจใส่โยวหรานเลย ทั้งที่โยวหรานเป็นสามีที่ดีทุกอย่าง ทุกคนในบ้านเธอดูถูกโยวหรานมาตลอด  เธอจึงตัดสินใจพาเทียนจู้ไปหาโยวหรานที่เหมือง  ตอนนี้เธอรู้ตัวแล้วว่าเธอรักโยวหรานสุดหัวใจ

(ซิ่วตงรู้ตัวว่ารักโยวหรานเข้าแล้ว) 
 ที่เหมืองแห่งนี้ ซิ่วตงได้รู้จักกับม่านชิง ที่เป็นครูผู้เสียสละ ยอมทนลำบากเพื่อสอนเด็ก ๆ อยู่ที่เหมืองนี่  ทุกคนในเหมืองแห่งนี้รักม่านชิง  รวมทั้งซิ่วตงก็รู้สึกชอบม่านชิงมาก  เลยขอให้ม่านชิงไปเป็นครูสอนเทียนจู้ที่บ้านตระกูลซุน เพราะเทียนจู้เข้ากับม่านชิงได้ดีมาก  

โยวหรานพาลูกเมีย และครูม่านชิงกลับลิ่วเหอด้วยกัน และได้แวะไปที่หมู่บ้านเสี่ยวเฉวียนที่โยวหรานจากมาถึง 8 ปีเต็ม  ทุกคนที่หมู่บ้านดีใจและต้อนรับขับสู้โยวหรานกับซิ่วตงอย่างดีที่สุด ซิ่วตงแรก ๆ ทนกับความลำบากไม่ได้คิดจะไปจากหมู่บ้าน แต่ม่านชิงแนะนำให้เธอพยายามเรียนรู้และรู้จักโยวหราน  ในที่สุดซิ่วตงเข้ากับแม่ของโยวหรานได้ดี  ได้ยินได้ฟังเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับโยวหราน แม่ของโยวหรานป่วยหนักอยู่แล้ว เมื่อลูกชายพร้อมสะใภ้และหลานมาเยี่ยมได้ไม่นาน ก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ

โยวหรานจัดการศพแม่เสร็จ ก็พาทุกคนกลับตระกูลซุน  พอคุณนายรองเห็นม่านชิง ก็สั่งห้ามไม่ให้ม่านชิงมาสอนหลานชาย  ซิ่วตงขัดใจแม่เป็นครั้งแรกและใช้กลอุบายจนม่านชิงได้เป็นครูส่วนตัวของเทียนจู้  และเทียนจู้ก็นิสัยดีขึ้นเรื่อย ๆ ซิ่วตงพอใจมาก และถือว่าม่านชิงคือเพื่อนสนิทของเธอคนหนึ่ง

จวงหนิงจับตัวโจรที่ปล้นฆ่าซิ่วฟงเมื่อสิบปีก่อน มามอบให้คุณนายรองจัดการ คุณนายรองจึงถึอว่าจวงหนิงมีบุญคุณ และร่วมลงทุนทำการค้ากับจวงหนิง  แต่อิงกูที่เป็นน้าแท้ ๆ ของจวงหนิงไม่ไว้ใจจวงหนิง เกรงว่าจะเข้ามาทำเรื่องร้ายกับตระกูลซุน ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะจวงหนิงวางแผนจะล้างตระกูลซุนทั้งตระกูล

จวงหนิงเข้าออกบ้านซุนได้ตามสบาย  และวางแผนทำลายตระกูลซุนโดยหลอกให้ตระกูลซุนระดมเงินจากพ่อค้าคนอื่น ๆ ไปลงทุนอีกต่อเพื่อเอากำไร แรก ๆ ก็ได้กำไรดี ต่อมาก็ยุยงให้น้องเขยของตระกูลซุนโกงเงินของบ้านซุนไป รวมทั้งยังวางแผนร้ายต่าง ๆ อีกมากมาย  จนตระกูลซุนที่เคยร่ำรวย เหลือแต่เปลือก แต่คุณนายรองกลับไม่รู้ตัวเลยเพราะหลงไว้ใจจวงหนิง 


จวงหนิงหลงรักม่านชิง เพียรขอแต่งงานกับม่านชิงหลายครั้ง แต่ม่านชิงไม่รับปาก เพราะในใจเธอมีแต่ผู้ชายคนแรกคนนั้น  จวงหนิงเลยบอกความจริงให้ทราบว่าผู้ชายคนที่ม่านชิงอยู่ด้วยในคืนนั้นคือโยวหราน  ให้ม่านชิงเลือกความสุขของตัวเอง ม่านชิงเลยคิดจะพาเทียนจู้หนีไปจากตระกูลซุน แต่เมื่อเห็นซิ่วตงที่รักเทียนจู้มากมายขนาดนั้น ก็ทำไม่ลง  สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะให้เทียนจู้อยู่กับตระกูลซุนต่อไป และเธอจะตัดใจไปเอง โดยจะแต่งกับจวงหนิงและไปจากตระกูลซุน

จวงหนิงรู้ดีว่าม่านชิงรักโยวหราน แม้ไม่อยากทำร้ายม่านชิงอีกต่อไป รวมทั้งยังรู้สึกดี ๆ กับโยวหรานด้วยที่เป็นคนมีน้ำใจ แต่ก็อยากทำลายทุกคนในตระกูลซุน ก็เลยวางแผนบอกความจริงให้โยวหรานทราบว่าผู้หญิงที่เป็นแม่ของเทียนจู้ยังไม่ตาย และคนนั้นคือหยวนม่านชิง  โยวหรานดีใจมาก กอดม่านชิงแนบแน่น จวงหนิงวางแผนไว้ให้ซิ่วตงมาเป็นภาพนี้เต็ม ๆ ตา   คุณนายรองสั่งให้จับโยวหรานกับม่านชิงใส่กระชุ แห่ประจานรอบหมู่บ้าน ก่อนเอาไปถ่วงน้ำตามประเพณี    
   

ซิ่วตงสุดที่จะทนกับเรื่องนี้ต่อไปได้  เลยแฉต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้านว่าสองคนนี้ไม่ได้เป็นชู้กัน และเทียนจู้ก็เป็นลูกของโยวหรานกับม่านชิง และคืนเทียนจู้ให้ ทั้งยังสั่งให้ปล่อยสองคนนี้เป็นอิสระ  โยวหรานจึงพาม่านชิงกับเทียนจู้กลับไปอยู่ที่หมู่บ้านเสี่ยวเฉวียน และกลับไปใช้แซ่เสิ่นตามเดิม  และจัดพิธีแต่งงานตามประเพณีกับม่านชิง  และต่อมาไม่นาน อากู่พ่อบ้านของตระกูลซุน ก็พาลุกสาวฝาแฝดของโยวหรานมาคืน  พร้อมกับเปิดเผยว่าตนเองเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวหยวนไว้ เพราะไม่อาจต้ดใจทิ้งเด็กได้ลง  ทุกคนได้อยู่ร่วมกันพ่อแม่ลูก

ส่วนซิ่วตง หลังจากแยกทางกับโยวหราน วัน ๆ ก็เอาแต่หมกตัวในห้อง นั่งปักผ้า ไม่สนใจกับอะไรทั้งนั้น ทิ้งทุกอย่างให้คุณนายรองรับไปเต็ม ๆ คุณนายรองเพิ่งได้รู้ว่าบ้านตระกูลซุนถูกโกงจนแทบจะเหลือแต่เปลือก  ซุนเฝิงเห็นบ้านซุนจะล่มสลาย ก็เลยขอแบ่งสมบัติของตระกูลซุนครึ่งหนึ่ง แล้วหอบสมบัติขึ้นรถหนีไป แต่ระหว่างทางไปเจอโจรกลุ่มเดียวกับที่เคยปล้นซุนซิ่วฟงเมื่อสิบปีก่อน ถูกปล้นจนหมดตัว แล้วยังถูกจับแก้ผ้าประจานด้วย จึงได้รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของจวงหนิงที่จะแก้แค้นแทนซือหวี่ ซึ่งก็คือคุณนายใหญ่ที่ถูกซุนเฝิงฆ่าตายเมื่อสิบปีก่อน ขณะที่จวงหนิงจะฆ่าซุนเฝิง โยวหรานมาพบเลยช่วยซุนเฝิงไว้  จวงหนิงเห็นแก่ที่โยวหรานเคยมีน้ำใจช่วยฝังคุณนายใหญ่ เลยไว้ชีวิตซุนเฝิงก่อน 

โยวหรานพาซุนเฝิงมาส่งที่บ้านตระกูลซุน  แต่ไม่ได้พบกับซิ่วตงเพราะคุณนายรองขับไล่ไสส่ง  คุณนายรองจ่ายเงินให้คนรับใช้ทุกคนและบอกให้ไปจากบ้านซุนน้องเขยของตระกูลซุนที่แซ่เหอ ก็ยักยอกเงินไปอีกจำนวนมหาศาล ทำให้ตระกูลซุนไม่มีเงินจ่ายหนี้ หมดเนื้อหมดตัวแล้ว  ในที่สุดคุณนายรองเหลือเพียงอากู่ กับอิงกู สองคนเก่าแก่ที่จงรักภักดี ไม่ยอมไปไหน  แล้วกลุ่มโจรซึ่งฆ่าซุนซิ่วฟง ที่คุณนายรองเคยคิดว่าจวงหนิงจัดการฆ่าไปแล้ว ก็โผล่มา ฆ่าฟันทุกคนในบ้านตระกูลซุน ทุกคนหนีตายกันหมด  กลุ่มโจรใช้ปืนไล่ยิงผู้คนตามถนนตามอำเภอใจ คุณนายรองกับนายรองพากันหนี แต่หนีไปไหนไม่รอด เลยตัดสินใจกลับมาที่บ้านซุน

ที่บ้านซุน  จวงหนิงพร้อมสมุนรออยู่แล้ว  จวงหนิงจัดการสังหารซุนเฝิง คุณนายรองมาถึงพร้อมกับซุนลี่  จวงหนิงเลยเปิดเผยว่า ตนเองคือลูกชายของซุนลี่ที่เกิดจากน้องสาวของอิงกูเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน แล้วโดนซุนลี่ไล่ออกจากบ้าน แม่ของจวงหนิงฆ่าตัวตาย จวงหนิงจึงกลับมาแก้แค้น ทวงสิทธิ์ทุกอย่างในตระกูลซุนคืน  หลังจากเปิดเผยความจริงแล้ว จวงหนิงก็ยิงคุณนายรองและซุนลี่อย่างเลือดเย็น แล้วเดินออกจากซากบ้านตระกูลซุนไป

ส่วนซุนซิ่วตง หลังจากโจรบุกเข้าบ้าน  โยวหรานก็ตามเข้าไปช่วยออกมาได้ทันเวลา ระหว่างที่หลบหนีโจรนั่นเอง เทียนจู้ก็โผล่มา ซิ่วตงคิดถึงเทียนจู้มาก ตรงเข้าไปกอด แล้วก็ถูกยิง  โยวหรานพาลูกกับซิ่วตงหลบหนีไปจนถึงชายป่า ซิ่วตงสารภาพความรู้สึกในใจของตนเอง แล้วก็สิ้นใจในอ้อมกอดของโยวหราน

กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้าประเทศจีน  เกิดความวุ่นวายไปทั่ว แม้แต่ที่หมู่บ้านเสี่ยวเฉวียนทุกคนหนีกระจัดพลัดพรายกันไป  ม่านชิงพาเสี่ยวหยวน ลูกสาวที่เหลืออยู่ หลบหนี และตามหาโยวหรานตลอดเวลา จนกระทั่งสงครามสงบลง ม่านชิงพาลูกกลับไปที่หมู่บ้านเสี่ยวเฉวียน  ได้พบกับน้องชายของโยวหรานแต่โยวหรานก็ยังไม่กลับมา  วันคืนผ่านไป  ที่สุดเทียนจู้กลับมาพบม่านชิง  และเล่าให้ฟังว่าพ่อพาหลบหนีภัยสงครามและบาดเจ็บสาหัส เสียชีวิตแล้ว

ม่านชิงไม่เชื่อ  และได้ไปที่กระท่อมร้างริมน้ำที่เมืองกวางโจว ที่ซึ่งม่านชิงและโยวหรานเคยมีความสัมพันธ์กัน และที่นั่น เธอได้พบกับโยวหรานในที่สุด

.................................
เล่าเนื้อเรื่องยาวมากตามเคย ที่เล่านี่เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยนานไปตัวเองจะลืมเนื้อเรื่องหมด เลยเล่าไว้เพื่อเตือนความทรงจำจขบ.เอง  สำหรับท่านที่เคยดูแล้วผ่านไปก็ได้นะจ๊ะ

ความเห็นส่วนตัว  ที่เสนอเรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเก่าที่เคยฉายในเมืองไทยแล้ว แต่ตอนนั้น จขบ.ไม่ได้ดูเลย เพิ่งมาได้ดูเมื่อไม่กี่เดือนมานี่เอง แล้วก็ชอบนักแสดงทั้งคู่  ทั้งหม่าจิ้งเทา และเฉินซิ่วเหวิน 

สำหรับหม่าจิ้งเทานี่ เป็นดาราที่จขบ.ติดตามดูมาหลายเรื่องแล้ว  พี่หม่าของเราเวลาเล่นหนังชอบ...(ขออภัย)...แหกปากตะโกน....มาก ๆ เลย  ในบทที่แสดงอารมณ์มาก ๆ เช่นโกรธมาก ๆ หรือไม่ได้ดั่งใจ  จะชอบตะโกนจนเสียลุคหมดเลย ไม่ว่าเสียวหม่าเกอจะเล่นบทอะไร ก็ต้องตะโกน  ทั้งที่ไม่ต้องตะโกนขนาดนั้นก็ได้  เฮียแกก็ชอบจะตะโกนเสียจริง บางทีเราก็รู้สึกรำคาญกับการแหกปากโวยวายของแกมาก ๆ (ใครที่เคยดูตำนานรักดอกเหมยทั้งสามตอนที่หม่าจิ้งเทาเล่น  จะเห็นคาแร็คเตอร์ขี้โวยวายนี่ชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเล่นเป็นท่านชายฮ่าวเจิน  คุณชายเหอซื่อเหว่ย หรือจิตรกรขี้วีนคนนั้น โวยวายตลอดทั้งสามเรื่องเลย)

แต่พอมาดูเรื่องนี้ ขอบอกว่าพลิกความคาดหมาย  ทั้งเรื่องไม่มีตอนที่เฮียตะโกนโวยวายด้วยความหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจอีกเลย ดูเหมือนเฮียแกจะพัฒนาบุคลิกไปแล้ว  ทำให้เราชอบมากสำหรับเรื่องนี้  ทั้งที่ตลอดเรื่อง  เสิ่นโยวหรานนี่ต้องโดนดูถูกเหยียดหยามสารพัด แต่หม่าจิ้งเทาแสดงออกทางสีหน้าเรียบเฉยสนิท มีแต่แววตาที่แสดงอารมณ์มาก ประมาณว่าอดทนสุด ๆ เพื่อทุกคนที่ตนรัก
เลยทำให้จขบ. ติดใจ และชอบบทบาทของหม่าจิ้งเทาในเรื่องนี้เป็นพิเศษ 

เฉินซิ่วเหวิน ไม่ต้องเอ่ยเลย เล่นได้ดีมาก  เคยดูตอนเล่นเป็นมู่กุ้ยอิง (คู่กับเจียวเอินจวิ้น) และอีกหลายเรื่อง เล่นได้ดีทุกเรื่อง  ไม่รู้สึกแอ๊บเลย ทำให้เรารู้สึกว่าบุคลิกของหยวนม่านชิงในเรื่องก็คือเฉินซิ่วเหวิน   

ดาราอื่น ๆ ในเรื่อง คุณภาพคับแก้วของฮ่องกงทั้งนั้น  เรื่องนี้ดาราส่วนใหญ๋เกือบทั้งหมดพูดกวางตุ้ง ยกเว้นหม่าจิ้งเทาคนเดียวที่พูดจีนกลาง เพราะเฮียแกคงพูดกวางตุ้งมิได้ 

ยังมีหนังของหม่าจิ้งเทาที่เล่นคู่กับเฉินซิ่วเหวินอีกเรื่อง ท้องเรื่องในยุคสาธารณรัฐ ช่วงญี่ปุ่นบุกจีนเหมือนกัน แต่เรื่องนั้นยาวมากกกกกก ไม่สามารถย่อยหมด คงต้องผ่าน ถ้าใครสนใจไปหาดีวีดีมาดูก้ได้นะ ห้าแผ่นมั้ง....เรื่องแผ่นดินรักแผ่นดินเลือด หรืออะไรนี่แหละ ใครรู้ชื่อช่วยบอกด้วยนะจ๊ะ




 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 17:04:57 น.   
Counter : 8105 Pageviews.  

倾世皇妃 สนมรักสะท้านโลก...

สนมรักสะท้านโลก เป็นซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมในจีนไม่น้อย ออกฉายในปี 2011 ดารานำได้แก่ หลินซินหยู เอี๋ยนควน ฮั่วเจี้ยนหัว


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รวมดาราดังทั้งสองฟาก (แผ่นดินใหญ่ และไต้หวันฮ่องกง) ลงทุนสร้างโดยหลินซินหยูเองเลยทีเดียว   

แนะนำนักแสดงหลักกันก่อน
หลินซินหยู   แสดงเป็น หม่าฟู่หยา  โฉมงามล่มเมือง

เอี๋ยนควน แสดงเป็น เมิ่งฉีโย่ว องค์ชายใหญ่อาณาจักรสู่

 ฮั่วเจี้ยนหัว แสดงเป็น หลิวเหลียนเฉิง รัชทายาทแคว้นเป่ยฮั่น  
 (รุปใหญ่กว่าคนอื่น เพราะ จขบ.ชอบนักแสดงนัยน์ตาสวยเศร้าคนนี้เป็นพิเศษ...)

เนื้อเรื่อง(ไม่ค่อย)ย่อ

เนื้อเรื่องอยู่ในสมัยช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร  (หลังราชวงศ์ถังล่มสลาย)  ประเทศจีนในตอนนั้นแตกแยกออกเป็นอาณาจักรต่าง ๆ สิบอาณาจักร แต่ละอาณาจักรก็มีฮ่องเต้ของตัวเอง มีราชวงศ์ของตัวเอง อ้างความชอบธรรมปกครองแว่นแคว้นดินแดนตัวเอง เป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน และต่างก็รบกันเพื่อพิชิตอาณาจักรอื่นเพื่อผนวกดินแดนมาเป็นของตัว   

เปิดเรื่องมา  หม่าฟู่หยา องค์หญิงของแคว้นฉู่ พาตัวนักโทษสำคัญหลบหนี เลยโดนตามล่า  องค์หญิงฟู่หยาหนีเตลิดไปจนเจอกับหลิวเหลียนเฉิง รัชทายาทแคว้นเป่ยฮั่นที่แอบมาสำรวจสถานการณ์ทางใต้ (แคว้นเป่ยฮั่นอยู่ทางเหนือของประเทศจีน  ติดกับอาณาจักรเหลียวที่เป็นชนเผ่าอนารยชน ขณะที่อาณาจักรอื่น ๆ ของชาวฮั่นอยู่ทางใต้เกือบทั้งหมด)  หลิวเหลียนเฉิงที่หน้าตาขมวดมุ่นเสมอเพราะจำใจต้องอยู่ในกรอบและวางตัวเป็นรัชทายาทตลอดเวลา รู้สึกเซ็งกับชีวิตและอยากเป็นอิสระ  พอเจอกับฟู่หยาที่หนีการตามล่าของทหารฉู่  เลยสมคบกัน โดยยอมให้ฟู่หยาจับเป็นตัวประกันเพื่อหลบหนีจากทหารฉู่และทหารเป่ยฮั่นที่แวดล้อมตามอารักขาอยู่  ในที่สุดทั้งสองหนีรอดไปได้ และได้ทำความรู้จักกันเป็นครั้งแรก

องค์หญิงฟู่หยาเป็นองค์หญิงที่ติดดิน รักเสรี และรักความเป็นธรรม เป็นที่รักของชาวแคว้นฉู่ทุกคน  รวมทั้งเป็นแก้วตาดวงใจของราชาแคว้นฉู่ด้วย ขณะที่องค์รัชทายาทหลิวเหลียนเฉิง ดูอมทุกข์เหมือนแบกโลกไว้ตลอดเวลา  เพราะต้องแบกภาระหนักในการเป็นสืบทอดบัลลังก์และเป็นความหวังของแคว้นเป่ยฮั่น  ที่มีกำลังทหารแข็งแกร่ง และต้องการขยายดินแดน  ตัวเหลียนเฉิงไม่เคยปล่อยตัวตามสบายหรือมีอิสระเสรีมาก่อนเพราะถูกพระมารดาควบคุมอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เล็ก ๆ  พอมาเจอองค์หญิงฟู่หยาที่ไร้จริตมารยา  มีจิตใจดีงาม ก็นึกรักในทันที
(ขนมก้อนนี้แหละ ทำเหลียนเฉิงเกือบตาย)

องค์หญิงฟู่หยาเห็นใจที่เหลียนเฉิงไม่เป็นตัวของตัวเอง  เลยเอาขนมที่ทำติดตัวมา แบ่งให้กิน บอกว่ากินแล้วจะมีความสุข  เหลียนเฉิงกินขนมเข้าไป ปรากฎว่าอร่อยแบบไม่เคยกินมาก่อน เลยกินซะคำโต ๆ ขนมที่ทำจากข้าวเหนียวก็เลยติดคอ เหลียนเฉิงก็เลยชักตาตั้ง  ฟู่หยาที่มีความรู้ทางการแพทย์เลยพาไปรักษาและไปแอบซ่อนไว้ที่ตำหนักของพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ชื่อหม่าเสียงหวิน  ซึ่งเสียงหวินก็แอบรักรัชทายาทรูปหล่อทันทีที่เห็น

องค์หญิงฟู่หยาทำผิดโดยการพานักโทษหลบหนี  เลยถูกจับไปทำโทษ ตามกฎต้องถูกประหาร แต่ชาวแคว้นฉู่ออกมาล้อมลานประหารแล้วขอให้ยกโทษให้องค์หญิง แต่อาของฟู่หยา คือหม่าอี้ฟัง  ต้องการกำจัดฟู่หยาทิ้ง จึงฉวยโอกาสนี้จะประหารฟู่หยาให้ได้  เสด็จพ่อของฟู่หยารีบมาห้ามทันเวลา แต่แล้วกองทหารของเป่ยฮั่นก็ตามมาเพื่อจะขอตัวรัชทายาทคืน ทำให้หม่าอี้ฟังถือเป็นข้ออ้างในการลงโทษโบยฟู่หยาที่ลักพาตัวรัชทายาทแคว้นเป่ยฮั่น รัชทายาทเหลียนเฉิงฟื้นทันเวลา รีบมาห้ามไว้ หม่าอี้ฟังว่าโทษตายเว้นได้ แต่โทษเป็นต้องรับ เลยสั่งโบยฟู่หยายี่สิบไม้  แต่ในที่สุดฮัวกงกง ขันทีที่เลี้ยงฟู่หยามาก็ยอมโดนโบยแทน

เหลียนเฉิงถือโอกาสนี้ ผูกสัมพันธ์กับแคว้นฉู่ โดยเป็นอาคันตุกะอยู่ในวัง  ขณะเดียวกันก็สืบสถานการณ์แคว้นต่าง ๆ ทางใต้เพื่อหาทางพิชิต ขณะเดียวกันก็ตกหลุมรักฟู่หยาไปด้วย  เสด็จพ่อของฟู่หยาก็อยากผูกมิตรกับเป่ยฮั่น เลยดำริจะยกฟู่หยาให้แต่งกับเหลียนเฉิง แต่ฟู่หยาไม่ชอบถูกบังคับเลยปฏิเสธ แล้วยังไปขอให้เหลียนเฉิงไม่ตกลงแต่งงานด้วย เหลียนเฉิงยอมที่ไม่บังคับฟู่หยาให้แต่งกับตน แต่บอกว่าจะหาทางทำให้ฟูหยารักตนเองด้วยใจจริงให้ได้


 ต่อมา ฟูหยาได้พบกับเมิ่งฉีโย่ว  ที่กำลังเป่าขลุ่ยร่ายกลอนอยู่ริมทะเลสาบ รู้สึกว่าเมิ่งฉีโหย่วดูลึกลับ   แต่ว่าไม่นานหลังจากนั้น หม่าอี้ฟังก็ก่อกบฎ ฆ่าเสด็จพ่อของฟู่หยา และตามฆ่าทุกคนในครอบครัวของฟู่หยาด้วย เมิ่งฉีโย่วมาช่วยฟู่หยาให้หนีออกจากวังไปได้อย่างปลอดภัย  แต่ฮัวกงกงได้รับบาดเจ็บสาหัส   ฟู่หยาหนีไปเป่ยฮั่นเพื่อขอความช่วยเหลือจากเหลียนเฉิง แต่ไม่ทันได้พบหน้าเหลียนเฉิง ก็โดนหม่าเซียงหวิน  (ลูกพี่ลูกน้องของฟู่หยา ที่แอบอ้างว่าเป็นองค์หญิงของแคว้นฉู่ จนเหลียนเฉิงเข้าใจผิดคิดว่าคือฟู่หยา จึงได้แต่งงานเป็นชายารัชทายาทเหลียนเฉิง)  หลอกไปที่ริมบึงน้ำ  เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ จึงผลักฟู่หยาตกน้ำ  เมิ่งฉีโย่วช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แล้วเปลี่ยนชื่อฟู่หยาเป็นพันอวี้
 (ฉีโย่วช่วยฟู่หยาออกมาจากวังแคว้นฉู่ รูปนี้เอี๋ยนควนเหมือนอัศวินเจไดเลย...)

เมิ่งฉีโย่วทำข้อตกลงกับฟู่หยา ว่าจะช่วยให้ฟู่หยาฆ่าศัตรู(คืออาที่ก่อกบฎ) แล้วกลับคืนสู่แคว้นฉู่ แต่ฟู่หยาต้องทำตามที่ฉีโย่วสั่ง โดยยอมเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมชิงอำนาจของฉีโย่ว ฟู่หยาตกลง  ฉีโย่วเลยพาไปฝึกอบรมมารยาหญิง เพื่อหวังจะให้ฟู่หยาใช้ความงามสะท้านโลกของนาง อ่อยผู้ขายให้หลงติดกับในเสน่ห์ แต่ไม่ว่าพยายามสอนอย่างไร ฟู่หยาก็ยังคงเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมใช้จริตมารยาหญิงตามแบบที่ฉีโย่วพยายามฝึกอบรม  ฟู่หยาบอกว่านางมีความคิดของตัวเอง มีวิธีของตัวเอง ฉีโย่วไม่บังคับ ปล่อยให้นางทำตามที่ต้องการ
 (ฉีโย่วพยายามสอนให้ฟู่หยารู้จักปรนนิบัติผู้ชาย)


พันอวี้ถูกส่งตัวเข้าวังอาณาจักรสู่เพื่อคัดเลือกเป็นสนมของรัชทายาทแคว้นสู่  เป้าหมายของเมิ่งฉีโย่ว คือชิงตำแหน่งรัชทายาทแคว้นสู่  เพราะฉีโย่วที่แท้เป็นโอรสองค์โตของราชาแคว้นสู่  แต่ว่าไม่เป็นที่โปรดปรานของพระบิดา  จึงถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท   ส่วนรัชทายาทตอนนี้คือเมิ่งฉีซิง เป็นน้องชายร่วมพระมารดาเดียวกันกับฉีโย่ว และเป็นลูกคนโปรดของพระมารดา  ทั้งคู่ตกลงร่วมมือกัน  โดยให้ฟู่หยาชิงตำแหน่งชายารัชทายาท มาให้ได้

พันอวี้(ฟู่หยา) ไม่ต้องพยายามทำอะไรมาก รัชทายาทฉีซิงก็ลุ่มหลงจนงมงาย เพราะฟูหยาทั้งสวย ทั้งมีความรู้ ฉลาดและมีจิตใจงดงาม ถูกใจรัชทายาทฉีซิงมาก จนหมายจะให้พันอวี้เป็นชายาเอก  แต่ตู้ฮองเฮาเมื่อเห็นหน้าพันอวี้ครั้งแรก ก็ตกใจมาก และรีบส่งคนไปสืบจนรู้ว่า ฉีโย่วเป็นคนพานางเข้าวังมา จึงได้มาที่ตำหนักของฉีโย่วเพื่อคาดคั้นความจริง  ปรากฎว่าขณะนั้นฉีโย่วกำลังวาดรูปเหมือนของเหมยเฟยที่เป็นอดีตสนมของพระบิดา และเป็นผู้ที่เคยเลี้ยงดูฉีโย่วมาตั้งแต่ยังแบเบาะ  ทำให้ตู้ฮองเฮาซึ่งเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด โกรธจัด ลงมือเฆี่ยนตีฉีโย่วอย่างทารุณจนฉีโย่วที่เจ็บปวดทั้งกายและใจสุดท้ายถึงกับสลบไป  ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ฟู่หยาแอบเห็นเข้าพอดี และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่เคยมองว่าฉีโย่ว เป็นคนเลือดเย็นไร้น้ำใจ   ตรงกันข้ามกลับเริ่มรู้สึกว่า ฉีโย่วน่าสงสารที่โดนแม่แท้ ๆ ทำทารุณทั้งกายและใจถึงเพียงนี้  และฟู่หยาก็รักษาฉีโย่วจนฟื้นได้สติ  ฉีโย่วรีบไล่ฟู่หยากลับไปที่ตำหนัก เพราะหากใครมาเห็นเข้า ตำแหน่งว่าที่ชายารัชทายาทของฟู่หยาจะหลุดลอยไป  ฟูหยาเจ็บใจที่โดนกระแนะกระแหน จึงสะบัดหน้าจากไปด้วยความโกรธ

หลังจากทราบว่าฟู่หยาเข้าวังเพราะฉีโย่ว  ตู้ฮองเฮาผู้เป็นพระมารดาของฉีโย่วและรัชทายาทฉีซิงก็พยายามกำจัดฟู่หยาทิ้ง เพราะเดาว่าฉีโย่วต้องวางกลอุบายไว้ที่ฟู่หยา เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทแน่ ๆ  จึงวางยาพิษฟู่หยา แต่ก็มีนางกำนัลรับเคราะห์เพราะตะกละไปกินแทนเข้า  ฟู่หยารอดมาได้  แต่ก็ไม่วายโดนตู้ฮองเฮาเรียกไปสอบสวน  ฉีโย่วรู้ข่าว ก็รีบมาทำตัวเป็นลูกที่ดี โดยรับอาสาโบยตีฟู่หยาเพื่อรีดเค้นคำสารภาพให้  ฉีโย่วเฆี่ยนจนฟู่หยาเนื้อตัวแตกยับ  ทั้งยังเตะฟู่หยาจนสลบไป  ตู้ฮองเฮาค่อยรู้สึกสะใจบ้าง คิดว่าฉีโย่วกับฟู่หยาน่าจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน


ระหว่างที่ฟู่หยาสลบไปและได้ฮัวกงกงคอยพยาบาล  ฉีโย่วก็ยืนตากฝนรอฟังอาการของฟู่หยาอยู่ในสวนอย่างอดทน  จนรุ่งเช้า รู้ข่าวว่าฟู่หยาฟื้นแล้ว และปลอดภัย  ฉีโย่วก็หมดสติไป และล้มป่วย   พอฉีโย่วรู้สึกว่าฟู่หยาอยู่ในวังหลังแคว้นสู่คงจะไม่ปลอดภัยแน่แล้ว จึงตัดสินใจสั่งให้ฟู่หยาหนีออกนอกวังไป  แต่ฟู่หยาอยากกู้ชาติ และแก้แค้น อีกทั้งตำแหน่งชายารัชทายาทก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว  จึงไม่ยอมจากไป  ฉีโย่วเลยสั่งคนให้มาจัดการ "ส่ง"ฟู่หยาออกไปนอกวัง  แต่ก็โดนฟู่หยาจับได้  ฟู่หยาโกรธมากที่ฉีโย่วทำแบบนี้ นึกอยากจะใช้ประโยชน์ ก็พามา แต่พอทำท่าว่าจะหมดประโยชน์ก็ส่งคนมาจับโยนออกไปแบบนี้  เลยบุกไปหาฉีโย่วที่ตำหนัก  ฉีโย่วป่วยหนักอยู่ แต่ก็ฝืนใจขับไล่ไสส่งฟู่หยา บอกว่าฟู่หยาจะทำให้แผนแตก แล้วจะเป็นอันตรายกับตนมากขึ้นไปอีก  ฟู่หยายิ่งโมโหที่ฉีโย่วแล้งน้ำใจขนาดนี้   เลยบอกว่าจะไม่ไปไหน จะเป็นชายาเอกรัชทายาทให้ได้ แล้วสะบัดจากไป
(ฮั่วเจี้ยนหัว....หล่อมากในเรื่องนี้)

พอฟู่หยาไปแล้ว  ฉีโย่วก็กระอักเลือด หมดสติไป  หวินจูนางกำนัลที่ฉีโย่วส่งมาให้รับใช้ข้างกายฟู่หยา รีบไปบอกให้ฟู่หยาไปช่วยรักษาฉีโย่ว ฟู่หยาโกรธไม่ยอมไป จนฮัวกงกงนึกออกว่า ที่แท้การที่ฟู่หยาโดนเฆี่ยนด้วยแส้หนักขนาดนั้นแต่ไม่กระทบกระเทือนอวัยวะภายในเลยแม้แต่น้อย กลับมีแค่ริ้วรอยภายนอก เป็นเพราะฉีโย่วแสร้งทำเป็นโบยตีให้หนัก  แต่จริง ๆ กำลังที่ใช้ไปในการเฆี่ยนทุกแส้นั้นย้อนกลับมาที่ฉีโย่วทั้งหมด ทำให้ฉีโย่วบอบช้ำภายในอย่างหนัก จนกระอักเลือดออกมา ฟู่หยาทราบดังนั้นจึงรีบไปช่วยรักษาฉีโย่วที่หมดสติอยู่ ระหว่างที่รักษาก็พบว่าฉีโย่วนอกจากบอบช้ำสาหัส ยังล้มป่วยด้วยเพราะตากฝน  เสี่ยวคังจื่อขันทีคนสนิทจึงเล่าให้ฟังว่าฉีโย่วห่วงฟู่หยามาก จนยืนตากฝนทั้งคืนเพี่อรอฟังข่าวอาการป่วยของนาง   

ฟู่หยาคอยดูอาการของฉีโย่วจนฉีโย่วฟื้นขึ้นมา พอฟื้นฉีโย่วก็ออกปากไล่ฟู่หยาอีกทันที  ฟู่หยาจึงย้อนถามว่าที่บาดเจ็บภายในขนาดนี้เพราะแสร้งเฆี่ยนตนเองใช่หรือไม่  ฉีโย่วจึงแสร้งบอกว่าถ้ารู้ว่าทำแบบนั้นแล้วจะบอบช้ำขนาดนี้ จะปล่อยให้ฟู่หยาถูกทรมานให้ตายจะดีกว่า  ฟู่หยาจึงย้อนไปอีกว่าถ้าไม่ห่วงทำไมจึงยอมไปยืนตากฝนรอฟังข่าวทั้งคืน  ฉีโย่วอึกอัก แล้วแก้ตัวว่า เพราะเกรงว่าฟู่หยาจะไม่ตาย แล้วเผลอปูดความลับออกไป ฟู่หยาไม่เชื่อคำแก้ตัวของฉีโย่ว แต่ก็โกรธที่ฉีโย่วปากแข็ง 

การคงอยู่ของฟู่หยาทำให้ตู้ฮองเฮากลุ้มใจ จะไม่ยอมให้ฉีซิงแต่งกับฟู่หยา ฉีซิงก็อาละวาดจนตู้ฮองเฮาไม่กล้าทำอะไรฟู่หยาแรง ๆ  ตู้หวันหลานสาวตู้ฮองเฮาที่อยากเป็นชายารัชทายาทมาตลอด ก็พยายามกลั่นแกล้งฟู่หยาต่าง ๆ นานา แต่รัชทายาทฉีซิงก็ปกป้องตลอดเหมือนกัน  จนกระทั่งวันหนึ่ง ฟู่หยาเดินหลงทางไปจนพบตำหนักที่ปิดลับ และพบกับเมิ่งฉีหวิ่น ทั้งคู่ถูกใจกันเพราะต่างมีความรู้และเชี่ยวชาญเรื่องกลอน  เมิ่งฉีหวิ่นเห็นรูปโฉมของฟู่หยาครั้งแรก ก็ดีใจมาก แล้วที่สุดฟู่หยาก็ได้รู้ว่า ที่แท้ ฉีหวิ่นเป็นโอรสองค์ที่สองที่เกิดจากเหมยเฟย  และฟู่หยานั้นหน้าตาเหมือนเหมยเฟยราวกับแกะ  ฉีหวิ่นอยากให้พระบิดาคือราชาแคว้นสู่ เมิ่งจือเสียง ได้พบกับฟู่หยามาก แต่องค์ชายใหญ่คือฉีโย่วก็พยายามขัดขวางไว้ทุกครั้ง
 (รูปนี้ เอี๋ยนควนดูเท่มาก ๆ)

แต่แล้ว พระบิดาของฉีโย่วก็มีรับสั่งให้จัดงานล่าสัตว์ขึ้น และสั่งให้องค์ชายใหญ่ฉีโย่วเข้าร่วมงานล่าสัตว์ด้วย ฟู่หยาอยากไปด้วยแต่ฉีโย่วสั่งห้ามเด็ดขาด  แล้วในวันงาน ฉีโย่วก็มารับฟู่หยาไปแต่เช้า  และหายไปตลอดวัน  ที่แท้ฉีโย่วคิดจะพาฟู่หยาไปจากวัง แต่ฟู่หยาไม่ยอม ในที่สุดฉีโย่วก็จะพาฟู่หยากลับ แต่ระหว่างทางถูกนักฆ่าชุดดำดักฆ่า ฉีโย่วถูกอาวุธอาบยาพิษร้ายแรง แต่ก็ต่อสู้กับนักฆ่านั้นจนนักฆ่าได้รับบาดเจ็บหลบหนีไป  เมื่อพิษกำเริบ ฉีโย่วสำนึกว่าตัวไม่รอดแน่ ๆ จึงยอมเล่าเรื่องทั้งหมดที่วางแผนว่าจะใช้ฟู่หยาเป็นสะพานไปสู่การเป็นรัชทายาทแคว้นสู่ออกมา รวมทั้งความหลังทั้งหมดที่ผ่านมาระหว่างตนเอง พระบิดาและพระสนมเหมยอิ่งที่เลี้ยงดูตนเองมา  ที่กลายเป็นเรื่องเจ็บปวดและเป็นบาดแผลในใจจนทำให้องค์ชายใหญ่อย่างตนเองต้องถูกพระบิดาหมางเมิน หวาดระแวง และทำให้ตนเองกลายเป็นคนเลือดเย็นไร้น้ำใจ  ฉีโย่วขอโทษฟู่หยา และขอให้ฟู่หยาจากไปเพื่อความปลอดภัย ฟู่หยารู้ตัวแล้วว่าตนเองรักองค์ชายใหญ่ฉีโย่ว จึงรักษาพิษให้ฉีโย่วด้วยการดูดพิษออกจากตัวฉีโย่ว  พิษนั้นจึงกำเริบที่ฟู่หยาแทน 
 (อันนี้เบื้องหลังกองถ่าย เอี๋ยนควนเอาสัตว์เลี้ยงตัวโปรดคือกระต่ายมาเล่นระหว่างรอถ่ายทำ  หลินซินหยูก็เล่นกับมันด้วย น่ารักมาก)

ฉีโย่วนึกถึงตอนที่พระสนมเหมยอิ่งใกล้จะตายเพราะโดนวางยาพิษ แล้วตนเองดิ้นรนไปหามุกวิเศษมาถอนพิษ แต่ว่ามาไม่ทันได้รักษา  ฉีโย่วฝังมุกนั้นไว้ที่ริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง จึงได้ดั้นด้นพาฟู่หยาไปเพื่อขุดเอามุกเม็ดนั้นขึ้นมา บังเอิญโชคดีที่ได้พบกับเจ้าควงยิ่น ซึ่งเป็นคนที่ฟู่หยาเคยช่วยชีวิตและพาหนีจากแคว้นฉู่มาเมื่อครั้งในอดีต  เจ้าควงยิ่นสำนึกในบุญคุณฟู่หยา เลยหาหมอมารักษาแล้วพาฟู่หยากับฉีโย่วไปส่งที่ทะเลสาบแห่งนั้น 

หลังจากรักษาฟู่หยาจนฟื้นแล้ว  ทั้งคู่ต่างรู้ความในใจของกันและกัน  ฉีโย่วจึงตัดใจไม่ใช้ฟู่หยาเป็นเบี้ยในเกมชิงตำแหน่งรัชทายาทอีกแล้ว  และตัดสินใจว่าจะอยู่กับฟู่หยาและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข  ไม่ปรารถนาตำแหน่งหรือบัลลังก์แคว้นสู่อีก  แต่ว่าฟู่หยายังต้องแก้แค้นให้พ่อและฟื้นฟูแคว้นฉู่ รวมทั้งตามหาน้องชายด้วย  ฉีโย่วรับปากว่าจะช่วย แต่ว่ากลับวังไปคราวนี้ ทั้งคู่ต้องปิดบังให้ดี อย่าให้คนอื่นรู้เป็นอันขาดว่าทั้งสองรักกัน

 ราชาแคว้นสู่เมิ่งจือเสียง รักโอรสองค์ที่สองคือฉีหวิ่นมากที่สุด และจะแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท แต่ติดที่ฉีหวิ่นเป็นเพียงลูกพระสนม แล้วตู้ฮองเฮาก็ยังมีพระญาติคุมกำลังทหารของแคว้นสู่ไว้ในมือ ทำให้เมิ่งจือเสียงไม่กล้าทำอะไรลงไป จึงต้องยอมให้ฉีซิงที่ไร้ความสามารถแต่เป็นลูกรักของตู้ฮองเฮาเป็นรัชทายาทแทน 

เพื่อวางแผนให้ฉีหวิ่นได้เป็นรัชทายาทแทน  เมิ่งจือเสียงจึงแสร้งทำเป็นรักฉีโย่ว และมอบหยกล้ำค่าประจำราชวงศ์ให้ และบอกว่าจะตั้งฉีโย่วเป็นรัชทายาท แต่ฉีโย่วตอนนี้ไม่หวังในตำแหน่งอีกแล้ว และคิดอยากใช้ชีวิตกับฟู่หยา จึงไม่สนใจกับตำแหน่งรัชทายาท และบอกพระบิดาไปตามตรงว่าเวลานี้อยากมีชีวิตเรียบง่ายกับคนที่ตนเองรัก 


ตู้ฮองเฮาอยากตามใจรัชทายาทฉีซิงด้วยการให้ฉีซิงแต่งกับพันอวี้  แต่ติดที่ตู้หวันที่หมายปองตำแหน่งชายารัชทายาทมาตลอด  เพื่อปลอบใจตู้หวัน ตู้ฮองเฮาเลยเสนอให้ฉีโย่วแต่งกับตู้หวัน เพื่อให้ตู้หวันได้ตำแหน่งชายาองค์ชายไป  แล้วพันอวี้จะได้แต่งกับฉีซิงรัชทายาทได้ราบรื่น  เมิ่งจือเสียงอยากยืมมือฉีโย่วมาสู้กับตู้ฮองเฮาอยู่แล้ว จึงออกราชโองการให้ฉีโย่วแต่งงานกับตู้หวัน  ฉีโย่วไม่อาจขัดราชโองการได้ จำใจต้องเตรียมตัวเข้าพิธี และตัดใจจากฟู่หยา โดยการมอบหยกล้ำค่าที่ได้จากเมิ่งจือเสียง ไว้เป็นของแทนตัว และขอตัดใจจากลา  ฟู่หยาเสียใจอย่างที่สุด

คืนก่อนแต่งงาน สามพี่น้องคือฉีโย่ว ฉีหวิ่น ฉีชิง ร่วมดื่มสุรากันจนเมา ขณะเดียวกันฟู่หยาที่เสียใจที่สุดก็ได้ซูเหยาสาวงามในวังที่คอยเป็นเพื่อนปลอบใจ  ฟู่หยาสาบานเป็นพี่น้องกับซูเหยา แล้วดื่มเหล้าจนเมาหลับไป 

ตู้หวันฉวยโอกาสที่ฉีซิงเมาไม่ได้สติ เข้าหาฉีซิง โดยที่ฉีซิงคิดว่าเป็นฟู่หยา พอรุ่งเช้า ตู้ฮองเฮาและฉีโย่วก็มาเห็นทั้งคู่นอนอยู่ด้วยกัน  เมิ่งจือเสียงโกรธมาก จะลงโทษตู้หวัน  เสนาตู้ขอชีวิตลูกไว้ และบอกว่าเรื่องนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง  ถ้าลงโทษฉีซิงก็ต้องโดนด้วย  เมิ่งจือเสียงถามฉีโย่วว่าจะให้ลงโทษอย่างไร ฉีโย่วบอกว่าไม่ติดใจเอาเรื่องทั้งคู่  เมิ่งจือเสียงเลยสั่งให้ฉีซิงรับตู้หวันเป็นชายาโดยไม่ได้รับการแต่งตั้งใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากจบเรื่องนี้ ฉีโย่วกับฟู่หยารู้สึกมีความสุขมาก และคิดว่าคงจะสามารถรักกันได้อย่างเปิดเผย

แต่แล้วในที่สุด เมิ่งจือเสียงก็ได้เห็นโฉมหน้าของฟู่หยา แล้วฟู่หยายังได้ช่วยชีวิตเมิ่งจือเสียงไว้อีกด้วย  ทำให้เมิ่งจือเสียงหลงรักนาง และตัดสินใจแต่งตั้งฟู่หยาเป็นนางสนม ฟู่หยาไม่ยอม  เมิ่งจือเสียงจึงรู้ในที่สุดว่าคนที่ฟู่หยารักคือฉีโย่ว  เมิ่งจือเสียงเลยบังคับฟู่หยาให้ยอมเป็นสนมโดยเอาชีวิตของฉีโย่วเป็นเครื่องต่อรอง  ฟู่หยาไม่มีทางเลือกจำใจต้องยอมรับการแต่งตั้ง

เพื่อช่วยฟู่หยา ซูเหยาที่เป็นพี่สาวร่วมสาบาน ซึ่งแท้จริงเป็นไส้ศึกที่เป่ยฮั่นส่งมาแฝงตัวในวังแคว้นสู่  จึงส่งจดหมายลับกลับไปรายงานเรื่ององค์หญิงหม่าฟู่หยาที่ยังมีชีวิต  เรื่องนี้รู้ถึงหูของหลิวเหลียนเฉิงที่ยังปักใจรักมั่นกับฟู่หยามาตลอดเพียงคนเดียว ทำให้เหลียนเฉิงซึ่งตอนนี้ขึ้นครองราชย์เป็นราชาแคว้นเป่ยฮั่นแล้ว ตัดสินใจยกทัพมาเพื่อชิงตัวหม่าฟู่หยา แต่อ้างว่ามาพิชิตแคว้นสู่เพื่อขยายดินแดน

ระหว่างนั้น ฉีโย่วก็พยายามช่วยฟู่หยา โดยพูดความจริงต่อหน้าพระบิดาและขุนนางทั้งหลายว่าตนเองรักกับฟู่หยา ขอให้พระบิดายกเลิกคำสั่งตั้งพระสนมใหม่  ฉีหวิ่นและฉีชิงก็ช่วยกันขอร้อง รวมทั้งขุนนางทั้งหลายก็ขอ  แต่เมิ่งจือเสียงให้ฟู่หยาออกมายืนยันต่อหน้าทุกคน ฟู่หยากลับคืนหยกให้ฉีโย่วและบอกว่าจะเลือกพระบิดาแทน  ฉีโย่วเจ็บปวดใจมาก  แต่ก็อดสงสัยในท่าทีของฟู่หยาไม่ได้ 

คืนก่อนการแต่งตั้ง สนมหันเจาอี้ ได้มอบยาพิษให้ฟู่หยา เพื่อใช้ปลิดชีพเมิ่งจือเสียง โดยบอกว่าจะได้ช่วยฟู่หยาและองค์ชายใหญ่  ขณะเดียวกันเมิ่งจือเสียงส่งทหารไปปิดล้อมตำหนักขององค์ชายใหญ่ เพื่อไม่ให้ฉีโย่วทำลายพิธีแต่งตั้งพระสนม  ฉีหวิ่นลอบเข้าไปช่วยฉีโย่วออกมา เมื่อถึงเวลาแต่งตั้ง ฉีโย่วออกมาขอร้องพระบิดา และขอร้องฟู่หยา อย่าได้ยอมรับการแต่งตั้ง  ฟู่หยากลัวว่าฉีโย่วจะเป็นอันตราย ขณะเดียวกันก็ไม่อาจตัดใจทำร้ายเมิ่งจือเสียงที่เป็นพระบิดาของฉีโย่วได้ เลยคิดจะดื่มสุราที่มียาพิษเอง แต่เมิ่งจือเสียงที่ไม่ไว้ใจใคร ก็กลัวว่าฟู่หยาจะวางยาพระองค์  ก็เลยสลับถ้วยกับฟู่หยา เป็นเหตุให้ดื่มสุราพิษเข้าไป ขณะเดียวกัน มีข่าวมาจากชายแดนว่าทัพเป่ยฮั่นกับทัพฉู่ ร่วมกันบุกอาณาจักรสู่   เมิ่งจือเสียงได้ยินข่าวศึกคิดจะออกรบทัพเอง แต่พิษกลับกำเริบ สิ้นพระชนม์ไป

เหตุการณ์คับขัน มีศึกประชิดชายแดน ฉิซิงที่เป็นรัชทายาทกลับขี้ขลาด ไม่กล้าขึ้นครองบัลลังก์เพราะกลัวต้องออกไปรบกับข้าศึก  แม้ว่าตู้ฮองเฮาจะบีบบังคับอย่างไร ฉีซิงก็ไม่ยอมครองบัลลังก์เพราะกลัวตาย  ในที่สุดตู้ฮองเฮาก็บังคับให้ฉีโย่วขึ้นครองบัลลังก์แทนพร้อมกับนำทัพออกไปรบกับข้าศึกที่ชายแดน

ฉีโย่วขึ้นเถลิงราชย์เป็นราชาองค์ใหม่ นามว่าฮั่นเฉิงหวาง และนำทัพออกไปรบกับข้าศึกด้วยตนเอง แต่เนื่องจากสนมหันเจาอี้ที่คิดทำลายล้างตระกูลเมิ่งตลอดเวลา เห็นเป็นโอกาสเหมาะ เลยสั่งให้น้องชายคือหันหมิง ที่เป็นแม่ทัพสำคัญของแคว้นสู่ หาทางให้ทัพสู่แพ้แก่ทัพเป่ยฮั่น  ที่สุดฉีโย่วติดกับดัก และหันหมิงก็ไม่ช่วยเหลือ ทำให้ฉีโย่วถูกจับตัวไปเป็นเชลยของเป่ยฮั่น

ฉีโย่วถูกองค์หญิงเหลียนซือ น้องสาวของเหลียนเฉิง  จับตัวไปทรมานเล่นเห็นเป็นของสนุก  ด้วยนิสัยยอมตายไม่ยอมสยบ ทำให้เหลียนซือนึกชอบในตัวฉีโย่ว เมื่อรู้ว่าเหลียนเฉิงคิดจะใช้ฉีโย่วแลกตัวกับหม่าฟู่หยา  เหลียนซือเลยพาฉีโย่วหนีกลับไปเป่ยฮั่น  ขณะที่ทางแคว้นสู่ ตู้ฮองเฮาจับได้ว่าซูเหยาเป็นไส้สึกของเป่ยฮั่น เลยจับมารีดเร้นคำสารภาพ  ซูเหยาใช้โอกาสนี้ ขอพบกับฟู่หยาเป็นตรั้งสุดท้าย และสารภาพว่าเป็นคนส่งข่าวไปถึงเป่ยฮั่นเพื่อหวังให้เหลียนเฉิงมาช่วยฟู่หยาจากเงื้อมมือของเมิ่งจือเสียง  ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นร้ายแรงขนาดนี้ แล้วยังเป็นเหตุให้ฉีโย่วถูกจับไปด้วย  หลังจากสารภาพแล้ว ก็ขอให้ฟู่หยาคิดหาทางช่วยเอาฉีโย่วกลับมา  เพราะว่าเหลียนเฉิงยังรักฟู่หยาโดยไม่เสื่อมคลาย  และฝากจดหมายเขียนด้วยลายมือต้วเองฉบับสุดท้ายให้ฟู่หยาไปมอบถึงมือเสนาบดีซูแห่งเป่ยฮั่นผู้เป็นบิดา

ตู้ฮองเฮาคิดจะช่วยฉีโย่ว  โดยการหาทูตไปเจรจาขอให้ปล่อยตัว  ฉีซิงที่ตอนนี้ขึ้นครองบัลลังก์แทนพี่แล้ว แล้งน้ำใจ ไม่สนใจจะช่วยพี่ชายเลย  ฟู่หยาอาสารับหน้าที่ไปเป็นทูตเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเป่ยฮั่น  โดยจะไปในฐานะองค์หญิงตี้เหลียนแห่งแคว้นสู่  เพื่อแต่งงานกับเหลียนเฉิง  แท้จริงคือต้องการไปสืบหาตัวฉีโย่วแล้วช่วยเหลือกลับมาให้ได้

ตู้ฮองเฮาซึ้งในน้ำใจของฟู่หยา  ก่อนจะออกเดินทางไปได้มอบเสื้อขนสัตว์ที่ตู้ฮองเฮาเย็บเองกับมือ ให้ฟู่หยาสองตัว ตัวหนึ่งให้ฟู่หยาใช้เพราะว่าที่เป่ยฮั่นหนาวจัด มีแต่หิมะ  ส่วนอีกตัวตู้ฮองเฮาขอให้ฟู่หยามอบให้กับฉีโย่ว  ฟู่หยาจึงได้รู้ว่า ที่แท้ตู้ฮองเฮาก็มีใจรักในตัวฉีโย่วที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเหมือนกัน  ตู้ฮองเฮายังจัดองครักษ์หญิงฝีมือดีอีกสองนางตามไปคอยช่วยเหลือฟู่หยาด้วย

ฉีหวิ่นทราบว่าฉิซิงไม่แยแสเรื่องการช่วยเหลือฉีโย่วเลย และให้ฟู่หยาเดินทางตามลำพังไปที่เป่ยฮั่นอย่างไร้ศักดิ์ศรี ไม่สมเป็นองค์หญิงจากแคว้นสู่  จึงได้จัดขบวนเกียรติยศเพื่อไปส่งฟู่หยาถึงเป่ยฮั่นด้วยตนเอง 

เมื่อไปถึงเป่ยฮั่น  ฟู่หยาใส่หน้ากากไว้เพื่อไม่ให้ใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง  แต่ว่าเหลียนเฉิงจดจำนางได้ในทันทีที่ได้ยินเสียงของนาง จึงรับนางไว้เป็นทันที และแต่งตั้งนางเป็นตี้หวงเฟย  ทำให้บรรดาขุนนางไม่ค่อยพอใจ  ขณะที่หม่าเสียงหวินที่ตอนนี้เป็นฮองเฮาของเป่ยฮั่น ดูถูกเหยียดหยามว่าตี้หวงเฟยคงไม่มีปัญญาจะพิชิตใจที่แข็งยิ่งกว่าหินของเหลียนเฉิงได้  เพราะขนาดตนเองอยู่เป่ยฮั่นมานานปี พยายามใช้จริตมารยาทุกเล่มเกวียน ทั้งแสร้งทำเป็นเมตตาอารีต่อผู้น้อย  ทั้งปรนนิบัติตู๋กูไทเฮาผู้เป็นมารดาของเหลียนเฉิงอย่างอดทน  ยอมแม้กระทั่งหักขาตัวเองจนกระทั่งเป็นคนพิการเพื่อเรียกร้องความเห็นใจและความรักจากเหลียนเฉิง แต่เหลียนเฉิงไม่เคยแม้แต่จะชายตามอง  ซ้ำยังเย็นชา และชิงชังฮองเฮาอย่างนางอีกด้วย  ดังนั้นหม่าเสียงหวินจึงไม่เชื่อว่าจะมีหญิงใดในโลกหล้านี้จะสามารถพิชิตใจราชาเป่ยฮั่นอย่างหลิวเหลียนเฉิงได้อีก

แต่ทุกคนก็ผิดคาดเมื่อปรากฏว่านับแต่ตี้หวงเฟยเข้าวังเป่ยฮั่น  เหลียนเฉิงก็ขลุกอยู่กับนางตลอดเวลา  และสั่งห้ามทุกคนเหยียบย่างเข้าตำหนักที่นางพักอาศัย ใครขัดขืนจะฆ่าทันที   เหลียนเฉิงรู้ดีว่าฟู่หยามาเพราะฉีโย่ว  แต่เหลียนเฉิงก็อยากจะอาศัยรักที่มั่นคงของตัวเองพิชิตใจฟู่หยาให้ได้  ฟู่หยายอมอยู่กับเหลียนเฉิงโดยขอสัญญาสามข้อ คือในวังเป่ยฮั่นนี้ นางจะไม่ขอติดต่อข้องเกี่ยวกับใครอื่นอีกนอกจากเหลียนเฉิงคนเดียว  ข้อสองนางจะไม่มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับเหลียนเฉิง และสุดท้าย นางขอให้ได้พบกับฉีโย่ว  ซึ่งเหลียนเฉิงยอมรับปากทุกข้อ
(เหลียนเฉิงพยายามปลอบโยนหัวใจที่แตกสลายของฟู่หยา)

เหล่าขุนนางที่ไม่พอใจตี้หวงเฟย กลัวว่าเหลียนเฉิงจะไปลุ่มหลงนาง  ไปทูลฟ้องตู๋กูไทเฮา แต่ไทเฮากลับดีใจมากกว่า เพราะว่านับแต่เด็กมาแล้ว เหลียนเฉิงไม่เคยมีอารมณ์เบิกบาน ดูมีความสุขแบบนี้มาก่อน  ตู๋กูไทเฮาหวังว่าทุกคนจะไม่ไปยุ่งกับตี้หวงเฟย และปล่อยให้เหลียนเฉิงมีความสุขบ้าง  เพราะเหลียนเฉิงก็ไม่ได้ละเลยงานราชกิจอันใด  แต่หม่าเสียงหวินโกรธมากที่เหลียนเฉิงรักตี้หวงเฟยขนาดนี้ จึงใช้อุบายบุกเข้าไปในตำหนักของตี้หวงเฟย จนได้พบกับฟู่หยา 

หม่าเสียงหวินตกใจมากที่เห็นว่าตี้หวงเฟยก็คือฟู่หยา ที่ตนเองเห็นว่าเป็นมารหัวใจมาตลอด  เพื่อกำจัดทิ้ง จึงวางแผนใส่ร้ายว่าฟู่หยาวางยาพิษตนเอง  โดยหม่าเสียงหวินยอมกินยาพิษเข้าไปเอง และปล่อยข่าวไปว่าตี้หวงเฟยเป็นคนทำ  เหล่าขุนนางร่วมกันขอให้เหลียนเฉิงลงโทษตี้หวงเฟย เหลียนเฉิงโกรธมากและออกคำสั่งเด็ดขาดว่าถ้าใครบังอาจมาร้องเรียนเรื่องนี้อีกจะลงโทษโดยการตัดหัว  หม่าเสียงหวินยังส่งจดหมายไปถึงหม่าอี้ฟังผู้เป็นบิดา (ที่พิฆาตเสด็จพ่อของฟู่หยาแล้วชิงบัลลังก์มาครองเป็นราชาแคว้นฉู่คนปัจจุบัน) ให้กดดันเป่ยฮั่นเพื่อบีบเหลียนเฉิงกำจัดหม่าฟู่หยาทิ้งไป 


เหลียนเฉิงไม่เชื่อว่าเสียงหวินจะโดนพิษจริง เพราะที่ผ่านมาหม่าเสียงหวินใช้มารยาแกล้งป่วยแกล้งบาดเจ็บมาหลายหน แม้กระทั่งยอมหักขาตัวเองจนพิการก็กล้าทำมาแล้ว  จึงพานักฆ่าชุดดำที่เก่งเรื่องพิษ มาตรวจอาการของเสียงหวิน เสียงหวินพบนักฆ่าชุดดำก็ตกใจกรีดร้อง  ตู๋กูไทเฮาที่กำลังมาเยี่ยมอาการของหม่าเสียงหวินพอดี เลยได้พบกับนักฆ่าชุดดำ และได้รู้ว่าที่แท้นักฆ่าชุดดำนี่คือหลิวเหลียนซี  อนุชาต่างมารดาของเหลียนเฉิงที่ตู๋กูฮองเฮาเคยพยายามกำจัดทิ้งไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ไม่สำเร็จเพราะเหลียนเฉิงพาอนุชาหนีไปได้

หลิวเหลียนซีแค้นตู๋กูไทเฮาจับใจที่ฆ่ามารตาของตน  แต่ว่าก็รักและเคารพเหลียนเฉิงที่มีบุญคุณช่วยชีวิตและดีกับตัวเองเป็นที่สุด จึงได้แต่เก็บความอาฆาตแค้นไว้    แล้วคอยอารักขารวมทั้งช่วยเหลือเหลียนเฉิงอย่างลับ ๆ  เหลียนซีเชี่ยวชาญเรื่องพิษ  และรับงานเป็นนักฆ่าในยุทธจักร พร้อมทั้งสืบข้อมูลลับของแคว้นต่าง ๆ คอยรายงานกับเหลียนเฉิง  เหลียนซีรับทาสรับใช้เพื่อไว้ทดลองยาพิษคนหนึ่ง เรียกว่าทาสพิษ  ให้อยู่กับเหลียนเฉิงเพื่อคอยรับบัญชาจากเหลียนเฉิง และตอนนี้กลายเป็นขุนพลที่คอยติดตามองค์หญิงเหลียนซือ  แต่ที่จริงทาสพิษคนนี้คือหม่าตู้หวิน น้องชายแท้ ๆ ของฟู่หยาที่หายสูญไปเมื่อคราวเกิดกบฎเมื่อหลายปีก่อน

เพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่เซียงหวินใส่ร้าย  ฟู่หยาจึงวางแผนปลอมเป็นปิศาจหญิงรับใช้คนที่เคยถูกเซียงหวินฆ่าตาย  เซียงหวินกลัวจนหายจากอาการโดนพิษเป็นปลิดทิ้ง  ทำให้เหลียนเฉิงยิ่งเกลียดชังนาง ตู๋กูไทเฮาที่รู้ความจริงก็พลอยรังเกียจนางไปด้วย  หม่าเซียงหวินยิ่งเกลียดชังฟู่หยาจนเข้ากระดูก หาทางจะทำลายฟู่หยาให้จงได้
 (หม่าเสียงหวิน ผู้มองว่าฟู่หยาคือศัตรูหัวใจ)

ด้านฉีโย่วนับแต่ถูกจับกลับมาที่เป่ยฮั่น ก็ถูกขังไว้ในตำหนักเย็น และถูกองค์หญิงเหลียนซือทารุณตลอดเวลา  แต่ฉีโย่วก็อดทนเพื่อหวังจะได้พบกับฟู่หยาอีกสักครั้ง  เหลียนซือชิงหยกล้ำค่าที่เป็นของแทนใจระหว่างฟู่หยากับฉีโย่วไป และให้ฉีโย่วสู้กับนักรบของเป่ยฮั่นเพื่อชิงหยกกลับคืน  ฉีโย่วสู้ถวายชีวิตจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อชิงหยกกลับให้ได้  เหลียนเฉิงที่พาฟู่หยามาพบฉีโย่วตามสัญญา เห็นเหตุการณ์ที่นักรบของเป่ยฮั่นกำลังจะฆ่าฉีโย่วพอดีจึงห้ามไว้ทัน  ฟู่หยาเห็นฉีโย่วบาดเจ็บสาหัสปางตาย ก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน  ส่วนฉีโย่วพอเห็นหม่าฟู่หยา ทั้งตีใจทั้งตกใจ  กลัวว่านางจะเป็นอันตรายจึงรีบบอกให้หนีไป   แล้วในที่สุดจึงรู้ความจริงว่าฟู่หยากลายเป็นตี้หวงเฟย สนมรักของเหลียนเฉิงไปแล้ว  ฉีโย่วสุดจะทนต่อไปไหวจึงกระอักโลหิตออกมา สิ้นสติไป
 (ฉีโย่วใจสลาย เมื่อรู้ว่าฟู่หยาคือตี้หวงเฟยของเหลียนเฉิง)

องค์หญิงเหลียนซือกลัวว่าฉีโย่วจะตายไปจริง ๆ จึงระดมหมอหลวงในวังมารักษาอย่างดีที่สุด และคอยดูแลอย่างดี  ฉีโย่วเมื่อฟื้นขึ้นมาแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป  ฟู่หยาไปพบกับฉีโย่วอีก และบอกความจริงทั้งหมดให้ฟัง  หลังจากปรับความเข้าใจกันได้  ทั้งคู่ยิ่งรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม  ฟู่หยายินยอมเป็นของฉีโย่วด้วยความเต็มใจ  โดยปิดบังเหลียนเฉิงเอาไว้  ส่วนเหลียนซือพยายามทำดีกับฉีโย่วทุกอย่าง รวมทั้งคืนหยกให้ แต่ฉีโย่วไม่แยแสนางเลยสักนิด ทำให้เหลียนซือเสียใจมาก

หม่าเสียงหวินสืบจนรู้ว่าฟู่หยารักฉีโย่วหมดหัวใจ จึงวางแผนทำลายทิ้งทั้งคู่  โดยยืมมือตู๋กูไทเฮามาจัดการ  ตู๋กูไทเฮาเมื่อทราบว่าตี้หวงเฟยปันใจไปรักฉีโย่วที่เป้นศัตรูของเป่ยฮั่น จึงสั่งจับทั้งคู่ไปหมายจะประหาร  เหลียนเฉิงที่ทราบข่าวรีบมาช่วยฟู่หยาได้ทัน แต่ฟู่หยาก็รับบาดเจ็บจากการโดนทหารทำร้ายจนหมดสติไป  เหลียนเฉิงขู่พระมารดาว่าหากกล้าแตะต้องฟู่หยาอีก จะฆ่าตัวตาย    ตู๋กูไทเฮาโกรธมากจึงหันมาลงโทษฉีโย่วโดยจะประหารฉีโย่วทิ้ง แต่องค์หญิงเหลียนซือก็ขู่ว่าจะฆ่าตัวตายหากชายที่นางรักตายไป  ตู๋กูไทเฮาโกรธจนหมดสติไป


(เหลียนเฉิงเฝ้าฟู่หยาด้วยความเป็นห่วงสุด ๆ ขนาดรู้ว่าตู๋กูไทเฮาป่วยหนักยังไม่ยอมไปเยี่ยม)

ฟู่หยามารักษาไทเฮาด้วยตนเอง และทำให้เหลียนเฉิงกับไทเฮาปรับความเข้าใจมาคืนดีกัน โดยชีให้เห็นว่าตู๋กูไทเฮานั้นรักเหลียนเฉิงยิ่งกว่าชีวิต  เหลียนเฉิงที่เย็นชากับพระมารดามาตลอดจึงยอมมาเยี่ยมทำให้ไทเฮาอาการดีขึ้น

ฟู่หยาคิดหาทางช่วยฉีโย่วไปจากแคว้นเป่ยฮั่น  โดยอาศัยความรักที่เหลียนซือมีต่อฉีโย่ว  โดยยอมช่วยเหลียนซือปลอมตัวและใช้ตัวยาทำให้ฉีโย่วเคลิบเคลิ้ม เข้าใจว่าเหลียนซือคือฟู่หยา  เหลียนซือเข้าหาฉีโย่วด้วยความเต็มใจ  ส่วนฉีโย่วหลังจากสร่างฤทธิ์ยาก็เสียใจมาก และรู้สึกโกรธฟู่หยาที่ทำแบบนี้กับตนเอง 

ฟู่หยาเป็นลมหมดสติไป หลังจากหมอตรวจก็พบว่านางตั้งครรภ์  เหลียนเฉิงเสียใจมากฆ่าหมอหลวงปิดปากด้วยตนเอง ตู๋กูไทเฮาเยี่ยมฟู่หยามาเห็นศพหมอหลวง  สั่งให้เอาไปจัดการให้เรียบร้อย   เหลียนเฉิงยังไม่มั่นใจว่าฟู่หยาตั้งครรภ์แน่หรือไม่ สั่งให้เหลียนซีมาตรวจอีกที เหลียนซียืนยันว่านางตั้งครรภ์แน่นอน แล้วยังเตือนให้เหลียนเฉิงทำใจ เพราะว่าคนที่วางแผนฆ่าเสด็จพ่อของฟู่หยาที่แท้จริงคือเหลียนเฉิง 

 ฟู่หยาได้ยินเข้าทั้งหมด รู้สึกใจสลาย  เหลียนเฉิงเมื่อรู้ว่าฟู่หยารู้ความจริงหมดแล้วก็ยอมตายด้วยมือนาง  ฟู่หยาไม่อาจตัดใจฆ่าเหลียนเฉิงได้ ได้แต่ร้องไห้เสียใจ  ส่วนเหลียนเฉิงก็หนีออกจากวังไปทำใจ  โดยมีเหลียนซีคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ 

ฟู่หยาไปหาฉีโย่ว ไปขอให้ยกโทษให้ในเรื่องที่ตนเองช่วยเหลือเหลียนซือให้สมหวังในตัวฉีโย่ว พร้อมกับบอกว่าไม่เสียใจที่ทำลงไปเช่นนั้น ฉีโย่วโกรธมาก  หม่าเสียงหวินวางแผนให้ตู๋กูไทเฮามาเห็นตอนที่ฟู่หยาอยู่กับฉีโย่วพอดี  ตู๋กูไทเฮาสั่งจับตี้หวงเฟยไปลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็น  และลงโทษฉีโย่วด้วยการให้กินสุราพิษ  ก่อนจะโดนลงโทษ ฟู่หยาขอพบกับเสนาบดีซูเป็นการส่วนตัว และมอบจดหมายฉบับสุดท้ายจากซูเหยาให้ พร้อมกับบอกเรื่องที่ซูเหยาขอเป็นครั้งสุดท้าย ให้ช่วยฉีโย่วไปจากแค้วนเป่ยฮั่น เสนาบดีซูเสียใจมาก

หม่าฟู่หยาถูกจับขึ้นกลางกองฟืนเผาทั้งเป็น  เหลียนเฉิงเพิ่งรู้ข่าวรีบรุดมาช่วยเหลือ  ได้เห็นแต่ร่างที่ไร้ลมหายใจล้มไปในกองเพลิง  เหลียนเฉิงเสียใจจนหมดสติไป พอฟื้นขึ้นมาก็ตามไปที่สุสานของฟู่หยา และได้เห็นว่าฟู่หยายังไม่ตาย  เหลียนเฉิงดีใจที่สุด  แต่ฟู่หยาขอให้เหลียนเฉิงปล่อยนางไป  เหลียนเฉิงแม้จะรักนางสุดหัวใจ แต่ไม่อาจรั้งนางไว้ได้ จำใจต้องปล่อยนางจากไป 
 (ในรูปจะเห็นต้นเถาที่เหลียนเฉิงเอาไปฟูมฟัก  เป็นฉากซาบซึ้งอีกฉากในเรื่องนี้)

ฟู่หยาหนีไปสมทบกับฉีโย่ว ที่เหลียนซือช่วยหนีออกมาจากคุก  ทั้งนี้ฟู่หยาวางแผนไว้ล่วงหน้ากับเสนาบดีซู  โดยที่ตู๋กูไทเฮาก็รู้เห็นเป็นใจ   แต่ว่าหม่าเสียงหวินรู้ความจริงเข้า คิดจะฆ่าฟู่หยาให้จงได้ จึงวางแผนกับขุนพลอาหนู(หม่าตู้หวิน) ให้อาหนูฆ่าฉีโย่ว  ฟู่หยาจะได้เจ็บปวดใจไปตลอดชีวิต  อาหนูยอมทำตาม โดยใช้ธนูอาบยาพิษยิงใส่ฉีโย่ว  ฉีโย่วปัดจนพ้น  แต่หม่าเสียงหวินจะฆ่าฟู่หยาให้ได้ เลยยิงธนูอาบยาพิษใส่  หม่าตู้หวินปัดธนูไม่ทัน 

เหลียนเฉิงที่ตามมาเพื่อจะเอาดอกเถาที่เริ่มบานมามอบให้ฟู่หยา  ดอกเถานี้เป็นต้นที่ฟู่หยานำติดตัวมา และสำหรับเหลียนเฉิง เถาต้นนี้คือหัวใจของฟู่หยา  จึงตั้งใจฟูมฟักด้วยความรักความเอาใจใส่อย่างที่สุด เป็นเหมือนความรักที่เหลียนเฉิงตั้งใจฟูมฟักให้ฟู่หยา  เมื่อดอกเถาบาน ด้วยความดีใจเหลียนเฉิงจึงรีบเอามาให้ฟู่หยาทันที  และทันได้เห็นลูกธนูกำลังพุ่งเข้าใส่ฟู่หยา จึงโดดเข้าขวาง และโดนพิษจากธนู จนสิ้นใจในอ้อมกอดของฟู่หยาในที่สุด

หม่าเสียงหวินเสียใจที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด และกอดศพเหลียนเฉิงให้ธนูเสียบทะลุร่างจนตายตามไป  หม่าตู้หวินให้ทุกคนรีบหนี 

ฉีโย่วพาฟู่หยาและเหลียนซือหนีกลับมาถึงแคว้นสู่ได้อย่างปลอดภัย แต่ปรากฎว่าฉีชิงที่ตอนนี้เป็นราชาแคว้นสู่แล้ว กลับแล้งน้ำใจ ขังฉีโย่วเอาไว้ แล้วยังเชื่อคำยุยงจากตู้หวัน วางแผนฆ่าพี่ชายให้สิ้นซาก  ราชครูทัดทานก็ไม่ฟังจนราชครูเสียใจฆ่าตัวตาย 

ฉีซิงส่งสุราพิษให้ฉีโย่วดื่ม  แต่เสี่ยวคังจื่อ ขันทีคนสนิทของฉีโย่วอาสาดื่มแทน  ทำให้ฉีซิงทำอะไรฉีโย่วไม่ได้  เมื่อเสี่ยวคังจื่อยอมตายแทนทำให้ฉีโย่วโกรธมาก จากที่เดิมไม่เคยคิดจะขิงบัลลังก์กับน้อง จึงเปลี่ยนใจ  หลบหนีออกจากที่กักขัง ไปขอความร่วมมือกับสนมหันเจาอี้ที่กุมกำลังทหารส่วนหนึ่งในมือเอาไว้  แล้วนำกำลังทหารพร้อมกับกำลังที่ตนเองมีมารวมกันบุกเข้าวัง เขี่ยฉีซิงตกจากบัลลังก์

ตู้ไทเฮารู้ข่าวรีบมาห้ามปราม  เพราะเกรงว่าฉีโย่วจะฆ่าน้อง  แต่ฉีโย่วเพียงส่งสุราให้ฉีซิงดื่ม  ฉีซิงกลัวเป็นยาพิษไม่กล้าดื่ม  ฉีโย่วจึงดื่มเอง และบอกว่าตนเองไม่อาจฆ่าน้องชายได้ จึงปลดไปเป็นสามัญชน ใช้ชีวิตอยู่นอกวัง  แต่ฉีซิงไม่เพียงไม่สำนึก กลับถือกระบี่วิ่งเข้าใส่ด้านหลังของฉีโย่วหมายจะฆ่าให้ตาย ฉีโย่วยกกระบี่กันไว้  ฉีซิงจึงกลายเป็นวิ่งเข้าใส่คมกระบี่ตายเอง 

ฉีโย่วขึ้นครองราชย์เป็นฮั่นเฉิงหวางดังเดิม  ตู้ไทเฮาป่วยหนักจากความเสียใจ ฉีโย่วไม่ยอมมาดูใจนางเพราะยังเจ็บใจที่นางลำเอียงรักแต่น้อง  ฟู่หยามาตรวจอาการแล้วปรับความเข้าใจกับตู้ไทเฮา  ฉีโย่วยอมมาพบตู้ไทเฮาในวาระสุดท้าย ถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วตู้ไทเฮารักฉีโย่วมากที่สุด  และรักมาตลอด 

หลังจากตู้ไทเฮาตายไป สนมหันเจาอี้ก็กุมอำนาจทางทหารในมือจนเกือบหมด  แล้วก็หาทางทำลายล้างตระกูลเมิ่งต่อ โดยทำให้องค์หญิงเหลียนซือชิงชังฟู่หยา  แล้วหาทางทำลายฟู่หยาทิ้ง  เหลียนซือหาเหตุส่งจดหมายแจ้งไปที่เป่ยฮั่นว่าลูกในท้องของฟู่หยา คือลูกของเหลียนเฉิง  ทำให้ตู๋กูไทเฮาดีใจมาก และเมื่อไปรื้อบันทึกของหมอที่ตายไปมายืนยัน ก็พบว่านางตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่เป่ยฮั่น จึงปักใจเชื่อว่าจริง  ตู๋กูไทเฮาจึงยกทัพมาด้วยตนเองเพื่อเปิดศึกชิงหลาน

(ฮั่นเฉิงหวางกับพระชายา หม่าฟู่หยา)

ฉีโย่วต้องต่อกรกับหันเจาอี้และหันหมิงสองพี่น้องที่กุมอำนาจทหารไว้  ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องฟู่หยาจากเหลียนซือด้วย  เมื่อข่าวศึกมาถึง ฉีโย่วออกรบด้วยตัวเอง แต่ฟู่หยาแอบไปด้วยตัวเองเพื่อจะเจรจากับตู๋กูไทเฮา  โดยมีหม่าตู้หวินน้องชาย ที่บัดนี้เปิดเผยฐานะแล้ว และมาในฐานะขุนพลจากเป่ยฮั่น  เป็นเพื่อนร่วมทาง  ระหว่างเดินทาง ล้อรถม้าหลุดหลุดเพราะเหลียนซือวางแผนล่วงหน้า  รถเสียหลัก ฟู่หยาที่ตั้งครรภ์แก่กระทบกระเทือนมากจนคลอดก่อนกำหนด  ตู้หวินลงมือทำลายทารกด้วยความอำมหิต เพราะเกลียดชังฉีโย่ว 
 (สนมหันเจาอี้ สตรีที่จิตใจร้ายกาจยิ่งกว่าอสรพิษ)

ฉีโย่วที่กำลังนำทัพอยู่ทราบข่าวรีบกลับวัง ฟู่หยาเสียใจมากที่เสียลูกไป  ฉีโย่วก็เสียใจไม่แพ้กัน  และหาทางสืบว่าใครทำให้รถม้าเสียหลัก  ฟู่หยาหลังจากเสียลูกไป ก็ยังเดินทางไปพบกับตู๋กูไทเฮา และบอกความจริงให้รู้ว่าเด็กในท้องที่เสียไปนั้นเป็นลูกของฉีโย่ว ตู๋กูไทเฮาจึงยกทัพกลับด้วยความผิดหวัง

เหลียนซือคลอดโอรส และวางแผนกับตู้หวินหลอกล่อให้ฉีโย่วมาหา และวางยาฉีโย่วให้สลบเพื่อให้ฟู่หยามาเห็นภาพบาดตาที่เหลียนซือนอนอยุ่บนเตียงกับฉีโย่วโดยมีโอรสแนบข้าง ฟู่หยาเสียใจมาก  และแอบไปดูหน้าลูกของฉีโย่วที่เกิดจากเหลียนซือ แต่หลังจากกลับออกมา โอรสน้อยก็สิ้น  เหลียนซือหาว่าฟู่หยาใช้ผึ้งพิษฆ่าโอรสจนตาย  ฉีโย่วแม้จะโกรธจัด  แต่ก็ยังมีสติพอ หลังจากสอบถามก็รู้ทันทีว่าหม่าตู้หวินเป็นคนฆ่าโอรสที่เกิดจากเหลืยนซือ  แต่แล้วจู่ ๆ ฉีโย่วก็กระอักเลือดหมดสติไป ฟู่หยาตรวจชีพจรจึงรู้ว่า หม่าตู้หวินวางยาพิษใส่ฉีโย่ว

 หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฟู่หยาเข้าใจผิด ว่าฉีโย่วผลักแม่ของฟู่หยาตกจากหอสูงลงมาเสียชีวิต  ทำให้ฟู่หยาขอแยกทางกับฉีโย่ว และเดินทางจากไปพร้อมกับตู้หวินเพื่อขอความช่วยเหลือจากแคว้นโจวแทน  ฉีโย่วไม่อาจทำใจพรากจากฟู่หยาได้ เลยสละบัลลังก์ให้น้องชายคือฉีหวิ่น แล้วติดตามไปหาฟู่หยาจนพบ  แต่ก็โดนตู้หวินวางแผนร้าย แล้วยังถูกทหารฉู่ตามล่า  เพื่อปกป้องฟู่หยาไว้ ที่สุดฉีโย่วถูกธนูยิงจนตกน้ำจมหายไป

ด้านแคว้นเป่ยฮั่น หลังจากเหลียนเฉิงสิ้นพระชนม์  ตู๋กูไทเฮาเฟ้นหาราชาองค์ใหม่โดยเลือกเหลียนซีผู้เป็นอนุชาเหลียนเฉิง  แต่เหลียนซีปฏิเสธไม่ยอมครองบัลลังก์เป่ยฮั่นมาตลอดเพราะชิงชังตู๋กูไทเฮา  หม่าตู้หวินจะฉวยโอกาสนี้ยืมกำลังทหารจากแคว้นเป่ยฮั่นไปถล่มแคว้นฉู่  พอรู้ว่าบัลลังก์จะตกเป็นของเหลียนซี ที่รู้กำพืดของตนเองดี จึงใช้ผึ้งพิษพิฆาตเหลียนซี  แต่ตู๋กูไทเฮาใช้ชีวิตตัวเอง ดูดเอาพิษออกจากกายเหลียนซี  ทำให้เหลียนซี ยอมสลายความแค้น และขึ้นครองบัลลังก์เป่ยฮั่นต่อจากพี่ชาย

เหลียนซีรู้นิสัยชั่วร้ายของหม่าตู้หวิน แม้จะยอมยกทัพไปช่วยกู้ชาติแคว้นฉู่ แต่ก็ขอนำทัพไปเองเพราะไม่ไว้ใจตู้หวินแล้ว  ด้านฟู่หยาไปขอความช่วยเหลือจากแคว้นโจวได้รับความร่วมมือจากเจ้าควงยิ่น น้องบุญธรรมที่นางเคยช่วยไว้ ยกกำลังทหารมา อีกทั้งฉีหวิ่นก็ยกทัพมาช่วยอีกแรง สามทัพคือสู่ เป่ยฮั่นและโจว ยกไปตีแคว้นฉู่ ก็ยึดเมืองได้อย่างง่ายดาย  หม่าอี้ฟังหนีไม่รอด โดนจับได้และตู้หวินแทงด้วยกระบี่  แต่หม่าอี้ฟังแกล้งตาย ระหว่างที่ฟู่หยากับตู้หวินคุกเข่าอธิษฐานต่อวิญญาณพระบิดา หม่าอี้ฟังพุ่งเข้ามาจะฆ่าฟู่หยา  นางกำนัลหวินจูเข้าขวางจึงโดนกระบี่แทน  หม่าอี้ฟังถูกสังหารในทันที ส่วนหวินจูสารภาพก่อนตายว่าคนที่ผลักมารดาของฟู่หยาตกจากหอสูงคือตนเอง ไม่ใช่ฉีโย่ว และที่ทำไปเพราะโดนบังคับจากหันเจาอี้ที่เคยมีบุญคุณกับหวินจูและพี่ชาย ซึ่งก็คือหันซิง

ฟู่หยายังได้รู้ความจริงในภายหลังอีกว่า ตู้หวินเป็นคนใช้ธนูอาบยาพิษยิงใส่ฉีโย่วในวันที่เหลียนเฉิงตาย ยาพิษนั้นตู้หวินเป็นคนทำขึ้น  และตู้หวินวางแผนจะฆ่าฉีโย่วมาตลอด รวมทั้งยังฆ่าลูกฉีโย่วที่เกิดจากเหลียนซือ และยังไปเห็นตู้หวินวางยามอมเมาเหลียนซือจนไม่มีสติ จนเหลียนซือต้องตกเป็นของหม่าตู้หวิน   ทำให้ฟู่หยายอมรับน้องคนนี้ไม่ได้อีกต่อไป  จึงสังหารตู้หวินกับมือด้วยยาพิษ

หลังจากนั้นฟู่หยาก็สละทุกอย่างออกติดตามหาฉีโย่ว  เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ขออภัยที่ลงเนื้อเรื่องสปอยล์จนละเอียดยิบ  ทั้งนี้เพราะเห็นใจคนที่อยากดูเรื่องนี้แต่ไม่ได้ดู หรือดูได้ไม่ตลอดเพราะยังไม่มีฉบับพากย์ไทย หรือซับไทยให้ดูกัน   ก็เลยทำให้บล็อคนี้ยาวไปนิดหนึ่ง  หวังว่าทุกคนคงจะไม่ว่าอะไร  แต่เรื่องนี้ตอนนี้มีลงในยูทุป ไปสูบมาดูกันได้  ก็อปปี้เอาชื่อเรื่องภาษาจีนไปแปะหาได้ในยูทุปเลย

วิพากษ์เลยก็แล้วกัน.....ตามความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ของ จขบ. คนเดียว ....(Smiley)

สำหรับซีรี่ส์เรื่องนี้ พูดถึงเนื้อหา ความสนุก ให้สี่ดาวไปเลย เนื้อเรื่องชวนติดตาม มีนัยแอบแฝงเร้นเยอะ  มีเบื้องลึกเบื้องหลังตัวละครซับซ้อน มีปมชวนให้สะดุด โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งแค้นระหว่างพระมารดาและองค์ชายฉีโย่ว  ที่ซับซ้อนสับสนจนยากจะเข้าใจ ว่าจริง ๆ แล้ว ตู้ฮองเฮารักหรือว่าเกลียดโอรสองค์นี้กันแน่  ขณะที่ฉีโย่ว เราจะเข้าใจได้ง่ายกว่าว่า จริง ๆ นั้นรักและโหยหาความรักจากพระมารดา แต่ไม่ได้รับการสนองตอบ เลยเปลี่ยนท่าทีเป้นเย็นชา เพื่อปกป้องตนเองจากความเจ็บปวดที่ได้รับ

ตัวละคร....
คัดเลือกมาได้ดีมาก เอาไปเลยห้าดาว สำหรับพระเอกสองคนและนางเอก
หลินซินหยู ในเรื่องนี้ เสื้อผ้าหน้าผม อลังการ และสวยสมกับบทบาทสาวงามระดับล่มเมืองล่มประเทศได้  แม้อายุจะไม่น้อยแล้ว แต่หลินซินหยูก็ยังสวยมาก  เป็นดาราที่แต่งชุดโบราณได้งามทุกแบบ  ไม่ว่าจะแบบฮั่น หรือแมนจู (จากเรื่ององค์หญิงกำมะลอ)  
พระเอก เมิ่งฉีโย่ว ....เหมาะมากที่ใช้เอี๋ยนควนเล่นเรื่องนี้  เล่นได้ดีทั้งสีหน้าท่าทางเย็นชา ยะโสไร้น้ำใจ จนถึงมีน้ำใจอุ่นระอุที่แอบแฝงในใจแต่บอกใครไม่ได้  ริมฝีปากบางเฉียบของเอี๋ยนควน บวกคิ้วเข้ม ตาคม จนหน้าตาดูดุดันในบางอารมณ์ และในบางอารมณ์ก็น่าสงสารมาก ๆ  เป็นนักแสดงที่แสดงออกทางสีหน้าได้ดีมาก ๆ คนหนึ่งของจีน  มิน่าจึงได้รับความนิยมอย่างสูงในจีนแผ่นดินใหญ่ 
พระเอกอีกคน หลิวเหลียนเฉิง....เหมาะที่สุด  ที่เลือกฮั่วเจี้ยนหัวมารับบทราชาเป่ยฮั่นที่อมทุกข์ตลอดเวลา สีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวดนิด ๆ นัยน์ตาโศก ๆ ตลอดเรื่อง แทบไม่มีฉากไหนที่จะเห็นฮั่วเจี้ยนหัวยิ้มร่าเริงเลย นอกจากฉากแรก ๆ ที่ได้พบกับหม่าฟู่หยา  เป้นนักแสดงที่มีฝีมืออีกคนหนึ่ง  เล่นได้ดี ดูแล้วอดเห้นใจในรักที่มั่นคงจริงใจแต่ไม่สมหวังของราชาแห่งเป่ยฮั่นไม่ได้  และบทที่จะเลือดเย็น ไร้น้ำใจ ฮั่วเจี้ยนหัวก็เล่นได้ดีมาก ๆ
(ฉากนี้น่ารักมาก ๆ ได้เห็นเหลียนเฉิงทำหน้าออดอ้อนฟู่หยาสุด ๆ มีแค่ซีนเดียวนี่แหละ จากนี้ไปมีแต่หน้าตาเครียดตลอด)

เสื้อผ้าหน้าผม เฉพาะฝ่ายหญิง อลังการมาก ประชันกันจนแพรวพราย  โดยเฉพาะนางเอกนี่ สวยสุด ๆ  ไม่ว่าจะแต่งชุดแคว้นสู่ หรือเป่ยฮั่น ก็งามจนล่มเมืองได้จริง ๆ   ส่วนเสื้อผ้าฝ่ายชาย ก็พอประมาณ  แต่เรื่องนี้ชื่อเรื่องก็บอกเน้น ๆ อยู่แล้วว่า สนมรัก(งาม)สะท้านโลก  เพราะฉะนั้นก็ต้องทุ่มทุนกันหน่อย ให้สมความงามระดับล่มเมืองล่มชาติได้แบบนั้น

ดาราสำคัญในเรื่องทั้งหมด 

สรุป....เรื่องนี้ ดูแล้วไม่ผิดหวัง  นาน ๆ จะมีเรื่องประวัติศาสตร์จีนยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักรมาให้ดูสักครั้ง  ว่ากันตามตรง ดูเหมือนนี่จะเป็นเรื่องแรกที่หยิบยกเอาประวัติศาสตร์ช่วงนั้นมาเป็นแบ็คกราวด์  ปกติจะได้ดูแต่ช่วงราชวงศ์ฮั่น ซ้อง หมิง และแมนจู (แมนจูนี่เยอะสุดในช่วงนี้)  เรื่องนี้สร้างจากนิยายขายดีของ มู่หรงเอียนเอ๋อร์  ดูจากรูป หน้าตายังละอ่อนอยู่เลย เก่งมากทีเดียว

ครั้งหน้าจะหยิบซีรี่ส์จีนจากช่วงสมัยสาธารณรัฐมาเสนอสักเรื่อง   ชอบไม่ชอบประการใด แสดงความเห็นมาได้จ้า




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 26 มีนาคม 2556 1:53:59 น.   
Counter : 51289 Pageviews.  


หนานหยางเหวียนหลง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคนี้ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิ์เป็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว
[Add หนานหยางเหวียนหลง's blog to your web]