| All Blog
|
อย่าตัดสินคนอื่นก่อนพิจารณาให้ถ้วนถี่
A young couple moved into a new house.
The next morning while they were eating breakfast, the young woman saw her neighbor hanging the washing outside. "That laundry is not very clean; she doesn’t know how to wash correctly. Perhaps she needs better soap powder. Her husband looked on, remaining silent. Every time her neighbor hung her washing out to dry, the young woman made the same comments. A month later, the woman was surprised to see a nice clean wash on the line and said to her husband, "Look, she’s finally learned how to wash correctly. I wonder who taught her this?" The husband replied, "I got up early this morning and cleaned our windows." And so it is with life… What we see when watching others depends on the clarity of the window through which we look. So don’t be too quick to judge others, especially if your perspective of life is clouded by anger, jealousy, negativity or unfulfilled desires. "Judging a person does not define who they are. It defines who you are." คู่หนุ่มสาวย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่พวกเขากําลังรับประทานอาหารเช้าหญิงสาวเห็นเพื่อนบ้านของเธอแขวนผ้าไว้ข้างนอก "ผ้านั้นไม่ค่อยสะอาด เธอไม่รู้วิธีซักล้างอย่างถูกต้อง บางทีเธออาจต้องการผงสบู่ที่ดีกว่า สามีของเธอมองต่อไปนิ่งเงียบ ทุกครั้งที่เพื่อนบ้านของเธอแขวนผ้าของเธอให้แห้งหญิงสาวก็แสดงความคิดเห็นเช่นเดียวกัน หนึ่งเดือนต่อมาผู้หญิงคนนั้นประหลาดใจที่เห็นการซักที่สะอาดและพูดกับสามีของเธอว่า "ดูสิในที่สุดเธอก็เรียนรู้วิธีการซักอย่างถูกต้อง ฉันสงสัยว่าใครสอนเธอเรื่องนี้" สามีตอบว่า "เช้านี้ฉันตื่นแต่เช้าและทําความสะอาดหน้าต่างของเรา" ชีวิตก็เช่นกัน... สิ่งที่เราเห็นเมื่อดูคนอื่นขึ้นอยู่กับความชัดเจนของหน้าต่างที่เรามอง ดังนั้นอย่าเร็วเกินไปที่จะตัดสินผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมุมมองชีวิตของคุณขุ่นมัวด้วยความโกรธความหึงหวงการปฏิเสธหรือความปรารถนาที่ไม่บรรลุผล "การตัดสินบุคคลไม่ได้กําหนดว่าพวกเขาเป็นใคร มันกําหนดว่าคุณเป็นใคร"  Pride Month
 เปิดที่มาของ "Pride Month" ทำไมตรงกับเดือนมิถุนายนและสัญลักษณ์ของวันสำคัญนี้ทำไมถึงเป็นธงสีรุ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ชาว "LGBTQIAN+" ให้ความสนใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลังมีภาพบรรยากาศการร่วมกิจกรรมแคมเปญ "The Road to Bangkok Pride 2023" ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความภาคภูมิใจ พร้อมปักธงประกาศความพร้อมเป็นเจ้าภาพ "WorldPride 2028" ทำให้ผู้คนมากมายต่างให้ความสนใจ และเริ่มค้นหากันว่า "เทศกาลแห่งหารเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจ" นี้คืออะไร มีที่มาอย่างไร และทำไมถึงจัดในเดือนมิถุนายน รู้จัก "Pride Month" เดือนแห่งความภาคภูมิใจ จุดเริ่มต้นของเดือนแห่งความภาคภูมิใจ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1960 ซึ่งยุคที่สังคมยังไม่เปิดรับผู้มีความหลากหลายทางเพศเหมือนในวันนี้ ส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ บางคนถึงขับไล่ออกจากบ้าน พวกเขาจำต้องหลบปิดบังตัวตนไม่ให้ใครได้รู้ เมื่อยุคนั้นไม่มีใครยอมรับ สถานที่ปลอดภัยของพวกเขาจึงมีเพียงแค่ "บาร์เกย์" เอาไว้เป็นที่นัดไปรวมตัวกันเพื่อสังสรรค์ และเป็นที่พักสำหรับใครก็ตามที่ถูกบ้านขับไล่มา ด้วยการเลือกปฏิบัติ บาร์เกย์ในยุคแรกๆ จึงยังไม่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย พอจะไปจดทะเบียน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้จด เพียงเพราะว่าเป็นเกย์ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงมักจะเปิดบาร์เกย์เถื่อน กระทั่งเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 28 มิถุนายน 1969 คือ ตำรวจบุกจับกุมผู้ใช้บริการในบาร์เกย์ "สโตนวอลล์ อิน" (Stonewall Inn)ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวกันของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นทรานส์ เกย์ และอื่นๆ แต่พวกเขาไม่ยอม สุดท้ายเหตุการณ์จึงบานปลาย มีการใช้ความรุนแรงในการปราบปราม เหตุการณ์ในครั้งนั้นจึงกลายเป็นชนวนให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิ ความเท่าเทียม และต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแสดงออกทางตัวตน แต่ยิ่งตำรวจปราบปรามมากเท่าไร ฝูงชนก็ยิ่งเดินทางมารวมตัวกันมากขึ้น จนนำไปสู่การเดินขบวนประท้วง ขบวนพาเหรด และการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สื่อถึง "ไพรด์" (Pride) หรือความภาคภูมิใจในตัวเอง โดยพวกเขาเริ่มจากการเคลื่อนไหวในมหานครนิวยอร์ก ก่อนจะขยายไปยังเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา และกระจายไปทั่วโลก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกวันที่ 28 มิถุนายน จึงเป็นวันที่ทั่วโลกร่วมกันรำลึกถึงเหตุการณ์จลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) อันเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมให้แก่กลุ่มความหลากหลายทางเพศมาจนถึงปัจจุบัน แต่การระลึกถึงเหตุการณ์จราจลในวันนั้น ได้ขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้าย กลายเป็นเรียกร้องแบบทั้งเดือนยาวต่อเนื่อง เพื่อแสดงถึงตัวตนของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นที่มาของเทศกาล "Pride Month" เดือนแห่งความภาคภูมิใจที่ยาวนานตลอดทั้งเดือนมิถุนายนนั่นเอง เปิดความหมาย "LGBTQIAN+" สำหรับความหมายของ "LGBTQIAN+" นั้นย่อมาจากคำเรียกเพศวิถีต่างๆ ที่มีความหลากหลาย จากเดิมที่มีตัวอักษร "LGBT" แค่ 4 ตัว แต่ต่อมาได้ใส่ + เข้าไป เพื่อสื่อถึงความหลากหลายที่เพิ่มเข้ามา กระทั่งได้เพิ่มตัวอักษรเข้าไปอีก 4 ตัว กลายเป็น "LGBTQIAN+" ในปัจจุบันนั่นเอง โดย คำย่อในปัจจุบัน มาจากคำดังต่อไปนี้
"ธงสีรุ้ง" สัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม อย่างที่เราทราบกันดีว่า "LGBTQIAN+" นั้นเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลาย และสีรุ้งก็เป็นการรวมตัวของสีหลายๆ เฉดมาเป็นหนึ่งเดียวกัน "ธงสีรุ้ง" จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ภายใต้การออกแบบของ "กิลเบิร์ต เบเกอร์" (Gilbert Baker) ศิลปินชาวอเมริกันและนักขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนของเกย์ในปี 1978 โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากธงชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาในวาระฉลองครบรอบ 200 ปี ในปี 1976 โดยในแรกเริ่มธงนี้มีด้วยกันทั้งหมด 8 สี ได้แก่
ขอบคุณข้อมูลจาก : Amnesty International Thailand ก้างปลาติดคอ...
 2.ดื่มน้ำมะนาว โดยใช้มะนาวสดๆคั้นประมาณ 1 -2 ช้อนโต๊ะ แล้วกินเข้าไปเลยเนื่องจากน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด อาจจะช่วยทำให้ก้างปลาอ่อนๆ นิ่มขึ้นได้บ้าง แล้วค่อยตามด้วยวิธีอื่นต่อไป แต่ที่บอกว่าใช้น้ำมะนาวจะทำให้ก้างละลายไปได้ ตามความเห็นของผม ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะก้างปลาเป็นกระดูกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่จะละลายได้ง่ายๆ และคงไม่มียากินที่ละลายก้างได้ด้วย 3.กลืนข้าวคำโตๆ อาจจะเป็นข้าวเหนียวก็จะดีหน่อย แต่จะใช้ข้าวเจ้าก็ได้ ปั้นให้เป็นก้อนกลมมีขนาดเท่าประมาณลูกชิ้นลูกเล็กๆ กลืนลงไปทั้งก้อนเลย ไม่เคี้ยวนะครับเพราะเราหวังจะให้ก้อนข้าวช่วยดันก้างให้หลุดติดลงไปในท้อง 4.ใช้นิ้วมือล้วง โดยอาจจะเป็นนิ้วชี้และนิ้วโป้งเข้าไปจับแล้วคีบดึงออกมา แต่เหมาะสำหรับคนนิ้วเล็ก ที่สามารถเข้าไปในปากได้ลึกและผู้ป่วยไม่มี gag reflex คือถ้าเป็นพวกคอไว มี gag reflex สูง พออะไรถูกแถวบริเวณโคนลิ้นหรือคอก็จะรู้สึกขย้อน อาเจียนออกมา แบบนี้ก็ทำไม่ได้ 5.หรือถ้าอ้าปากแล้วเห็นก้างติดที่คอหรือต่อมทอนซิล ก็สามารถใช้ไฟฉายส่องกบที่สวมติดกับศีรษะ อีกมือใช้ช้อนหรือแผ่นไม้กดลิ้นลง แล้วใช้คีบด้วยเครื่องมือหรือถ้าเป็นนักคีบตะเกียบมือฉบัง ก็สามารถเอาตะเกียบคีบออกมาได้ สุดท้ายเมื่อลองดูในทุกกระบวนท่าแล้วไม่สามารถจัดการได้ ก็คงต้องไปพบแพทย์โดยเฉพาะแพทย์ หู คอจมูก ซึ่งจะเป็นผู้จัดการกับปัญหาก้างปลาติดคอได้ดีที่สุด เมื่อมาถึงโรงพยาบาล แพทย์หูคอ จมูก จะซักประวัติถามวันเวลาที่เกิดเหตุ ลักษณะก้างที่คิดว่าจะเป็น ตำแหน่งที่เจ็บว่าอยู่ลึกเท่าไหร่ อยู่ข้างซ้ายหรือข้างขวา แล้วก็มาถึงขั้นตอนสำคัญคือส่องตรวจดูว่าก้างติดอยู่ที่ใด โดยใช้ไฟสวมศีรษะที่มีแสงสว่างพอควร ใช้ไม้กดลิ้นและที่เขี่ยตรวจดูตามร่องตามหลีบต่างๆ หรือถ้าอยู่ลึก ก็ต้องใช้กระจกส่องตรวจ เข้าไปในกล่องเสียง ในปัจจุบันโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะมีกล่องส่องตรวจพิเศษแบบหักมุม 70 - 90? ก็จะเห็นได้ชัดเจนและง่ายขึ้น ถ้าก้างปลาติดอยู่เหนือกล่องเสียงหรือลูกกระเดือกขึ้นมา แพทย์หู คอ จมูก สามารถใช้เครื่องมือที่โค้งงอเป็นพิเศษคีบออกมาได้ แต่ถ้าติดอยู่ลึกกว่าลูกกระเดือกลงไป คงต้องใช้เอ็กซเรย์ช่วยตรวจด้วยครับ ความยากง่ายในการคีบขึ้นอยู่กับลักษณะก้างเล็กใหญ่เพียงใด ตำแหน่งของก้างปลาที่ติดว่าอยู่ลึก ซ่อนอยู่ในร่องลึกลับขนาดไหน มีเครื่องมือในการคีบที่พร้อมสมบูรณ์หลายแบบหลายมุมให้เลือกใช้ และสุดท้ายคือความร่วมมือของผู้ป่วยเพราะในผู้ป่วยบางคนที่คอไวจะคีบยากมาก เนื่องจากผู้ป่วยจะรู้สึกขย้อนอยากอาเจียน เพียงแค่แตะโคนลิ้น อาจจะต้องพ่นยาชาก่อน ทำให้ผู้ป่วยชา จะได้มี Reflex น้อยลง เห็นไหมครับว่าเพียงก้างปลาเล็กๆนิดเดียว คุณอาจจะต้องพบกับปัญหาและวิธีการเอาออกหลายขั้นตอนได้ ดังนั้นเวลาทานปลาต้องระมัดระวังค่อยๆ ละเอียดทาน อย่ารีบเคี้ยวรีบกลืนเพราะท่านอาจจะปวดหัวกับก้างปลาติดคอได้ เครดิต : นพ.ชัยยศ เด่นอริยะกูล Eight Ways to Stand Out from the Crownd
EIGHT WAYS to STAND OUT FROM the CROWD
written by Charles M. Marcus, 6 August 2004 Sometimes I think we may feel that we have to do the big things in life to stand out from the crowd, to make a difference, but in my experience I have found that it is the little things that we do on a consistent basis that are usually the most powerful. I would like to share with you 8 ways that I have found help you stand out from the crowd. Some are based on my own personal and professional experience, and some I have observed in other people who I admire and respect. Make your own list, compare, but the main point of the exercise is to integrate the points in to your daily life and the key to its success is by implementing them. 1. Make it a habit to follow-up with people promptly. It sounds simple, right? In my experience, and surveys regularly back this up, 67% (amazingly!) of people do not follow up in business. Did you know that most sales are not closed until the sixth, seventh or even until the eighth attempt; very few deals are achieved on the first few attempts, and yet only three percent of sales people follow-up more than twice. Whatever business you are in, if it involves making a sale, signing that contract, or building relationships, the best way to stand out from the crowd is to follow-up promptly, follow-through, and be persistent and determined. Don't give up if you are initially rejected, keep following up! Somebody once said, "a no is only a request for more information!" 2. Equally as important as following-up is taking the time to respond to people who leave you messages. This is only common courtesy. How often do we not find the time to follow-up with someone who has emailed us or left a voice-mail unless we know specifically why they have contacted us, and even then we do not always take the time to respond. Not only is this bad manners, it is also bad business. How many important relationships have you missed out on by not responding to a message? The people who stand out from the crowd take the time to respond. 3. When you are speaking to people, give them 100% of your attention, and I mean 100%. There is nothing more annoying or obvious to people than you having your own agenda and only waiting for the other person to take a breath so that you can jump in to get your point across or to turn the conversation around to yourself. Develop your listening skills, most people are not truly good listeners. I have found that you gain much more from being a great listener than being a great talker. Be interested in other people and what their point of view is. Ask lots of open-ended questions. Dale Carnegie once said: "To be interesting to other people, you have to be interested in them first". Wise and true words from a great and wise person. 4. Get in to the habit, and that is all it is, of sending a hand written note or card to someone who has given you an order, a referral, or has been nice, courteous or helpful to you. It takes a few minutes, but means a lot to the recipient, especially in this day of impersonal and easy e-mail messages. I don't know about you, but I really appreciate it when someone goes to the time and trouble of hand writing a letter or card to me, actually puts a real stamp on it and writes out my name and address on the envelope instead of a computer label. It personalizes it for me, makes me feel like I am more than just a prospect in a list of many for that person. Maybe I am making a big deal out of this, but from the response I get from people when I do this, I know it is appreciated. 5. People expect the expected of you. Why not do the unexpected. Do you acknowledge people who for whatever reason do not give you that order, where you didn't get the contract or make the sale? Remember, they did let you make the presentation? Do you acknowledge the person who didn't hire you for that job, but at least gave you the experience of the interview? Most people don't take the time or have the discipline to do this, and yet, a sale or a job lost or a contract given to one of your competitors today, does not mean it is lost for ever. Do not give up, think long term, think about the relationship you may be developing, the connection you are building for the future, and not about the lost sale, or your bruised ego! 6. If you belong to an association or a group either in your personal or professional life, and this includes a church, synagogue, mosque, etc., get involved. Do not get involved because you want something in return, but because you want to contribute. People will respect and acknowledge you for it, look at you and treat you differently. And this is just an added bonus to the personal satisfaction of getting involved and contributing to something you believe in. In the process you learn to become a leader instead of just a participant. 7. Invest one hour a day, at least, to your own individual personal and professional development. You can take the one hour all at once, or break it in to segments, whatever fits in to your lifestyle and schedule. During that time read a book, maybe an autobiography of someone you admire or a business book, listen to tapes and the words of wisdom from the experts in the fields and areas of your life that you want to improve, subscribe to a daily e-zone with wonderful quotes or ways to motivate you, inspire you, and to challenge you. We can all say we can't find the time, but this is so important to your personal growth. For many years the only thing I ever read was the sports pages of the newspaper when I was growing up in England. What a waste. I wish I would have devoted more of that time to my development. I am not saying you should not read the sports page or a good fiction book, or whatever interests you, we all need that down time for ourselves, but don't do that a! t the expense of opening up your mind to new ideas and areas for improvement. Do not look at your education as an expense of time but as an investment of your time. Knowledge is wisdom when applied correctly. Never stop learning. 8. Stretch your comfort zone; do one new thing every day. Take a chance on something you have always wanted to try. Don't be afraid of being rejected, of people saying no to you, or of failing. The people who stand out from the crowd are the ones prepared to take that chance. I am not saying do something radical or fool hardy, but you can become a sensible risk taker. We all have choices and decisions to make every day. We all know the things we want to do and the things we need to do. Take some risk, defy conventional wisdom and make your own wisdom come true. My old boss, when I was a sales professional, used to say after every sales meeting: "Do you want to stay safe and be good, or do you want to take a chance and be great." The choice, my friends, is yours, every single day. About the Author Charles Marcus is a professional speaker, trainer and facilitator. He works internationally with companies and associations who want to inspire excellence in their people. For more information please contact his office. For contact details, visit his website at //www.cmarcus.com or call him at 416-490-6744. Beautiful Bus Stop around the world
From forward mail, they are nice and also funny !
Japan  England  Finland  California  Russia  Dubai (Air condition)  France  Holland  Italy  Malaysia  |
Jookjik
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] MY VIP Friend                       |
