Group Blog All Blog
|
บันทึกการเดินทาง เขาตะเกียบ-หัวหิน-วัดห้วยมงคล
กลางเดือนแห่งความร้อนระอุ เป็นช่วงเวลาปิดภาคเรียนของเด็กๆ ไปไหนดีหว่า สำรวจความต้องการแล้ว ลงความเห็นว่า เล่นน้ำทะเล แล้วก็ไหว้พระ ไม่ใกล้จากกรุงเทพฯนัก ก็นี่เลย หัวหิน แต่เด็กๆอยากเล่นน้ำทะเลด้วย เลยไปหน่อยดีกว่า นี่ดีกว่า เขาตะเกียบ ที่พักก็ราคาไม่แพงนัก เห็นมีแนะนำกันใน Web Pantip ก็บ้านจิ๋งนี่เลย
นึกในใจ บ้านอะไร ชื่อเรียกยากชิบ แต่หลังจากคุยกับพี่เจ้าของแล้ว ก็ถึงบางอ้อ ไม่บอกหรอกว่าทำไมชื่อนี้ ไปถามกันเอาเอง พี่เขาใจดีมาก เป็น กันเอง เราได้พักห้องด้านบน  บรรยากาศภายใน ก็สวยงาม ไม่ถึงกับหรูหรา เหมือนกับโรงแรมแถวหัวหิน แต่ก็อยู่สบาย แถมมีเงินเหลือในกระเป๋าด้วย บ้านหลังนี้ไม่ติดทะเลย แต่เดิน ไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว  โดยรวมถือว่าประทับใจ แถมกล้วยไม้สวยต่างหาก  หลังจากเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องเสร็จ เด็กๆก็ไม่สนใจอะไรแล้ว จะลงทะเลอย่างเดียวเลย เอ้าตามเขาไป  เดี๋ยวนี้พอความเจริญเข้ามา อะไรก็เป็นเงินเป็นทองซะหมด เมื่อก่อนชายทะเลจะไม่มีร้านค้า และ ร่มพวกนี้ เห็นแต่แถวหัวหิน เดี๋ยวนี้มันระบาดมาถึงนี่แล้ว เราว่าเสียบรรยากาศชายทะเลหมด แต่เอาน่าเพื่อปากท้อง  ช่วงนี้เป็นช่วงที่น้ำทะเลดี น้ำใส มีฝูงปลาเล็ก ปลาน้อย มากมาย เด็กๆไล่จับ กันอย่างเมามัน ผู้ใหญ่ก็พลอยเพลินไปด้วย ดูปลาด้านหลังซะก่อน ว่าสนุกขนาดไหน  เล่นน้ำกันเสร็จ ก็หิวแล้ว คืนนี้ละเราจะตะลุยหัวหินให้ราบคาบ เดินกันให้ขาโป่งไปข้าง แต่ที่ไหนได้เดินไปสักพัก ฝนเจ้ากรรมดันแกล้งกันได้ ตกลงมาซะได้ เป็นอันเลิกกัน แต่เราว่าอาหารที่หัวหิน ตลาดกลางคืนราคาสูงไปนิด ขนาดของเล่นลูก ซื้อกรุงเทพฯ 20 บาท ถามที่นี่ 60 บาทสงสัยเดินทางไกล  ทริปนี้ไม่ได้ไปไหนมากมาย เล่นน้ำทะเลอย่างเดียว ตอนกลับมีโอกาสไปแวะวัดห้วยมงคล ที่ซึ่งมีหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ เพื่อไหว้พระเป็นศิริมงคลกับชีวิต และระลึกถึงคุณงามความดี  อย่าลืมปิดทองข้างฐานองค์พระด้วยละ  เสร็จแล้วก็ลอดท้องช้างเอราวัณกัน สร้างจากไม้ 9 ชนิด ไม้สัก ไม้รัก ไม้พยุง ไม้ขนุน ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เต็งรัก ไม้ตะเคียน แล้วก็ไม้จันทร์ชะมด ซึ่งจะช่วยปกป้องคุ้มครองตามลักษณะไม้แต่ละชนิด  ทริปไหว้พระห้วยมงคลนี้ แนะนำไปช่วงเช้า หรือ เย็น เพราะอยู่กลางที่แจ้ง แสงแดดจะร้อนมาก สรุป ทริปนี้ 2 ว้น 1 คืน เล่นน้ำทะเลกับไหว้พระกันสนุกสนาน  บันทึกการเดินทาง ทองผาภูมิ - กาญจนบุรี
บันทึกการเดินทาง ทองผาภูมิ - กาญจนบุรี
ได้มีโอกาส พาครอบครัว ไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี แบบค้างคืนเป็นครั้งแรก ต้องเตรียมการหลายอย่าง ทั้งแผนที่เส้นทาง สถานที่พัก และ สถาน ที่แวะระหว่างทาง โดยวางแผนการเดินทาง ออกจากกรุงเทพฯ แต่เช้า เป้าหมายปลายทางของเราคือ เขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์ ตั้งอยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ การเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่น แวะเที่ยวระหว่างทาง ใช้เส้นทาง ผ่าน นครปฐม ราชบุรี และเข้ากาญจนบุรี ก่อนอื่นเพื่อความเป็นศิริมงคล ขอแวะ ไหว้พระก่อนแล้วกัน วัดที่ไปคือวัดถ้ำเสือ จำได้สมัยเด็กๆ เคยไปมาครั้งหนึ่ง แต่ไปครั้งนี้พาครอบครัวไปด้วย พร้อมเจ้าตัวเล็ก วัยกำลังซน ก็วุ่นวายอีกแบบ ก่อนอื่น มาวัดแรงศรัทธากับการเดินทางขึ้นวัดกันก่อน สำหรับเด็กๆ วัยหนุ่มสาว เชิญพิสูจน์กันได้เลย  ไม่ต้องตกใจ สำหรับคนที่เหลืออายุน้อย เขามีรถกระเช้าให้นั่ง ขึ้นไปถึงบนเขา ก็ประทับใจกับพระองค์โต  กับเจ้าเสือ สมกับเป็นชื่อวัดจริงๆ  แล้วก็ทำบุญตามแต่จิตศรัทธา พร้อมทั้งเชิญไหว้พระนมัสการบนเจดีย์อันนี้   แค่ซุ้มประตูทางขึ้นก็สวยงาม ตามความวิจิตรของผู้สร้างแล้ว  แต่ขอบอกกว่าจะขึ้นไปได้ แทบคลาน แต่ก็ประทับใจ ไม่มีคำไหนบอกกล่าวนอกจากดูเอาเอง  มองจากมุมด้านสูงก็สวยไปอีกแบบ  กว่าจะเสร็จ ก็ตะวันคล้อยบ่ายกว่า หาของกินแถวทางไปวังมัฉฉา วัดนางโน แต่จำชื่อร้านไม่ได้ รสจัดจ้าน ถูกปาก คนกินรสจัดจริงๆ เสร็จแล้วตีออกทางเลี่ยงเมืองกาญเลย วิ่งยาว ไปทองผาภูมิ เพราะทั้งรถหลับกันหมด หลังจากหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่คนขับหลับไม่ลง ทิวทัศข้างทางสวยงาม ตามทางขึ้นลงต่างๆ และแล้วก็ถึงเขื่อนเขาแหลม รีบเข้าไปที่พัก เพราะกลัวจะมืดเสียก่อน เอา สัมภาระตั้งแต่สากกะเบือ ยันเรือรบ ออกทิ้งไว้บ้านรับรองของไฟฟ้าบนเขื่อนเขาแหลม ไปดูตัวเขื่อนตอนเย็นกัน พบเจ้า 2 ตัวนี้คอยต้อนรับ ผู้มาเยื่ยมเยือน สวัสดีจ้า  แต่ขอบอก อย่าได้เข้าใกล้เชียว เด็กๆ ผู้หญิงผมยาว ระวังไว้นะ อย่าได้ถือ ถุงอะไรให้เขาเห็นเชียวนะ สงสัยคงหิว เห็นปีนมาจากเขาด้านหลัง มองไปยังตัวเขื่อน ไกลสุดลูกตา ช่างกว้างใหญ่อะไรกันเนี่ย  หมดกันซะที สำหรับวันแรกที่การเดินทาง เต็มไปด้วยความสุข สนุกสาน  ตื่นมาวันใหม่ ด้วยอารมณ์อยากนอนต่อ เพราะเจ้าตัวเล็ก กับ นักเลงประจำบ้าน ตื่นเต้นกับการเดินทาง และ อากาศอันเย็นยะเยือก ไม่ยอมหลับยอมนอน แต่ด้วยความอยากสำผัสสายหมอก แห่งเขาสูง และรุ่งอรุณของวันใหม่ ขนาดสายแล้วยังไม่เห็นพระอาทิตย์เลย ขับรถชมสายหมอก ดูข้างทางเต็มไปด้วยหมอก ขาวโพลน พร้อมดอกไม้ สีชมพูอันสวยงาม ชื่อเขาคือผักเสี้ยนฝรั่ง  อีกรูปกับบรรยากาศใต้ต้นก้ามปู  เดินจนเหนื่อย หิวแล้ว ไปแวะตลาดทองผาภูมิยามเช้ากันดีกว่า เอ นี่มันดอกอะไรหว่า ใครรู้ช่วยบอกที เห็นสวยดีแต่ไม่รู้จักชื่อ ระหว่างทางไปตลาด  บรรยากาศตลาดต่างจังหวัด ยามเช้ามีมนเสน่ย์อีกแบบ ชีวิตเรียบง่าย เต็มไปด้วยร้อยยิ้ม ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยช่วงเช้ากันมากมาย  ในตลาดมีปลาหลากหลายชนิด มาขาย เนื่องจากใกล้แหล่งน้ำ อาหารการกินจึงอุดมสมบูรณ์ตามสภาพแวดล้อม เราหาของกินที่ตลาดนี่ละ แล้วซื้อถั่วฝักยาวเหมาไปเลย ล้างให้สะอาด แล้วมาดูกันว่าเอาไปทำอะไร  อิ่มหนำสำราญแล้ว เดินทางกลับที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย เที่ยงค่อยออกเดินทางต่อไป ด้านต่อไปคือน้ำพุร้อนหินดาด เป็นทางผ่านตอนกลับ เป็นน้ำพุร้อนที่ทำให้เลือดลมเดินดี แต่ไม่ควรแช่นานอาจเป็นลมได้ เป้าหมายต่อไปคือซาฟารีย์ปาร์ค เป็นสวนสัตวเปิด ให้เด็กๆให้อาหารสัตว์ และ ช่วยเจ้าของด้วย ระหว่าทางเด็กๆชอบกันมากกับเครื่องบินลำเลียง แต่ปลดระวางแล้ว  ถึงแล้วสิ่งที่รอคอย ช่วยเขาซื้ออาหารด้วยนะครับ เขามีแบบรถส่วนกลาง หรือ จะขับรถเข้าไปเองก็ได้ ด่านแรกเลย เจอกวางก่อนเลย เราไม่เคยได้ใกล้ชิดสัตว์ขนาดนี้มาก่อน เด็กๆและคนในรถตื่นเต้นกันมาก  ของที่ซื้อจากทางเข้า หมดไปหลายร้อย กับที่ซื้อจากทองผาภูมิ คุ้มค่าจริงๆ ให้กันอย่างสนุกสนาน จนลืมไปว่านี่มันเพิ่งด่านแรกๆเอง  กว่าจะผ่านแต่ละด่านมาได้ เป็นไปด้วยความตื่นเต้น เสือ สิงโต กระทิง แล้วก็มาลงเอยด้วยเจ้าตัวนี้เลย แต่ตายละหว่า อาหารที่ซื้อมาหมดแล้ว ทำไงดี ไม่เป็นไรเขามีคนเอามาขายให้ ถ้าเงินพร้อม กรี๊ดกันสนั่นรถ ดูเอาแล้วกัน มันจะกินรถเราด้วยหรือเปล่าเนี่ย  พวกที่ไม่ได้ขับรถเข้ามา นั่งรถส่วนกลาง ก็สนุกกันอีกแบบ  สรุปแล้วเกือบหมดตัว แล้วนี่ปากใครหว่า  เขายังมีการแสดงต่างๆอีกมากมาย แต่เราไม่มีเวลาดูแล้ว เพราะมันเย็นมากแล้ว ต้องขับรถกลับกรุงเทพแวะซื้อของฝากอีก เลยไม่ได้ดูต่อ แนะนำซื้อของฝากที่วุ้นเส้นท่าเรือ มีของกินมากมาก สรุปจบทริปการเดินทาง 2 วัน 1 คืน โดยสวัสดิภาพ |
Link |
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [
