Group Blog
 
All Blogs
 

Co-Q 10 ดีอย่างไร ?





        Co-Q10 เป็นสารที่มีบทบาทในการเพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงานในร่างกาย เป็นสารสำคัญใน การสังเคราะห์ Adeno-sinetriphosphate(ATP) ซึ่งเปรียบได้กับขุมพลังงาน
 ของเซลล์ทั่วร่างกาย Co-enzymeQ10 เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากการทำร้ายของอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายซึ่งมาจากการเสื่อมสภาพ
ของเซลล์เช่น โรคหัวใจ ข้อเสื่อม อัมพาต หรือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมสภาพวัยตามปกติร่างกายสามารถผลิต Co-Q10 ได้โดยการสกัดและสังเคราะห์ผ่านตับ โดยดูดซึมสารอาหาร ที่ได้ในแต่ละ
วันและเก็บสะสม ไว้ในเซลล์ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเซลล์นี้มีอยู่มาก ในหัวใจ สมองและกล้ามเนื้อ แต่เมื่ออายุมากขึ้นการทำงานของร่างกาย ในระบบต่างๆ ก็เสื่อมถอยลงตับก็ไม่สามารถสังเคราะห์ Co-Q10
ได้ในปริมาณเท่าเดิมสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ริ้วรอย และความเสื่อม ของระบบต่างๆ จัดอยู่ในกลุ่ม antioxidant

พบได้ที่ไหนบ้าง ?
เราสามารถพบCo-Q10 ได้ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ปลาซาร์ดีนปลาแซลมอน เครื่องในสัตว์ ไข่ ถั่วเปลือกแข็ง ข้าวกล้อง และงา


กลไกการออกฤทธิ์
      Coenzyme Q10 เป็น coenzyme ที่จำเป็นของร่างกายมีลักษณะคล้ายเป็นวิตะมินมีโครงสร้างเหมือนวิตะมิน K โดยจะพบที่ในเยื่อหุ้มของ mitochondriaที่อยู่ที่หัวใจ ตับ ไต และตับอ่อนมีบทบาท
สำคัญในการขนส่งอิเล็กตรอนใน
mitochondria และการสร้างadrenosine triphosphate (ATP) Coenzyme Q10 มีคุณสมบัติในการเป็นmembrane stabilizing โดยตรงและเป็น antioxidant

ผลต่อหัวใจมีประโยชน์ในการป้องกันการถูกทำลายของเซลในระหว่างที่เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและเพิ่มreperfusion


ประโยชน์ของโคเอ็นไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10)
ผลการวิจัยทางการแพทย์ พบว่า โคเอ็นไซม์ คิวเท็นมีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
Smiley สารเพิ่มพลังงานโคเอ็นไซม์เป็นสารสำคัญที่มีส่วนร่วมในการผลิตพลังงานให้กับเซลล์เป็นการเพิ่มความทนทานแข็งแรงให้กับเซลล์และช่วยลดความอ่อนล้าของร่างกายทำให้ร่างกาย
กระฉับกระเฉงแข็งแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ

Smiley ระบบหัวใจและหลอดเลือดหัวใจโคเอ็นไซม์ คิวเท็น ถูกใช้ป้องกันอาการหัวใจล้มเหลว (CongestiveHeart Failure)ที่เกิดจากการคั่งของเลือดโคเอ็นไซม์คิวเท็นจะไปลดความเหนียว
และการเกาะตัวของไขมันบนผนังหลอดเลือดทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

Smiley ความดันโลหิตสูงโคเอ็นไซม์คิวเท็น ช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง (HighBlood Pressure)ที่เกิดจากการแข็งตัวของเส้นเลือด (Athreosclerosis)ของอวัยวะต่าง ๆ จนทำ
ให้ผนังหลอดเลือดขาดความยืดหยุ่น (
Elastictiy)

Smiley กล้ามเนื้อหัวใจ เพิ่มประสิทธิภาพของการนำออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดเลือดโดยช่วยลดความตึงของการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจในภาวะขาดออกซิเจนทำให้การทำงาน
ของหัวใจดีขึ้นและเพิ่มการสูบฉีดโลหิตใหม่ไปยังหัวใจ
(Re-Perfusion)และยังไปกระตุ้นการสร้างพลังงานในไมโตคอนเดรียของกล้ามเนื้อหัวใจและช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลายด้วยอนุมูล
อิสระด้วยจึงทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง

Smiley โรคมะเร็งลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็งเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่นมะเร็งเม็ดเลือดขาว(Leukemia)มะเร็งก้อนเนื้อ (Tumor)รวมทั้งลดอาการข้างเคียงที่เกิดจากเคมีบำบัด (Chemotherapy)
ในผู้ป่วยมะเร็ง
แผลในระบบทางเดินอาหาร ช่วยส่งเสริมขบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะแผลในระบบทางเดินอาหารเช่น แผลในกระเพาะอาหาร หรือในลำไส้เล็ก
ส่วนดูโอดินั่ม (
Duodenum)
Smiley ระบบภูมิคุ้มกันช่วยส่งเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างการทำงานได้ดีขึ้น (Enhancelmmune) ช่วยให้เม็ดเลือดขาวกำจัดเชื้อโรคได้ดีขึ้น
Smiley เหงือกและฟันโคเอ็นไซม์คิวเท็น มีประโยชน์ช่วยลดปัญหาของโรคเหงือกและฟัน
Smiley เบาหวาน พบว่า โคเอ็นไซม์คิวเท็น ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
Smiley กล้ามเนื้อตาย ลดความเสี่ยงต่อภาวะเซลล์กล้ามเนื้อตาย (MuscularDegenneratiion)เนื่องจากการทำงานหนักและมีสารตกค้างที่เกิดจากขบวนการเมตาบอลิซึมในระหว่างการทำงาน
Smiley ผิวหนัง ช่วย
เสริมสร้างพลังงานในระดับเซลล์ผิวช่วยปกป้องเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอิลาสตินจากรังสีUVA ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงและเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่
และปกป้องคอลลาเจนจากการถูกทำลายให้สูญเสียโครงสร้างและความยืดหยุ่นจึงช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นและป้องกันไม่ให้เกิดรอยเหี่ยวย่นรวมทั้งปรับสภาพผิวให้ผิวชุ่มชื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้โคเอ็นไซม์คิวเท็นยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความสัมพันธ์กับวิตามินอีในการป้องกันเซลล์ผิวจากปฎิกิริยา
Lipid Peroxidation ซึ่งเป็นสาเหตุของกระแก่ (AgeGranule)จึงทำให้ผิวสดใส
มีชีวิตชีวา
Smiley ป้องกันหมันในชาย โคเอ็นไซม์คิวเท็นช่วยให้ Sperm แข็งแรงขึ้น
Smiley โรคอ้วนโคเอ็นไซม์คิวเทนมี
ส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ ซึ่งทำให้น้ำหนักลดลงได้คำแนะนำในการรับประทานโคเอ็นไซม์คิวเท็น




 



ที่มา : //shinemybody.com/supplementary-foo-for-skin/
//ctpcollagen2you.wordpress.com/2013/02/28/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%
B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8
%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%8
B%E0%B8%A1%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B4/

//www.pharmacy-ss.com/forums/index.php?topic=22.0
//health.kapook.com/view6294.html
//www.pantown.com/board.php?id=73891&area=&name=board30&topic=4&action=view







 

Create Date : 17 กันยายน 2556    
Last Update : 17 กันยายน 2556 17:54:32 น.
Counter : 552 Pageviews.  

ทรานซามิน (transamin) กับผิวขาว..จริงหรือไม่ ?




แฟชั่นผิวขาวกระจ่างใสราวหยวกกล้วยยังคงอินเทรนด์ในหมู่สาว ๆ ซึ่งปัจจุบันหันมารับประทาน ยาทรานซามิน (Tranzamin) หรือ ยาทราเนซามิค 
แอซิด (Tranexamicacid) เพื่อฟอกผิวให้ขาว ทดแทน ยากลูต้าไทโอน (Glutathione) ที่ถูกควบคุมการใช้จากกระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งยังมีราคาแพง ในขณะที่ ยาทรานซามินจะมีราคาถูก เห็นผลเร็วกว่า และหาซื้อได้ง่าย
ตามร้านขายยาทั่วไปนั้น

 

ทรานซามิน(transamin) คือยาอะไร ?
ทรานซามิน (Transamin) เป็นชื่อการค้าของยาtranexamic acid ซึ่งมีฤทธิ์ในการห้ามเลือดในประเทศไทยขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาผู้ป่วยโรคเลือดไหลหยุดยากหรือเลือดออกมากผิดปกติ

ทรานซามิน (Transamin?)ทำให้ผิวขาวขึ้นจริงหรือไม่ ?
ทรานซามิน (Transamin?) ยังไม่มีการศึกษาในคนว่าทำให้ผิวขาวขึ้น
 การศึกษาในสัตว์ทดลอง โดยการทาบนผิวหนังและส่องด้วยแสงยูวีชนิดบีไม่พบว่าทำให้เม็ดสี(เมลานิน) ลดลงเมื่อเทียบกับยาหลอก การศึกษาในคนทำเฉพาะในการรักษาฝ้าด้วยการฉีดยาเข้าผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้า  แต่การวัดผลใช้ความพอใจของคนที่มาทดลอง โดยไม่มีการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์อื่นๆตรวจวัด นอกจากนี้มีการใช้ยารับประทานในการรักษาฝ้าเช่นกัน  แต่จำนวนคนที่เข้ามาทดสอบมีจำนวนน้อย จึงไม่อาจสรุปได้ว่ายามีผลในการรักษาฝ้าจริงดังนั้น ควรมีการศึกษาถึงผลดีในการรักษาฝ้าเพิ่มเติมขึ้นอีก รวมถึงการศึกษาว่าทำให้คนมีผิวขาวขึ้น ซึ่งในปัจจุบันไม่มีการศึกษาเลย

ผลเสียจากการรับประทาน ทรานซามิน (Transamin?)มีหรือไม่ ?
ประโยชน์ของ ทรานซามิน (Transamin?) ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผลทำให้ผิวขาวได้จริง ในทางกลับกัน มีรายงานผลเสียจากการใช้ยา ทรานซามิน (Transamin?) หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความกลัวถึงผลที่ยาทำให้เลือดเกิดเป็นลิ่มเลือดในร่างกาย ซึ่งอาจลอยไปตามกระแสเลือด และอุดตันเส้นเลือดต่างๆ ของอวัยวะสำคัญ เช่น หากอุดตันที่เส้นเลือดในสมอง จะทำให้เกิดอัมพาตหรือเสียชีวิต, หากอุดตันที่ปอด จะทำให้หายใจไม่ออกและเสียชีวิต, หากอุดตันที่ตาหรือไตก็ส่งผลให้เสียชีวิตได้เช่นกัน นอกจากนี้ คนที่ใช้ยานี้ 5 คนจะมีได้ถึง1 คนที่เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เลือดจางปวดหัว อ่อนเพลีย และไม่มีแรงได้

 

    ยาทรานซามินเป็นยาอันตรายที่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ และขายโดยเภสัชกรในร้านขายยาเท่านั้นเนื่องจากใช้ในการห้ามเลือดเป็นหลักอาจมีผลข้างเคียงทำให้เม็ดสีลดความเข้มลงได้บ้างที่สำคัญหากรับประทานอย่างต่อเนื่องจะมีอาการข้างเคียง เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียที่สำคัญคืออาจทำให้เกิดลิ่มเลือด ซึ่งมีผลทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตหรือไตวายเฉียบพลันได้






 

//women.thaiza.com/%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99-transamin-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-/248268/




 

Create Date : 17 กันยายน 2556    
Last Update : 17 กันยายน 2556 12:58:53 น.
Counter : 1840 Pageviews.  

วิตามินซีช่วยให้ขาวจริงหรือไม่ ?




วิตามินซี พบมากในผลไม้รสเปรี้ยวผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียว แคนตาลูป มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ พริกไทยเป็นต้น ซึ่งประโยชน์ของวิตามินซี
มีมากมายแต่ไม่ควรทานเกิน
2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะนอกจากทานไปก็ไม่ช่วยอะไรแล้วยังอันตรายต่อร่างกายด้วยส่วนปริมาณต่ำสุดที่ควรทานต่อวัน
ก็ไม่ควรน้อยกว่า
60 – 100 มิลลิกรัมไม่อย่างนั้นอาจเกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น ผิวพรรณหมองคล้ำ อ่อนเพลียมีเลือดออกตามไรฟัน และเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา

เราทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่าวิตามินซี มีประโยชน์มากมากหลายอย่าง ไม่ว่าจะช่วยปกป้องเซล เสริมสร้างภูมิคุ้มกันสุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อใน
ร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็น และคอลลาเจนก็มีผลมาจากปริมาณ วิตามินซี ในร่างกาย และ วิตามินซียังมีฤทธิ์ในการเป็นสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่ดีจึงสามารถ
ป้องกันการทำลายเซลจากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดีและมันช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน
วิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆเช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น  นอกจากนี้วิตามินซี ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีก คือ

 วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด หากเริ่มรับประทาน วิตามินซีตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัดจะช่วยให้อาการ
ป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น มีการศึกษาเมื่อปี
1995 พบว่าหากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000มิลลิกรัมต่อวันตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัด จะช่วยให้หาย
ได้เร็วขึ้น
21% แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่าวิตามินซีสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้

 วิตามินซีช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้นเนื่องจาก วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซลทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง
และต่อต้านอาการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้นในทางกลับกันการขาด วิตามินซี ก็สงผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน 
หากรับประทาน วิตามินซี เป็นประจำทุกวัน
มันจะ
ช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาเซลที่ถูกทำลายและช่วยให้แผลที่เหงือกหายเร็ว

 เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจโดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับ คลอเรสเตอรอล ในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับ
วิตามินอีโดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด
เนื่องจาก วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี มันจึงอาจจะช่วยในการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็งได้
มีการศึกษาอย่างมากในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจนโดยยังมีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยววิตามินซีกับการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็ง

ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจาก วิตามินซีสามารถช่วยปกป้องเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลตที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิด
โรคต้อกระจกมีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย
10 ปีพบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต้อกระจกลดลงถึง77%

 บรรเทาอาการแพ้ หอบหืดไซนัสทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆเช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้ ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้
ก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัสนอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า วิตามินซี ช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น


ช่วยป้องกันอาการไมเกรน เมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดย วิตามินซีจะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น

ช่วยเรื่องความจำ โดย วิตามินซี จะไปช่วยรักษาสภาพของเซลประสาทและจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆเช่น วิตามินอี แคโรทีน
 กิงโกะไบโลบ้าและโคเอนไซม์
Q10


ขนาดที่รับประทานJ
ในสภาวะปกติปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ60 มิลลิกรัมต่อวัน(แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน)อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อ
ประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทานอย่างน้อย
100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้งกัน
โรคต่างๆเช่น มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน
250 – 1,000 มิลลิกรัม
หากเราได้รับวิตามินซี น้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ ก็จะเกิดลักปิดลักเปิดซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ต้องกังวัลว่าจะได้รับมากเกินไปเนื่องจาก
วิตามินซี สามารถละลายน้ำได้ดีหากร่างกายไม่ได้ใช้ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะอีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิดจากการรับประทาน วิตามินซี แม้จะรับประทานในปริมาณ
ที่สูงกว่า
6,000-18,000มิลลิกรัม


ข้อปฏิบัติในการรับประทานเพื่อประโยชน์สูงสุด
J

=เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆเช่น วิตามินอี ฟลาโวนอย จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ วิตามินซี
=เพื่อสุขภาพทั่วไปควรรับประทานอย่างน้อย500มิลลิกรัมต่อวัน
=สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกันควรรับประทาน 1,000 – 6,000มิลลิกรัมขึ้นกับโรคแต่ละชนิด
=การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวันสามารถแบ่งรับประทานเป็นหลายๆครั้งต่อวัน
=การรับประทาน วิตามินซี ไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหารหรือทานอาหารก่อนการรับประทาน
=ยังไม่มีรายงานว่าวิตามินซี ชนิดพิเศษพวก Esterifies วิตามินซี จะให้ผลดีกว่าวิตามินซีแบบธรรมดา


ข้อควรระวัง
การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น CopperSelenium
การรับประทานในปริมาณสูงๆอาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้
วิตามินซีทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีจึงอาจจะเกิดภาวะได้รับธาตุเหล็กเกิน


โทษของวิตามินซีอันตรายจากการขาดวิตามินซี
ผู้ที่ขาดวิตามินซีมักมีอาการอ่อนเพลียเบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก แผล หายช้า เนื่องจากวิตามินซีทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซม
ส่วนที่สึกหรอของร่างกาย การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอและทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหายช้ากว่าปกติเป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย
คุณสมบัติของวิตามินซี คือ เป็นตัวต่อต้านสารก่อมะเร็งและช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันถ้าร่างกายขาดวิตามินซีจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลงและทำให้ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย
 เป็นโรคลักปิดลักเปิดในกรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซีน้อยกว่าวันละ
10 มิลลิกรัม อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิดได้หากร่างกายขาดวิตามินซีมากเกินปกติอาจทำให้มีลูกยากเป็นโรคโลหิตจาง
และมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้

อันตรายจากการได้รับวิตามินซีมากเกินไป
เกาต์เนื่องจากวิตามินซีมีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกายการรับวิตามินซีในปริมาณมากจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อ ต่อต่างๆมากขึ้นและอาจทำให้เกิด
โรคเกาต์ได้ในที่สุดนิ่วในไตการได้รับวิตามินซีมากเกินไปอาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียมซึ่งส่งผลให้มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต หากได้รับวิตามินซีเกินวันละ
10,000 มิลลิกรัม
อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้




ที่มา :

https://www.google.co.th/webhp?source=search_app&gws_rd=cr&ei=wB83UqCJOIKTrgepiYDYCg#q=%E0%B8%9B%E0%B8%
A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C+%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5

//www.healthdd.com/article/article_preview.php?id=42

//www.huasenghong.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=81:81&catid=9:newevent&Itemid=8

//minebeauty.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0
%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5/




 

Create Date : 17 กันยายน 2556    
Last Update : 17 กันยายน 2556 18:12:39 น.
Counter : 292 Pageviews.  

คอลลาเจน ช่วยให้ผิวสวยจริงหรือ ?

คอลลาเจน ( Collagen ) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คือ Kolla ซึ่งแปลว่ากาว
คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้ ทำหน้าที่เสริมความเรียบตึงให้แก่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเรียบ เนียน

Smiley
ในวัยเด็ก คอลลาเจน ยังไม่เสื่อมสลายและมีจำนวนมากจึงทำให้เห็นว่าเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มสาวมีผิวหนังที่เต่งตึงแต่เมื่อมีวัยมากขึ้น
 เส้นใย คอลลาเจน เหล่านี้จะเสื่อมสลายและมีปริมาณลดลงทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลง อันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย ยิ่งสูงวัยขึ้นเท่าใดริ้วรอยแห่งวัยก็เห็นชัดขึ้น
เท่านั้นริ้วรอยแรกที่มาเยือนที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ รอยตีนกาเนื่องจากผิวหนังรอบดวงตามีความบอบบางมากอีกทั้งกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เป็นกล้ามเนื้อวงกลม ไม่มีอะไรยึดผิว
รอบดวงตาก็เลยจะเหี่ยวมากกว่าที่อื่น
อย่างไรก็ตามเราสามารถเสริมสร้าง คอลลาเจน ให้แก่ร่างกายได้เพื่อลดรอยเหี่ยวย่นด้วยการรับประทาน คอลลาเจน หรือ วิธีการฉีด คอลลาเจน
 เข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้แต่วิธีการฉีดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญดังนั้นวิธีการรับประทานจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

Smiley คอลลาเจน มีส่วนช่วยในการป้องกันอวัยวะในร่างกายและเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้อยู่ด้วยกัน ช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรงและยืดหยุ่นดี ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมา
ไม่ติดขัดโดยเฉพาะข้อต่อในการรับน้ำหนักและขยับเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ เช่นเดินหรือวิ่งเป็นต้น

นอกจากนี้คอลลาเจนยังเป็นตัวช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้นเสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับโดยทำงานคู่กับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ชื่อ “อิลาสติน ” ( Elastin )
ในขณะที่ คอลลาเจนมีหน้าที่เสมือนโครงร่างผิว อีลาสติน ก็ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิวควบคู่กันไปด้วย
ร่างกายของคนเรานั้นจะมีคอลลาเจน หนาแน่นในวัยเด็ก และจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลง
ตามกาลเวลาจึงเห็นได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจน เหล่านี้จะเสื่อมสลายทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลงอันเป็นสาเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย รวมถึงการเกิดปัญหาข้อเสื่อมกระดูกเสื่อม
 อันเนื่องมาจาก คอลลาเจน ใน กระดูก ลดลง ทำให้ กระดูกไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ขาดความยืดหยุ่น เปราะหักง่าย เป็นต้น

คอลลาเจนเกี่ยวอะไรกับผิวสวย?

ภายในผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่ประกอบด้วยคอลลาเจนถึง75% ความอุดมสมบูรณ์ของคอลลาเจนจึงมีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นนุ่มนวลมีความยืดหยุ่นดีทำให้ผิวเต่งตึง
กระชับซึ่งเป็นคุณลักษณะของผิวเยาว์วัยที่ไม่เหี่ยวย่นไม่มีริ้วรอยและตีนกาเป็นผิวที่ทุกคนเป็นเจ้าของในช่วงวัยเด็กและวัยสาวก่อนอายุจะย่าง
30 ทั้งนี้เพราะภายในชั้นผิวของเรามีความอุดมสมบูรณ์ของ
คอลลาเจนสูง


ถ้าทาคอลลาเจนที่ผิวจะได้ผลไหม
?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างใหญ่มากไม่สามารถซึมผ่านเข้าไปในชั้นหนังแท้ (Dermis)ได้ดังนั้นการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนทาที่ผิวคอลลาเจน
จะซึมผ่านเข้าไปในผิวชั้นหนังแท้ (
Dermis) ได้วิธีเพิ่มคอลลาเจนคืนกลับให้ผิวได้ผลคือการฉีดเข้าใต้ผิวหนังและการรับประทานเท่านั้นแต่การรับประทานจะเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกกว่าและนำคอลลาเจน
เข้าไปเสริมสร้างผิวพรรณทั้งใบหน้าและทั่วทั้งร่างอีกทั้งเข้าไปเสริมสร้างเส้นผมให้เงางาม เล็บมือเล็บเท้าไม่เปราะหักง่ายเพราะคอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่เป็นโครงสร้างของผมและเล็บที่งอกใหม่
ออกมาทุกวันในขณะที่การฉีดจะเสริมคอลลาเจนได้เฉพาะที่เท่านั้น


การเสริมสร้างคอลลาเจนด้วยการรับประทาน มีการนำสารสกัดโปรตีนจากปลาทะเลบางประเภทซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้างของคอลลาเจนของผิวคน โดยวิธีการ (Enzymatic Hydrolysis), มาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้วพบว่าภายหลังการรับประทานไประยะหนึ่ง จะสามารถช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและช่วยให้ริ้วรอยต่างๆจางหาย การนำสารสกัดโปรตีนคอลลาเจนเข้าสู่
ร่างกายเพื่อผลในการบำรุงผิว และลดริ้วรอยนั้น ปกติทำได้
2 วิธีคือ โดยการรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือโดนการฉีดเข้าใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้ วิธีการรับประทานจึงเป็นวิธีการที่สะดวก
กว่าผลที่ได้รับจากการบริโภคคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องจะช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนังลดริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังอย่างได้ผล และทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น นุ่มเนียนขึ้น

คอลลาเจนโปรตีน เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มากดังนั้นคอลลาเจนไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา ส่วนครีมต่างๆที่มีขายตามท้องตลาด ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนก็จะเป็น
การผลักคอลลาเจนให้อยู่ได้แค่ชั้นหนังกำพร้าแต่เนื่องจากคอลลาเจนมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ประมาณ
30 เท่าของน้ำหนักตัวมัน ทำให้ผิวหนังกำหร้าชุ่มชื้นแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างแท้จริง
เพราะการเสริมสร้างคอลลาเจนจะต้องเข้าสู่ด้วยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง และการรับประทานเท่านั้น

การใช้คอลลาเจน
ระยะเวลาเห็นผล30 – 60 วัน
ริ้วรอยตื้นขึ้น
50%
ผิวที่หย่อนยามกระชับขึ้น
60%
ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น
45%
ผม และ เล็บแข็งแรง และ หนาขึ้น








ที่มา
: //shinemybody.com/supplementary-foo-for-skin/

//nuchiz.blogspot.com/2007/12/blog-post.html

//dusitahealthshop.weloveshopping.com/store/article/view/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A
5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B
8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3_%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E
0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%A
2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-128453-th.html




 

Create Date : 17 กันยายน 2556    
Last Update : 17 กันยายน 2556 18:08:24 น.
Counter : 694 Pageviews.  


Mafrey
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mafrey's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.