คนเสื้อแดงไม่เอาอำนาจนอกรัฐธรรมนูน
Group Blog
 
All blogs
 
ปิดฉากคดีส.ป.ก. 'ทศพร'กลั้นใจทิ้ง ที่100ไร่หลุดมือ จาก นสพ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2225 10 มิ.ย. 50

ปิดฉากคดีส.ป.ก. 'ทศพร'กลั้นใจทิ้ง ที่100ไร่หลุดมือ
ปิดฉากคดีที่ดินส.ป.ก.นายหัวภูเก็ตหลังสู้ยืดเยื้อกว่าสิบปีถึงศาลฎีกา พิพากษาคดีแรกให้"ทศพร เทพบุตร"ออกจากที่ดินเกือบร้อยไร่ตามคำฟ้องของส.ป.ก.แล้ว ชี้ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยชอบตามกฎหมาย นายหัวภูเก็ตอีกนับสิบหายใจไม่ทั่วท้องรอลุ้นคำตัดสินบ้าง "ทศพร"น้อมรับ ถือเป็นการยุติฝันร้ายคดี สปก.4-01 เผยตลอดเวลาที่ผ่านมาภรรยาต้องตกเป็นเป้าทางการเมืองในเรื่องคดีสปก.มาโดย ตลอด

นายทศพร เทพบุตร สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว หลังจากที่ศาลจังหวัดภูเก็ต นัดอ่านคำพิพากษาศาลฏีกา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา ในคดีที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร(ส.ป.ก.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขับไล่ออกจากที่ดิน ส.ป.ก.4-01 แปลงที่ 140 ม.2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งศาลฏีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุธรณ์ ให้จำเลยออกจากที่ดินแปลงพิพาท ว่า ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีที่ผ่านมา ภริยาตกเป็นเป้าทางการเมืองในเรื่องคดีส.ป.ก.มาโดยตลอด จะเห็นได้ว่าตั้งแต่แรกได้มีการฟ้องคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญา แต่ในที่สุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว

"สำหรับคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ซึ่งในศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้ผมชนะคดี เพราะถือว่าเป็นผู้ที่ถือครองสิทธิ์ต่อเนื่องในที่ดินดังกล่าว ซึ่งข้อเท็จจริงชาวภูเก็ตรู้ข้อมูลดี ส่วนเมื่อศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยตีความว่า ผมมิใช่เกษตรกรตามความหมายของกฎมายปฎิรูปที่ดิน เพราะเป็นคนมีฐานะ และศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ผมก็ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลฎีกาดังกล่าว และขอให้เรื่อง สปก. ซึ่งเป็นฝันร้ายของครอบครัวของผมได้ปิดฉากลงเสียที"นายทศพรกล่าว

ด้านนายสุทธวัชร นาคสวาทดิ์ นิติกร 5 สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)จังหวัดภูเก็ต กล่าวสั้น ๆ ว่า หลังจากนี้ทาง ส.ป.ก.ก็จะต้องปรึกษาหารือกับอัยการจังหวัดภูเก็ต และหัวหน้าบังคับคดีภูเก็ตก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรกับที่ดินดังกล่าวต่อไป

ทั้งนี้ สาระสำคัญของคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว ซึ่งนายมนตรี สาโรช พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ลักษณะสมบูรณ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเก็ต ได้ออกนั่งบัลลังค์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน 2550 ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต ในคดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 คดีหมายเลขแดงที่ 1485/2544 สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) เป็นโจทก์ ฟ้องนายทศพร เทพบุตร จำเลย เรื่องขับไล่ออกจากที่ดินจำนวน 98-1-7 ไร่ ในการอ่านคำพิพากษาครั้งนี้มีนายสุทธวัชร นาคสวาทดิ์ นิติกร 5 ส.ป.ก. ฝ่ายโจทก์ มานั่งพังคำพิพากษา ส่วนฝ่ายจำเลยได้ส่งทนายมาฟังคำพิพากษาเช่นกัน

โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเดิมเป็นของนายจรัญ ตุ้งกู ซึ่งได้ครอบครองที่พิพาทมาตั้งแต่ปี 2499 และได้โอนให้จำเลยเจ้าครอบครองทำประโยชน์ตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา โจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการจะได้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วย กฎหมายนั้น ได้มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5 ว่าให้ผู้ที่ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดย ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินต้องแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนาย อำเภอท้องที่ภายใน 180 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ มาตรา 3 บุคคลจะมีกรรสิทธิ์ที่ดินจะต้องได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามบทกฎหมายก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และมาตรา 4 บุคคลได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ให้มีสิทธิครอบครองสืบไปและคุ้มครองตลอดถึงผู้รับโอนด้วย แต่กรณีของนายจรัญได้ครอบครองที่ดินพิพาทสืบต่อมาจากบิดาของนายจรัญซึ่งครอบ ครองในปี 2499 อันเป็นเวลาภายหลังพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ประกาศใช้แล้ว และไม่ปรากฎว่าได้ครอบครองที่ดินโดยชอบตามบทกฎหมายใด การครอบครองของนายจรัญจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินจึงไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายจรัญ นอกจากนี้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 2 ยังบัญญัติว่าที่ดินซึ่งมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลใดให้ถือว่าเป็นของรัฐ ดังนั้นที่ดินที่นายจรัญครอบครองจึงต้องถือว่าเป็นที่ดินของรัฐอยู่ จำเลยรับโอนมาจากนายจรัญจึงไม่มีสิทธิ์ดีกว่า โจทก์จึงมีสิทธิ์นำที่ดินดังกล่าวมาปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ ส่วนจำเลยเป็นเกษตรกรตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม พ.ศ.2518 หรือไม่นั้น มาตรา 4 ให้คำนิยามไว้ว่า เกษตรกร หมายความว่าผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยมีที่ดินอยู่ที่ในตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง 3 แปลง อยู่ในตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต 22 แปลง กับมีชื่อเป็นกรรมการบริษัท เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยจึงไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นของตนเองและประสงค์จะประกอบ วิชาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก จำเลยจึงไม่ใช่เกษตรกรตามความหมายของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม พ.ศ. 2518 โจทก์มีสิทธิ์นำที่ดินพิพาทมาปฏิรูปที่ดิน จึงพิพากษายืน

ทั้งนี้ นายธเนศ นิยม ที่ดินจังหวัดภูเก็ต เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า พื้นที่ในเขตอ.กะรนนั้นขณะนี้ราคาซื้อขายที่ดีมาก ยิ่งมีปัญหาการตรวจสอบที่ส.ป.ก.4-01 ทำให้ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิมีจำกัด ราคายิ่งเพิ่มขึ้น โดยเวลานี้ในเขตดังกล่าวราคาประเมินที่ดินตารางวาละ 10,000 บาท หรือไร่ละ 4 ล้านบาท ส่วนราคาซื้อขายจริงในตลาดเชื่อว่าสูงกว่าราคาประเมินอีกหลายเท่า

อนึ่ง คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2538 หลังจากมีการเปิดเผยว่ามีคนในตระกูลนายหัวของภูเก็ตหลายรายได้รับแจกส.ป. ก.4-01ก. ซึ่งไม่น่าจะมีสิทธิเพราะไม่ได้เป็นเกษตรกรผู้ยากไร้ เรื่องลุกลามเป็นประเด็นทางการเมืองที่ต่อสู้อย่างร้อนแรง จนในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลต้องยุบสภา ต่อมาส.ป.ก.ตรวจสอบแล้วสั่งถอนสิทธิส.ป.ก.4-01ก.ของตระกูลนายหัวภูเก็ตหลาย รายและให้ออกจากที่ดินรวมทั้งรายนายทศพรด้วย แต่ไม่มีใครยอมออก ส.ป.ก.จึงเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ตระกูลนายหัวภูเก็ตเป็นจำเลยรวมทั้งสิ้น 12 คดี ประกอบด้วย

1.นายบันลือ ตันติวิท 2.นายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ 3.นายเจริญ ถาวรว่องวงศ์ 4.นายทศพร เทพบุตร 5.นายณรงค์ นพดารา 6.นายหัตถ์ อัญชลีกุล 7.นายธเนศ เอกวานิช 8.นายสมนึก ไกรทัศน์ 9.นางวิภาพรรณ ชูทรัพย์ 10.นายโสภณ เอกวานิช 11.นายวานิช เอกวานิช 12.นายเปี่ยน กี่สิ้น เป็นต้น

โดยในการต่อสู้คดีในศาลชั้นต้นปรากฎว่าศาลจังหวัดภูเก็ตสั่งยกฟ้องแทบทุกคดี ซึ่ง"ฐานเศรษฐกิจ"เข้าเกาะติดและเปิดประเด็นข่าว"ส.ก.ป.แพ้รูดนายหัวภูเก็ต ชำแหละสำนวนฟ้องอ่อน"ในฉบับ 5-7 มิถุนายน 2546 จนร้อนขึ้นมาเป็นกรณีอื้อฉาวส.ป.ก.ภูเก็ตภาค 2 เนื่องจากแนวการต่อสู้คดีนั้นส.ป.ก.ฟ้องขับไล่โดยอ้างจำเลยขาดคุณสมบัติ แต่จำเลยต่อสู้ว่าต้นเองมีสิทธิครอบครองต่อเนื่องมาจากผู้ครอบครองเดิมก่อน ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงไม่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินที่ส.ป.ก.จะนำไปจัดสรรได้ และโจทก์ก็มิได้นำสืบให้ศาลเห็นโดยแน่ชัดว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตป่าสงวน แห่งชาติ ทั้ง"โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าผู้ครอบครองหรือจำเลยสิ้นสิทธิในที่ดินตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน ศาลไม่อาจหยิบยกข้อเท็จจริงดังกล่าวมาวินิจฉัยได้ เพราะเป็นเรื่องนอกประเด็นฟ้อง" เป็นเหตุให้คดีนี้นายหัวภูเก็ตชนะคดีในศาลชั้นต้นยกกะบิ

จากการเกาะติดการทำสำนวนคดีนี้ของ"ฐานเศรษฐกิจ" ทำให้เกิดการตื่นตัวอย่างกว้างขวาง มีการตั้งทีมงานจากส่วนกลางไปศึกษาข้อมูลและแนวทางต่อสู้คดีทั้งในส่วน ของกระทรวงยุติธรรม และสำนักอัยการสูงสุด ซึ่งนักกฎหมายที่ดินป่าไม้ได้ชี้ให้"ฐานเศรษฐกิจ"เปิดประเด็นต่อว่า ต้องนำมาตรา 12 และ 13 ของพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2508 ขึ้นมาต่อสู้เพื่อชี้ว่า ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งผลการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ทางโจทก์คือส.ป.ก.ได้พลิกกลับเป็นฝ่ายชนะ คดีทั้งหมด จนชี้ขาดในชั้นศาลฎีกาซึ่งได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท โดยมีคดีนายทศพร เทพบุตร เป็นคดีแรก ส่วนของคนอื่น ๆ จะทะยอยอ่านคำพิพากษาเป็นลำดับ โดยต่อไปนัดอ่านคำพิพากษาคดีนายเจริญ ถาวรว่องวงศ์ ในวันที่ 21 มิถุนายน 2550 นี้ เช่นกัน



Create Date : 17 ธันวาคม 2551
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 19:21:00 น. 0 comments
Counter : 1305 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

รักนะแต่ไม่บอก
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขยเองแหละ อิอิ
: Users Online
Friends' blogs
[Add รักนะแต่ไม่บอก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.