倾世皇妃 สนมรักสะท้านโลก...
สนมรักสะท้านโลก เป็นซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมในจีนไม่น้อย ออกฉายในปี 2011 ดารานำได้แก่ หลินซินหยู เอี๋ยนควน ฮั่วเจี้ยนหัว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รวมดาราดังทั้งสองฟาก (แผ่นดินใหญ่ และไต้หวันฮ่องกง) ลงทุนสร้างโดยหลินซินหยูเองเลยทีเดียว แนะนำนักแสดงหลักกันก่อน หลินซินหยู แสดงเป็น หม่าฟู่หยา โฉมงามล่มเมือง
เอี๋ยนควน แสดงเป็น เมิ่งฉีโย่ว องค์ชายใหญ่อาณาจักรสู่
ฮั่วเจี้ยนหัว แสดงเป็น หลิวเหลียนเฉิง รัชทายาทแคว้นเป่ยฮั่น (รุปใหญ่กว่าคนอื่น เพราะ จขบ.ชอบนักแสดงนัยน์ตาสวยเศร้าคนนี้เป็นพิเศษ...)
เนื้อเรื่อง(ไม่ค่อย)ย่อ
เนื้อเรื่องอยู่ในสมัยช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (หลังราชวงศ์ถังล่มสลาย) ประเทศจีนในตอนนั้นแตกแยกออกเป็นอาณาจักรต่าง ๆ สิบอาณาจักร แต่ละอาณาจักรก็มีฮ่องเต้ของตัวเอง มีราชวงศ์ของตัวเอง อ้างความชอบธรรมปกครองแว่นแคว้นดินแดนตัวเอง เป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน และต่างก็รบกันเพื่อพิชิตอาณาจักรอื่นเพื่อผนวกดินแดนมาเป็นของตัว
เปิดเรื่องมา หม่าฟู่หยา องค์หญิงของแคว้นฉู่ พาตัวนักโทษสำคัญหลบหนี เลยโดนตามล่า องค์หญิงฟู่หยาหนีเตลิดไปจนเจอกับหลิวเหลียนเฉิง รัชทายาทแคว้นเป่ยฮั่นที่แอบมาสำรวจสถานการณ์ทางใต้ (แคว้นเป่ยฮั่นอยู่ทางเหนือของประเทศจีน ติดกับอาณาจักรเหลียวที่เป็นชนเผ่าอนารยชน ขณะที่อาณาจักรอื่น ๆ ของชาวฮั่นอยู่ทางใต้เกือบทั้งหมด) หลิวเหลียนเฉิงที่หน้าตาขมวดมุ่นเสมอเพราะจำใจต้องอยู่ในกรอบและวางตัวเป็นรัชทายาทตลอดเวลา รู้สึกเซ็งกับชีวิตและอยากเป็นอิสระ พอเจอกับฟู่หยาที่หนีการตามล่าของทหารฉู่ เลยสมคบกัน โดยยอมให้ฟู่หยาจับเป็นตัวประกันเพื่อหลบหนีจากทหารฉู่และทหารเป่ยฮั่นที่แวดล้อมตามอารักขาอยู่ ในที่สุดทั้งสองหนีรอดไปได้ และได้ทำความรู้จักกันเป็นครั้งแรก
องค์หญิงฟู่หยาเป็นองค์หญิงที่ติดดิน รักเสรี และรักความเป็นธรรม เป็นที่รักของชาวแคว้นฉู่ทุกคน รวมทั้งเป็นแก้วตาดวงใจของราชาแคว้นฉู่ด้วย ขณะที่องค์รัชทายาทหลิวเหลียนเฉิง ดูอมทุกข์เหมือนแบกโลกไว้ตลอดเวลา เพราะต้องแบกภาระหนักในการเป็นสืบทอดบัลลังก์และเป็นความหวังของแคว้นเป่ยฮั่น ที่มีกำลังทหารแข็งแกร่ง และต้องการขยายดินแดน ตัวเหลียนเฉิงไม่เคยปล่อยตัวตามสบายหรือมีอิสระเสรีมาก่อนเพราะถูกพระมารดาควบคุมอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เล็ก ๆ พอมาเจอองค์หญิงฟู่หยาที่ไร้จริตมารยา มีจิตใจดีงาม ก็นึกรักในทันที (ขนมก้อนนี้แหละ ทำเหลียนเฉิงเกือบตาย) องค์หญิงฟู่หยาเห็นใจที่เหลียนเฉิงไม่เป็นตัวของตัวเอง เลยเอาขนมที่ทำติดตัวมา แบ่งให้กิน บอกว่ากินแล้วจะมีความสุข เหลียนเฉิงกินขนมเข้าไป ปรากฎว่าอร่อยแบบไม่เคยกินมาก่อน เลยกินซะคำโต ๆ ขนมที่ทำจากข้าวเหนียวก็เลยติดคอ เหลียนเฉิงก็เลยชักตาตั้ง ฟู่หยาที่มีความรู้ทางการแพทย์เลยพาไปรักษาและไปแอบซ่อนไว้ที่ตำหนักของพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ชื่อหม่าเสียงหวิน ซึ่งเสียงหวินก็แอบรักรัชทายาทรูปหล่อทันทีที่เห็น
องค์หญิงฟู่หยาทำผิดโดยการพานักโทษหลบหนี เลยถูกจับไปทำโทษ ตามกฎต้องถูกประหาร แต่ชาวแคว้นฉู่ออกมาล้อมลานประหารแล้วขอให้ยกโทษให้องค์หญิง แต่อาของฟู่หยา คือหม่าอี้ฟัง ต้องการกำจัดฟู่หยาทิ้ง จึงฉวยโอกาสนี้จะประหารฟู่หยาให้ได้ เสด็จพ่อของฟู่หยารีบมาห้ามทันเวลา แต่แล้วกองทหารของเป่ยฮั่นก็ตามมาเพื่อจะขอตัวรัชทายาทคืน ทำให้หม่าอี้ฟังถือเป็นข้ออ้างในการลงโทษโบยฟู่หยาที่ลักพาตัวรัชทายาทแคว้นเป่ยฮั่น รัชทายาทเหลียนเฉิงฟื้นทันเวลา รีบมาห้ามไว้ หม่าอี้ฟังว่าโทษตายเว้นได้ แต่โทษเป็นต้องรับ เลยสั่งโบยฟู่หยายี่สิบไม้ แต่ในที่สุดฮัวกงกง ขันทีที่เลี้ยงฟู่หยามาก็ยอมโดนโบยแทน เหลียนเฉิงถือโอกาสนี้ ผูกสัมพันธ์กับแคว้นฉู่ โดยเป็นอาคันตุกะอยู่ในวัง ขณะเดียวกันก็สืบสถานการณ์แคว้นต่าง ๆ ทางใต้เพื่อหาทางพิชิต ขณะเดียวกันก็ตกหลุมรักฟู่หยาไปด้วย เสด็จพ่อของฟู่หยาก็อยากผูกมิตรกับเป่ยฮั่น เลยดำริจะยกฟู่หยาให้แต่งกับเหลียนเฉิง แต่ฟู่หยาไม่ชอบถูกบังคับเลยปฏิเสธ แล้วยังไปขอให้เหลียนเฉิงไม่ตกลงแต่งงานด้วย เหลียนเฉิงยอมที่ไม่บังคับฟู่หยาให้แต่งกับตน แต่บอกว่าจะหาทางทำให้ฟูหยารักตนเองด้วยใจจริงให้ได้
อ ต่อมา ฟูหยาได้พบกับเมิ่งฉีโย่ว ที่กำลังเป่าขลุ่ยร่ายกลอนอยู่ริมทะเลสาบ รู้สึกว่าเมิ่งฉีโหย่วดูลึกลับ แต่ว่าไม่นานหลังจากนั้น หม่าอี้ฟังก็ก่อกบฎ ฆ่าเสด็จพ่อของฟู่หยา และตามฆ่าทุกคนในครอบครัวของฟู่หยาด้วย เมิ่งฉีโย่วมาช่วยฟู่หยาให้หนีออกจากวังไปได้อย่างปลอดภัย แต่ฮัวกงกงได้รับบาดเจ็บสาหัส ฟู่หยาหนีไปเป่ยฮั่นเพื่อขอความช่วยเหลือจากเหลียนเฉิง แต่ไม่ทันได้พบหน้าเหลียนเฉิง ก็โดนหม่าเซียงหวิน (ลูกพี่ลูกน้องของฟู่หยา ที่แอบอ้างว่าเป็นองค์หญิงของแคว้นฉู่ จนเหลียนเฉิงเข้าใจผิดคิดว่าคือฟู่หยา จึงได้แต่งงานเป็นชายารัชทายาทเหลียนเฉิง) หลอกไปที่ริมบึงน้ำ เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ จึงผลักฟู่หยาตกน้ำ เมิ่งฉีโย่วช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แล้วเปลี่ยนชื่อฟู่หยาเป็นพันอวี้ (ฉีโย่วช่วยฟู่หยาออกมาจากวังแคว้นฉู่ รูปนี้เอี๋ยนควนเหมือนอัศวินเจไดเลย...)
เมิ่งฉีโย่วทำข้อตกลงกับฟู่หยา ว่าจะช่วยให้ฟู่หยาฆ่าศัตรู(คืออาที่ก่อกบฎ) แล้วกลับคืนสู่แคว้นฉู่ แต่ฟู่หยาต้องทำตามที่ฉีโย่วสั่ง โดยยอมเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมชิงอำนาจของฉีโย่ว ฟู่หยาตกลง ฉีโย่วเลยพาไปฝึกอบรมมารยาหญิง เพื่อหวังจะให้ฟู่หยาใช้ความงามสะท้านโลกของนาง อ่อยผู้ขายให้หลงติดกับในเสน่ห์ แต่ไม่ว่าพยายามสอนอย่างไร ฟู่หยาก็ยังคงเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมใช้จริตมารยาหญิงตามแบบที่ฉีโย่วพยายามฝึกอบรม ฟู่หยาบอกว่านางมีความคิดของตัวเอง มีวิธีของตัวเอง ฉีโย่วไม่บังคับ ปล่อยให้นางทำตามที่ต้องการ (ฉีโย่วพยายามสอนให้ฟู่หยารู้จักปรนนิบัติผู้ชาย)
พันอวี้ถูกส่งตัวเข้าวังอาณาจักรสู่เพื่อคัดเลือกเป็นสนมของรัชทายาทแคว้นสู่ เป้าหมายของเมิ่งฉีโย่ว คือชิงตำแหน่งรัชทายาทแคว้นสู่ เพราะฉีโย่วที่แท้เป็นโอรสองค์โตของราชาแคว้นสู่ แต่ว่าไม่เป็นที่โปรดปรานของพระบิดา จึงถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท ส่วนรัชทายาทตอนนี้คือเมิ่งฉีซิง เป็นน้องชายร่วมพระมารดาเดียวกันกับฉีโย่ว และเป็นลูกคนโปรดของพระมารดา ทั้งคู่ตกลงร่วมมือกัน โดยให้ฟู่หยาชิงตำแหน่งชายารัชทายาท มาให้ได้
พันอวี้(ฟู่หยา) ไม่ต้องพยายามทำอะไรมาก รัชทายาทฉีซิงก็ลุ่มหลงจนงมงาย เพราะฟูหยาทั้งสวย ทั้งมีความรู้ ฉลาดและมีจิตใจงดงาม ถูกใจรัชทายาทฉีซิงมาก จนหมายจะให้พันอวี้เป็นชายาเอก แต่ตู้ฮองเฮาเมื่อเห็นหน้าพันอวี้ครั้งแรก ก็ตกใจมาก และรีบส่งคนไปสืบจนรู้ว่า ฉีโย่วเป็นคนพานางเข้าวังมา จึงได้มาที่ตำหนักของฉีโย่วเพื่อคาดคั้นความจริง ปรากฎว่าขณะนั้นฉีโย่วกำลังวาดรูปเหมือนของเหมยเฟยที่เป็นอดีตสนมของพระบิดา และเป็นผู้ที่เคยเลี้ยงดูฉีโย่วมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ทำให้ตู้ฮองเฮาซึ่งเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด โกรธจัด ลงมือเฆี่ยนตีฉีโย่วอย่างทารุณจนฉีโย่วที่เจ็บปวดทั้งกายและใจสุดท้ายถึงกับสลบไป ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ฟู่หยาแอบเห็นเข้าพอดี และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่เคยมองว่าฉีโย่ว เป็นคนเลือดเย็นไร้น้ำใจ ตรงกันข้ามกลับเริ่มรู้สึกว่า ฉีโย่วน่าสงสารที่โดนแม่แท้ ๆ ทำทารุณทั้งกายและใจถึงเพียงนี้ และฟู่หยาก็รักษาฉีโย่วจนฟื้นได้สติ ฉีโย่วรีบไล่ฟู่หยากลับไปที่ตำหนัก เพราะหากใครมาเห็นเข้า ตำแหน่งว่าที่ชายารัชทายาทของฟู่หยาจะหลุดลอยไป ฟูหยาเจ็บใจที่โดนกระแนะกระแหน จึงสะบัดหน้าจากไปด้วยความโกรธ หลังจากทราบว่าฟู่หยาเข้าวังเพราะฉีโย่ว ตู้ฮองเฮาผู้เป็นพระมารดาของฉีโย่วและรัชทายาทฉีซิงก็พยายามกำจัดฟู่หยาทิ้ง เพราะเดาว่าฉีโย่วต้องวางกลอุบายไว้ที่ฟู่หยา เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทแน่ ๆ จึงวางยาพิษฟู่หยา แต่ก็มีนางกำนัลรับเคราะห์เพราะตะกละไปกินแทนเข้า ฟู่หยารอดมาได้ แต่ก็ไม่วายโดนตู้ฮองเฮาเรียกไปสอบสวน ฉีโย่วรู้ข่าว ก็รีบมาทำตัวเป็นลูกที่ดี โดยรับอาสาโบยตีฟู่หยาเพื่อรีดเค้นคำสารภาพให้ ฉีโย่วเฆี่ยนจนฟู่หยาเนื้อตัวแตกยับ ทั้งยังเตะฟู่หยาจนสลบไป ตู้ฮองเฮาค่อยรู้สึกสะใจบ้าง คิดว่าฉีโย่วกับฟู่หยาน่าจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน
ระหว่างที่ฟู่หยาสลบไปและได้ฮัวกงกงคอยพยาบาล ฉีโย่วก็ยืนตากฝนรอฟังอาการของฟู่หยาอยู่ในสวนอย่างอดทน จนรุ่งเช้า รู้ข่าวว่าฟู่หยาฟื้นแล้ว และปลอดภัย ฉีโย่วก็หมดสติไป และล้มป่วย พอฉีโย่วรู้สึกว่าฟู่หยาอยู่ในวังหลังแคว้นสู่คงจะไม่ปลอดภัยแน่แล้ว จึงตัดสินใจสั่งให้ฟู่หยาหนีออกนอกวังไป แต่ฟู่หยาอยากกู้ชาติ และแก้แค้น อีกทั้งตำแหน่งชายารัชทายาทก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว จึงไม่ยอมจากไป ฉีโย่วเลยสั่งคนให้มาจัดการ "ส่ง"ฟู่หยาออกไปนอกวัง แต่ก็โดนฟู่หยาจับได้ ฟู่หยาโกรธมากที่ฉีโย่วทำแบบนี้ นึกอยากจะใช้ประโยชน์ ก็พามา แต่พอทำท่าว่าจะหมดประโยชน์ก็ส่งคนมาจับโยนออกไปแบบนี้ เลยบุกไปหาฉีโย่วที่ตำหนัก ฉีโย่วป่วยหนักอยู่ แต่ก็ฝืนใจขับไล่ไสส่งฟู่หยา บอกว่าฟู่หยาจะทำให้แผนแตก แล้วจะเป็นอันตรายกับตนมากขึ้นไปอีก ฟู่หยายิ่งโมโหที่ฉีโย่วแล้งน้ำใจขนาดนี้ เลยบอกว่าจะไม่ไปไหน จะเป็นชายาเอกรัชทายาทให้ได้ แล้วสะบัดจากไป (ฮั่วเจี้ยนหัว....หล่อมากในเรื่องนี้) พอฟู่หยาไปแล้ว ฉีโย่วก็กระอักเลือด หมดสติไป หวินจูนางกำนัลที่ฉีโย่วส่งมาให้รับใช้ข้างกายฟู่หยา รีบไปบอกให้ฟู่หยาไปช่วยรักษาฉีโย่ว ฟู่หยาโกรธไม่ยอมไป จนฮัวกงกงนึกออกว่า ที่แท้การที่ฟู่หยาโดนเฆี่ยนด้วยแส้หนักขนาดนั้นแต่ไม่กระทบกระเทือนอวัยวะภายในเลยแม้แต่น้อย กลับมีแค่ริ้วรอยภายนอก เป็นเพราะฉีโย่วแสร้งทำเป็นโบยตีให้หนัก แต่จริง ๆ กำลังที่ใช้ไปในการเฆี่ยนทุกแส้นั้นย้อนกลับมาที่ฉีโย่วทั้งหมด ทำให้ฉีโย่วบอบช้ำภายในอย่างหนัก จนกระอักเลือดออกมา ฟู่หยาทราบดังนั้นจึงรีบไปช่วยรักษาฉีโย่วที่หมดสติอยู่ ระหว่างที่รักษาก็พบว่าฉีโย่วนอกจากบอบช้ำสาหัส ยังล้มป่วยด้วยเพราะตากฝน เสี่ยวคังจื่อขันทีคนสนิทจึงเล่าให้ฟังว่าฉีโย่วห่วงฟู่หยามาก จนยืนตากฝนทั้งคืนเพี่อรอฟังข่าวอาการป่วยของนาง
ฟู่หยาคอยดูอาการของฉีโย่วจนฉีโย่วฟื้นขึ้นมา พอฟื้นฉีโย่วก็ออกปากไล่ฟู่หยาอีกทันที ฟู่หยาจึงย้อนถามว่าที่บาดเจ็บภายในขนาดนี้เพราะแสร้งเฆี่ยนตนเองใช่หรือไม่ ฉีโย่วจึงแสร้งบอกว่าถ้ารู้ว่าทำแบบนั้นแล้วจะบอบช้ำขนาดนี้ จะปล่อยให้ฟู่หยาถูกทรมานให้ตายจะดีกว่า ฟู่หยาจึงย้อนไปอีกว่าถ้าไม่ห่วงทำไมจึงยอมไปยืนตากฝนรอฟังข่าวทั้งคืน ฉีโย่วอึกอัก แล้วแก้ตัวว่า เพราะเกรงว่าฟู่หยาจะไม่ตาย แล้วเผลอปูดความลับออกไป ฟู่หยาไม่เชื่อคำแก้ตัวของฉีโย่ว แต่ก็โกรธที่ฉีโย่วปากแข็ง การคงอยู่ของฟู่หยาทำให้ตู้ฮองเฮากลุ้มใจ จะไม่ยอมให้ฉีซิงแต่งกับฟู่หยา ฉีซิงก็อาละวาดจนตู้ฮองเฮาไม่กล้าทำอะไรฟู่หยาแรง ๆ ตู้หวันหลานสาวตู้ฮองเฮาที่อยากเป็นชายารัชทายาทมาตลอด ก็พยายามกลั่นแกล้งฟู่หยาต่าง ๆ นานา แต่รัชทายาทฉีซิงก็ปกป้องตลอดเหมือนกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง ฟู่หยาเดินหลงทางไปจนพบตำหนักที่ปิดลับ และพบกับเมิ่งฉีหวิ่น ทั้งคู่ถูกใจกันเพราะต่างมีความรู้และเชี่ยวชาญเรื่องกลอน เมิ่งฉีหวิ่นเห็นรูปโฉมของฟู่หยาครั้งแรก ก็ดีใจมาก แล้วที่สุดฟู่หยาก็ได้รู้ว่า ที่แท้ ฉีหวิ่นเป็นโอรสองค์ที่สองที่เกิดจากเหมยเฟย และฟู่หยานั้นหน้าตาเหมือนเหมยเฟยราวกับแกะ ฉีหวิ่นอยากให้พระบิดาคือราชาแคว้นสู่ เมิ่งจือเสียง ได้พบกับฟู่หยามาก แต่องค์ชายใหญ่คือฉีโย่วก็พยายามขัดขวางไว้ทุกครั้ง (รูปนี้ เอี๋ยนควนดูเท่มาก ๆ)
แต่แล้ว พระบิดาของฉีโย่วก็มีรับสั่งให้จัดงานล่าสัตว์ขึ้น และสั่งให้องค์ชายใหญ่ฉีโย่วเข้าร่วมงานล่าสัตว์ด้วย ฟู่หยาอยากไปด้วยแต่ฉีโย่วสั่งห้ามเด็ดขาด แล้วในวันงาน ฉีโย่วก็มารับฟู่หยาไปแต่เช้า และหายไปตลอดวัน ที่แท้ฉีโย่วคิดจะพาฟู่หยาไปจากวัง แต่ฟู่หยาไม่ยอม ในที่สุดฉีโย่วก็จะพาฟู่หยากลับ แต่ระหว่างทางถูกนักฆ่าชุดดำดักฆ่า ฉีโย่วถูกอาวุธอาบยาพิษร้ายแรง แต่ก็ต่อสู้กับนักฆ่านั้นจนนักฆ่าได้รับบาดเจ็บหลบหนีไป เมื่อพิษกำเริบ ฉีโย่วสำนึกว่าตัวไม่รอดแน่ ๆ จึงยอมเล่าเรื่องทั้งหมดที่วางแผนว่าจะใช้ฟู่หยาเป็นสะพานไปสู่การเป็นรัชทายาทแคว้นสู่ออกมา รวมทั้งความหลังทั้งหมดที่ผ่านมาระหว่างตนเอง พระบิดาและพระสนมเหมยอิ่งที่เลี้ยงดูตนเองมา ที่กลายเป็นเรื่องเจ็บปวดและเป็นบาดแผลในใจจนทำให้องค์ชายใหญ่อย่างตนเองต้องถูกพระบิดาหมางเมิน หวาดระแวง และทำให้ตนเองกลายเป็นคนเลือดเย็นไร้น้ำใจ ฉีโย่วขอโทษฟู่หยา และขอให้ฟู่หยาจากไปเพื่อความปลอดภัย ฟู่หยารู้ตัวแล้วว่าตนเองรักองค์ชายใหญ่ฉีโย่ว จึงรักษาพิษให้ฉีโย่วด้วยการดูดพิษออกจากตัวฉีโย่ว พิษนั้นจึงกำเริบที่ฟู่หยาแทน (อันนี้เบื้องหลังกองถ่าย เอี๋ยนควนเอาสัตว์เลี้ยงตัวโปรดคือกระต่ายมาเล่นระหว่างรอถ่ายทำ หลินซินหยูก็เล่นกับมันด้วย น่ารักมาก)
ฉีโย่วนึกถึงตอนที่พระสนมเหมยอิ่งใกล้จะตายเพราะโดนวางยาพิษ แล้วตนเองดิ้นรนไปหามุกวิเศษมาถอนพิษ แต่ว่ามาไม่ทันได้รักษา ฉีโย่วฝังมุกนั้นไว้ที่ริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง จึงได้ดั้นด้นพาฟู่หยาไปเพื่อขุดเอามุกเม็ดนั้นขึ้นมา บังเอิญโชคดีที่ได้พบกับเจ้าควงยิ่น ซึ่งเป็นคนที่ฟู่หยาเคยช่วยชีวิตและพาหนีจากแคว้นฉู่มาเมื่อครั้งในอดีต เจ้าควงยิ่นสำนึกในบุญคุณฟู่หยา เลยหาหมอมารักษาแล้วพาฟู่หยากับฉีโย่วไปส่งที่ทะเลสาบแห่งนั้น หลังจากรักษาฟู่หยาจนฟื้นแล้ว ทั้งคู่ต่างรู้ความในใจของกันและกัน ฉีโย่วจึงตัดใจไม่ใช้ฟู่หยาเป็นเบี้ยในเกมชิงตำแหน่งรัชทายาทอีกแล้ว และตัดสินใจว่าจะอยู่กับฟู่หยาและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ปรารถนาตำแหน่งหรือบัลลังก์แคว้นสู่อีก แต่ว่าฟู่หยายังต้องแก้แค้นให้พ่อและฟื้นฟูแคว้นฉู่ รวมทั้งตามหาน้องชายด้วย ฉีโย่วรับปากว่าจะช่วย แต่ว่ากลับวังไปคราวนี้ ทั้งคู่ต้องปิดบังให้ดี อย่าให้คนอื่นรู้เป็นอันขาดว่าทั้งสองรักกัน ราชาแคว้นสู่เมิ่งจือเสียง รักโอรสองค์ที่สองคือฉีหวิ่นมากที่สุด และจะแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท แต่ติดที่ฉีหวิ่นเป็นเพียงลูกพระสนม แล้วตู้ฮองเฮาก็ยังมีพระญาติคุมกำลังทหารของแคว้นสู่ไว้ในมือ ทำให้เมิ่งจือเสียงไม่กล้าทำอะไรลงไป จึงต้องยอมให้ฉีซิงที่ไร้ความสามารถแต่เป็นลูกรักของตู้ฮองเฮาเป็นรัชทายาทแทน เพื่อวางแผนให้ฉีหวิ่นได้เป็นรัชทายาทแทน เมิ่งจือเสียงจึงแสร้งทำเป็นรักฉีโย่ว และมอบหยกล้ำค่าประจำราชวงศ์ให้ และบอกว่าจะตั้งฉีโย่วเป็นรัชทายาท แต่ฉีโย่วตอนนี้ไม่หวังในตำแหน่งอีกแล้ว และคิดอยากใช้ชีวิตกับฟู่หยา จึงไม่สนใจกับตำแหน่งรัชทายาท และบอกพระบิดาไปตามตรงว่าเวลานี้อยากมีชีวิตเรียบง่ายกับคนที่ตนเองรัก
ตู้ฮองเฮาอยากตามใจรัชทายาทฉีซิงด้วยการให้ฉีซิงแต่งกับพันอวี้ แต่ติดที่ตู้หวันที่หมายปองตำแหน่งชายารัชทายาทมาตลอด เพื่อปลอบใจตู้หวัน ตู้ฮองเฮาเลยเสนอให้ฉีโย่วแต่งกับตู้หวัน เพื่อให้ตู้หวันได้ตำแหน่งชายาองค์ชายไป แล้วพันอวี้จะได้แต่งกับฉีซิงรัชทายาทได้ราบรื่น เมิ่งจือเสียงอยากยืมมือฉีโย่วมาสู้กับตู้ฮองเฮาอยู่แล้ว จึงออกราชโองการให้ฉีโย่วแต่งงานกับตู้หวัน ฉีโย่วไม่อาจขัดราชโองการได้ จำใจต้องเตรียมตัวเข้าพิธี และตัดใจจากฟู่หยา โดยการมอบหยกล้ำค่าที่ได้จากเมิ่งจือเสียง ไว้เป็นของแทนตัว และขอตัดใจจากลา ฟู่หยาเสียใจอย่างที่สุด
คืนก่อนแต่งงาน สามพี่น้องคือฉีโย่ว ฉีหวิ่น ฉีชิง ร่วมดื่มสุรากันจนเมา ขณะเดียวกันฟู่หยาที่เสียใจที่สุดก็ได้ซูเหยาสาวงามในวังที่คอยเป็นเพื่อนปลอบใจ ฟู่หยาสาบานเป็นพี่น้องกับซูเหยา แล้วดื่มเหล้าจนเมาหลับไป
ตู้หวันฉวยโอกาสที่ฉีซิงเมาไม่ได้สติ เข้าหาฉีซิง โดยที่ฉีซิงคิดว่าเป็นฟู่หยา พอรุ่งเช้า ตู้ฮองเฮาและฉีโย่วก็มาเห็นทั้งคู่นอนอยู่ด้วยกัน เมิ่งจือเสียงโกรธมาก จะลงโทษตู้หวัน เสนาตู้ขอชีวิตลูกไว้ และบอกว่าเรื่องนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ถ้าลงโทษฉีซิงก็ต้องโดนด้วย เมิ่งจือเสียงถามฉีโย่วว่าจะให้ลงโทษอย่างไร ฉีโย่วบอกว่าไม่ติดใจเอาเรื่องทั้งคู่ เมิ่งจือเสียงเลยสั่งให้ฉีซิงรับตู้หวันเป็นชายาโดยไม่ได้รับการแต่งตั้งใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากจบเรื่องนี้ ฉีโย่วกับฟู่หยารู้สึกมีความสุขมาก และคิดว่าคงจะสามารถรักกันได้อย่างเปิดเผย
แต่แล้วในที่สุด เมิ่งจือเสียงก็ได้เห็นโฉมหน้าของฟู่หยา แล้วฟู่หยายังได้ช่วยชีวิตเมิ่งจือเสียงไว้อีกด้วย ทำให้เมิ่งจือเสียงหลงรักนาง และตัดสินใจแต่งตั้งฟู่หยาเป็นนางสนม ฟู่หยาไม่ยอม เมิ่งจือเสียงจึงรู้ในที่สุดว่าคนที่ฟู่หยารักคือฉีโย่ว เมิ่งจือเสียงเลยบังคับฟู่หยาให้ยอมเป็นสนมโดยเอาชีวิตของฉีโย่วเป็นเครื่องต่อรอง ฟู่หยาไม่มีทางเลือกจำใจต้องยอมรับการแต่งตั้ง
เพื่อช่วยฟู่หยา ซูเหยาที่เป็นพี่สาวร่วมสาบาน ซึ่งแท้จริงเป็นไส้ศึกที่เป่ยฮั่นส่งมาแฝงตัวในวังแคว้นสู่ จึงส่งจดหมายลับกลับไปรายงานเรื่ององค์หญิงหม่าฟู่หยาที่ยังมีชีวิต เรื่องนี้รู้ถึงหูของหลิวเหลียนเฉิงที่ยังปักใจรักมั่นกับฟู่หยามาตลอดเพียงคนเดียว ทำให้เหลียนเฉิงซึ่งตอนนี้ขึ้นครองราชย์เป็นราชาแคว้นเป่ยฮั่นแล้ว ตัดสินใจยกทัพมาเพื่อชิงตัวหม่าฟู่หยา แต่อ้างว่ามาพิชิตแคว้นสู่เพื่อขยายดินแดน ระหว่างนั้น ฉีโย่วก็พยายามช่วยฟู่หยา โดยพูดความจริงต่อหน้าพระบิดาและขุนนางทั้งหลายว่าตนเองรักกับฟู่หยา ขอให้พระบิดายกเลิกคำสั่งตั้งพระสนมใหม่ ฉีหวิ่นและฉีชิงก็ช่วยกันขอร้อง รวมทั้งขุนนางทั้งหลายก็ขอ แต่เมิ่งจือเสียงให้ฟู่หยาออกมายืนยันต่อหน้าทุกคน ฟู่หยากลับคืนหยกให้ฉีโย่วและบอกว่าจะเลือกพระบิดาแทน ฉีโย่วเจ็บปวดใจมาก แต่ก็อดสงสัยในท่าทีของฟู่หยาไม่ได้
คืนก่อนการแต่งตั้ง สนมหันเจาอี้ ได้มอบยาพิษให้ฟู่หยา เพื่อใช้ปลิดชีพเมิ่งจือเสียง โดยบอกว่าจะได้ช่วยฟู่หยาและองค์ชายใหญ่ ขณะเดียวกันเมิ่งจือเสียงส่งทหารไปปิดล้อมตำหนักขององค์ชายใหญ่ เพื่อไม่ให้ฉีโย่วทำลายพิธีแต่งตั้งพระสนม ฉีหวิ่นลอบเข้าไปช่วยฉีโย่วออกมา เมื่อถึงเวลาแต่งตั้ง ฉีโย่วออกมาขอร้องพระบิดา และขอร้องฟู่หยา อย่าได้ยอมรับการแต่งตั้ง ฟู่หยากลัวว่าฉีโย่วจะเป็นอันตราย ขณะเดียวกันก็ไม่อาจตัดใจทำร้ายเมิ่งจือเสียงที่เป็นพระบิดาของฉีโย่วได้ เลยคิดจะดื่มสุราที่มียาพิษเอง แต่เมิ่งจือเสียงที่ไม่ไว้ใจใคร ก็กลัวว่าฟู่หยาจะวางยาพระองค์ ก็เลยสลับถ้วยกับฟู่หยา เป็นเหตุให้ดื่มสุราพิษเข้าไป ขณะเดียวกัน มีข่าวมาจากชายแดนว่าทัพเป่ยฮั่นกับทัพฉู่ ร่วมกันบุกอาณาจักรสู่ เมิ่งจือเสียงได้ยินข่าวศึกคิดจะออกรบทัพเอง แต่พิษกลับกำเริบ สิ้นพระชนม์ไป
เหตุการณ์คับขัน มีศึกประชิดชายแดน ฉิซิงที่เป็นรัชทายาทกลับขี้ขลาด ไม่กล้าขึ้นครองบัลลังก์เพราะกลัวต้องออกไปรบกับข้าศึก แม้ว่าตู้ฮองเฮาจะบีบบังคับอย่างไร ฉีซิงก็ไม่ยอมครองบัลลังก์เพราะกลัวตาย ในที่สุดตู้ฮองเฮาก็บังคับให้ฉีโย่วขึ้นครองบัลลังก์แทนพร้อมกับนำทัพออกไปรบกับข้าศึกที่ชายแดน
ฉีโย่วขึ้นเถลิงราชย์เป็นราชาองค์ใหม่ นามว่าฮั่นเฉิงหวาง และนำทัพออกไปรบกับข้าศึกด้วยตนเอง แต่เนื่องจากสนมหันเจาอี้ที่คิดทำลายล้างตระกูลเมิ่งตลอดเวลา เห็นเป็นโอกาสเหมาะ เลยสั่งให้น้องชายคือหันหมิง ที่เป็นแม่ทัพสำคัญของแคว้นสู่ หาทางให้ทัพสู่แพ้แก่ทัพเป่ยฮั่น ที่สุดฉีโย่วติดกับดัก และหันหมิงก็ไม่ช่วยเหลือ ทำให้ฉีโย่วถูกจับตัวไปเป็นเชลยของเป่ยฮั่น ฉีโย่วถูกองค์หญิงเหลียนซือ น้องสาวของเหลียนเฉิง จับตัวไปทรมานเล่นเห็นเป็นของสนุก ด้วยนิสัยยอมตายไม่ยอมสยบ ทำให้เหลียนซือนึกชอบในตัวฉีโย่ว เมื่อรู้ว่าเหลียนเฉิงคิดจะใช้ฉีโย่วแลกตัวกับหม่าฟู่หยา เหลียนซือเลยพาฉีโย่วหนีกลับไปเป่ยฮั่น ขณะที่ทางแคว้นสู่ ตู้ฮองเฮาจับได้ว่าซูเหยาเป็นไส้สึกของเป่ยฮั่น เลยจับมารีดเร้นคำสารภาพ ซูเหยาใช้โอกาสนี้ ขอพบกับฟู่หยาเป็นตรั้งสุดท้าย และสารภาพว่าเป็นคนส่งข่าวไปถึงเป่ยฮั่นเพื่อหวังให้เหลียนเฉิงมาช่วยฟู่หยาจากเงื้อมมือของเมิ่งจือเสียง ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นร้ายแรงขนาดนี้ แล้วยังเป็นเหตุให้ฉีโย่วถูกจับไปด้วย หลังจากสารภาพแล้ว ก็ขอให้ฟู่หยาคิดหาทางช่วยเอาฉีโย่วกลับมา เพราะว่าเหลียนเฉิงยังรักฟู่หยาโดยไม่เสื่อมคลาย และฝากจดหมายเขียนด้วยลายมือต้วเองฉบับสุดท้ายให้ฟู่หยาไปมอบถึงมือเสนาบดีซูแห่งเป่ยฮั่นผู้เป็นบิดา
ตู้ฮองเฮาคิดจะช่วยฉีโย่ว โดยการหาทูตไปเจรจาขอให้ปล่อยตัว ฉีซิงที่ตอนนี้ขึ้นครองบัลลังก์แทนพี่แล้ว แล้งน้ำใจ ไม่สนใจจะช่วยพี่ชายเลย ฟู่หยาอาสารับหน้าที่ไปเป็นทูตเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเป่ยฮั่น โดยจะไปในฐานะองค์หญิงตี้เหลียนแห่งแคว้นสู่ เพื่อแต่งงานกับเหลียนเฉิง แท้จริงคือต้องการไปสืบหาตัวฉีโย่วแล้วช่วยเหลือกลับมาให้ได้
ตู้ฮองเฮาซึ้งในน้ำใจของฟู่หยา ก่อนจะออกเดินทางไปได้มอบเสื้อขนสัตว์ที่ตู้ฮองเฮาเย็บเองกับมือ ให้ฟู่หยาสองตัว ตัวหนึ่งให้ฟู่หยาใช้เพราะว่าที่เป่ยฮั่นหนาวจัด มีแต่หิมะ ส่วนอีกตัวตู้ฮองเฮาขอให้ฟู่หยามอบให้กับฉีโย่ว ฟู่หยาจึงได้รู้ว่า ที่แท้ตู้ฮองเฮาก็มีใจรักในตัวฉีโย่วที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเหมือนกัน ตู้ฮองเฮายังจัดองครักษ์หญิงฝีมือดีอีกสองนางตามไปคอยช่วยเหลือฟู่หยาด้วย
ฉีหวิ่นทราบว่าฉิซิงไม่แยแสเรื่องการช่วยเหลือฉีโย่วเลย และให้ฟู่หยาเดินทางตามลำพังไปที่เป่ยฮั่นอย่างไร้ศักดิ์ศรี ไม่สมเป็นองค์หญิงจากแคว้นสู่ จึงได้จัดขบวนเกียรติยศเพื่อไปส่งฟู่หยาถึงเป่ยฮั่นด้วยตนเอง
เมื่อไปถึงเป่ยฮั่น ฟู่หยาใส่หน้ากากไว้เพื่อไม่ให้ใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง แต่ว่าเหลียนเฉิงจดจำนางได้ในทันทีที่ได้ยินเสียงของนาง จึงรับนางไว้เป็นทันที และแต่งตั้งนางเป็นตี้หวงเฟย ทำให้บรรดาขุนนางไม่ค่อยพอใจ ขณะที่หม่าเสียงหวินที่ตอนนี้เป็นฮองเฮาของเป่ยฮั่น ดูถูกเหยียดหยามว่าตี้หวงเฟยคงไม่มีปัญญาจะพิชิตใจที่แข็งยิ่งกว่าหินของเหลียนเฉิงได้ เพราะขนาดตนเองอยู่เป่ยฮั่นมานานปี พยายามใช้จริตมารยาทุกเล่มเกวียน ทั้งแสร้งทำเป็นเมตตาอารีต่อผู้น้อย ทั้งปรนนิบัติตู๋กูไทเฮาผู้เป็นมารดาของเหลียนเฉิงอย่างอดทน ยอมแม้กระทั่งหักขาตัวเองจนกระทั่งเป็นคนพิการเพื่อเรียกร้องความเห็นใจและความรักจากเหลียนเฉิง แต่เหลียนเฉิงไม่เคยแม้แต่จะชายตามอง ซ้ำยังเย็นชา และชิงชังฮองเฮาอย่างนางอีกด้วย ดังนั้นหม่าเสียงหวินจึงไม่เชื่อว่าจะมีหญิงใดในโลกหล้านี้จะสามารถพิชิตใจราชาเป่ยฮั่นอย่างหลิวเหลียนเฉิงได้อีก แต่ทุกคนก็ผิดคาดเมื่อปรากฏว่านับแต่ตี้หวงเฟยเข้าวังเป่ยฮั่น เหลียนเฉิงก็ขลุกอยู่กับนางตลอดเวลา และสั่งห้ามทุกคนเหยียบย่างเข้าตำหนักที่นางพักอาศัย ใครขัดขืนจะฆ่าทันที เหลียนเฉิงรู้ดีว่าฟู่หยามาเพราะฉีโย่ว แต่เหลียนเฉิงก็อยากจะอาศัยรักที่มั่นคงของตัวเองพิชิตใจฟู่หยาให้ได้ ฟู่หยายอมอยู่กับเหลียนเฉิงโดยขอสัญญาสามข้อ คือในวังเป่ยฮั่นนี้ นางจะไม่ขอติดต่อข้องเกี่ยวกับใครอื่นอีกนอกจากเหลียนเฉิงคนเดียว ข้อสองนางจะไม่มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับเหลียนเฉิง และสุดท้าย นางขอให้ได้พบกับฉีโย่ว ซึ่งเหลียนเฉิงยอมรับปากทุกข้อ (เหลียนเฉิงพยายามปลอบโยนหัวใจที่แตกสลายของฟู่หยา) เหล่าขุนนางที่ไม่พอใจตี้หวงเฟย กลัวว่าเหลียนเฉิงจะไปลุ่มหลงนาง ไปทูลฟ้องตู๋กูไทเฮา แต่ไทเฮากลับดีใจมากกว่า เพราะว่านับแต่เด็กมาแล้ว เหลียนเฉิงไม่เคยมีอารมณ์เบิกบาน ดูมีความสุขแบบนี้มาก่อน ตู๋กูไทเฮาหวังว่าทุกคนจะไม่ไปยุ่งกับตี้หวงเฟย และปล่อยให้เหลียนเฉิงมีความสุขบ้าง เพราะเหลียนเฉิงก็ไม่ได้ละเลยงานราชกิจอันใด แต่หม่าเสียงหวินโกรธมากที่เหลียนเฉิงรักตี้หวงเฟยขนาดนี้ จึงใช้อุบายบุกเข้าไปในตำหนักของตี้หวงเฟย จนได้พบกับฟู่หยา หม่าเสียงหวินตกใจมากที่เห็นว่าตี้หวงเฟยก็คือฟู่หยา ที่ตนเองเห็นว่าเป็นมารหัวใจมาตลอด เพื่อกำจัดทิ้ง จึงวางแผนใส่ร้ายว่าฟู่หยาวางยาพิษตนเอง โดยหม่าเสียงหวินยอมกินยาพิษเข้าไปเอง และปล่อยข่าวไปว่าตี้หวงเฟยเป็นคนทำ เหล่าขุนนางร่วมกันขอให้เหลียนเฉิงลงโทษตี้หวงเฟย เหลียนเฉิงโกรธมากและออกคำสั่งเด็ดขาดว่าถ้าใครบังอาจมาร้องเรียนเรื่องนี้อีกจะลงโทษโดยการตัดหัว หม่าเสียงหวินยังส่งจดหมายไปถึงหม่าอี้ฟังผู้เป็นบิดา (ที่พิฆาตเสด็จพ่อของฟู่หยาแล้วชิงบัลลังก์มาครองเป็นราชาแคว้นฉู่คนปัจจุบัน) ให้กดดันเป่ยฮั่นเพื่อบีบเหลียนเฉิงกำจัดหม่าฟู่หยาทิ้งไป
เหลียนเฉิงไม่เชื่อว่าเสียงหวินจะโดนพิษจริง เพราะที่ผ่านมาหม่าเสียงหวินใช้มารยาแกล้งป่วยแกล้งบาดเจ็บมาหลายหน แม้กระทั่งยอมหักขาตัวเองจนพิการก็กล้าทำมาแล้ว จึงพานักฆ่าชุดดำที่เก่งเรื่องพิษ มาตรวจอาการของเสียงหวิน เสียงหวินพบนักฆ่าชุดดำก็ตกใจกรีดร้อง ตู๋กูไทเฮาที่กำลังมาเยี่ยมอาการของหม่าเสียงหวินพอดี เลยได้พบกับนักฆ่าชุดดำ และได้รู้ว่าที่แท้นักฆ่าชุดดำนี่คือหลิวเหลียนซี อนุชาต่างมารดาของเหลียนเฉิงที่ตู๋กูฮองเฮาเคยพยายามกำจัดทิ้งไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ไม่สำเร็จเพราะเหลียนเฉิงพาอนุชาหนีไปได้ หลิวเหลียนซีแค้นตู๋กูไทเฮาจับใจที่ฆ่ามารตาของตน แต่ว่าก็รักและเคารพเหลียนเฉิงที่มีบุญคุณช่วยชีวิตและดีกับตัวเองเป็นที่สุด จึงได้แต่เก็บความอาฆาตแค้นไว้ แล้วคอยอารักขารวมทั้งช่วยเหลือเหลียนเฉิงอย่างลับ ๆ เหลียนซีเชี่ยวชาญเรื่องพิษ และรับงานเป็นนักฆ่าในยุทธจักร พร้อมทั้งสืบข้อมูลลับของแคว้นต่าง ๆ คอยรายงานกับเหลียนเฉิง เหลียนซีรับทาสรับใช้เพื่อไว้ทดลองยาพิษคนหนึ่ง เรียกว่าทาสพิษ ให้อยู่กับเหลียนเฉิงเพื่อคอยรับบัญชาจากเหลียนเฉิง และตอนนี้กลายเป็นขุนพลที่คอยติดตามองค์หญิงเหลียนซือ แต่ที่จริงทาสพิษคนนี้คือหม่าตู้หวิน น้องชายแท้ ๆ ของฟู่หยาที่หายสูญไปเมื่อคราวเกิดกบฎเมื่อหลายปีก่อน
เพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่เซียงหวินใส่ร้าย ฟู่หยาจึงวางแผนปลอมเป็นปิศาจหญิงรับใช้คนที่เคยถูกเซียงหวินฆ่าตาย เซียงหวินกลัวจนหายจากอาการโดนพิษเป็นปลิดทิ้ง ทำให้เหลียนเฉิงยิ่งเกลียดชังนาง ตู๋กูไทเฮาที่รู้ความจริงก็พลอยรังเกียจนางไปด้วย หม่าเซียงหวินยิ่งเกลียดชังฟู่หยาจนเข้ากระดูก หาทางจะทำลายฟู่หยาให้จงได้ (หม่าเสียงหวิน ผู้มองว่าฟู่หยาคือศัตรูหัวใจ) ด้านฉีโย่วนับแต่ถูกจับกลับมาที่เป่ยฮั่น ก็ถูกขังไว้ในตำหนักเย็น และถูกองค์หญิงเหลียนซือทารุณตลอดเวลา แต่ฉีโย่วก็อดทนเพื่อหวังจะได้พบกับฟู่หยาอีกสักครั้ง เหลียนซือชิงหยกล้ำค่าที่เป็นของแทนใจระหว่างฟู่หยากับฉีโย่วไป และให้ฉีโย่วสู้กับนักรบของเป่ยฮั่นเพื่อชิงหยกกลับคืน ฉีโย่วสู้ถวายชีวิตจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อชิงหยกกลับให้ได้ เหลียนเฉิงที่พาฟู่หยามาพบฉีโย่วตามสัญญา เห็นเหตุการณ์ที่นักรบของเป่ยฮั่นกำลังจะฆ่าฉีโย่วพอดีจึงห้ามไว้ทัน ฟู่หยาเห็นฉีโย่วบาดเจ็บสาหัสปางตาย ก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน ส่วนฉีโย่วพอเห็นหม่าฟู่หยา ทั้งตีใจทั้งตกใจ กลัวว่านางจะเป็นอันตรายจึงรีบบอกให้หนีไป แล้วในที่สุดจึงรู้ความจริงว่าฟู่หยากลายเป็นตี้หวงเฟย สนมรักของเหลียนเฉิงไปแล้ว ฉีโย่วสุดจะทนต่อไปไหวจึงกระอักโลหิตออกมา สิ้นสติไป (ฉีโย่วใจสลาย เมื่อรู้ว่าฟู่หยาคือตี้หวงเฟยของเหลียนเฉิง) องค์หญิงเหลียนซือกลัวว่าฉีโย่วจะตายไปจริง ๆ จึงระดมหมอหลวงในวังมารักษาอย่างดีที่สุด และคอยดูแลอย่างดี ฉีโย่วเมื่อฟื้นขึ้นมาแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ฟู่หยาไปพบกับฉีโย่วอีก และบอกความจริงทั้งหมดให้ฟัง หลังจากปรับความเข้าใจกันได้ ทั้งคู่ยิ่งรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ฟู่หยายินยอมเป็นของฉีโย่วด้วยความเต็มใจ โดยปิดบังเหลียนเฉิงเอาไว้ ส่วนเหลียนซือพยายามทำดีกับฉีโย่วทุกอย่าง รวมทั้งคืนหยกให้ แต่ฉีโย่วไม่แยแสนางเลยสักนิด ทำให้เหลียนซือเสียใจมาก หม่าเสียงหวินสืบจนรู้ว่าฟู่หยารักฉีโย่วหมดหัวใจ จึงวางแผนทำลายทิ้งทั้งคู่ โดยยืมมือตู๋กูไทเฮามาจัดการ ตู๋กูไทเฮาเมื่อทราบว่าตี้หวงเฟยปันใจไปรักฉีโย่วที่เป้นศัตรูของเป่ยฮั่น จึงสั่งจับทั้งคู่ไปหมายจะประหาร เหลียนเฉิงที่ทราบข่าวรีบมาช่วยฟู่หยาได้ทัน แต่ฟู่หยาก็รับบาดเจ็บจากการโดนทหารทำร้ายจนหมดสติไป เหลียนเฉิงขู่พระมารดาว่าหากกล้าแตะต้องฟู่หยาอีก จะฆ่าตัวตาย ตู๋กูไทเฮาโกรธมากจึงหันมาลงโทษฉีโย่วโดยจะประหารฉีโย่วทิ้ง แต่องค์หญิงเหลียนซือก็ขู่ว่าจะฆ่าตัวตายหากชายที่นางรักตายไป ตู๋กูไทเฮาโกรธจนหมดสติไป
(เหลียนเฉิงเฝ้าฟู่หยาด้วยความเป็นห่วงสุด ๆ ขนาดรู้ว่าตู๋กูไทเฮาป่วยหนักยังไม่ยอมไปเยี่ยม)
ฟู่หยามารักษาไทเฮาด้วยตนเอง และทำให้เหลียนเฉิงกับไทเฮาปรับความเข้าใจมาคืนดีกัน โดยชีให้เห็นว่าตู๋กูไทเฮานั้นรักเหลียนเฉิงยิ่งกว่าชีวิต เหลียนเฉิงที่เย็นชากับพระมารดามาตลอดจึงยอมมาเยี่ยมทำให้ไทเฮาอาการดีขึ้น ฟู่หยาคิดหาทางช่วยฉีโย่วไปจากแคว้นเป่ยฮั่น โดยอาศัยความรักที่เหลียนซือมีต่อฉีโย่ว โดยยอมช่วยเหลียนซือปลอมตัวและใช้ตัวยาทำให้ฉีโย่วเคลิบเคลิ้ม เข้าใจว่าเหลียนซือคือฟู่หยา เหลียนซือเข้าหาฉีโย่วด้วยความเต็มใจ ส่วนฉีโย่วหลังจากสร่างฤทธิ์ยาก็เสียใจมาก และรู้สึกโกรธฟู่หยาที่ทำแบบนี้กับตนเอง ฟู่หยาเป็นลมหมดสติไป หลังจากหมอตรวจก็พบว่านางตั้งครรภ์ เหลียนเฉิงเสียใจมากฆ่าหมอหลวงปิดปากด้วยตนเอง ตู๋กูไทเฮาเยี่ยมฟู่หยามาเห็นศพหมอหลวง สั่งให้เอาไปจัดการให้เรียบร้อย เหลียนเฉิงยังไม่มั่นใจว่าฟู่หยาตั้งครรภ์แน่หรือไม่ สั่งให้เหลียนซีมาตรวจอีกที เหลียนซียืนยันว่านางตั้งครรภ์แน่นอน แล้วยังเตือนให้เหลียนเฉิงทำใจ เพราะว่าคนที่วางแผนฆ่าเสด็จพ่อของฟู่หยาที่แท้จริงคือเหลียนเฉิง ฟู่หยาได้ยินเข้าทั้งหมด รู้สึกใจสลาย เหลียนเฉิงเมื่อรู้ว่าฟู่หยารู้ความจริงหมดแล้วก็ยอมตายด้วยมือนาง ฟู่หยาไม่อาจตัดใจฆ่าเหลียนเฉิงได้ ได้แต่ร้องไห้เสียใจ ส่วนเหลียนเฉิงก็หนีออกจากวังไปทำใจ โดยมีเหลียนซีคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ ฟู่หยาไปหาฉีโย่ว ไปขอให้ยกโทษให้ในเรื่องที่ตนเองช่วยเหลือเหลียนซือให้สมหวังในตัวฉีโย่ว พร้อมกับบอกว่าไม่เสียใจที่ทำลงไปเช่นนั้น ฉีโย่วโกรธมาก หม่าเสียงหวินวางแผนให้ตู๋กูไทเฮามาเห็นตอนที่ฟู่หยาอยู่กับฉีโย่วพอดี ตู๋กูไทเฮาสั่งจับตี้หวงเฟยไปลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็น และลงโทษฉีโย่วด้วยการให้กินสุราพิษ ก่อนจะโดนลงโทษ ฟู่หยาขอพบกับเสนาบดีซูเป็นการส่วนตัว และมอบจดหมายฉบับสุดท้ายจากซูเหยาให้ พร้อมกับบอกเรื่องที่ซูเหยาขอเป็นครั้งสุดท้าย ให้ช่วยฉีโย่วไปจากแค้วนเป่ยฮั่น เสนาบดีซูเสียใจมาก หม่าฟู่หยาถูกจับขึ้นกลางกองฟืนเผาทั้งเป็น เหลียนเฉิงเพิ่งรู้ข่าวรีบรุดมาช่วยเหลือ ได้เห็นแต่ร่างที่ไร้ลมหายใจล้มไปในกองเพลิง เหลียนเฉิงเสียใจจนหมดสติไป พอฟื้นขึ้นมาก็ตามไปที่สุสานของฟู่หยา และได้เห็นว่าฟู่หยายังไม่ตาย เหลียนเฉิงดีใจที่สุด แต่ฟู่หยาขอให้เหลียนเฉิงปล่อยนางไป เหลียนเฉิงแม้จะรักนางสุดหัวใจ แต่ไม่อาจรั้งนางไว้ได้ จำใจต้องปล่อยนางจากไป (ในรูปจะเห็นต้นเถาที่เหลียนเฉิงเอาไปฟูมฟัก เป็นฉากซาบซึ้งอีกฉากในเรื่องนี้) ฟู่หยาหนีไปสมทบกับฉีโย่ว ที่เหลียนซือช่วยหนีออกมาจากคุก ทั้งนี้ฟู่หยาวางแผนไว้ล่วงหน้ากับเสนาบดีซู โดยที่ตู๋กูไทเฮาก็รู้เห็นเป็นใจ แต่ว่าหม่าเสียงหวินรู้ความจริงเข้า คิดจะฆ่าฟู่หยาให้จงได้ จึงวางแผนกับขุนพลอาหนู(หม่าตู้หวิน) ให้อาหนูฆ่าฉีโย่ว ฟู่หยาจะได้เจ็บปวดใจไปตลอดชีวิต อาหนูยอมทำตาม โดยใช้ธนูอาบยาพิษยิงใส่ฉีโย่ว ฉีโย่วปัดจนพ้น แต่หม่าเสียงหวินจะฆ่าฟู่หยาให้ได้ เลยยิงธนูอาบยาพิษใส่ หม่าตู้หวินปัดธนูไม่ทัน เหลียนเฉิงที่ตามมาเพื่อจะเอาดอกเถาที่เริ่มบานมามอบให้ฟู่หยา ดอกเถานี้เป็นต้นที่ฟู่หยานำติดตัวมา และสำหรับเหลียนเฉิง เถาต้นนี้คือหัวใจของฟู่หยา จึงตั้งใจฟูมฟักด้วยความรักความเอาใจใส่อย่างที่สุด เป็นเหมือนความรักที่เหลียนเฉิงตั้งใจฟูมฟักให้ฟู่หยา เมื่อดอกเถาบาน ด้วยความดีใจเหลียนเฉิงจึงรีบเอามาให้ฟู่หยาทันที และทันได้เห็นลูกธนูกำลังพุ่งเข้าใส่ฟู่หยา จึงโดดเข้าขวาง และโดนพิษจากธนู จนสิ้นใจในอ้อมกอดของฟู่หยาในที่สุด หม่าเสียงหวินเสียใจที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด และกอดศพเหลียนเฉิงให้ธนูเสียบทะลุร่างจนตายตามไป หม่าตู้หวินให้ทุกคนรีบหนี ฉีโย่วพาฟู่หยาและเหลียนซือหนีกลับมาถึงแคว้นสู่ได้อย่างปลอดภัย แต่ปรากฎว่าฉีชิงที่ตอนนี้เป็นราชาแคว้นสู่แล้ว กลับแล้งน้ำใจ ขังฉีโย่วเอาไว้ แล้วยังเชื่อคำยุยงจากตู้หวัน วางแผนฆ่าพี่ชายให้สิ้นซาก ราชครูทัดทานก็ไม่ฟังจนราชครูเสียใจฆ่าตัวตาย ฉีซิงส่งสุราพิษให้ฉีโย่วดื่ม แต่เสี่ยวคังจื่อ ขันทีคนสนิทของฉีโย่วอาสาดื่มแทน ทำให้ฉีซิงทำอะไรฉีโย่วไม่ได้ เมื่อเสี่ยวคังจื่อยอมตายแทนทำให้ฉีโย่วโกรธมาก จากที่เดิมไม่เคยคิดจะขิงบัลลังก์กับน้อง จึงเปลี่ยนใจ หลบหนีออกจากที่กักขัง ไปขอความร่วมมือกับสนมหันเจาอี้ที่กุมกำลังทหารส่วนหนึ่งในมือเอาไว้ แล้วนำกำลังทหารพร้อมกับกำลังที่ตนเองมีมารวมกันบุกเข้าวัง เขี่ยฉีซิงตกจากบัลลังก์ ตู้ไทเฮารู้ข่าวรีบมาห้ามปราม เพราะเกรงว่าฉีโย่วจะฆ่าน้อง แต่ฉีโย่วเพียงส่งสุราให้ฉีซิงดื่ม ฉีซิงกลัวเป็นยาพิษไม่กล้าดื่ม ฉีโย่วจึงดื่มเอง และบอกว่าตนเองไม่อาจฆ่าน้องชายได้ จึงปลดไปเป็นสามัญชน ใช้ชีวิตอยู่นอกวัง แต่ฉีซิงไม่เพียงไม่สำนึก กลับถือกระบี่วิ่งเข้าใส่ด้านหลังของฉีโย่วหมายจะฆ่าให้ตาย ฉีโย่วยกกระบี่กันไว้ ฉีซิงจึงกลายเป็นวิ่งเข้าใส่คมกระบี่ตายเอง ฉีโย่วขึ้นครองราชย์เป็นฮั่นเฉิงหวางดังเดิม ตู้ไทเฮาป่วยหนักจากความเสียใจ ฉีโย่วไม่ยอมมาดูใจนางเพราะยังเจ็บใจที่นางลำเอียงรักแต่น้อง ฟู่หยามาตรวจอาการแล้วปรับความเข้าใจกับตู้ไทเฮา ฉีโย่วยอมมาพบตู้ไทเฮาในวาระสุดท้าย ถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วตู้ไทเฮารักฉีโย่วมากที่สุด และรักมาตลอด หลังจากตู้ไทเฮาตายไป สนมหันเจาอี้ก็กุมอำนาจทางทหารในมือจนเกือบหมด แล้วก็หาทางทำลายล้างตระกูลเมิ่งต่อ โดยทำให้องค์หญิงเหลียนซือชิงชังฟู่หยา แล้วหาทางทำลายฟู่หยาทิ้ง เหลียนซือหาเหตุส่งจดหมายแจ้งไปที่เป่ยฮั่นว่าลูกในท้องของฟู่หยา คือลูกของเหลียนเฉิง ทำให้ตู๋กูไทเฮาดีใจมาก และเมื่อไปรื้อบันทึกของหมอที่ตายไปมายืนยัน ก็พบว่านางตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่เป่ยฮั่น จึงปักใจเชื่อว่าจริง ตู๋กูไทเฮาจึงยกทัพมาด้วยตนเองเพื่อเปิดศึกชิงหลาน (ฮั่นเฉิงหวางกับพระชายา หม่าฟู่หยา) ฉีโย่วต้องต่อกรกับหันเจาอี้และหันหมิงสองพี่น้องที่กุมอำนาจทหารไว้ ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องฟู่หยาจากเหลียนซือด้วย เมื่อข่าวศึกมาถึง ฉีโย่วออกรบด้วยตัวเอง แต่ฟู่หยาแอบไปด้วยตัวเองเพื่อจะเจรจากับตู๋กูไทเฮา โดยมีหม่าตู้หวินน้องชาย ที่บัดนี้เปิดเผยฐานะแล้ว และมาในฐานะขุนพลจากเป่ยฮั่น เป็นเพื่อนร่วมทาง ระหว่างเดินทาง ล้อรถม้าหลุดหลุดเพราะเหลียนซือวางแผนล่วงหน้า รถเสียหลัก ฟู่หยาที่ตั้งครรภ์แก่กระทบกระเทือนมากจนคลอดก่อนกำหนด ตู้หวินลงมือทำลายทารกด้วยความอำมหิต เพราะเกลียดชังฉีโย่ว (สนมหันเจาอี้ สตรีที่จิตใจร้ายกาจยิ่งกว่าอสรพิษ) ฉีโย่วที่กำลังนำทัพอยู่ทราบข่าวรีบกลับวัง ฟู่หยาเสียใจมากที่เสียลูกไป ฉีโย่วก็เสียใจไม่แพ้กัน และหาทางสืบว่าใครทำให้รถม้าเสียหลัก ฟู่หยาหลังจากเสียลูกไป ก็ยังเดินทางไปพบกับตู๋กูไทเฮา และบอกความจริงให้รู้ว่าเด็กในท้องที่เสียไปนั้นเป็นลูกของฉีโย่ว ตู๋กูไทเฮาจึงยกทัพกลับด้วยความผิดหวัง เหลียนซือคลอดโอรส และวางแผนกับตู้หวินหลอกล่อให้ฉีโย่วมาหา และวางยาฉีโย่วให้สลบเพื่อให้ฟู่หยามาเห็นภาพบาดตาที่เหลียนซือนอนอยุ่บนเตียงกับฉีโย่วโดยมีโอรสแนบข้าง ฟู่หยาเสียใจมาก และแอบไปดูหน้าลูกของฉีโย่วที่เกิดจากเหลียนซือ แต่หลังจากกลับออกมา โอรสน้อยก็สิ้น เหลียนซือหาว่าฟู่หยาใช้ผึ้งพิษฆ่าโอรสจนตาย ฉีโย่วแม้จะโกรธจัด แต่ก็ยังมีสติพอ หลังจากสอบถามก็รู้ทันทีว่าหม่าตู้หวินเป็นคนฆ่าโอรสที่เกิดจากเหลืยนซือ แต่แล้วจู่ ๆ ฉีโย่วก็กระอักเลือดหมดสติไป ฟู่หยาตรวจชีพจรจึงรู้ว่า หม่าตู้หวินวางยาพิษใส่ฉีโย่ว หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฟู่หยาเข้าใจผิด ว่าฉีโย่วผลักแม่ของฟู่หยาตกจากหอสูงลงมาเสียชีวิต ทำให้ฟู่หยาขอแยกทางกับฉีโย่ว และเดินทางจากไปพร้อมกับตู้หวินเพื่อขอความช่วยเหลือจากแคว้นโจวแทน ฉีโย่วไม่อาจทำใจพรากจากฟู่หยาได้ เลยสละบัลลังก์ให้น้องชายคือฉีหวิ่น แล้วติดตามไปหาฟู่หยาจนพบ แต่ก็โดนตู้หวินวางแผนร้าย แล้วยังถูกทหารฉู่ตามล่า เพื่อปกป้องฟู่หยาไว้ ที่สุดฉีโย่วถูกธนูยิงจนตกน้ำจมหายไป ด้านแคว้นเป่ยฮั่น หลังจากเหลียนเฉิงสิ้นพระชนม์ ตู๋กูไทเฮาเฟ้นหาราชาองค์ใหม่โดยเลือกเหลียนซีผู้เป็นอนุชาเหลียนเฉิง แต่เหลียนซีปฏิเสธไม่ยอมครองบัลลังก์เป่ยฮั่นมาตลอดเพราะชิงชังตู๋กูไทเฮา หม่าตู้หวินจะฉวยโอกาสนี้ยืมกำลังทหารจากแคว้นเป่ยฮั่นไปถล่มแคว้นฉู่ พอรู้ว่าบัลลังก์จะตกเป็นของเหลียนซี ที่รู้กำพืดของตนเองดี จึงใช้ผึ้งพิษพิฆาตเหลียนซี แต่ตู๋กูไทเฮาใช้ชีวิตตัวเอง ดูดเอาพิษออกจากกายเหลียนซี ทำให้เหลียนซี ยอมสลายความแค้น และขึ้นครองบัลลังก์เป่ยฮั่นต่อจากพี่ชาย เหลียนซีรู้นิสัยชั่วร้ายของหม่าตู้หวิน แม้จะยอมยกทัพไปช่วยกู้ชาติแคว้นฉู่ แต่ก็ขอนำทัพไปเองเพราะไม่ไว้ใจตู้หวินแล้ว ด้านฟู่หยาไปขอความช่วยเหลือจากแคว้นโจวได้รับความร่วมมือจากเจ้าควงยิ่น น้องบุญธรรมที่นางเคยช่วยไว้ ยกกำลังทหารมา อีกทั้งฉีหวิ่นก็ยกทัพมาช่วยอีกแรง สามทัพคือสู่ เป่ยฮั่นและโจว ยกไปตีแคว้นฉู่ ก็ยึดเมืองได้อย่างง่ายดาย หม่าอี้ฟังหนีไม่รอด โดนจับได้และตู้หวินแทงด้วยกระบี่ แต่หม่าอี้ฟังแกล้งตาย ระหว่างที่ฟู่หยากับตู้หวินคุกเข่าอธิษฐานต่อวิญญาณพระบิดา หม่าอี้ฟังพุ่งเข้ามาจะฆ่าฟู่หยา นางกำนัลหวินจูเข้าขวางจึงโดนกระบี่แทน หม่าอี้ฟังถูกสังหารในทันที ส่วนหวินจูสารภาพก่อนตายว่าคนที่ผลักมารดาของฟู่หยาตกจากหอสูงคือตนเอง ไม่ใช่ฉีโย่ว และที่ทำไปเพราะโดนบังคับจากหันเจาอี้ที่เคยมีบุญคุณกับหวินจูและพี่ชาย ซึ่งก็คือหันซิง ฟู่หยายังได้รู้ความจริงในภายหลังอีกว่า ตู้หวินเป็นคนใช้ธนูอาบยาพิษยิงใส่ฉีโย่วในวันที่เหลียนเฉิงตาย ยาพิษนั้นตู้หวินเป็นคนทำขึ้น และตู้หวินวางแผนจะฆ่าฉีโย่วมาตลอด รวมทั้งยังฆ่าลูกฉีโย่วที่เกิดจากเหลียนซือ และยังไปเห็นตู้หวินวางยามอมเมาเหลียนซือจนไม่มีสติ จนเหลียนซือต้องตกเป็นของหม่าตู้หวิน ทำให้ฟู่หยายอมรับน้องคนนี้ไม่ได้อีกต่อไป จึงสังหารตู้หวินกับมือด้วยยาพิษ หลังจากนั้นฟู่หยาก็สละทุกอย่างออกติดตามหาฉีโย่ว เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ขออภัยที่ลงเนื้อเรื่องสปอยล์จนละเอียดยิบ ทั้งนี้เพราะเห็นใจคนที่อยากดูเรื่องนี้แต่ไม่ได้ดู หรือดูได้ไม่ตลอดเพราะยังไม่มีฉบับพากย์ไทย หรือซับไทยให้ดูกัน ก็เลยทำให้บล็อคนี้ยาวไปนิดหนึ่ง หวังว่าทุกคนคงจะไม่ว่าอะไร แต่เรื่องนี้ตอนนี้มีลงในยูทุป ไปสูบมาดูกันได้ ก็อปปี้เอาชื่อเรื่องภาษาจีนไปแปะหาได้ในยูทุปเลย วิพากษ์เลยก็แล้วกัน.....ตามความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ของ จขบ. คนเดียว ....() สำหรับซีรี่ส์เรื่องนี้ พูดถึงเนื้อหา ความสนุก ให้สี่ดาวไปเลย เนื้อเรื่องชวนติดตาม มีนัยแอบแฝงเร้นเยอะ มีเบื้องลึกเบื้องหลังตัวละครซับซ้อน มีปมชวนให้สะดุด โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งแค้นระหว่างพระมารดาและองค์ชายฉีโย่ว ที่ซับซ้อนสับสนจนยากจะเข้าใจ ว่าจริง ๆ แล้ว ตู้ฮองเฮารักหรือว่าเกลียดโอรสองค์นี้กันแน่ ขณะที่ฉีโย่ว เราจะเข้าใจได้ง่ายกว่าว่า จริง ๆ นั้นรักและโหยหาความรักจากพระมารดา แต่ไม่ได้รับการสนองตอบ เลยเปลี่ยนท่าทีเป้นเย็นชา เพื่อปกป้องตนเองจากความเจ็บปวดที่ได้รับ ตัวละคร.... คัดเลือกมาได้ดีมาก เอาไปเลยห้าดาว สำหรับพระเอกสองคนและนางเอก หลินซินหยู ในเรื่องนี้ เสื้อผ้าหน้าผม อลังการ และสวยสมกับบทบาทสาวงามระดับล่มเมืองล่มประเทศได้ แม้อายุจะไม่น้อยแล้ว แต่หลินซินหยูก็ยังสวยมาก เป็นดาราที่แต่งชุดโบราณได้งามทุกแบบ ไม่ว่าจะแบบฮั่น หรือแมนจู (จากเรื่ององค์หญิงกำมะลอ) พระเอก เมิ่งฉีโย่ว ....เหมาะมากที่ใช้เอี๋ยนควนเล่นเรื่องนี้ เล่นได้ดีทั้งสีหน้าท่าทางเย็นชา ยะโสไร้น้ำใจ จนถึงมีน้ำใจอุ่นระอุที่แอบแฝงในใจแต่บอกใครไม่ได้ ริมฝีปากบางเฉียบของเอี๋ยนควน บวกคิ้วเข้ม ตาคม จนหน้าตาดูดุดันในบางอารมณ์ และในบางอารมณ์ก็น่าสงสารมาก ๆ เป็นนักแสดงที่แสดงออกทางสีหน้าได้ดีมาก ๆ คนหนึ่งของจีน มิน่าจึงได้รับความนิยมอย่างสูงในจีนแผ่นดินใหญ่ พระเอกอีกคน หลิวเหลียนเฉิง....เหมาะที่สุด ที่เลือกฮั่วเจี้ยนหัวมารับบทราชาเป่ยฮั่นที่อมทุกข์ตลอดเวลา สีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวดนิด ๆ นัยน์ตาโศก ๆ ตลอดเรื่อง แทบไม่มีฉากไหนที่จะเห็นฮั่วเจี้ยนหัวยิ้มร่าเริงเลย นอกจากฉากแรก ๆ ที่ได้พบกับหม่าฟู่หยา เป้นนักแสดงที่มีฝีมืออีกคนหนึ่ง เล่นได้ดี ดูแล้วอดเห้นใจในรักที่มั่นคงจริงใจแต่ไม่สมหวังของราชาแห่งเป่ยฮั่นไม่ได้ และบทที่จะเลือดเย็น ไร้น้ำใจ ฮั่วเจี้ยนหัวก็เล่นได้ดีมาก ๆ (ฉากนี้น่ารักมาก ๆ ได้เห็นเหลียนเฉิงทำหน้าออดอ้อนฟู่หยาสุด ๆ มีแค่ซีนเดียวนี่แหละ จากนี้ไปมีแต่หน้าตาเครียดตลอด) เสื้อผ้าหน้าผม เฉพาะฝ่ายหญิง อลังการมาก ประชันกันจนแพรวพราย โดยเฉพาะนางเอกนี่ สวยสุด ๆ ไม่ว่าจะแต่งชุดแคว้นสู่ หรือเป่ยฮั่น ก็งามจนล่มเมืองได้จริง ๆ ส่วนเสื้อผ้าฝ่ายชาย ก็พอประมาณ แต่เรื่องนี้ชื่อเรื่องก็บอกเน้น ๆ อยู่แล้วว่า สนมรัก(งาม)สะท้านโลก เพราะฉะนั้นก็ต้องทุ่มทุนกันหน่อย ให้สมความงามระดับล่มเมืองล่มชาติได้แบบนั้น
ดาราสำคัญในเรื่องทั้งหมด สรุป....เรื่องนี้ ดูแล้วไม่ผิดหวัง นาน ๆ จะมีเรื่องประวัติศาสตร์จีนยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักรมาให้ดูสักครั้ง ว่ากันตามตรง ดูเหมือนนี่จะเป็นเรื่องแรกที่หยิบยกเอาประวัติศาสตร์ช่วงนั้นมาเป็นแบ็คกราวด์ ปกติจะได้ดูแต่ช่วงราชวงศ์ฮั่น ซ้อง หมิง และแมนจู (แมนจูนี่เยอะสุดในช่วงนี้) เรื่องนี้สร้างจากนิยายขายดีของ มู่หรงเอียนเอ๋อร์ ดูจากรูป หน้าตายังละอ่อนอยู่เลย เก่งมากทีเดียว
ครั้งหน้าจะหยิบซีรี่ส์จีนจากช่วงสมัยสาธารณรัฐมาเสนอสักเรื่อง ชอบไม่ชอบประการใด แสดงความเห็นมาได้จ้า
Create Date : 04 กรกฎาคม 2555 |
| |
|
Last Update : 26 มีนาคม 2556 1:53:59 น. |
| |
Counter : 51289 Pageviews. |
| |
|
|