Group Blog
 
All blogs
 
Hip Hop History

Kool Herc
ในช่วงปลายปี1960ซึ่งเป็นช่วงจุดอิ่มตัวของเพลงยุค ’60 คนเริ่มที่จะหาแนวเพลงใหม่ๆที่ฉีกออกไปและก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ Kool Herc หนุ่มชาวจาไมกาที่ย้ายมานิวยอร์คพร้อมกับนำดนตรีสไตล์จาไมกาเข้ามา จุดเด่นของเค้าก็คือการเปิดเพลงพร้อมกับท่อนร้องสดๆควบคู่กันซึ่งก็ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันนึง Kool Herc พบว่าเพลงบางเพลงสามารถทำให้คนเต้นรำกันได้อย่างสนุกสนานแต่มีช่วงเวลาที่น้อยไป เขาจึงนำเครื่อง Turntable มา2ตัวแล้วเปิดเพลงเดียวกันแต่สลับกลับไปกลับมาทำให้เกิดการ Mixing ขึ้นเป็นครั้งแรกซึ่งต่อมา Kool Herc ได้รับการยอมรับว่าเป็น DJ คนแรกของโลก

นอกจากนั้น Kool Herc ยังเป็นคนริเริ่มคำร้องต่างๆอย่างเช่น “ Throw your hand in the air / and wave ‘em just like ya don’t care” ซึ่งเมื่อก่อนเรียกกันว่า “Mcing” ก่อนจะกลายมาเป็น “Rap” ในปัจจุบัน. หลังจากนั้น Kool Herc ก็มอบหน้าที่แร็ปให้กับเพื่อน2คนคือ Coke la rock และ Clark Kent (คนละคนกับตาSuperman นั่นนะครับ) และตั้งทีมขึ้นมาชื่อว่า “Kool Herc and the Herculoid” ถือเป็นกลุ่มMC ทีมแรกของโลก

Grand Wizard Theodore / Sugar Hill
จากนั้นในปี 1975 Grand Wizard Theodore ก็ค้นพบเทคนิกการ Scratching อย่างบังเอิญขณะกำลังเล่นอยู่ในห้องนอนของตัวโดยเกิดจากการดึงแผ่นกลับไปกลับมาทำให้เกิดเสียงแปลกๆขึ้น. จากนั้นเค้าเริ่มทดลองดูกับแผ่นอื่นๆจนได้เสียงที่คนฟังเข้าใจและนำมาแสดง. และก็ได้รับรางวัลจาก International Turntable Foundation ในฐานะผู้คิดค้นการ Scratch

ช่วงนั้นเริ่มมีการออกอัลบั้มฮิพฮอพขึ้น และ1ในนั้นคือ “Rapperdelight” ของ the Sugar Hill สามารถขายได้ถึง2ล้านก้อปปี้ทั่วโลก และยังถูกวางเป็นรากฐานของเพลงฮิพฮอพมาจนถึงทุกวันนี้

Melle Mel / Grand Master Flash

ปี1983 ซิงเกิ้ล “White line(don’t do it)” ของ Grand Master Flash ร่วมกับ Melle Mel ซึ่งเป็นเพลงแอนตี้การใช้โคเคน ก็ดังกระหึ่มไปทั่วโลกและผลักดันให้แนวเพลงฮิพฮอพหลุดจากตลาดอันเดอร์กราวน์ขึ้นมาเทียบแนวอื่นอย่างสง่าผ่าเผย

ต่อมา กลุ่มคนจากเยอรมันในนาม “The Kraftwork” ได้นำแนว Africa Bombata เข้ามาเผยแพร่ด้วยซิงเกิ้ล “Trans-Europe Express” ซึ่งเป็นเพลงแร็ปที่มีเสียง Electronic แทรกอยู่ เพลงอย่าง “Planet rock” ที่ร่วมงานกับ Soul Sonic ก็ขายในอเมริกาได้ถึง 620,000 ก้อปปี้ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของเพลงแนวฮิพฮอพอย่างแท้จริง, วัฒนธรรมฮิพฮอพทั้ง ทีมMC, นักพ่น Graffiti, B-Boy เริ่มถือกำเนิดขึ้น

RUN D.M.C
ในปี 1984 วงRun D.M.C. ก็จุดประการวัฒนธรรมการแต่งตัวของชาวฮิพฮอพโดยมาพร้อมกับชุดกีฬาและสร้อยทองเส้นโตซึ่งต่อมาเรียกกันว่าการแต่งตัวแบบ “Streetstlye”. เพลงอย่าง “My Adidas” ที่ร้องถึงรองเท้าคู่โปรดทำให้ Run D.M.C.เป็นนักร้องฮิพฮอพกลุ่มแรกที่มีสปอนเซอร์เพราะ Adidas ยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนเลข6หลักซึ่งถือว่ามากในสมัยนั้นเพื่อให้ใส่ชุดของพวกเค้าตั้งแต่หัวจดเท้าเลย




2 Live Crew
ปีต่อมา กลุ่ม Rapperอื้อฉาว จากไมอามี่นาม 2 Live Crew ก็ทำเอาแตกตื่นด้วยเนื้อหาที่เน้นขายเรื่องใต้สะดือเป็นหลักเกือบทั้งอัลบั้มจนมีข่าวถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลและจั่วหัวหน้า1ไปทั่วประเทศกับอัลบั้ม “As nasty as they wanna be” หลังจากมีการฟ้องร้องกันไปพวกเขาก็ยังไม่เข็ดแต่กลับจัดทัวร์คอนเสิร์ตเรต R และออกอัลบั้ม “Banned in the U.S.A.” อีกแต่แล้วก็ค่อยๆเงียบหายไปโดยทิ้งเพลงอย่าง “Me so horny” ไว้ให้นึกถึง




Beastie Boys
1986 เพลง “Fight for your right to party” ของ the Beastie boys กลายเป็นเพลงโปรดของบรรดาเหล่าวัยโจ๋หัวดื้อทั้งหลายทั่วโลก และด้วยเหตุที่สัญลักษณ์ของพวกเค้ามีลักษณะคล้ายโลโก้ที่ติดอยู่หน้ารถ Volkswagon จึงถูกวัยรุ่นขโมยแกะออกมาจากรถระบาดไปทั้งอเมริกาและยุโรป




N.W.A.
ปี1988 “N.W.A.” ที่มีสมาชิกในกลุ่มคือ Ice Cube(คนก่อตั้ง), Dr Dre, DJ Yella, MC Ren และ Eazy-E ถูกกล่าวขวัญกันอย่างแพร่หลายด้วยแนวเพลงที่มีเนื้อหารุนแรงเกี่ยวข้องกับยาเสพติด, ปืน พูดถึงการตายอย่างน่าเศร้าของเด็กวัยรุ่นผิวดำที่เข้าไปพัวพันกับแก๊งอิทธิพลและพวกพ่อค้ายาทำให้คนอเมริกันต้องเหลียวมามองสังคมเหล่านี้

เพลง “f**k the police” ที่เหล่า N.W.A. อ้างว่าแค่พูดในสิ่งที่เห็นถึงการทำงานของตำรวจนอกรีตใน L.A. ทำให้ F.B.I. ยื่นมือเข้ามาสืบสวน, คลื่นวิทยุและโทรทัศน์ล้วนแต่กระหน่ำเปิดเพลงของพวดเค้า ซิงเกิ้ล “Straight Outta Compton” ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำในเวลาเพียงแค่6อาทิตย์หลังโปรโมท

แม้ว่าพวกเค้าจะแยกย้ายกันไปเพื่อทำงานเดี่ยวของตัวเอง แต่ N.W.A. ก็ยังถูกยกให้เป็น Gangsta Rapper ที่ดังที่สุดเท่าที่เคยมีมาอยู่ดี

ปี1988นี้ยังได้เกิดศิลปินดังๆอีกมากมายอาทิเช่น Public Enemy, Eric B and Rakim, Salt-N-Pepa, DJ Jazzy Jeff and the Fresh Prince (Will Smith)

2Pac
1999 2Pac Amaru Shakur หรือที่รู้จักกันดีในนาม 2Pacก็เริ่มสร้างชื่อเสียงในวงการกับอัลบั้ม “2Pacalypse now” ที่ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำและซิงเกิ้ล “Trapped” ก็ไต่ขึ้นถึงอันดับ3ใน U.S.Chart และ2ปีหลังจากนั้นทั่วโลกก็ได้รู้จัก 2Pac กับอัลบั้ม “Strictly a my N.IG.G.A.Z” 2Pac กลายเป็นศิลปินฮิพฮอพอันดับต้นๆของวงการทันที

House Of Pain

ปี 1992 “House of Pain” วง Hardcore Rapper ลูกผสมระหว่าง American&Irish ก็กระหึ่มโลกด้วยเพลง “Jump Around” ที่ภายหลังกลายมาเป็นเพลงที่เปิดกันทุกคลับ นอกจากนี้ ศิลปินอย่าง Cypress Hill ก็เริ่มนำสไตล์ Rap แบบ Latin และ Mexican เข้ามาเผยแพร่ในฝั่ง West coast ทำให้ฝั่ง West coast เปิดกว้างสำหรับเพลงแนวใหม่ๆเสมอในขณะที่ East coast ยังคงอนุรักษณ์ในแบบเดิมๆไว้



Dr. Dre, Snoop Dogg / Cypress Hill


1993 ด้วยแรงโปรดิวซ์เองของ Dr Dre ทำให้ Snoop Doggy Dogg ก้าวขึ้นมาจรัสแสงในวงการอย่างเต็มภาคภูมิ, อัลบั้ม “Doggy Style” นับเป็นอัลบั้มฮิพฮอพอัลบั้มแรกที่ขึ้นอันดับ1ในเวลาแค่เพียงอาทิตย์เดียวและขายได้มหาศาลกว่า4ล้านก้อปปี้ทั่วโลก ทำให้กระแสเพลงแนวฮิพฮอพเริ่มฮิตไปทั่วโลก ศิลปินต่างๆพากันทยอยออกเทปไม่ว่าจะเป็น Wu Tang Clan, Nas, Warren G

Notorious B.I.G
1995 Notorious B.I.G. หรือชื่อจริงว่า Christopher Wallace ออกอัลบั้ม “Ready to die” ที่ใช้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงในช่วงเด็กที่ต้องวนเวียนอยู่กับการขายยาเสพติดเพื่อหาเงินประทังชีวิตและอัลบั้มที่ 2 “Life after death” ได้รับรางวัล Platinum หลายรางวัลรวมถึงเพลงในอัลบั้มอย่าง “One more chance” ก็ไต่ขึ้นอันดับ1อย่างรวดเร็ว

Lil' Kim

มาถึงปี 1996 Notorious B.I.G. ก็ค้นพบช้างเผือกอย่าง Lil’ Kim ที่ดังตั้งแต่อายุ17กับเพลง “Crush on you” แม้จะถูกวิจารณ์จากผู้คร่ำหวอดในวงการฮิพฮอพว่าเพลงของเธอหยาบคายและสกปรกแต่เธอก็ไม่แยแสแต่อย่างใด

The Fugees
ในปีเดียวกัน วง “The Fugees” ซึ่งประกอบด้วย Wyclef, Pras และ Lauren Hill ก็พลิกโฉมวงการเพลงฮิพฮอพอีกระลอกกับเพลงที่มีเนื้อร้องฟังสบายๆ ใช้คำไพเราะ ต่อต้านความรุนแรงบวกกับเมโลดี้ที่เป็นการรวมฮิพฮอพเข้ากับ Soul, Raggae และ Jazz ทำให้เพลงเก่าที่เอามาร้องใหม่อย่าง “Killing me softly” ของ Roberta Flack’s เป็นซิงเกิ้ลที่ขายได้มากที่สุดตลอดกาลด้วยยอดขายถึง 9ล้านก้อปปี้ ได้รับรางวัล Grammy สาขา Best Rap Album ในปี1997และเป็นซิงเกิ้ลแห่งปีด้วย

แต่ที่น่าจดจำที่สุดคงหนีไม่พ้นการประกาศสงครามฮิพฮอพระหว่างฝั่ง East coast ที่นำโดย 2Pac เน้นสโลแกนที่ว่า “Keep it real” ยึดแนวเพลงแบบเดิมๆ กับฝั่ง West coast ที่มีหัวเรือใหญ่อย่าง Notorious B.I.G. กับวลี “It’s all good” เปิดใจรับแนวทางใหม่ๆเสมอ แข่งกันอย่างดุเดือดก่อนจะจบลงอย่างน่าเศร้าเมื่อทั้งคู่ถูกยิงตายขณะอยู่ในรถเหมือนกันในเวลาห่างกันไม่นานและคดีก็ยังไม่สามารถคลี่คลายจวบจนทุกวันนี้

1997 หลังจากเหตุการณ์น่าสลดผ่านไป ผลการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นได้พัวพันไปถึงค่าย Death Row Records ที่ Dr Dre กุมบังเหียนอยู่ Suge Knight โปรดิวเซอร์ของค่ายติดคุก9ปี, Afeni Shakur แม่ของ 2Pac ฟ้องร้องบริษัทข้อหาฉ้อโกงเงินลูกชายของเธอนับล้าน ศิลปินรายอื่นพลอยตาสว่างและพยายามยกเลิกสัญญาหรือปรึกษาทนายที่จะออกจากค่าย จะมีก็แต่เพียง Daz Dillinger ที่ยังอยู่

Snoop Dogg ตัดสินใจย้ายหนีพร้อมกับเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าต้องการหลีกหนีความรุนแรงและหาที่สร้างสรรค์งานใหม่ๆ แต่ประโยคที่สะกิดใจที่สุดจนถึงทุกวันนี้ก็คือประโยคที่ว่า “To tell you the truth, I fear for my life on Death Row Records”




Create Date : 27 ตุลาคม 2550
Last Update : 31 ตุลาคม 2550 15:38:07 น. 20 comments
Counter : 1029 Pageviews.

 
Aww...i lik dat ^^


โดย: Paxiipax วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:17:03:38 น.  

 
หน้านี้ความรู้เยอะจิงๆ แต่เราไม่เคยเรียก Mc เป็น Dj นะ

ขอบคุณเจ้าของ blog มากๆนะที่เอาความรู้ใหม่ๆมาบอกกัน


โดย: SatanBeb IP: 125.26.52.230 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:21:09 น.  

 
ด้วยความยินดีครับ ไว้นึกอะไรได้ จะเอามาลงอีกครับ


โดย: marioho วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:51:10 น.  

 
พี่ค่ะ....คือว่าอยากรู้เรื่อง Mc มากกว่านี้อะ อย่างเช่น การเป็น Mc เขาต้องไปเรียนกันหรือเปล่า แล้วถ้าเราต้องการเป็น Mc อะต้องเรียนรู้อะไรบ้าง

คือแบบว่าร้านที่ทำงานอยู่ตอนนี้เขาอยากได้ Mc แล้วเพื่อนก็อยากเป็นด้วย เลยอยากเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อะ

**พี่มี E - mail ไหมอะ รบกวนขอหน่อยแล้วกันนะ**

ขอบคุณค่ะ


โดย: Satanbeb IP: 125.26.53.183 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:19:19 น.  

 
เท่าที่รู้ไม่มีโรงเรียนสอนหรอกครับ ก็ต้องศึกษา เรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้าไม่เคยทำมาก่อนเลยก็ดูจาก MC ที่เค้าทำอยู่ที่เก่งๆ ว่าเค้าทำยังไง ทำอะไรบ้าง ที่สำคัญก็ต้องพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะใช้ภาษาอังกฤษ ตลอดทั้งคืนอะ แล้วก็ต้องดูวิธีการพูด การใช้เสียง จาก MC ที่เค้าเก่งๆคับ
ถ้าอยากติดต่อพี่ก็ ทิ้ง e-mail ของหนู ไว้หลังไมค์นะจ๊ะ อยู่ด้านข้างคับ


โดย: marioho วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:46:56 น.  

 
โห่ฟัง........แล้วถ้าทางมันจะยากอะนะ ถ้ายังงัยจะทิ้ง E - mail ไง้หลังไมค์นะค่ะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: Satanbeb IP: 125.26.52.42 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:46:01 น.  

 
พี่คือแบบว่ามันฝาก E - mail ทางหลังไมค์ไม่ได้อะ มันบอกว่าให้ล๊อคอินเป็นสมาชิกก่อน แล้วต้องไปคลิดตรงไหนอะถึงจะสมัครสมาชิกได้ (แบบว่าหาไม่เจออะนะ)

ขอรบกวนหน่อยนะค่ะ อธิบายที่ว่าต้องไปลงทะเบียนสมาชิกที่ไหน

ขอบคุณค่ะ


โดย: Satanbeb IP: 125.26.52.42 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:05:40 น.  

 
ลืมไปครับ ว่าต้องเป็นสมาชิกบอร์ดก่อนถึงจะได้ เอางี้ทิ้งเมลหนูไว้ ได้มั้ยคะ


โดย: marioho วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:3:49:30 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่แอดมา แต่คงจะหาเวลาทีออนตรงกันคงยาก เอาเป็นว่าถามทางนี้ แล้วช่วยตอบทางเมลหน่อยแล้วกันนะ

**ขอให้พี่ช่วยอธิบาย หลักการเป็น Mc หน่อย เช่น เราต้องไปศึกษาเกี๋ยวกับเนื้อหาเพลงก่อนไหม หรือ จำเป็นปะที่ต้องรู้จังหวะของเพลงนั้นด้วย** (รบกวนมากไปไหนอะ)



**พี่ช่วยลบความคิดที่ 9 ให้ด้วยนะ**

ขอบคุณอย่างสูง


โดย: Satanbeb IP: 125.26.55.106 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:39:10 น.  

 
ที่ว่ามาก็ต้องรู้หมดเลยอะครับ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะ รู้ทุกเพลง เอาว่าก็รู้เกือบหมดที่ดีเจมักจะเปิดอะครับ เยอะมาก ยิ่งจังหวะนี่ถ้ารู้ว่า มันจะมีจังหวะแปลกอยู่ตรงไหน หยุดตรงไหนก็จะดีมาก เพราะเราจะรู้ว่าเราจะต้องพูดอะไร ตรงไหน ยังไง เพื่อจะให้เข้ากับเพลง

พี่ว่าเท่าที่ถามมา ยังไม่สู้หนูไปดูเองดีกว่าครับ ดู MC ที่เก่งๆ ซักที่ เก็บรายละเอียดว่าเค้าทำอะไร ยังไงบ้าง แล้วพยายามเลียนแบบ มันง่ายกว่าครับ เพราะถามกันแบบนี้ก็ยังไม่เห็นภาพอยู่ดี จิงมั้ยคะ แต่อยากถามไรก็ถามได้เลยครับ ไม่เป็นไร พี่ตอบให้ได้ แค่แนะนำว่า ศึกษาจากของจริงดีกว่าเยอะครับ จะมาที่ Inch Club ก็ได้ หรือ Slim ไม่ก็ Route ครับ เท่าที่พี่รู้ ที่พวกนี้ ไปดูได้ครับ ไม่กะโหลกกะลา 55


โดย: marioho วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:09:40 น.  

 
ขอบคุณค่ะพี่.....คือแบบว่าตอนนี้ทำงานทุกวันเลยอะ(ทำงานในผับอะ แต่ไม่ได้เป็นเด็กเชิฟนะ..555 ก็เลยไม่มีเวลาไปศึกษาตามผับต่างๆ)

เคยไปที่ Inch Club เลยเห็นว่าพี่ทำงานตรงนี้ก็เลยอยากศึกษาดู ขอบคุณค่ะ ทีให้คำแนะนำมา แล้วจะหาเวลาว่างไปศึกษาตามผับต่างๆนะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: Satanbeb IP: 125.26.55.106 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:23:51 น.  

 
มีคำเดียวที่จะบอก พี่กะหล่ำ "Respect"

ปล. อยากให้ พี่กะหล่ำ หาข้อมูลอย่างงี้มาลง บ่อยๆครับ เพื่อ คนที่สนใจจริงๆอย่าง พวกผมจะได้มีความรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ไอ้พวกบ้าแฟชั่น มันจะได้ตาสว่างซะที ว่ากว่าจะมีวันนี้ เค้าผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาเท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่ว่าสักแต่มีตังค์ Shoping กันแถวประตูน้ำ เสร็จแล้วก็เอามาเดินโชว์ที่สยาม ไอ้พวกฟายๆ ต้องอธิบายมากมายจนเปลืองน้ำลายหน่อยอ่ะครับ ไม่สุภาพขออภัย ขอบคุณพี่กะหล่ำมากๆนะครับ ที่สร้างสรรค์ Blog ดีๆอย่างงี้ เพื่อหนูๆ


โดย: Ch aka Cee Aze IP: 58.9.203.155 วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:23:52:40 น.  

 
ก็คงไม่ต้องพูดกันต่อมากครับ หลายคนคงเข้าใจอยู่แล้วว่าทุกวันนี้อะไรเป็นอะไร

u cant be real if u just wanna be

ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็นคับน้อง เต็มที่ๆ


โดย: marioho วันที่: 12 มกราคม 2551 เวลา:8:47:57 น.  

 


โดย: BeeUmi IP: 58.9.201.68 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:38:24 น.  

 
i just like very fight world

เหอะ thk. ครับ ๆ


โดย: MonKEy D. CM IP: 118.172.17.209 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:37:41 น.  

 
damn!! you are really helpful i haven't knew that much about hip hop ,so thz lots


โดย: jeans IP: 117.47.72.225 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:59:21 น.  

 
You're the copy man of hip hop history
You think u be real...Shit!
Fuck da wanna be MC


โดย: AA IP: 58.8.131.144 วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:20:30:25 น.  

 
ภูมิใจไหมค่ะเล่น Copy เขาเอามาลงซะเหมือนเขียนเองเลยน่ะค่ะคิดว่าตัวเองRealจิงเหรอค่ะรู้จักHipHopมากี่ปีค่ะ


โดย: Real Girl IP: 58.8.131.144 วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:20:37:29 น.  

 
Real Girl

คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า เรื่องนี้ผมก๊อปปี้มาแล้วยังไง ก็ไม่ได้บอกว่าเขียบนเองไม่ใช่เหรอ ภาษาในการใช้ในบทความนี้มันก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ได้เขียน ผมเอามาให้อ่านเพื่อช่วยกระจายความรู้ให้คนทุกคนที่ชอบฮิพฮอพ รวมถึงพวก wanna be อย่างคุณด้วย

เป็นอะไรมากป่าว

กล้าแสดงตัวจริงมั้ย อยากเห็นหน้ามากเลยครับ คนที่คิดอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้

เป็นเรื่องปัญญาอ่อนที่สุดในวงการฮิพฮอพ สำหรับพวกที่มานั่งคิดนั่งแบบ โชว์พาวว่าตัวเอง Real หรือไม่ Real ความเป็นจริงมันมีแค่ว่า คุณชอบดนตรีฮิพฮอพจริงๆ หรือคุณชอบเพราะแฟชั่นแค่นั้น ใครก็ตามที่เค้าชอบฮิพฮอพจริงๆไม่ใช่เพราะแฟชั่น ไม่ว่าเค้าจะรู้มากหรือน้อย ผมถือว่า Real หมด เพราะมันหมายถึง เค้าไม่ได้ fake

สำหรับผม ผมรัีกในดนตรีฮิพฮอพมาก ได้ยินบีทไม่ได้ต้องเต้น รักแบบที่รู้สึกว่าไม่อยากให้ดนตรีแนวนี้ หมดความนิยมไปในไทย ถึงได้เอาความรู้มาลง หลายๆเรื่องที่รู้ ก็เขียนด้วยตัวเอง เพื่อเป็นวิทยาทาน ชัดเจนมั้ย


โดย: marioho วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:11:50:00 น.  

 
You're the copy man of hip hop history
You think u be real...Shit!
Fuck da wanna be MC


โดย: AA IP: 58.8.131.144 วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:20:30:25 น

^
^
^
^
such a stupid thing
be grown, aite?
da stupid thing's talkin' bout being real in hip hop or not. that's just like a baby.

da important thing's not bout bein' real.
it's bout lovin' da music. if u love da music 4 real.
that's enuf.no matter what da style of music is.

did i tell anyone that i wrote this one by myself.
Nor! just sharing knowledge, idiot.
Why dont u talk bout da ones i wrote by myself? stupid person.

Damn. Dont act like a fool.

"u can't be real if u wanna be"
"you'll be real if u just dont think bout bein' real but just keep on your thing with your heart"

now if u got read it.
talk back. c'mon.
Show me some vision.


โดย: marioho วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:10:13:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

marioho
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







คลับนี้ถ้าคุณไปศุกร์เสาร์คุณเต้นลืมตายอะ เอาดิ


For Downloadin' HIP HOP MUSIC, บอร์ดสำหรับคนอยากได้เพลงฮิพฮอพใหม่ๆ
สำหรับคนที่ชอบ Hip Hop ครับ อยากได้เพลงใหม่ๆ คลิกเลย







Googleall webbloggang


Friends' blogs
[Add marioho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.