แห่งความทรงจำ
Group Blog
 
All Blogs
 

ทรงพระเจริญ

ภาพถ่ายเก่าเมื่อครั้งบิดาของข้าพเจ้าเคยไปเฝ้ารับเสด็จฯ ที่วัดปราสาทเยอ
อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ หลังภาพระบุปีพุทธศักราช ๒๕๑๔

images by free.in.th

วันนั้นฝนตก เมื่อเสด็จลงจากเฮลิปคอปเตอร์ลาดพระบาทเป็นเสื่อมิใช่พรมแดง ข้าพเจ้าไม่ได้ไปเพราะยังเด็กมาก แต่ข่าวรับเสด็จมีมาแต่เนิ่น ๆ ใคร ๆ ก็อยากไปกัน เพราะตื่นเต้นที่พระองค์จะเสด็จมาที่จังหวัดเป็นครั้งแรก พี่เลี้ยงและคนงานที่บ้านไปกันเกือบหมด กลับมาเล่าให้ฟังว่า เขานำผ้าเช็ดหน้าให้ในหลวงเสด็จประทับผ่านขณะที่อยู่ในซุ้มให้ประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ และเอาผ้าผืนนั้นมาอวด บอกว่าจะไว้บนหิ้งบูชา วัดปราสาทเยอ สมัยนั้นหลวงพ่อมุม (พระครูประสาธน์ขันธคุณ) เป็นเจ้าอาวาส

images by free.in.th

images by free.in.th
images by free.in.th

images by free.in.th
เสด็จเยี่ยมราษฎรในซุ้มมุงจาก เป็นช่วงที่ราษฎรมีโอกาสใกล้ชิดพระองค์มากที่สุด

images by free.in.th
“พระ”ผู้เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
................................

ตรงบันไดทางขึ้นอุโบสถวัดปราสาทเยอที่พระองค์เคยประทับตรงประตูทางเข้าด้านบน พวกเราพี่น้องเคยมานั่งถ่ายภาพที่บริเวณขั้นบันไดด้านล่าง

images by free.in.th

พอดีค้นพบภาพที่เกี่ยวข้องกันจึงขออนุญาตนำมาลงไว้ในบล็อกนี้ เข้าใจว่าชายสามคนที่จับลาดพระบาท “เสื่อ” ตอนที่ในหลวงเสด็จฯ ลงจากเฮลิปคอปเตอร์ คือชายสามคนในภาพข้างบนนี้
เป็นภาพของนายบุญธรรม ครูทอง
จาก //gotoknow.org/blog/i-love-king/261544

“ภาพประทับใจ ... ทำความสะอาดรองพระบาทในหลวง"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ วัดประสาทเยอร์ อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๔”
"ก่อนที่จะเสด็จขึ้น ฮ. กลับ ฝนตก รองพระบาทเปื้อนโคลน ผมและเพื่อนรวม ๓ คน ได้เข้าทำความสะอาดรองพระบาท เป็นภาพประทับใจที่ผมไม่เคยลืมเลือน"
นายบุญธรรม ครูทอง
๐๘๘๒/๓ ถนนปลัดมณฑล ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๐๐๐

images by free.in.th

และจาก
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9991149/A9991149.html#10

ในวันนั้น ได้มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ กล่าวคือ ในวันที่ในหลวงเสด็จมาพระราชทานพระกฐินต้น เป็นช่วงออกพรรษา ฤดูกาลเป็นปลายฝน ต้นหนาว ประมาณปลายเดือนตุลาคม ถึง ต้นเดือนพฤศจิกายน ฝนเริ่มหยุดตก ในช่วงปีนั้น ถนนหนทางไปวัดปราสาทเยอร์ยังเป็นถนนลูกรัง บางช่วงเป็นถนนดินบดอัด พอจังหวัดทราบข่าวในหลวงเสด็จก็สั่งการให้สำนักงาน รพช. (ปัจจุบันยุบไปแล้ว) เร่งดำเนินการปรับปรุงถนนซึ่งเป็นเส้นทางที่จะไปวัด ใช้รถเกรดถนนและบดอัดทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง พอถึงวันจริงลูกเสือกองเกียรติยศต้องเดินทางไปแต่เช้า วันนั้นท้องฟ้าแจ่มใส่ อากาศค่อนข้างร้อน แสงอาทิตย์เจิดจ้า รถวิ่งฝุ่นตลบกว่าจะถึงวัดก็หัวขาวหัวแดงไปตาม ๆ กัน แต่พอรอรับเสด็จใกล้จะถึงกำหนดประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ๆ เมฆฝนมาจากไหนก็ไม่ทราบ ฝนเริ่มตั้งเค้าชั่วอึดใจก็ตกลงมาอย่างหนัก กองลูกเสือและประชาชน แตกกระจายวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น ตกอยู่สักประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็เริ่มซาเม็ด ใกล้เวลาเสด็จเต็มทีแล้ว สักพักก็ได้รับแจ้งว่า ฮ. พระที่นั่งยกตัวขึ้นจากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร แล้ว อีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงวัด น่าประหลาดอาจารย์ที่คุมกองลูกเสือท่านหนึ่งเดินทางมาทีหลัง บอกว่าตามเส้นทางที่มาจากศรีสะเกษฝนไม่มีเลยจริง ๆ แต่พอใกล้วัดกลับมองเห็นกลุ่มเมฆลอยอยู่เหนือวัดปราสาทเยอร์ เมื่อใกล้วัดเข้าไปอีกก็เจอฝน พอได้ยินเสียง ฮ.พระที่นั่งที่กำลังจะลงจอดที่โรงเรียนวัดปราสาทเยอร์ ฝนก็หยุดสนิทแดดก็เริ่มออกแสงอาทิตย์เจิดจ้า อีกครั้ง ฝุ่นที่เคยฟุ้งกระจายหายไปหมดแล้ว ประชาชนทยอยออกมาจากที่หลบฝนเพื่อรอรับเสด็จ เมื่อในหลวงเสด็จมาถึงวัด ประทับฝ่าพระบาทลงบนพื้นวัดปราสาทเยอร์ ก็มีแต่ความร่มเย็น อากาศสดชื่นเย็นสบาย ประชาชนพากันตื่นเต้นมาก ที่ได้เห็นในหลวงอย่างใกล้ชิด นี่คือเหตุการณ์ในวันนั้นที่ผมได้ประสบมาด้วยตัวเอง แล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับ เชื่อว่าเป็นเหตุบังเอิญที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือ เป็นปาฏิหาริย์ครับ
โดย สมนึก วันที่ 09 ม.ค. 2553 : 6:53:34 น. IP : 125.26.144.172


เมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จวัดปราสาทเยอร์ และ พระราชทานกฐินส่วนพระองค์ ซึ่งน่าจะประมาณปี พ.ศ. 2514 หรือ 2515 นั้น ผมได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จ เนื่องจากผมเป็นลูกเสือกองเกียรติยศ ของโรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย ได้ไปตั้งแถวรับเสด็จพร้อมกองดุริยางค์ของโรงเรียน ฯ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นในหลวงอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกในชีวิต จากการสังเกตและการวิเคราะห์ของผมว่า ทำไมภาพถ่ายของในหลวงกับหลวงพ่อมุมจึงหาดูยากนั้น น่าจะมาจากสาเหตุ การป้องกันและรักษาความปลอดภัยของสำนักพระราชวัง ซึ่งห้ามบุคคลทั่วไปถ่ายภาพ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพนั้น จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง และ ช่างภาพสื่อมวลชนหรือร้านถ่ายภาพที่ไปลงทะเบียนขอนุญาต และจะต้องมีปลอกแขนสวมเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปถ่ายภาพในหลวงได้ ซึ่งร้านถ่ายภาพขณะนั้น น่าจะเป็น ร้านดาราศิลป์ งามศิลป์ และ ศรีศิลป์ เป็นต้น ลองไปหาดู ที่ดาราศิลป์ลูกยังอยู่ หรือ งามศิลป์ก็เห็นยังเปิดกิจการ ส่วนศรีศิลป์ เลิกกิจการไปแล้ว ผิดถูกอย่างไร ลองฟังความเห็นท่านอื่นดูบ้าง
โดย สมนึก
………………….

อีกภาพ post โดย geetar จาก
//www.meeboard.com/view.asp?user=geetar&groupid=10&rid=875&qid=222

images by free.in.th

images by free.in.th

ภาพตอนสายของวันพุธที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕




 

Create Date : 04 ธันวาคม 2553    
Last Update : 5 ธันวาคม 2555 19:06:41 น.
Counter : 3877 Pageviews.  


ฟางซื่ออวี้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ที่เข้าชม Blog ของ "ฟางซื่ออวี้" ซึ่งรวมเรื่องราวต่าง ๆ ของ "เลสลี่ จาง" ในยุค '80 และภาพแห่งความทรงจำในอดีตในยุคที่หนังจีนกำลังเฟื่องฟูในบ้านเรา
New Comments
Friends' blogs
[Add ฟางซื่ออวี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.