เที่ยวเทศกาลงานวัดภูเขาทอง

 เที่ยวเทศกาลงานวัดภูเขาทอง มีเป็นประจำทุกปีครับ ปี 2558 จะมีช่วงวันที่ 18-27 พฤศจิกายนของทุกปี ใกล้ๆกับเทศกาลลอยกระทง



ผมจะได้เที่ยวก่อนวันลอยกระทงครับ เพราะไม่อยากเดินทางมาเที่ยวในวันเขาจัดงานใหญ่ กลัวคนจะแน่ แต่ก็แน่นจริงๆทุกปี ยิ่งงานวัดลอยกระทงนะ แน่นครับผม ไม่แนะนำท่านที่จะพาลูกพาหลานไปกราบไหว้สัการะวันวันเทศกาล วันจัดงานใหญ่ ไปก่อนวันงาน 4-6 วัน ครับเดินสบายมาหน่อย มีช่องว่างระหว่างเดิน


มาถึงปุ๊ปก็เข้าห้องน้ำก่อนเลย เสร้จแล้วก็เดินดูรอบๆ องค์เจดีย์ ตอนกลางวันยังไม่มีอะไรคึกคักมากครับ ของขายยังไม่เยอะ บางร้านก็ปิดมาร้านก็เปิด บ่ายๆร้านค้าขายเริ่มทยอยมาจัดตั้งร้านขายของกันภายใน ไม่มีอะไรให้น่าสนใจก็ขึ้นข้างบนครับ ทางด้านหลังเจดีย์ เยื้องกับห้องน้ำของวัดภูเขาทอง


ขึ้นมาก็มาเจอ ห่มผ้าให้หลวงพ่อโตสะเดาะเคราะห์ (ภาพด้านบนก่อนหน้านี้)ครับ

ขออธิฐานเสี่ยงเซี่ยมซี ขอให้โบนัสขึ้นซักทีเถอะ!  555 ไม่ได้หรอก



เห็นคุณป้านั่งอยู่ พนมมือสวดมนต์ หน้าพระพุทธบาตร เลยแชะมา


เดินคุยมาซักพักก็มาถึงยอดของเจดีย์ล่ะ (ป้ายจะเขียนว่า ทางขึ้นสวรรค์ )

อ่อ ลืมไปมี Wi-Fi ให้เล่นด้วย ไม่รู้มีสัญญาหรือป่าว เล่นได้ไหม ผมไม่ได้ทดสอบครับ Golden

Mountain Wi-Fi


แดดด้านบนร้อนเปรี้ยงป้างมากครับ ต้องยี๋ตา แดดจ้ามาก

จัดชุดสังฆทานมา และเขียนชื่อตัวเองครอบครัวครัวลงผ้าสีแดง


นานๆทีจะมีฝรั่งขึ้นมา มาหลบแดดเหมือนกันครับ 555






 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 2 ธันวาคม 2558 11:13:51 น.   
Counter : 589 Pageviews.  

เที่ยวภูกระดึงครั้งแรก 3 วัน 2 คืน

เที่ยวภูกระดึงครั้งแรก 3 วัน 2 คืน มันเป็นอะไรที่สุดโหดสุด

ซึ่งผมวางแผนไว้ไปวันที่ 3-5 พฤศจิกายน 2558 3 วัน 2 คืน เดินทางจากกรุงเทพไปภูกระดึงด้วยรถทัวร์บขส. 999 ผมเดินทางคืนวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 ตอนกลางคืนไปถึง ผานกเค้า ใกล้กับอุทยานภูกระดึง ผมไปด้วยกันสองคนกับแฟนครับ ขึ้นจากสถานีหมอชิตใหม่ รอรถออกอยู่ชานชลาที่ 85
สายของรถ กรุงเทพ-เชียงคาน ปรับอากาศชั้น 1 จุดใกล้รถที่ใกล้อุทยานที่สุด คือผานกเค้า
- ค่าโดยสารคนล่ะ 347 บาทครับ จองตั๋วผ่านเว็บไชต์ออนไลน์(ไม่บอกนะครับว่าเว็บไหน ชอบเก็บค่าธรรมเนียมในการชำระเงิน ดีดี๊)

ผมจองชั้นล่างครับ รถบัสมี 2 ชั้นครับ ชั้นล่างนั่งสบายดี ไม่อึดอัด คนน้อยไม่เสียงดัง ห้องน้ำไม่มีกลิ่นโชยมาครับ รถที่ผมไปด้วย โอเคผ่าน ไม่มีกลิ่น

และด้วยผมยังไม่เคยไป และไม่คุ้นเส้นทางจะไปลง ตรงไหน ? บางที พขร. ก็ขับรถเลย จึงไปถึงเลย จริงๆนะ ไม่ได้โกหก เพื่อนผมโดนมาแล้ว มันเล่าให้ฟัง ฉะนั้นผมจึงหมั่นถาม หมั่นเช็คกับ พขร. ว่าผมจะลงตรงผานกเค้านะครับ อีกกี่ชั่วโมงกว่าจะถึงผานกเค้า พรข.ก็บอกว่า ประมาณ ตีสี่ ตีห้า ถ้าช้าก็ตีห้า รถที่ผมนั่งไปนั่งออกจากหมอชิต รอบ 20.00 น. ครับ ถึงถึงจุดจอดผานกเค้า 04.45 ปัดตีห้าล่ะกันครับ ก็มาปั๊ปก็มีนั่งท่องเที่ยวที่จะขึ้นภูกระดึงรออยู่ก่อนหน้าผมแล้ว ประมาณ 30 กว่าคนได้ นั่งรออยู่หน้าร้านเจ๊กิม

จุดจอดรถผานกเค้า

ผานกเค้าครับหลังจากลงรถเสร็จ เช้ามืด ประมาณตีห้าครับ

หน้าร้านเจ๊กิม

หน้าร้านเจ๊กิม นักท่องเที่ยว รถขึ้นภูกระดึงเต็มเลยครับ

ก่อนขึ้นภูกระดึง ก็ต้องต่อรถสองแถว ไปอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สองแถวอยู่ไม่ไกลหรอกครับ อยู่ใกล้กับร้านเจ๊กิมนั่นแหละครับ  ติดๆกับสถานีตำรวจย่อย จำไม่ได้ว่าสถานีตำรวจชื่อว่าอะไร!!!




ระหว่างที่รอขึ้นรถสองแถวก็ได้ เพื่อนเที่ยวเพิ่มอีกหนึ่งคน ไปหาเอาตรงนั้นแหละครับ ก่อนออกเดินทางไปภูกระเดิน ทานข้าวร้านเจ๊กิมก่อน ข้าวราดแกง 2 อย่าง 45 บาท (ไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่)

หลังจากทานเสร็จแล้ว ก็ได้รวบรวมคนให้ได้ 10 คน ต่อรถ สองแถว หนึ่งคัน ค่าโดยสาร คนล่ะ 30 บาทครับ **แต่ครับ มีเงื่อนไขครับ ถ้าไปคนเดียวหรือสองคนไม่มีใครไปด้วยก็ต้องจ่าย 300 หรือตามคนที่ไปนะครับ ทำอย่างไรก็ได้ พรข. สองแถวจะต้อง ได้ 300 บาทต่อเที่ยว ครับ

ในกรณีนี้ผมคนไม่พอ ก็พอเรียกคนอื่นมาครับ สมทบรถที่ต้องการ 10 คนออกพอดี



ทางขึ้นภูกระดึงครับ โปรดติดเจ้าหน้า ซื้อบัตรเข้า และจองที่พักให้เรียบร้อยนะครับ ผมจองเต้นท์ครับ จองออนไลน์ชำระเงินแล้วเรียบร้อยครับ ลิ้งจองเต้นอุทยานต่างๆ

พอเสร็จแล้วก็ยกสัมภาระบางส่วนที่คิดว่าผมแบกขึ้นติดตัวไปไม่ไหว ชั่งน้ำหนักให้ลูกหาบ หาบขึ้นครับ อัตตราค่าลูกหาบคิด ที่หาบไปส่งข้างบนภู คิดกิโลกรัม ล่ะ 30 บาทครับ ผมขาขึ้น 500 ขาลง 600 บาทครับ และชั่งน้ำหนักเจ้าหน้าที่อุทยานจะเป็นคนช่างน้ำหนักให้นะครับ
หลักกว่าคิด คือ 1.5 กิโลกรัม ปัดขึ้นไป เป็น 2 กิโลกรัมครับ ต่ำกว่า 1.5 อาจจะปัดก็ได้ครับ
ก่อนจะชั่งซื้อใบแท๊กด้วยนะครับ กระเป๋ากี่ใบควรซื้อตามจำนวนกระเป๋า ครับ





ทางขึ้นภู

กรุณาลงชื่อก่อนขึ้นภู
ผมเริ่มขึ้นภูกระดึงตอน 07.45 น และระหว่างทางจะมีซำ อยู่ 7 ซำ ซำหลักๆจะมีอยู่ 5 ซำครับ



ซำต่างๆที่เราจะต้องผ่าน



เส้นทางขึ้นภูนั้นอีกยาวไกล ตอนนี้แค่ตีนภู รอยยิ้มยังเบิกบาน ซำแฮกยังยังไม่ทันถึงเลย !!



เดินขึ้นภูไปคุยกันไปจะได้ไม่เหนื่อย


ในที่สุดก็มาถึงซำแรก คือ ซำแฮก



แค่ซำแฮกนะ !!

ตัวผมเอง ซำแฮกก็แฮกแล้ว ดูสีหน้า ฝุดๆ









ชิมแตงโมกันที่ซำแฮก อะไรก็หวาน อะไรก็อร่อยไปหมดเพราะเหนื่อย กันแล้ว
เบรค ทาน เสาวรส ลูกล่ะ 5 บาท โคตรชื่นใจ (เปรี้ยวได้ใจ จี๊ดสุดๆ)




เริ่มจะเหนื่อยกันแล้ว แต่ก็ยังไปต่อกันไหว และที่พักสิ่งของสำหรับลูกหาบ


พอกำลังจะขึ้นมามาก่อนหน้าลูกหาบแล้ว ลูกหาบไม่เหนื่อยเพราะอะไร หนึ่ง เดินทุกวัน คงชินอยู่แล้ว และต้องมาแบกเป้ผมขึ้นไปอีก และคนอื่นๆ ผมกำลังเหนื่อย และลูกหาบขึ้นมา ได้เปิดเพลงก่อนหาบ ด้วยเพลงแรก "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน" คิดใน แม้โดนๆๆ ลูกหาบอารมณ์ดีแล้ว พอมีแรงกำลังใจเดินต่อ ได้ฟังเพลงจากลูกหาบไปด้วย

ดอกไม้ระหว่างทางขึ้นภูกระดึง ดอกเดียวที่เดียวดาย


เดินสวนทางกับลูกหาบขาลง ที่ซำกกโดน

หาบถังแก๊ส อันนี้ขาลง เบาหน่อยครับ ไม่หนัก!! @_@!


แอบพักทุกซำ แม่ค้าเรียกว่าเป็นการกระจายรายได้แต่ละซำ


พักหายเหนื่อยก็เดินกันต่อไปที่ครับ และระหว่างนั้นก็เจอกับ ลูกหาบแบกเสลี่ยง เห้อ! แบบนี้ก็มีด้วย
ผมคิดว่าผมเอาตัวผมขึ้นไปก็เหนื่อยแล้ว จ้างลูกหาบแบกขึ้นภูกระดึง


เท่าที่สอบถามค่าใช้บริการ 3000 บาทต่อคนต่อเที่ยวครับ คนเดียวก็ 6000 บาทครับ ขาขึ้นและลง

และอย่าลืม คาดเข็มขัดด้วยนะครับ เวลาขึ้นไปบันไดหน้าแหงนเป็นดวงพระอาทิตย์เลยแหละครับ เท่าที่เห็นคนที่ถูกแบกจับแน่นเชียวล่ะ เพราะว่ากลัวจะร่วงหล่น


และเดินๆๆขึ้นไปจนกระทั่งซำสุดท้าย ที่ตัดสินใจว่าจะไม่ทานข้าวแล้วนะครับ พอเหลือบมาดูนาฬิกา ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ก็เลยทานอาหารกันที่ซำแคร่ครับ ก่อนที่จะขึ้นไปหลังแปร



กล้วปิ้งร้านลุงจะอยู่ทางซ้ายมือสุดของซำแคร่ ร้านแรกเลยครับ ขายกล้วยปิ้ง ขายข้าวจี่ห่อใส่ใบตอง มีให้เลือก 2 ไส้ ไส้กล้วยกับไส้เผือก ราคาขายอันละ 10 บาท อร่อยทุกไส้ครับ

จากนั้นก็สั่งกล้วยปิ้งมาต่อครับ ถามลุงว่าไม้ล่ะเท่าไหร่ ลุงบอกว่ากล้วยปิ้งไม้ล่ะ 5 บาท ผมก็เลยสั่งไปว่า เอาซาว์บาทครับคุณลุง ก็จะได้ห้าไม้ที่เห็น คุณลุงแถมมาให้ 1 ไม้ ใจดีจัง ! คุณลุงเห็นลูกค้าเข้าร้านก็ดีใจแล้วล่ะครับ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสครับ สั่งต่อด้วย กระเพราะหมูล่ะกันง่ายสุดๆ คือกับข้าวสิ้นคิดครับ คิดอะไรไม่ออกกระเพราะไว้ก่อนจะหมูไก่ค่อยว่ากันมีหรือหมด อาหารตามสั่งที่ซำแคร่ิริมต้นที่ 50 บาทขึ้นไปครับ ก็ยังอยู่ในระดับที่พอยอมรับได้ครับ
กระเพราหมู

ก่อนออกจากร้านเตรียมซื้อน้ำไว้ซักขวดครับ ราคาน้ำขวดเล็ก 25 บาท น้ำขวดใหญ่ 40 บาทครับ เดินขึ้นเพื่อที่จะไปขึ้นหลังแปรต่อไป ต่อจากนี้ไปจะเป็นทางเป็นที่มีแต่โขดหิน สลับกับบันไดที่ชันเอามากๆ เสียวทั้งคนลงและขึ้น




คุณอั๋นเหนื่อยแล้ว ก็นอนทาบกับหินเย็นนอนรอพักแป๊ป


ระหว่างทางเจอกับ




บันไดขึ้นอย่างงี้เลย ชันครับ


เดินขึ้นมาในที่สุดก็ถึงหลังแปร หลายคนเดินผ่านขึ้นลงคงต้องถ่ายรูปกับป้ายนี้อยู่แล้วครับ


พวกผมเหนื่อยมากแทบดีใจน้ำตาจิไหล คิดว่าคงจะถึงแล้วแหละ ที่ไหนได้เดินต่อไปอีก 3.5 กิโลเมตร จากหลังแปร ไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว


ขอข้ามไปศูนย์นักท่องเที่ยว จากติดต่อศุนย์ เพื่อ เช่าเต้นเครื่องนอนต่างๆครับ กรณีนี้ผมจองเต้นไว้ก่อนหน้าแล้ว เพียงแค่ยื่นใบเสร็จให้เจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่จะบอกว่า "เชิญเลือกเลย" อยากได้เต้นท์ไหนตามที่ใจต้องการ

หลักในการพิจารณาเลือกเต้นควรจะเป็นที่เนินแห้งๆมียอดหญ้าไม่สูง และชื้น


ติดต่อเต้นท์แล้ว ก็ไปหาทานข้าวเย็นก่อนจะไปผาหมากดูพระอาทิตย์ตกใกล้สุดแล้ว ระหว่างสั่งข้าวทานก็มีเจ้าถิ่นมาเดินโชว์ตัว




วันที่ไปฟ้าสวยครับ ก่อนหน้าผมจะมาภู สองวันมีฝนตกครับ วันที่ผมมาฟ้าเปิดครับ โชคดีจริงๆ จะเรียอกว่าฟ้าหลังฝนดีไหมเนี่ย


เป็นภาพคุณอั๋น จากโคราชที่มาเที่ยวด้วยกัน เป็นเพื่อนร่วมทริปตลอดจนคนเป็นไกด์เป็นคนนำทาง ครับ ถามว่าเคยมากี่ครั้งแล้ว 3 ครั้งแล้วครับ

เดินผ่านเต้นท์ตัวเอง ข้างเต้นผม สงสัยจะกลัวทากจัด


ทานข้าวเย้นเสร็จก็เดินทางไปผาหมากดูกครับ สำหรับพวกผมแล้วเดินครับ


จะมีจักรยานปั่นผ่านพวกผมไปด้วย ได้โม้เมนท์ดี





เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าของกิโลเอง ผมว่ามันกว่า 2 กิโลนะครับ เมื่อไหร่จะถึงผา ใกล้ค่ำก็ใกล้ค่ำ เร่งผีเท้าแล้วก็ยังไม่เจอแสงสว่างปลายอุโมงค์


ผาหมากดูก็มาถึงเสียที ก็มีคนนั่งรอดูอยุ่ก่อนหน้าแล้ว


เสียดายที่เฆมเยอะไปไหนหน่อยสำหรับวันนี้




จากนั้นก็เดินกลับครับ ไปถึงเต้นจัดการอาบน้ำทำธุระส่วนตัวนอนครับเพื่อเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานกแอ่น แต่เช้ามืด 04.45 จะตื่นครับ 05.00 มาที่จุดนัดพบ หน้าศูนย์อำนวยการนักท่องเที่ยว จะมีเจ้าหน้าอุทยาน พาไปครับ แบ่งออกเป็นสองกลุ่มครับ กลุ่มแรกออก 05.00 และกลุ่มที่สอง 05.15 ครับ มันยังมืดอยู่ครับ เจ้าหน้าที่อุทยานกลัวช้างจะเยียบนักท่องเที่ยว สนุกมากๆครับ เดินไปคุยกับกับเจ้าหน้าที่อุทยานเป็นกันเอง แนะนำเรื่องป่า เรื่องสัตว์ป่าต่างๆได้ความรุ้เสริมเข้มาในสมองอันน้อยไม่มากก็น้อยครับ เจ้าหน้าที่อุทยานเล่ามันดี

เสร็จแล้วก็มาเดินผานกแอ่น วันแรกผมเดินเป็นกลุ่มสอง พอมาถึง จองที่กันหมดแล้ว 




เฆมเยอะอีกวัน กว่าจะได้เห็นโผล่พ้นเขาพอดี แห้วตามเคย



จนกระทั่ง 07.00 เดินเข้าไปกลับแคมป์ ระหว่างทางเดินเลยแวะ ข้างทางเรื่อยแบบไม่คิดกลัวช้าง


หมอข้าวหมอแกง
ต้นหมอข้าวหมอแกง
เดินอ้อมไปทางลานวัดพระแก้ว



ลานวัดพระแก้ว





กระดิ่งข้างพระพุทธรูปลานวัดพระแก้ว



ต้นสน จะมีต้นสนสองใบ ต้นสนสามใบ ต้นสนใบเดีียว คุณอั๋นไม่บอกผมก็ไม่รู้ เพิ่งจะมาสังเกต



เดินกลับไปที่ศูนย์บริการ นักท่องเที่ยว




นึกว่าจะเป็นลูกอะไร เป็นลูกสนนี่เอง เป็นเชื้อเพลิงดีๆนี่เองครับ

ถึงเต้นท์แล้วก็มาเดินจัดของ วันนี้วางแผนจะออกเดินทางที่มันไปไกลกว่าเดิม วางแผนไว้กว่าจะไปเที่ยวน้ำตก และผาหล่มสักกันเขาว่ามันเป็นไฮไลต์  สิ่งที่เตรียม น้ำ และควรจะห่อข้าวไปด้วยครับ ไม่รู้จะเที่ยงตอนไหน เที่ยงตอนไหนก็กินตรงนั้นแหละ ซื้อที่ร้านค้า ข้าวเหนียวหมูทอด ทานแล้วหมูแข็งยังไม่หิน อร่อยแต่น้ำพริกที่มากับหมู ระหว่างนั่งทานข้าวเช้าเจ้าถิ่นก็มาโชว์ตัวอีกรอบ เป็นน้องกวางตัวผู้ ชื่อว่า เตเต้ เรียกชื่อปุ๊ปเจ้าเตเต้ หันซ้ายหันขวาเลย เหมือนจะรู้





ร้องหาอาหาร



เจ้าของร้านเอาข้าวต้มมาให้กิน

โอเคพร้อมเดินทางไปเที่ยวดูน้ำตกกันแล้ว ห่อข้าวไปด้วยนะ กันหิว !

มีฝรั่งมาเที่ยวด้วยนะครับ มาเที่ยวแบบครอบครัว เดินขึ้นลง เขาสอนลูกเขาเดินเองครับ


เดินทางไปดูน้ำตกกันก่อนเลย





น้ำตกวังกวาง น้ำแรกที่เราจะต้องเจอครับ เสียดายน้ำน้อยมาก

และเดินต่อไปที่น้ำตกเพ็ญพบใหม่
น้ำตกเพ็ญพบใหม่

น้ำน้อยอีกแล้ว อยากเจอน้ำเยอะๆ



น้ำตกโผนพบ

ขอบคุณอั๋นมาเป็นแบบ



น้ำตกเพ็ญพบ หลายๆคนไม่ค่อยลงไปครับ






กลับขึ้นมาพักทานข้าวกันครับ ตรงริมน้ำใสๆตรงนี้เลย !



จากนั้นทานข้าวเที่ยงเสร็จ เดินทางกันต่อ ไปที่น้ำตกถ้ำใหญ่




น้ำตกถ้ำใหญ่ พร้อมมอสเขียวติดโขดหิน ตัดกับเมเปิ้ลสีแดง ช่วงผมไปใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีแดงยังน้อยอยู่ครับ ถ้าจะไปดูจริงก็เดือนธันวาคม ของทุกปีครับ






น้ำน้อยอีกตามเคยสำหรับน้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกที่มีน้ำมากสุดคือน้ำตก เพ็ญพบ



ดูน้ำตกเสร็จแล้ว ประมาณ 13.30 จะกลับแคมป์หรือจะไปหล่มสัก ตัวผมอยากไปหล่มสัก มาแล้วก็ต้องมาให้ถึงเลยตัดสินใจเดินจากน้ำตกถ้ำใหญ่ ไปผาหล่มสัก อีก 10 กว่ากิโล ไกลมาก ไกลจริงๆ เดินไปกลัวก็กลัวช้าง เดินไปมองซ้ายมองขวาตลอดข้างทาง กลัวช้างจะหากินข้างทางอิ่ม แล้วก็นอนพักเล่นอยู่ข้างทางเดิน ถ้าเห้นจะได้วิ่ง โชคดีวันนั้นไม่ได้เห้นครับ เพราะกลุ่มผมเข้าเขต หลังบ่ายสองเป็นกลุ่มสุดท้าย เพราะว่าหลังผ่านบ่ายสองไปแล้ว เขาไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางผ่านเส้นทางผ่านสระอโนดาด เพราะกลัวจะไปเจอช้างป่าหากิน เดียวช้างป่ากระทืบตายเอา



บ่ายสอง ไม่มีต้นไม้ซักต้น เลย แดดเปรี้ยง กว่าจะถึงอีกร่มหนึ่ง เป็นกิโล

เหนือยนะ พักแปป เท้าบวมเบ่งเลย


หายเหนื่อยแล้วเดินต่อกันเลย

สระอโนดาด
สระโนดาด
ก็มาพบกับน้ำตกสอเหนือ น้ำก็นิดเดียว






ถึงผาหล่มสักประมาณ 16.30 กว่าจะถึงเดินจะบอกว่าโคตรจะเหนื่อยเลย ถึงผาหล่มสักแวะร้านค้าก่อนเลย น้ำขวดใหญ่สั่งมา ขวดละ 60 บาท น้ำแข็งใส ถ้วยล่ะ 30 จัดมา











กินเสร็จแล้วมีแรงแล้วออกไปถ่ายรูปหน้าผาหล่มสัก


ขากลับเดินมาทาง ริมผาเพื่อกลับแคป์ มืดมากครับ ถ้าท่านใดจะไปผาหล่มสักกลับดึก แนะนำให้ใช้จักรยานนะครับ จะได้ลดระยะเวลาในการกลับแคมป์ได้

มีเวลาถ่ายภาพไม่มากครับ จึงรีบถ่ายภาพ ออกจากผาหล่มสัก 17.00 ใช้เวลาจากผาหล่มสัก 2-3 ชั่วโมงครับ พวกเราใช้เวลาเดินไปถึงแคมป์ 19.30 เวลานั้นหมอกลง หนาว และมืดเร็วมาก และเปลี่ยนชุดมาอาบน้ำ น้ำอุ่นไม่มีนะครับ มีแต่น้ำเย็นๆ อาบแล้วสะดุ้ง เย็นโคตรๆ อาบเสร็จแล้วแต่งตัวให้อุ่น รู้สึกไม่หนาวไปมากกว่าที่ยังไม่อาบน้ำ ใส่เสื้อกันหนาว มาทานอาหาร ตอนสามทุ่มครับ ก็โชคครับระหว่างทานข้าวก็เจอน้องกวางมาเดินเผ่นพล่าน ลานวังกวาง
เจ้าของอาหารอาหารก็บอกว่า นั่นไง มันมาเก็บค่าคุ้มครองอีกแล้ว https://youtu.be/Yv8uKyKonvE
บอกคำทักทาย กวางว่า "สวัสดีครับ" , "ขอบคุณครับ" กวางจะผโงกหัวลงครับ น่ารักมากๆ


ดูวีดีโอตอนที่ 2 ให้อาหารน้องกวาง เจ้าของร้านเขาบอกว่าจริงๆไม่ได้ให้อาหาร จ่ายค่าคุ้มครองน้องกวางด้วยกระหล่ำปลี https://youtu.be/l3UV2hxm3-s
ยอมให้ลูกหัวแต่โดยดี เพราะอยากกินหัวกระหล่ำปลี ตอนนั้นก็ดึกมากแล้วร้านอาหารปิดเกือบหมดเหลือแต่โซนที่ผมทานอยู่ น้องกวางเลยมาตรงนี้ ผมก็จ่ายตังค่าอาหาร กลับไปนอนพักนอน บีบแข้งบีบขา ทาด้วยเค้าเตอร์เพ็นสูตรร้อน ยังปวดน่องขาอยู่ดี


เช้าอีกวันจะกลับดูพระอาทิตย์ขึ้นอีกรอบ หน้าผานกแอ่น



ผานกแอ่น อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง จังหวัดเลย


เดินกลับมาแคมป์ทานข้าว จัดการของในเต้นคืนเครื่องนอน หมอนนำเป้ไปชั่งน้ำหนักให้กับลูกหาบได้หาบลงภู รอบขาลงหนักกว่าขาขึ้นอีก





ลาก่อนภูกระดึงที่คิดถึง โอกาสจะมาใหม่ อยากไปป่าปิดถ่ายดอกไม้นาๆพรรณ







 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2558 13:44:52 น.   
Counter : 6698 Pageviews.  


เค้าขอโทษ เค้าผิดเอง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add เค้าขอโทษ เค้าผิดเอง's blog to your web]