- มีกลิ่นปาก เหม็น ออกมาจากภายในลำคอ ขมในลำคอ
- จุกแน่นลำคอ
- เสียงแหบ ต้องกระแอมบ่อยๆ
- ไอเรื้อรัง
- กลืนลำบาก (ไม่เกี่ยวกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนะครับ)
- เสมหะลงคอบ่อยๆ
- แสบร้อนลิ้นปี่ แต่อาการนี้จะพบไม่บ่อย
โรคนี้จะแตกต่างจาก กรดไหลย้อนเข้าหลอดอาหารนะครับ อันนั้นอาการเด่นจะแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่มาก กรด มันไหลมาคาอยู่บริเวณหลอดอาหาร อาการจะอยู่แถวนั้นเป็นหลัก
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อโรคนี้
พบได้ทุกเพศ ทุกวัย แปลว่า ใครๆก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมสะสมของแต่ละคน และสภาพร่างกานยของแต่ละคน ซึ่ง สาเหตุที่เป็น ก็มาจากการที่หูรูดตรงหลอดอาหารกั้นกระเพาะมันเกิดคลายตัว ทั้งๆที่ควรจะปิดสนิทกั้นกรดเอาไว้ พอมันคลายตัวกรดก็ไหลมากัดทำลายเนื้อเยื่อ สาเหตุที่คลายตัวน่าจะมาจาก การทานอาหารพวกที่มีกรดเยอะ ของเปรี้ยวจัดนั่นแหละตัวดี น้ำอัดลมซ่าๆ แอลกอฮอลล์ ช็อคโกแลต นอกจากนี้ กาแฟ และความเครียด ก็เป็นปัจจัยที่ เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้
เฮ้อ... ความเครียด กะ แอลกอฮอลล์ นี่ แทบจะโดนทุกโรคเลยนะเนี่ย
โรคนี้ รุนแรงแค่ไหน
ถ้ายังไม่รักษา และเป็นซ้ำๆซากๆ จากพฤติกรรมเดิมๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการอักเสบระคายเคืองเรื้อรัง เสียงแหบ ไอเรื้อรัง มีกลิ่นปาก ซึ่งทำให้เสียบุคคลิกภาพ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้ด้วย
หูรูดจ๋า เปิดอ้าขนาดนี้ จะกันกรดยังไงจ๊ะ
มะเร็ง... อันตรายที่ใครๆ ไม่ควรเสี่ยง...
แล้วจะแก้ไข หรือรักษาได้ยังไง
ต้องประกอบกันทั้ง การปรับเปลี่ยน พฤติกรรม และ การรักษาด้วยยาหรือผ่าตัดครับ
การเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องทำอะไรบ้าง
- ลดแอลกอฮอลล์ ดื่มได้ แต่ให้มันน้อยลงหน่อย
- ลด ช็อคโกแลต อาหารมันๆ อาหารรสจัดจ้าน อาหารหรือผลไม้เปรี้ยวๆ น้ำอัดลม และกาแฟ
- 2-3 ชั่วโมง ก่อนจะนอน ได้โปรด อย่า กิน อันนี้สำหรับบางคน ถึงกะนอนไม่หลับเลยนะ
- อย่ากินเยอะในแต่ละมื้อ อย่าเอาอย่างพวกทีวีแชมป์เปี้ยนนะ คนพวกนั้นเค้าไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นพวก ระบบย่อยมีปัญหา กินเท่าไร ก็ออกมาหมด
- หลังอาหาร พักซะหน่อย อย่ารีบออกกำลังกายทันที
- ถ้าอ้วน เกินขนาด ก็ลดน้ำหนักหน่อย
- อย่าใส่เสื้อผ้ารัดติ้วเกินไป
- นอนเตียงที่ปรับได้ โดยปรับเตียงให้เอียงขึ้นสักครึ่งฟุต อย่าเพิ่มความสูงของหมอนหรือแค่นอนหนุนหมอนสูงขึ้น เพราะมันจะไปเพิ่มความดันในช่องท้อง
ปรับเปลี่ยน พฤติกรรม เพื่อไม่ให้เป็นโรค หรือไม่ให้กลับมาเป็นอีก ส่วนการรักษา ไปพบแพทย์ หมอเค้าจะประเมินให้ยา อาจจะใช้เวลารักษาสัก 2-3 เดือน หรือบางราย อาจจะต้องผ่าตัด แต่ผมว่าคุ้ม กับการมีชีวิตที่ดีขึ้น บุคคลิกดีขึ้น และที่สำคัญ ลดความเสี่ยงมะเร็งได้ด้วย
คุ้มค่าน่าทำครับ
วันนี้เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวค่อยๆ หาบทความมาเขียนแก้เบื่ออีกเรื่อยๆครับ