สานฝันชาวนา สู่ความจริง องค์ความรู้ที่ 5 การปลูกข้าวโดยวิธีการโยนกล้า (parachute)

การปลูกข้าวโดยวิธีการโยนกล้า (parachute)
จากศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี //brrd.ricethailand.go.th/webversion2/ptt/interest_detail.php?id=18

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตข้าวได้เป็นอันดับ 6 ของโลกรองจากจีน อินเดีย อินโดนีเซีย บังคลาเทศและเวียดนาม ในปี 2549/2550 มีพื้นที่ปลูกข้าว 66.5 ล้านไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย 439 กิโลกรัมต่อไร่โดยข้าวนาปีให้ผลผลิตเฉลี่ย 432 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนข้าวนาปรังให้ผลผลิตเฉลี่ย 683 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกข้าวของประเทศไทยมีพื้นที่อยู่ในเขตชลประทานที่เหมาะสมต่อการทำนาเพียงร้อยละ 24 ของพื้นที่การทำนา ในเขตนี้มีการพัฒนาการทำนาโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมได้อย่างเหมาะสม ทำให้การทำนาในเขตชลประทานได้ผลผลิตสูงกว่าในเขตนาน้ำฝนของประเทศ และสามารถผลิตข้าวได้มากกว่าปีละ 1 ครั้ง เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกข้าวโดยวิธีการหว่านน้ำตม ใช้พันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง อายุสั้น เก็บเกี่ยวข้าวด้วยเครื่องเกี่ยวนวด โดยเฉพาะพื้นที่นาชลประทานในภาคกลาง ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์สูง ซึ่งปัจจุบันราคาเมล็ดพันธุ์กิโลกรัมละ 20-23 บาท และเมล็ดพันธุ์ดีก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ นอกจากนี้การทำนาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น 2 ปี 5 ครั้ง หรือ ปีละ 3 ครั้ง ย่อมส่งผลกระทบถึงสภาพแวดล้อม เช่น ปัจจุบันการทำนาในภาคกลางประสบกับปัญหาข้าววัชพืชระบาดอย่างรุนแรง เกษตรกรที่ทำนาแบบหว่านน้ำตม ส่วนหนึ่งเปลี่ยนวิธีการทำนาเป็นการปักดำด้วยเครื่องปักดำเพื่อควบคุมปริมาณข้าววัชพืช ปัญหาที่ตามมาก็คือ เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่สามารถเตรียมดินให้เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องปักดำได้ และอัตราค่าปักดำค่อนข้างสูงคือ ไร่ละ 1100-1200 บาท (รวมเมล็ดพันธุ์ข้าว) วิธีการปลูกข้าวแบบโยนกล้า เป็นการทำนาแบบใหม่ที่สามารถนำมาใช้แทนการปักดำด้วยเครื่องได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าแต่ได้ผลผลิตไม่ตกต่างจากการปักดำด้วยเครื่องหรือการหว่านน้ำตม แต่สามารถควบคุมวัชพืช โดยเฉพาะข้าววัชพืชที่กำลังระบาดอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ในภาคกลาง
วิธีการปลูก ประกอบด้วย
การตกกล้า
ตกกล้าในกระบะเพาะกล้าที่มีลักษณะเป็นหลุม ซึ่งกระบะหนึ่งจะมี 651 หลุม โดย
ขั้นที่ 1 ใส่ดินในหลุมประมาณ ครึ่งหนึ่งของหลุม
ขั้นที่ 2 หว่านเมล็ดข้างงอกลงในหลุมโดยใช้อัตรา 3-4 กก./ 60-70 ถาด/ไร่
ขั้นที่ 3 ใส่ดินปิดเมล็ดพันธุ์ข้าว ระวังอย่าให้ดินล้นออกมานอกหลุม เพราะจะทำให้รากข้าวที่งอกออกมาพันกัน เวลาหว่านต้นข้าวจะไม่กระจายตัว ขั้นที่ 3 หาวัสดุ เช่นกระสอบป่าน คลุมถาดเพาะ เพื่อเวลารดน้ำจะได้ไม่กระเด็น
ขั้นที่ 4 รดน้ำเช้า เย็น ประมาณ 3-4 วัน ต้นข้าวจะงอกทะลุกระสอบป่าน ให้เอากระสอบป่านออก แล้วรดน้ำต่อไป จนกล้าอายุ 15 วัน
ขั้นที่ 5 นำกล้าที่ได้ไปหว่านในแปลงที่เตรียมไว้ ให้สม่ำเสมอ
การตกกล้า 1 คน สามารถตกได้ 2 ไร่ (140 กระบะ) /วัน
การเตรียมแปลง
- ไถดะครั้งที่ 1 หลังเก็บเกี่ยวข้าวปล่อยแปลงให้แห้งประมาณ 15-30 วัน แล้วปล่อยน้ำเข้าพอให้ดินชุ่มประมาณ 5-10 วัน เพื่อให้วัชพืชและเมล็ดข้าวที่ร่วงหล่นในดินงอกขึ้นมาเป็นต้นอ่อนเสียก่อนจึงไถดะครั้งที่1
- ไถแปร หลังจากการไถดะครั้งที่ 1 แล้ว ปล่อยทิ้งไว้ 10-15 วันโดยรักษาระดับน้ำเพียงแค่ดินชุ่ม เพื่อให้เมล็ดวัชพืชและเมล็ดข้าวที่หลงเหลืออยู่งอกขึ้นมาอีกแล้วจึงไถแปร
- คราดหรือทุบ หลังจากการไถแปรครั้งที่ 2 แล้ว ปล่อยทิ้งไว้ 10-15 วันโดยรักษาระดับน้ำเพียงแค่ดินชุ่ม เพื่อให้เมล็ดวัชพืชและเมล็ดข้าวที่หลงเหลืออยู่งอกขึ้นมาอีกแล้วคราดหรือทุบจะช่วยทำลายวัชพืชได้มาก หรือหลังจากไถดะ ไถแปรและคราดเสร็จแล้วเอาน้ำขังแช่ไว้ประมาณ 3 สัปดาห์ เพื่อให้ลูกหญ้าที่เป็นวัชพืชน้ำ เช่น ผักตบ ขาเขียด ทรงกระเทียม ผักปอดและพวกกกเล็ก เป็นต้น งอกขึ้นเสียก่อน เพราะเมล็ดวัชพืชปกติจะงอกภายใน 5-7 วันหลังจากน้ำนิ่งโดยเฉพาะนาที่น้ำใส เมื่อลูกหญ้าขึ้นแล้วจึงคราดให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ลูกหญ้าก็จะหลุดลอยไปติดคันนาทางใต้ลม ก็จะสามารถช้อนออกได้หมด เป็นการทำลายวัชพืชวิธีหนึ่ง
สำหรับผู้ที่ใช้ลูกทุบหรืออีขลุก ย่ำฟางข้าวให้จมลงในดินแทนการไถ หลังจากย่ำแล้วควรจะเอาน้ำแช่ไว้ให้ฟางเน่าเปื่อยจนหมดความร้อนเสียก่อนอย่างน้อย 3 สัปดาห์แล้วจึงย่ำใหม่ เพราะแก๊สที่เกิดจากการเน่าเปื่อยของฟางจะเป็นอันตรายต่อต้นข้าวจะทำให้รากข้าวดำไม่สามารถจะหาอาหารได้ หลังจากนั้นจึงระบายน้ำออกเพื่อปรับเทือก
- ปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ เมื่อคราดแล้วจึงระบายน้ำออกและปรับเทือกให้สม่ำเสมอ กระทำได้ด้วยการใช้น้ำในนาเป็นเครื่องวัด โดยให้น้ำในนามีระดับเพียงตื้นๆขนาดเพียงท่วมหลังปูก็จะเห็นว่าพื้นที่นาราบเรียบเพียงใดอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าส่วนใดยังไม่สม่ำเสมอก็ควรจะปรับเสียใหม่ การปรับพื้นที่นาหรือปรับเทือกให้สม่ำเสมอจะทำให้ควบคุมน้ำได้สะดวก เวลาหว่านกล้า ให้มีน้ำในแปลงประมาณ 1 ซม.
การหว่านกล้า
นำกระบะกล้าข้าวที่มีอายุ 15 วัน ไปวางรายในแปลงที่เตรียมไว้ให้กระจายสม่ำเสมอ อัตรา 60-70 กระบะต่อไร่ จากนั้นคนที่จะหว่านกล้าจะหยิบกระบะกล้ามาวางพาดบนแขน แล้วใช้มือหยิบกล้าข้าวหว่านในแปลง โดยโยนให้สูงกว่าศรีษะ ต้นกล้าจะพุ่งลงโดยใช้ส่วนรากที่มีดินติดอยู่ลงดินก่อน การหว่านกล้า 1 คน สามารถหว่านได้วันละ 4-5 ไร่
การดูแลรักษาระดับน้ำ
วันหว่านกล้าให้มีน้ำในแปลงประมาณ 1 ซม. หลังจากนั้นประมาณ 3 วันต้นข้าวตั้งตัวได้แล้วสามารถเพิ่มระดับน้ำให้อยู่ที่ระดับครึ่งหนึ่งของต้นข้าว หรือประมาณ 5 ซม. เพื่อการควบคุมวัชพืช
การเก็บเกี่ยว
เก็บเกี่ยวข้าวที่ระยะที่เหมาะสม คือหลังจากข้าวออกดอก (75 %) แล้ว 28-30 วัน จะมีความชื้นประมาณ 22 % กรณีไม่ถูกฝนช่วงเก็บเกี่ยว ซึ่งจะเกิดความสูญเสียทั้งด้านปริมาณและคุณภาพน้อยที่สุด จะทำให้ได้ข้าวที่มีน้ำหนักดีที่สุด มีการร่วงหล่นและสูญเสียขณะเก็บเกี่ยวน้อยที่สุด ผลผลิตมีคุณภาพดี ข้าวที่เก็บไว้สีเป็นข้าวมีคุณภาพการสีสูง ข้าวที่เก็บไว้เป็นเมล็ดพันธุ์สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานอย่างน้อย 7-9 เดือน เสื่อมความงอกช้า

ข้อได้เปรียบของวิธีการโยนกล้าเปรียบเทียบกับการปักดำและหว่านน้ำตม
1. แปลงที่มีลักษณะหล่มก็สามารถเตรียมแปลงเพื่อการหว่านต้นกล้าได้ แต่ไม่สามารถปลูกโดยวิธีการปักดำด้วยเครื่องปักดำได้ เนื่องจากเครื่องจะติดหล่ม
2. ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์น้อยกว่าการหว่านน้ำตมและการปักดำ
3. สามารถควบคุมและลดปริมาณวัชพืชและข้าววัชพืชได้ดีกว่าการทำนาหว่านน้ำตม
4. ลดการสารเคมีในการป้องกันกำจัดศัตรูข้าวเมื่อเทียบกับการหว่านน้ำตม




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 8 กันยายน 2552 21:11:38 น.   
Counter : 288 Pageviews.  

สานฝันชาวนา สู่ความจริง องค์ความรู้ที่ 4 การทำสารจับใบ จากยูคาลิปตัส

การทำสารจับใบ จากใบยูคาลิปตัส
การทำสารจับใบด้วยวิธีนี้ไม่ยุ่งยากและง่ายต่อการทำเพื่อนำไปใช้เอง
เหมาะอย่างยิ่งกับการนำไปผสมร่วมกับการฉีดทางใบต่างๆเช่น ยาฆ่าหญ้า
การให้ปุ๋ยทางใบ หรือการฉีดยาฆ่าแมลงต่างๆ

สูตรการทำสารจับใบด้วยใบยูคาลิปตัส
1 ใบยูคาลิปตัส สด 3 กิโลกรัม
2 น้ำเปล่า 1 ลิตร
วิธทำ
นำใบยูคาลิปตัส สด 3 กิโลกรัมบดให้ละเอียดพอประมาณ ด้วยการตำหรือการสับจากนั้นนำมาผสมน้ำ 1 ลิตรแล้วขยำคลั้นน้ำออกมา จากนั้นนำไปรองจะได้สารจับใบ
จำนวน 1ลิตร
การนำไปใช้
นำสารจับใบ 1 ลิตรผสมน้ำ 19 ลิตร จะได้ทั้งหมด 20 ลิตรแล้วน้ำไปใช้โดยการผสม ยาฆ่าหญ้า การให้ปุ๋ยทางใบ หรือการฉีดยาฆ่าแมลงต่างๆ แล้วแต่การใช้งาน




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 8 กันยายน 2552 21:27:57 น.   
Counter : 711 Pageviews.  

สานฝันชาวนา สู่ความจริง องค์ความรู้ที่ 3 สูตรฆ่าหญ้าได้ผล 100%

สูตรฆ่าหญ้าได้ผล 100%
ฉบับนี้ขอแนะนำสูตรปราบหญ้าอย่างประหยัดและไม่เป็นพิษต่อคน และสัตว์ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เกษตรกรบางรายซื้อยากำจัดหญ้ามาใช้ ทั้งราคาแพง เกิดพิษต่อคนและสัตว์ ทำลายสิ่งแวดล้อม หญ้าที่เป็นปัญหาและปราบยาก คือ หญ้าคา ดังนั้นจึงจะขอเสนอสูตรกำจัดหญ้าให้สมาชิกชมรมผึ้งตอมดอกไม้ได้ไปทดลองทำใช้ดูหากได้ผลกรุณาบอกต่อ ๆ กันไปด้วย จะได้ประหยัดตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง คือ ทำกินเอง ทำใช้เอง นี้คือ เบื้องต้นของเศรษฐกิจพอเพียง วัตถุที่จะแนะนำก็หาได้ง่ายราคาก็ถูก จึงขอแนะนำ 3 สูตร ดังนี้
1. สูตรกำจัดหญ้าคา
น้ำมันเครื่องเก่า 2 ลิตร ผงซักฟอกขนาดกล่องเล็ก ( ประมาณ10 บาท) 1 กล่อง เกลือแกง 1 กิโลกรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร วิธีใช้ ฉีดพ่น ราดหญ้าคาให้ทั่ว อาจจะทำซ้ำอีก 1 – 2 ครั้ง ห่างกัน 10 – 15 วัน
2. สูตรกำจัดหญ้าในนาข้าว
เหล้าขาว 1 ขวด ผงซักฟอก 1 กล่อง (ประมาณ 10 บาท) เกลือแกง 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 16 ลิตร ฉีดพ่นหญ้าในนาข้าวให้ทั่ว
3. สูตรกำจัดหญ้าหวาย
น้ำมันโซล่า 2 ลิตร ผงซักฟอก ขนาดกล่องเล็ก ( ประมาณ 10 บาท) 1 กล่อง เกลือแกง 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร วิธีใช้ ฉีดพ่น ราดหญ้าหวายให้ทั่ว ทำซ้ำ 1 – 2 ครั้ง ห่างกัน 10 – 15 วัน เพราะหญ้าหวายรากยาว
สูตรกำจัดหญ้าทั้ง 3 สูตรได้ทดลองทำแล้วได้ผลดี ใคร ๆ ก็ทำได้ หากท่านคิดจะกำจัดหญ้าก็ให้นึกถึง 3 สูตร นี้ด้วยครับ ท้ายนี้ขอแถมอีกสูตรหนึ่ง คือ สูตรกำจัดปูนาที่กัดกินนาข้าวเสียหาย และสูตรนี้ไม่เป็นอันตรายต่อน้ำด้วย คือ ใช้น้ำยาสระผมยี่ห้อ ซันซิล เท่านั้น 1 ขวด ผสมน้ำ 1 ลิตร ใช้ฉีดพ่นบริเวณที่จะกำจัดปู




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 8 กันยายน 2552 21:28:23 น.   
Counter : 1871 Pageviews.  

สานฝันชาวนา สู่ความจริง องค์ความรู้ที่ 2 ทำไมต้องคัดเมล็ดพันธุ์

คัดเมล็ดพันธุ์ นั้นสำคัญฉไหน

มีคำกล่าวที่ว่า ถ้าพ่อแม่สูงใหญ่ ก้อจะมีลูกสูงใหญ่
ถ้าพ่อตัวเล็กแม่สูงใหญ่ ลูกก้ออาจจะตัวเล็กหรือสูงใหญ่
ถ้าพ่อสูงใหญ่แม่ตัวเล็ก ลูกก้ออาจจะตัวเล็กหรือสูงใหญ่
ถ้าพ่อตัวเล็กแม่ตัวเล็ก ลูกก้อจะตัวเล็ก

ถ้าลุกออกมาแล้วต้องการให้สูงใหญ่ก้อต้องบำรุงกินนมออกกำลังกาย
เล่นกีฬา จะทำให้ลูกสูงใหญ่แข็งแรง

แล้วเผ่าพันธุ์ข้าวจะต่างฉไหนกับเผ่าพันธุ์คน
นี่คือสัจะธรรม





 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2551 16:21:03 น.   
Counter : 264 Pageviews.  

สานฝันชาวนา สู่ความจริง องค์ความรู้ที่ 1 ทำนาอย่างไรให้ได้ไร่ละ 2 เกวียน





 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 8 กันยายน 2552 21:28:55 น.   
Counter : 219 Pageviews.  


เพื่อเมืองไทยคุณจะทำอะไร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เพื่อเมืองไทยคุณจะทำอะไร's blog to your web]