วิตามินซีช่วยให้ขาวจริงหรือไม่ ?
วิตามินซี พบมากในผลไม้รสเปรี้ยวผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียว แคนตาลูป มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ พริกไทยเป็นต้น ซึ่งประโยชน์ของวิตามินซี มีมากมายแต่ไม่ควรทานเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะนอกจากทานไปก็ไม่ช่วยอะไรแล้วยังอันตรายต่อร่างกายด้วยส่วนปริมาณต่ำสุดที่ควรทานต่อวัน ก็ไม่ควรน้อยกว่า 60 100 มิลลิกรัมไม่อย่างนั้นอาจเกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น ผิวพรรณหมองคล้ำ อ่อนเพลียมีเลือดออกตามไรฟัน และเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา เราทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่าวิตามินซี มีประโยชน์มากมากหลายอย่าง ไม่ว่าจะช่วยปกป้องเซล เสริมสร้างภูมิคุ้มกันสุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อใน ร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็น และคอลลาเจนก็มีผลมาจากปริมาณ วิตามินซี ในร่างกาย และ วิตามินซียังมีฤทธิ์ในการเป็นสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่ดีจึงสามารถ ป้องกันการทำลายเซลจากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดีและมันช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน วิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆเช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น นอกจากนี้วิตามินซี ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีก คือ - วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด หากเริ่มรับประทาน วิตามินซีตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัดจะช่วยให้อาการ ป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น มีการศึกษาเมื่อปี 1995 พบว่าหากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000มิลลิกรัมต่อวันตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัด จะช่วยให้หาย ได้เร็วขึ้น 21% แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่าวิตามินซีสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้ - วิตามินซีช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้นเนื่องจาก วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซลทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านอาการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้นในทางกลับกันการขาด วิตามินซี ก็สงผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน หากรับประทาน วิตามินซี เป็นประจำทุกวัน มันจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาเซลที่ถูกทำลายและช่วยให้แผลที่เหงือกหายเร็ว - เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจโดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับ คลอเรสเตอรอล ในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับ วิตามินอีโดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดเนื่องจาก วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี มันจึงอาจจะช่วยในการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ มีการศึกษาอย่างมากในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจนโดยยังมีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยววิตามินซีกับการป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็ง - ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจาก วิตามินซีสามารถช่วยปกป้องเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลตที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิด โรคต้อกระจกมีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปีพบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต้อกระจกลดลงถึง77% - บรรเทาอาการแพ้ หอบหืดไซนัสทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆเช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้ ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้ ก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัสนอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า วิตามินซี ช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น - ช่วยป้องกันอาการไมเกรน เมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดย วิตามินซีจะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น - ช่วยเรื่องความจำ โดย วิตามินซี จะไปช่วยรักษาสภาพของเซลประสาทและจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆเช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้าและโคเอนไซม์Q10
ขนาดที่รับประทานJ ในสภาวะปกติปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ60 มิลลิกรัมต่อวัน(แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน)อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อ ประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทานอย่างน้อย100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้งกัน โรคต่างๆเช่น มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 250 1,000 มิลลิกรัม หากเราได้รับวิตามินซี น้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ ก็จะเกิดลักปิดลักเปิดซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ต้องกังวัลว่าจะได้รับมากเกินไปเนื่องจาก วิตามินซี สามารถละลายน้ำได้ดีหากร่างกายไม่ได้ใช้ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะอีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิดจากการรับประทาน วิตามินซี แม้จะรับประทานในปริมาณ ที่สูงกว่า6,000-18,000มิลลิกรัม
ข้อปฏิบัติในการรับประทานเพื่อประโยชน์สูงสุดJ
=เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆเช่น วิตามินอี ฟลาโวนอย จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ วิตามินซี =เพื่อสุขภาพทั่วไปควรรับประทานอย่างน้อย500มิลลิกรัมต่อวัน =สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกันควรรับประทาน 1,000 6,000มิลลิกรัมขึ้นกับโรคแต่ละชนิด =การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวันสามารถแบ่งรับประทานเป็นหลายๆครั้งต่อวัน =การรับประทาน วิตามินซี ไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหารหรือทานอาหารก่อนการรับประทาน =ยังไม่มีรายงานว่าวิตามินซี ชนิดพิเศษพวก Esterifies วิตามินซี จะให้ผลดีกว่าวิตามินซีแบบธรรมดา ข้อควรระวัง การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น CopperSelenium การรับประทานในปริมาณสูงๆอาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้ วิตามินซีทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีจึงอาจจะเกิดภาวะได้รับธาตุเหล็กเกิน โทษของวิตามินซีอันตรายจากการขาดวิตามินซี ผู้ที่ขาดวิตามินซีมักมีอาการอ่อนเพลียเบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก แผล หายช้า เนื่องจากวิตามินซีทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอของร่างกาย การได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอและทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหายช้ากว่าปกติเป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย คุณสมบัติของวิตามินซี คือ เป็นตัวต่อต้านสารก่อมะเร็งและช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันถ้าร่างกายขาดวิตามินซีจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลงและทำให้ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย เป็นโรคลักปิดลักเปิดในกรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซีน้อยกว่าวันละ 10 มิลลิกรัม อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิดได้หากร่างกายขาดวิตามินซีมากเกินปกติอาจทำให้มีลูกยากเป็นโรคโลหิตจาง และมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้
อันตรายจากการได้รับวิตามินซีมากเกินไป เกาต์เนื่องจากวิตามินซีมีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกายการรับวิตามินซีในปริมาณมากจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อ ต่อต่างๆมากขึ้นและอาจทำให้เกิด โรคเกาต์ได้ในที่สุดนิ่วในไตการได้รับวิตามินซีมากเกินไปอาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียมซึ่งส่งผลให้มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต หากได้รับวิตามินซีเกินวันละ 10,000 มิลลิกรัม อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้
ที่มา : https://www.google.co.th/webhp?source=search_app&gws_rd=cr&ei=wB83UqCJOIKTrgepiYDYCg#q=%E0%B8%9B%E0%B8% A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C+%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5 //www.healthdd.com/article/article_preview.php?id=42 //www.huasenghong.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=81:81&catid=9:newevent&Itemid=8 //minebeauty.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0 %B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5/
Create Date : 17 กันยายน 2556 | | |
Last Update : 17 กันยายน 2556 18:12:39 น. |
Counter : 292 Pageviews. |
| |
|
|
|