แิอแคลร์ ก็คือครีมพัฟ

วันนี้เอารูปที่ลองทำแอแคลร์ไว้นาน....หลายเดือนแล้วกว่าจะได้เอามาลง นานจนลืม ไม่แน่ใจว่าก๊อปปี้สูตรใครมาวันนี้เอารูปและขั้นตอนไปก่อนนะคะ ขอติดสูตรไว้ก่อน

ที่ต้องทำมีในส่วนของตัวเปลือกและ ตัวครีม คือมันทำง่าย กินง่าย ทำเสร็จแล้วใส่กล่องปิดดีๆเข้าตู้เย็นอยู่ได้หลายวันเลยคะ

เริ่มที่ตัวเปลือก่อน

1. เอาแป้งร่อนกับผงฟูแล้วก็พักไว้


2. ใส่เนยลงในน้ำเปล่า


3. เอาไปตั้งไฟ


4. รอให้เดือด ปิดไฟใส่แป้งรีบๆคน


5. เปิดไฟอ่อน ค่อยผัดไปตัวแป้งจะค่อยๆ ร่อน จากขอบหม้อ (แนะนำว่าใช้ไม้พายดีกว่าใช้ตะกร้อครีมมันชอบเข้าไปติดในกระกร้อม ต้องค่อยสะบัดออก )เอาให้แห้งกว่าในรูปหน่อยนะคะ


6. พอแป้งได้แล้ว ก็ยกลงเอาเครื่องตี ตีแป้งสะหน่อย ให้ความร้อนลดลง เหลืออุ่นๆ

7. ตอกไข่ใส่กลิ่นวนิลาและตีให้เหมือนไข่เจียวแต่เอาแค่พอเข้ากันพอ ไม่ต้องตีให้ฟูเหมือนตอนจะเจียวไข่นะ ค่อยๆใส่ไข่ใน แป้งต้องอุ่นแล้วถ้าใส่ไปตอนที่แป้งยังร้อนอยู่ไข่จะสุกสะก่อน(แนะนำว่าใครมีเครื่องตีไข่แบบมือถือก็ได้ ใช้เครื่องจะผสมเข้ากันง่ายกว่าใช้ตะกร้อมือ)ก็ตีให้แป้งกับไข่เข้ากัน


8. เอาแป้งที่ตีเสร็จแล้วใส่ถุงหรือ ถุงบีบเค้ก บนถาดที่ทาเนยขาวไว้ วันนี้บีบบนถาดที่ทากระดาษเคลือบไข (ใครเตาเล็กอบไม่หมดส่วนที่เหลือไปพักรอในตู้เย็นได้คะ)

9. อบด้วยไฟสูงหน่อยนะ 220 c ประมาณ 10-12 นาที

10. อบสุกแล้วเอามาพักบนตะแกรงให้เย็น ถ้ายังไม่บีบก็เก็บใส่กล่องไว้ อย่าทิ้งตากลมไว้เดี๋ยวจะแข็งสะเปล่า



ต่อไปมาดูส่วนของไส้ครีมบ้าง

1. ส่วนผสมตัวไส้ครีม


2. เอาเกลือใส่ลงไปในน้ำ


3. ไข่กับน้ำตาลใส่ในอ่างตีให้เข้ากันเป็นครีม (อันนี้มีมือขยันมาช่วย น้ำตาลยังไม่ค่อยเข้ากัน ก็ไม่เอาแล้ว เพราะหนูเมื่อยมือคะ) ก็เลยเอาแค่พอเข้ากัน


4. เติมน้ำ ,นม ,แป้ง


5. นำไปตุ๋นบนเตา(ตุ๋นโดยเอาหม้อสองใบซ้อนกัน วิธีนี้จะช่วยให้ไส้เนียนและไม่ไหม้ด้วยคะแต่อาจจะสุกช้ากว่าการเอาไปตั้งไฟโดยตรง)


6. พอครีมเดือดเห็นรอยตะกร้อ ก็ปิดไฟใส่เนย


7. คนให้เนยละลายเข้ากันกับเนื้อครีมใส่กลิ่นวนิลา ก่อนจะเอามาบีบใส่ตัวเปลือกต้องทิ้งให้ครีมเย็นก่อนนะคะ ไม่งั้นจะเสียง่าย


8. บีบไส้ไม่สวยนะคะ ยังกะไม่ถูกว่าจะใส่ประมาณไหนก็ใส่ไปจนไส้ปลิ้นถึงหยุด

ลองชิมดูไส้รสชาดOKนะคะ หวานมัน แต่เปลือกแข็งไปหน่อย เปลือกกลวงดีใส่ไส้ได้เยอะ กินไม่หมดใส่กล่องไว้ในตู้เย็นนะคะ จะเก็บได้หลายวัน กินเย็นอร่อยดีคะ


 ปล. ภาพอาจไม่ครบทุกขั้นตอน แต่ลองดูนะคะทำง่ายมากๆ สูตรติดไว้ก่อน จะมาแปะให้ทีหลัง แต่ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นสูตรคุณตรีนะคะ

........................................................................................................

แปะสูตรแล้วคะ 

ส่วนผสมตัวเปลือก

1.แป้งสาลีบัวแดง หรือ ว่าว 110 g

2.น้ำสะอาด 195 g

3.เนยสด 95 g

4.ไข่ไก่#0 3 ฟอง

5.ผงฟู 1  ชช.

6.น้ำตาลทราย ½ ชต.

ไส้ครีม

1.น้ำตาลทราย 155 g

2.ไข่ไก่ 2 ฟอง

3.นมข้นจืด 240 g

4.เกลือ ¼ ชช.

5.น้ำสะอาด 240 g

6.แป้งข้าวโพด 50 g

7.เนยสด 50 g








 

Create Date : 11 มกราคม 2556   
Last Update : 17 มกราคม 2556 13:22:23 น.   
Counter : 3563 Pageviews.  

สปันจ์ชาเขียว......ขอสปันจ์อีกสักครั้ง

วัตถุดิบที่จะใช้สูตรเดียวกันตัวสปันจ์เค้กส้มแต่วันนี้ทำสูตร 6ปอนด์นะคะมีต่างนิดหน่อยใส่ผงชาเขียวลงไปในน้ำสะอาด โดยเอาน้ำร้อนใส่ผงชาเขียวลงไปสัก 2 ช้อนชา แล้วก็ทิ้งให้เย็นทุกอย่างต้องอยูในอุณหภูมิห้องคะ

ไข่อยู่ในตู้เย็นถ้ารอให้คลายเย็นคงอีกนาน ก็เอาน้ำอุ่นๆ แล้วก็แช่ไข่ไว้สักครู่จับดูพอไข่ไม่เย็นแล้วก็เอาขึ้นได้ อย่าแช่น้ำร้อนจนไข่สุกนะคะ

เริ่มเลยใส่ทุกอย่างลงในอ่าง ยกเว้นไขมัน คือ นม, เนย (บางคนอาจจะใส่นมไปตอนนี้แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าใส่ที่หลัง จะตีไข่ขึ้นง่ายกว่า)

ใส่ทุกอย่างหมดแล้วอย่าลืมตัวช่วยเอกของเรา SPนั่นเอง

เริ่มจากความเร็วต่ำๆให้ทุกอย่างกระจายตัวเข้ากัน สักหนึ่งนาที

แล้วก็เปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสักเบอร์ 8 จับเวลาที่ 5 นาที อย่างในรูปนี่จำไม่ได้น่าจะประมาณที่ 3 นาทีสังเกตลักษณะครีมที่ตีได้ยังไม่ข้นอยู่ตัวเลย แบบนี้คือใช้ไม่ได้นะใครใส่ไปตอนนี้ตอบได้เลยว่าเนื้อเค้กที่อบได้จะ หนักแน่น เนยจมก้น เป็นไตแน่นอน


แป้งมีผงฟูและใส่น้ำตาลในสูตรไปนิดนึง เคล้าให้เข้ากันนะ ผงฟูจะได้กระจายไปทั่วๆ น้ำตาลจะช่วยขัดให้แป้งละเอียดขึ้น แล้วก็ร่อนสัก 2 ครั้ง เสร็จแล้วก็พักไว้


ครบเวลา5 นาที เนื้อจะข้นขึ้นเห็นรอยตะกร้อชัดเจน แต่ก็ยังดูเบาๆ อยู่ เนื่องจากยังไม่ได้ใส่แป้งลงไป

ลดความเร็วต่ำตีไล่ฟองอากาศสัก5 นาทีเนื้อที่จะละเอียดขึ้น เพราะเราได้ตีไล่ฟองอากาศออกไปแล้ว


ยังคงเปิดเครื่องด้วยความเร็วต่ำทยอยใส่แป้งลงไป โดยใส่ไปข้างๆ อ่างนะ ตีพอหมดผงแป้ง ก็ประมาณ 1นาที เอาอ่างออกจากเครื่อง ใช้พายกวาดแป้งที่เกาะอยู่ข้างๆ ลงมาเอาพายกวาดไปให้ทั่วอ่างเลย เอาให้ถึงก้น กวาดให้ทั่วทุกซอกมุมเลยนะ ที่เห็นเป็นเม็ดๆ นั่นคือผงชาเขียวนะคะยังไงจะไม่ละลายเข้ากันเนื้อเค้กอยู่แล้ว

เอาอ่างกลับเครื่องอีกครั้งปรับความเร็วกลางๆ สักเบอร์ 6ตีไปประมาณ 3นาที เราจะตีแค่พอให้แป้งเข้ากันเนื้อครีมเท่านั้นนะ ครบเวลาแล้วดูเนื้อที่ได้จะมีลักษณะข้นอยู่ตัวกว่าทุกภาพที่พามา เนื่องจากมีแป้งเป็นส่วนผสมแล้ว

ดูเนื้อที่ได้เมื่อผสมแป้งแล้วชัดๆนะ


เอาอ่างออกมากวาดด้วยพายอีกสักครั้ง


เอาเนยไปละลายใส่นม กลิ่น ตีถึงขั้นนี้แล้ว ก็ลองดูว่าเนื้อครีมที่ได้เราพอใจสีมันหรือยังถ้าคิดว่าสีอ่อนไป ก็เติมสีเขียวไปในเนยได้เลย ลืมบอกไปชาเขียวที่เราใช้ไม่เคยมีกลิ่น แล้วเราก็ไม่มีกลิ่นชาเขียวด้วยเราใช้วนิลาผสมกับกลิ่นนมเนยอย่างละครึ่งคะ


เอาอ่างเข้าเครื่องอีกครั้งเปิดความเร็วต่ำ ๆ ค่อยใส่เนยที่ผสมไว้แล้วลงไป ตีไปจนเนยเข้ากันกับเนื้อครีม

เนื้อที่ได้หลังจากใส่แป้งเรียบร้อยแล้วยังคงมีความข้นอยู่นะ

เพิ่งจะมารู้ว่าฟอยด์ไม่พอ ก็ใส่ไปแบบล้นๆ แล้วกัน

อยู่ในเตาหัวปูดปูน เพราะใส่จนล้น พออบเสร็จติดกันเป็นแพ แต่พอเย็นแล้วก็หลุดจากกันเอง หดนิดหน่อยนะคะ ไม่มากแต่ราดหน้าไม่ได้ละ กินแบบนี้แล้วกันเนื้อที่ได้จะเบากว่าการตีแบบสปันจ์เค้กส้มก่อนหน้านี้นะคะอันนั้นจะมีเนื้อมากกว่า ตัวนี้นุ่มเบาเชียว

ลาไปแล้วคะ ขอบคุณเพื่อนที่แวะมา




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 8:13:10 น.   
Counter : 8074 Pageviews.  

หน้าซอสส้ม....สำหรับราดสปันจ์เค้ก (ตามสัญญา)


งวดก่อนทำแต่ตัวสปันจ์เค้กไว้วันนี้มาทำตัวซอสส้มต่อคะ ตามรูปที่ลงเป็นสูตร สำหรับเค้ก 6 ปอนด์ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้าแล้วว่าทำใส่ด้วยฟอยด์ดันจำเบอร์ถ้วยผิดอีก ที่ถูกต้องเป็นเบอร์ 3404 นะคะ ต้องการให้มีหน้าเยอะๆ ก็เลยใส่เนื้อเค้กน้อยๆ แช่เย็นอร่อยดี ทำง่ายด้วย อย่าพูดเยอะ ไปทำกัน

เริ่มจากชั่งน้ำตาล180 กรัม

ตามด้วยแป้งกวนไส้  ใครไม่มีและไม่ได้ต้องการให้มันใสมากมาย  ก็ใช้แป้งข้าวโพดแทนได้นะคะ สีจะขุ่นหน่อยแต่รสชาดไม่เปลี่ยน แถมถูกกว่าแป้งกวนไส้ตั้งเยอะ ในรูปนี้ลืมลบน้ำหนักของน้ำตาลออกจริงๆแล้ว  แป้งแค่ 50 กรัม


น้ำส้มซันควิสเลือกแบบสีเข้ม ฝาสีส้มนะ จะได้ไม่ต้องใส่สีเพิ่ม เคยใช้อีกยี่ห้อ ของมาเลเซีย ยี่ห้อ sun-up ก็โออยู่นะ บางคนบอกอร่อยกว่า ก็แล้วแต่คนชอบหารูปมาให้ดูด้วย


น้ำสะอาด600 กรัม(ตามที่อาจารย์เคยสอนมาว่า ในหนึ่งสูตร บวกลบ ไม่เกิน 5 กรัม ไม่มีผลต่อเนื้อขนมที่ได้เนื้อจากมันน้อยมาก เพราะงั้นในรูปทั้งหมดนี้ อะไรเกินมานิดหน่อยๆก็เลยตามเลยนะคะ)


เนยสดตามสูตร 50กรัมอันนี้เกินเยอะนิดหนึ่ง แต่ไม่เป็นไร หอมมันดี ไม่ได้ทำให้ซอสเหลวขึ้นก็เลยตามเลยอีกเหมือนกัน

เอาทุกอย่างลงหม้อรวมกันยกเว้นเนย ใช้ตะกร้อคนๆ ให้ทุกอย่างกระจายตัวเข้ากันหน่อยนะ


นำไปตั้งเตาด้วยไฟกลางอย่าแรงมาก เดี๋ยวแป้งเป็นลูกๆ ทั้งๆที่ยังไม่สุก ค่อยๆ คนไปแป้งจะเปลี่ยนจากขุ่นเป็นใส เห็นรอยตะกร้อจางๆ ก็ถือว่าใช้ได้ใครทำแล้วไม่ยอมข้นสักที หรือ ทำเสร็จแล้วใส่เกินไปก็เอาแป้งละลายน้ำเพิ่มนิดหน่อยมาใส่และนำไปตั้งเตาเปิดไฟกวนใหม่ได้นะคะ(เคยทำแล้วOKตอนนั้นคำนวณสูตรผิดไม่ข้นสักทีก็เพิ่มแป้งที่หลังก็ได้อยู่นะ)


ปิดไฟใส่เนย


คนให้เนยละลายและให้ซอสคลายความร้อนลงหน่อย แล้วค่อยไปราดหน้าเค้กนะคะ ถ้าราดตอนที่ร้อนเกินไปเนื้อเค้กจะหลุดขึ้นมาเป็นปุยๆ ลอยขึ้นมาไม่สวยและเอาออกยากด้วย เอาให้คลายเย็นหน่อย  แต่ไม่ถึงขนาดเย็นเลยไม่งั้นจะเทแล้วหน้าไม่เรียบอีก อันหลังๆ ที่เหลือจากกวาดข้างหม้อมักจะไม่ค่อยเรียบแล้ว ก็เอาไม้ปลายแหลม วนๆให้เป็นลายเลยสวยไปอีกแบบ

ลาไปแล้วนะคะงวดหน้าเจอสปันจ์กันอีกสักครั้ง  แต่ตีด้วยเครื่อง kitchen aid เป็นสปันจ์ชาเขียว ขอบคุณทุกคนที่แวะมาคะ




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2555 16:46:44 น.   
Counter : 50125 Pageviews.  

สปันจ์เค้ก นุ่มๆ หอมๆ (ตีอีกแบบนะตัวเอง)

สัญญากับตัวเองว่าถ้ายังทำรีวิวเรื่องเที่ยวไม่เสร็จจะไม่แวะมาเรื่องทำขนมแต่ก็ผิดสัญญาอีกจนได้ วันที่พฤหัสบดีที่ผ่านมาแวะไปถวายปัจจัยที่ได้จากการดูไพ่ถวายกฐินที่วัดสนามใน ก็เลยทำกุ้งอบวุ้นเส้น และเค้กส้มไปถวายเพลด้วย

ตั้งใจถ่ายรูปไว้งวดนี้ขั้นตอนครบ แต่ภาพยังไม่ชัดเหมือนเดิม แปลว่าแก่ทั้งคนและกล้อง งวดวิธีตีอีกแบบนะคะ ไม่ใช้ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้สูตรอยู่ล่างสุดนะคุ

วัตถุดิบที่เราจะใช้กันตกรูปเกลือไปนะ มีเกลือด้วย วันนี้ทำสปันจ์เค้กสูตร 3 ปอนด์ ของทุกอย่างต้องอยู่ในอุณหภูมิห้องไข่ถ้าเก็บในต้องเย็นต้องทิ้งให้คายเย็นก่อน แต่ถ้ารีบให้เอาน้ำอุ่นๆแช่ไข่สักครู่ (แช่ทั้งเปลือกนะตัว)

ในแป้งนี้มีผงฟูอยู่ด้วยแล้ว แบ่งน้ำตาลจากในสูตร ใส่ในแบ่งหน่อยหนึ่งเวลาร่อนแป้งจะช่วยให้แป้งละเอียดขึ้น

คราวก่อนใช้เครื่องใหญ่วันนี้มาทำแบบรุ่นเล็กบ้าง ถ้าทำสูตรเล็กๆ ตีด้วยเครื่องตัวเล็กเนื้อที่ได้จะดีกว่านะคะ

ส่วนตัวคิดว่าเอาเกลือใส่กับส่วนผสมอื่นๆดีกว่าไปใส่ร่อนกับแป้งนะคะ เนื่องจากเกลือจะไปลดประสิทธิภาพของผงฟูลง งั้นก็ใส่เกลือ, น้ำสะอาด, น้ำตาล, ไข่ ไข่ควรตอกใส่ภาชนะอื่นก่อนค่อยใส่ในอ่างจะดีกว่า ชอบง่ายๆ ตอกใส่ลงไปเลยที่เดียว จนวันหนึ่งโดนจนได้ ทำสูตร 6 ปอนด์เจอไข่เน่าใบสุดท้ายพอดี เป็นบทเรียนอย่ามักง่ายตอกที่ละใบดีกว่า


Spป้ายหัวตะกร้อหรือ จะใส่ลงไปเลยก็ได้ แต่วันนี้ตั้งใจถ่าย ก็ต้องตามตำราหน่อยหนึ่ง (sp เคยพูดหลายครั้งแล้วรวมทั้งวิธีการเก็บรักษา วันนี้จึงข้ามไปนะคะ)


ตีด้วยสปรีดเบอร์ 1 ให้ส่วนผสมเข้ากันครบเวลาแล้ว เอาพายคนๆให้ทั่วอ่างสักนิดหนึ่ง มักจะมีน้ำตาล และ sp นอนติดก้นอ่างก็ช่วยคนๆ จะได้กระจายตีขึ้นง่ายๆ

เปลี่ยนเป็นสปรีดสูงสุดเบอร์5 เพื่อเอาฟองอากาศเข้าไปตามตำราว่าไว้ไข่จะขึ้นสูงสุดที่เวลา 5 นาที แต่อย่าเถรตรงเรื่องเวลามากนัก ยังที่หลายๆคนบอกไว้มันมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้อง ส่วนตัวกับเจ้าotto มักจะตั้งให้เลยไปนิดหน่อย

ผ่านไป2-3 นาที ไข่เริ่มขึ้นเนื้อจะข้นขึ้น จนสามารถที่จะยกขึ้นได้ (ใครที่เคยทำโดยเอานมใส่ไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วตีนานกว่าจะขึ้น แนะนำให้เอามาใส่ตอนหลังพร้อมเนยคะ เดี๋ยวทำให้ดูนะ)

มาร่อนแป้งรอ แป้งมีผงฟูอยู่ด้วยแล้ว ควรเอาช้อนคนๆ ให้ผงฟูกระจายไปทั่วๆ เราได้แบ่งน้ำตาลนิดหน่อยมาใส่ไปในตอนแรกแล้ว  น้ำตาลจะช่วยขัดให้แป้งละเอียดขึ้นเวลาร่อนนะคะ ก็ร่อนสัก 2 รอบแล้วกัน เสร็จแล้วก็พักไว้ก่อน

วันนี้จะตีไล่ฟองอากาศก่อนที่จะใส่แป้ง  เป็นการตีอีกแบบหนึ่ง  เพื่อหลีกเลี่ยงขนมเหนียว หากเราใส่แป้งไปแล้วตีนานเกินภาพแรกเมื่อครบเวลาในการตีด้วยความเร็วสูง ยกหัวตะกร้อขึ้นแล้ว เนื้อจะต้องมีความข้นอยู่ตัว  แสดงมีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักแป้งได้  ถ้ายังเหลวๆ อยู่ก็ตีต่อไปก่อน อันนี้ได้แล้วก็ตีไล่ฟองอากาศด้วยความเร็วต่ำสัก 5 นาที ภาพที่สองคือเมื่อครบเวลาแล้วเนื้อจะเหลวลงหน่อยไม่ต้องตกใจนะ

ต่อมาเปิดเครื่องด้วยความเร็วต่ำๆ ทยอยใส่แป้งที่ร่อนไว้ ใส่แป้งหมดแล้ว  เอาพายยางช่วยกวาดขณะที่เครื่องตีไปด้วย  เอาสักหนึ่งนาทีพอ รูปที่สองคือเมื่อครบหนึ่งนาที  จะเห็นว่ายังมีแป้งเป็นเม็ดๆ อยู่เ ราจะไม่ตีต่อแล้วนะคะ  เอาอ่างออกจากเครื่องใช้หัวตะกร้อ  หรือพายยาง  เอามาผสมต่อด้วยมือข้างนอก ไม่นานหรอก แป๊บเดียวเท่านั้น ผสมเข้ากันง่าย

เมื่อแป้งเข้ากันแล้ว ก็พักไว้ ก่อนหน้าเอาเนยไปอุ่น เอานิ้วจุ่มดูถ้ายังร้อนเกินก็เอาช้อนคนๆ ให้ความร้อนลดลงสักหน่อย ไม่ต้องรีบ เนื้อเค้กรอได้คะเพราะในสูตรเรามีsp พออุ่นๆ ก็ใส่นม และกลิ่น เอาช้อนคนๆ ให้เข้ากัน

เอาอ่างกลับเข้าเครื่อง เปิดด้วยความเร็วต่ำเบอร์ 1 ทยอยใส่เนยลงไปช้าๆ ใครถนัดทยอยใส่ที่ละช้อนก็ได้ เอาตามถนัด

ใส่เนยหมดแล้ว เอาพายยางช่วยปาดเผื่อมีเนยที่นอนก้นอยู่ ข้อดีของเครื่องรุ่นเล็ก  ก็คือเอาพายช่วยในขณะที่เครื่องทำงานอยู่ได้ อยากบอกว่าอย่ากลัวเรื่องเค้กเป็นไต  ถ้าเนื้อเค้กที่ตีได้ในตอนแรกมีความข้นอยู่ตัว เวลาใส่เนยแล้วไม่แยกอยู่ตัวใครตัวมัน  โอกาสที่เค้กจะเป็นไตจะน้อย ขั้นตอนนี้ไม่ได้จบเวลา  แต่ใช้สังเกตดูว่าเนยเข้ากับเนื้อเค้กดีแล้วก็พอ เพราะเราตีไล่ฟองอากาศมาแล้วก่อนหน้า เนื้อเค้กที่ได้หลังจากการใส่เนย จะเหลวลงอีกก็เป็นเรื่องปกตินะคะ แต่ไม่ใช้เหลวเป็นน้ำเลยไม่ได้นะ อันนั้นเรียกว่าผิดปกติแล้ว

วันนี้ทำใส่ฟอยด์เบอร์4507 ถ้าจำไม่ผิด สปันจ์เค้กถ้าทำใส่ถ้วยฟอยด์  ต้องใส่ให้เยอะกว่าปกติหน่อยเพราะเนื้อเค้กจะเกาะฟอยด์ไม่ค่อยอยู่ แต่วันนี้จงใจใส่ให้น้อยเพราะอยากใส่หน้าเยอะๆ อบที่180 องศา ประมาณ 12 นาที

เสร็จแล้วหดมากมาย แต่ตั้งใจและจงใจให้หด

เพื่อจะได้ราดหน้าได้เยอะๆชอบหน้าหนาๆ เนื้อเค้ก 3 ปอนด์แต่ทำหน้าส้มที่ 6ปอนด์นะคะ บางถ้วยยังไม่เต็มเลย ใช้พายกวาดที่ติดหม้อออกมาทำให้บางถ้วยหน้าเลยดูไม่เรียบ ก็เอาไม้ปลายแหลมทำลายสะเลยพอเย็นแล้วเหมือนลายกุหลาบเลยอ่ะ

สูตรเค้กสปันจ์ ต้นฉบับน่าจะเป็นคุณแหม่ม เทียร่า นะคะ

1.แป้งเค้ก 100 กรัม

2.ผงฟู ½ ช้อนชา

3.เกลือ ¼ ช้อนชา

4.น้ำตาล 100 กรัม

5.น้ำสะอาด 40 กรัม

6.นม 40 กรัม

7.เนยสด 80 กรัม

8.ไข่ 3 ฟอง

9.กลิ่นวานิลา ½ ช้อนชา

10. sp 10 กรัม


สำหรับสูตรหน้าส้มขอเป็นรีวิวถัดไปนะคะ วันนี้ขอบคุณเจ้าของสูตร และ ทุกคนที่แวะมาเยี่ยมคะ




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 6 มกราคม 2557 21:09:10 น.   
Counter : 59817 Pageviews.  

ชิฟฟ่อน เนื้อนุ่ม


ก่อนหน้านี้เราทำบัตเตอร์ครีมไปแล้ว วันนี้เรามาทำชิฟฟ่อนกันคะ

ส่วนประกอบแป้งเค้ก, ผงฟู, เกลือ, น้ำเปล่า, นมข้มจืด, ไข่, น้ำมันพืช, น้ำตาม


แป้งที่เราชั่งไว้มีทั้งผงฟู และเกลือ เอาช้อนคนๆให้ผสมกันก่อนนะคะ ผงฟูจะได้กระจายไปทั่ว


ตักน้ำตาลจากในสูตรออกมานิดหนึ่ง  น้ำตาลจะช่วยให้แป้งละเอียดขึ้นเวลาที่เราเอามาร่อนคะ


หลังจากนั้นก็ร่อนสัก2 ครั้ง พักไว้


อุปกรณ์สำคัญตะกร้อมือ


ปกติทั่วไปมักจะทำแป้งให้แป้งหลุมตกกลาง แล้วใส่ของเหลวลงไป ผสมให้เข้ากัน แต่ส่วนตัวชอบผสมของเหลวกับไข่ให้เข้ากันก่อน  แล้วค่อยใส่แป้งที่หลังคะ เพราะรู้สึกว่าน้ำตาลละลายได้ดี และไข่ไม่เป็นลิ่มๆด้วย

เริ่มจากใส่น้ำมันลงไปในไข่แดงก่อนน้ำมันจะเข้ากับไข่แดงได้ดีคะ


ตามด้วยนมข้นจืด และ น้ำเปล่า


ต่อด้วยน้ำตาลคนๆ ให้น้ำตาลให้น้ำตาลละลาย (มันจะต่างจากที่เราใส่ของในหลุ่มแป้ง เพราะอันนั้นคนนานมากไม่ได้  ขนมจะเหนียว อันนี้เรายังไม่ได้ใส่แป้ง เพราะงั้นคนนานนิดนานหน่อย ไม่มีปัญหาคะ)


หลังจากนั้นใส่แป้งที่เราร่อนไว้แล้ว คนพอให้ทุกอย่างเข้ากัน (อันนี้จะผสมกันง่ายคะ เพราะส่วนอื่นๆผสมกันหมดแล้ว)

ต่อมาก็เป็น ส่วนของไข่ขาวประกอบไป ไข่ขาว, ครีมออฟทาร์ทาร์, น้ำตาล (ใครที่คิดจะลดน้ำตาล จากในสูตร ให้ลดในส่วนของไข่แดงนะคะ เพราะน้ำตาลในส่วนของไข่ขาว จะช่วยในการพยุงตัวของไข่ขาว ถ้าใส่น้ำตาลน้อยเกิดไปไข่จะแฟบง่าย)


ครีมออฟทาร์ทาร์ ใครไม่มี ใส่น้ำมะนาวแทนได้นะคะเพราะมีฤทธิ์เป็นกรดเหมือนกัน (เคยอ่านเจอมา ฝรั่งบางคนใส่น้ำส้มสายชูแทน )


อ่างที่ไข่ขาวต้องไม่มีไขมันนะคะ จึงควรลวกน้ำร้อนก่อนใช้  และอ่างต้องแห้งด้วยคะ ไม่งั้นไข่จะตีไม่ค่อยขึ้น , ตอนแยกไข่ขาวไข่แดงก็ต้องไม่มีส่วนของไข่แดงปนอยู่ ในส่วนของไข่ขาวด้วยเหมือนกัน

เริ่มตีให้ไข่ขาวเป็นฟองหยาบๆก่อน ค่อยใส่ครีม ออฟ ทาร์ ทาร์ พอฟองเริ่มละเอียดขึ้นก็ทยอยใส่น้ำตาลตีจนไข่ขาวตั้งอ่อน ค่อยๆ ลดความเร็วลง เพื่อไล่ฟองอากาศ เนื้อเค้กจะได้ละเอียดคะ


ตักไข่ขาวที่เราตีเสร็จแล้วออกมาสัก1/3 ใส่ไปในส่วนของไข่แดงกับแป้งที่เราผสมไว้แล้ว


ทยอยผสมไข่ขาวจนหมดทำเบาๆ แต่เร็วๆ นะคะ เพราะฟองไข่จะเล็กลงเรื่อยๆ


วันนี้ทำสองสูตรได้มา 2 ถาด (เค้กที่ขึ้นฟูจากไข่ จะไม่ถูกกับไขมัน ถาดที่จะอบจึงแค่ ใส่กระดาษรองก้นถาด ไม่ต้องทาไขมันนะคะ)


อันนี้อบไฟ180c ประมาณ 15 นาที อบเสร็จแล้ว ก็เอาวางบนตะแกรงให้เย็นตัวก่อน ค่อยปาดครีม เอาอีกแผ่นมาประกบใส่ ตัดขนาดตามที่เราต้องการ

วันนี้ตัดชิ้นใหญ่หน่อยคะ เนื้อนุ่ม แน่น  (ไม่ใช่เนื้อหนักแน่นนะคะ) ไม่มีกระดาษพลาสติกสำหรับห่อ  ห่อด้วยถุงแกงธรรมดาคะ แต่เป็นถุงขุ่นเลยดูไม่ค่อยชัดนะคะ

วันนี้ทำเบิ้ลสูตรคะ พอเอามาชิม โอ้ย..กลิ่นคาวไข่แรงจัง ถึงเพิ่งนึกได้ว่าลืมใส่กลิ่น เพื่อกลบคาวไข่


สูตรคะ

ส่วนของไข่แดง

1.แป้งเค้ก    120  กรัม

2.ผงฟู              1 ชช.

3.เกลือ           1/2 ชช.

4.น้ำตาล        80 กรัม

5.นมข้นจืด     70 กรัม

6.น้ำเปล่า      30 กรัม

7.น้ำมัน         100 กรัม

8.ไข่แดง#0       3 ฟอง

9.กลิ่นวนิลา     1 1/2 ชช.

ส่วนของไข่ขาว

1.ไข่ขาว     3 ฟอง

2.น้ำตาล   50 กรัม

3.ครีมออฟทาร์ทาร์   1/2 ชช.


ขอบคุณที่แวะมาชมคะ 




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2555   
Last Update : 27 ตุลาคม 2555 22:45:35 น.   
Counter : 21421 Pageviews.  

1  2  3  

สายลมยามค่ำคืน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




แบ่งปันเรื่องราว เล่าสู่กันฟัง
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง และโปรดใช้ถ้อยคำสุภาพในการแสดงความคิดเห็น
New Comments
[Add สายลมยามค่ำคืน's blog to your web]