10 อันดับซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่ครองใจคนดูชาวไทย ประจำปี 2013
จากการโหวต "ซีรี่ส์ญี่ปุ่นสุดประทับใจคนดูชาวไทยประจำปี 2013" ที่เว็บไซต์พันทิป มีผู้เข้าร่วมการโหวตทั้งสิ้น 289 คน 

10 อันดับแรกของซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่ครองใจคนดูชาวไทย ได้แก่...


อันดับที่ 1 คือ "Hanzawa Naoki" 101 คะแนน



เป็นตามคาดค่ะ อันดับ 1 จะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจาก "Hanzawa Naoki" ซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่มาแรงสุดๆ ประจำปี 2013 กวาดเรตติ้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยเรตติ้ง 42.2% ซึ่งเป็นเรตติ้งตอนสุดท้ายของซีรี่ส์เรื่องนี้ 
ซีรี่ส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เป็นกระแสความนิยมในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ในเมืองไทยเองก็แรงไม่แพ้กัน บางคนถึงกับออกปากว่า เป็นประเด็นที่เอาไปคุยถึงที่ทำงานเลยทีเดียว

ละครแนวอาชีพที่ออกแนวสัจนิยม (Realistic) ที่เล่าถึงการต่อสู้ของนายธนาคารผู้ที่ถูกคนรอบข้างกดดัน และชีวิตต่างๆ ที่นายธนาคารหรือมนุษย์เงินเดือนต้องพบเจอ สามารถครองใจคนดูได้อย่างมากมาย กระแสความนิยมไม่ได้อยู่ที่ซีรี่ส์เท่านั้น แต่ส่งผลไปถึงตัวนวนิยาย ต้นฉบับของซีรี่ส์เรื่องนี้ก็ขายดีอย่างเทน้ำเทท่า ด้วยยอดการพิมพ์เฉียดล้านฉบับ !

"Hanzawa Naoki" เป็นผลงานการประพันธ์ของ "Ikeido Jun" นายธนาคารเก่าที่หันมาโชว์ฝีมือทางด้านงานเขียน จากการที่ได้รับชมซีรี่ส์เรื่องนี้มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่รอคอยอยากอ่าน "Hanzawa Naoki" ในเวอร์ชั่นภาษาไทยบ้าง 

ส่วนในด้านนักแสดง ก็ถือว่าเป็นการแสดงฝีมือทางการแสดงของนักแสดงรุ่นเก๋าหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "Sakai Masato" ที่ตีบทแตก แสดงได้อย่างสมบทบาท จนทำให้เกิดกระแส "Sakai Fever" ถึงขั้นที่ว่าตามร้านเช่าดีวีดี เจ้าของร้านต้องแยกผลงานการแสดงของ Sakai มาไว้ต่างหาก เพราะมีแฟนๆ ตามไปเช่าดูผลงานเก่าๆ ของเขาเยอะมาก

ทั้งเนื้อเรื่อง การถ่ายทำ และการแสดงของนักแสดงที่เต็มไปด้วยคุณภาพ ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้จึงเข้าไปอยู่ในใจคนดูชาวไทยหลายคนไปอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



อันดับที่ 2 คือ "Legal High" 33 คะแนน


ซีรี่ส์ที่ครองใจคนดูชาวไทยที่ตามมาติดๆ คือ "Legal High" ค่ะ เป็นผลงานของ "Sakai Masoto" เช่นกัน พอ "Hanzawa Naoki" จบลง ก็ต่อด้วย "Legal High2" ทันที ส่งผลให้ซีรี่ส์ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ดังเห็นได้จากเรตติ้งตอนแรกที่คว้าไปได้ถึง 21.2% สูงกว่าเรตติ้งตอนที่ 1 ในเรื่อง "Hanzawa Naoki" เสียอีก แต่พอหลังจากตอนที่ 1 เรตติ้งก็ลดลงมา อยู่ที่ประมาณ 18% และยังคงพยุงเรตติ้งนี้ได้จนจบเรื่อง ส่งผลให้เป็นซีรี่ส์ที่มีเรตติ้งเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นใน Autumn Season อีกทั้งเป็นซีรี่ส์ญี่ปุ่นอันดับ 2 ที่ครองใจคนดูชาวไทยด้วยค่ะ

ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับกฎหมาย และนำเสนอมุมมองที่แปลกใหม่ เป็นความจริงบางอย่างที่คนในสังคมหลงลืมไป หรือพูดในสิ่งที่คนทั่วไปไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ รวมถึงความคอมเมดี้ที่ผสมผสานไปในเรื่อง ทำให้เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงค่ะ



อันดับที่ 3 คือ "LIMIT" 22 คะแนน



อันดับที่ 3 คือ เรื่อง "LIMIT" ค่ะ ซีรี่ส์แนวนักเรียน ที่ถ่ายทอดถึงสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ในยามคับขัน ออกแนวคล้าย battle royale ในแบบซอฟท์ๆ หลายคนมองว่าเป็นซีรี่ส์ที่ลงทุนค่อนข้างน้อย แต่ให้ความสนุกและข้อคิดในระดับที่สูงเลยทีเดียวค่ะ



อันดับที่ 4 คือ "Miss Pilot" 19 คะแนน



ตามมาติดๆ คือเรื่อง "Miss Pilot" ค่ะ ซีรี่ส์แนวอาชีพ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพนักบินที่ไม่ธรรมดา ซึ่งก็คือ เป็นการเล่าถึงอาชีพของนักบินสาวค่ะ ส่วนใหญ่เราจะมองภาพนักบินว่าต้องเป็นผู้ชาย ส่วนผู้หญิงต้องเป็นแอร์โฮสเตสใช่ไหมล่ะค่ะ แต่เรื่องนี้กลับนำเสนออีกมุมมองนึง โดยเล่าเรื่องราวนักบินโดยใช้ตัวละครเอกเป็นผู้หญิงค่ะ 



อันดับที่ 5 คือ "Ando Lloyd" 18 คะแนน



อันดับที่ 5 คือ  "Ando Lloyd" ค่ะ ซีรี่ส์ญี่ปุ่นแนว Romantic Sci-fi ถือว่าเป็นซีรี่ส์ที่ค่อนข้างแหวกแนวและแปลกตาไปเลยค่ะ ที่นำความเป็น Romantic มาผสมผสานกับแนว Sci-fi และเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ทั้งฉาก CG ที่ทำออกมาได้อย่างแนบเนียนและสวยงาม ความสนุกของความบู๊ แอ๊คชั่น รวมไปถึงฝีใือของนักแสดงหลักอย่าง "ทาคุยะ คิมูระ" ที่รับบทเป็นตัวละคร 2 ตัว ซึ่งก็คือมัตซึมะ เรจิ กับหุ่นยนต์อันโด้ ลอยด์ ถือว่าแสดงได้สมบทบาท คนดูสามารถแยกได้เลยค่ะว่า ตอนไหนที่ทาคุยะเล่นเป็นเรจิ หรือหุ่นยนต์ลอยด์




อันดับที่ 6 คือ "Kazoku Game" 14 คะแนน



คราวนี้มาถึงซีรี่ส์แนวครอบครัวอย่าง "Kazoku Game" ค่ะ เป็นซีรี่ส์แนวครอบครัวที่ครองใจคนดูชาวไทยด้วยเช่นกัน เพราะเป็นซีรี่ส์ครอบครัวที่ไม่ธรรมดา นำเสนอเรื่องราวปัญหาครอบครัว ที่ถูกแก้ไขโดยคุณครูที่ออกแนวจิตๆ เบาๆ สอดแทรกปมปัญหา ความลึกลับที่ให้คนดูคอยลุ้นกันว่า ครอบครัวจะร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ไปได้อย่างไร รวมถึงปริศนาในตัวคุณครูโยชิโมโต้ที่แท้จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมการมาของเขาถึงตามมาด้วยเหตุการณ์อันเลวร้ายต่างๆ



อันดับที่ 7 คือ "Galileo2" 13 คะแนน



ตามด้วยเรื่องนี้ค่ะ  "Galileo2" ซีรี่ส์สืบสวนสอบสวนแนววิทยาศาสตร์ค่ะ ใช้ความรู้ทางฟิสิกส์ในการไขปัญหา ความสนุกนอกจากจะอยู่ที่ตัวคดีแล้ว ยังอยู่ที่การใช้ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ปริศนา เรื่องนี้นอกจากจะได้ความสนุกแล้ว ยังได้ความรู้ไปในตัวอีกด้วย



อันดับที่ 8 คือ "Hard Nut" 11 คะแนน



ซีรี่ส์นอกกระแสอย่าง "Hard Nut" ก็ไม่น้อยหน้าค่ะ ตามติดมาอย่างเบาๆ ในอันดับที่8 เป็นซีรี่ส์สืบสวนสอบสวนแนวคณิตศาสตร์ สิ่งพิเศษของเรื่องนี้คือ การนำทฤษฎีคณิตศาสตร์มาใช้ในการไขปริศนาฆาตกรรมผสมไปกับเรื่องราวความรัก และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้ได้รับความนิยมคือ ความหล่อเหลาและความเท่ของพระเอกล่ะค่ะ เป็นพระเอกที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตากันสักเท่าไร แต่เมื่อได้พบเห็นแล้วเป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆ เลยทีเดียว เรื่องนี้จึงครองใจคนดู (โดยเฉพาะสาวๆ) ไปหลายคน



อันดับที่ 9 คือ "Clinic on the Sea" 8 คะแนน



ผลงานล่าสุดของ "มัตสิดะ โชตะ" จาก Liar Game ค่ะ มาในเรื่องนี้ได้ฉีกแนวไปจากอากิยาม่าสุดขรึมมาอีกขั้วหนึ่งเลยค่ะ โชตะต้องมารับบทหมอฮาๆ เกรียนๆ เหลือเชื่อจริงๆ ค่ะว่าโชตะจะสามารถเล่นบทฮาๆ แต่ดีขนาดนี้ ดูทีไรเป็นอันต้องขำตามทุกที นอกจากความน่าสนใจในเรื่องบทบาทใหม่ของหนุ่มโชตะแล้ว เนื้อเรื่องก็ยังน่าติดตามค่ะ เป็นแนวอาชีพหมอบนเรือที่ค่อยล่องเรือไปช่วยเหลือคนตามเกาะต่างๆ นอกจากจะได้รับความสนุกในแนวละครหมอๆ แล้ว เรื่องนี้ยังสอดแทรกความเป็นคอมเมดี้ ดูแล้วเพลิดเพลินดีค่ะ เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่เข้าไปอยู่ในใจของคนไทยหลายคน



อันดับที่ 10 คือ "Doctor-X" 7 คะแนน




อันดับสุดท้ายก็คือ "Doctor-X 2" ค่ะ ซีรี่ส์แนวอาชีพหมอ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของหมอฟรีแลนซ์ แพทย์หญิงผู้ซึ่งต่อต้านการรวมกลุ่ม ต่อต้านผู้มีอำนาจ ต่อ

ต้านการถูกบังคับมีเพียงใบประกอบโรคเฉพาะทาง และทักษะอันเฉียบคมที่เป็นอาวุธของเธอ 

ความสนุกของเรื่องนี้ก็อยู่ที่เคสการผ่าตัด แรงบันดาลใจ ข้อคิดในการทำงาน และ

ปริศนาของ "Doctor X"  สำหรับ Season ที่2 นั้น ที่ญี่ปุ่นถือว่าประสบความสำเร็จ

อย่างสูงมาก เพราะเป็นซีรี่ส์ที่มีเรตติ้งสูงเป็นอันดับที่ 1 ของ Autumn Season แต่

สำหรับในเมืองไทย ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายนัก เนื่องจากเพิ่งมีซับ

ไทยออกมาให้รับชมกันเมื่อไม่นานนี่เอง ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้อยู่ในอันดับที่ 10 


ส่วนอันดับที่เหลือ ได้แก่

อันดับที่ 11 "TokyoBandwagon" 6 คะแนน

อันดับที่ 12 "LastCinderella" และ "Summer Nude" 5 คะแนน                   

อันดับที่ 13 และ "biblia koshodou no jikentechou" ,"Saikou no Rikon" และ "Apoyan" 4 คะแนน

อันดับที่ 14 "Kasuka naKanojo", "Ama-Chan" และ "Itazura na Kiss ~Love in TOKYO" 3 คะแนน

อันดับที่ 15 "Mayonaka noPanya-san" และ"49" 2 คะแนน

อันดับที่ 16 "Woman" และ"Lady Joker" 1 คะแนน


และนี่ก็คือผลโหวต  "ซีรี่ส์ญี่ปุ่นสุดประทับใจคนดูชาวไทยประจำปี 2013" เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ถูกใจกันไหมเอ่ยยยย ด้วยความที่โหวตกันได้คนละ 1 เสียง จึงทำให้คะแนนดูห่างๆ กันไปสักหน่อย แต่ซีรี่ส์ทุกเรื่องที่กล่าวมานี้นี้ก็มีความสนุกไม่แพ้กันเลยค่ะ ! สนุกในตามแบบฉบับของตัวเอง ใครยังไม่ดูเรื่องไหน ก็อย่าลืมหามารับชมนะคะ ซีรี่ส์ญี่ปุ่นก็เป็นอีกซีรี่ส์หนึ่งที่มีความสนุกและให้ข้อคิดอีกด้วยค่ะ ^^

ChaMaNoW
Sakura Dramas










Create Date : 04 มกราคม 2557
Last Update : 4 มกราคม 2557 21:44:50 น.
Counter : 4978 Pageviews.

3 comment
"Hanzawa Naoki" สุดยอดซีรี่ส์คุณภาพของญี่ปุ่น

“Hanzawa Naoki” ซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่องฮิตที่มีแรงที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง และกลายเป็นซีรี่ส์ที่มีเรตติ้งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ประจำปี 2013 ไปซะแล้ว ! 

“Hanzawa Naoki” เป็นซีรี่ส์ที่มีเรตติ้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยเรตติ้งที่มากถึง 42.2% ซึ่งมากกว่าเรื่อง “แม่บ้านมิตะ” ที่ทำไว้ได้ 40% 
ถึงแม้ว่า “Hanzawa Naoki” จะฉายในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีคนดูแต่เรื่องนี้ก็ไม่หวั่นแต่อย่างใด กลับสร้างประวัติศาสตร์ที่ทำให้กลายเป็นซีรี่ส์ที่มีคนดูมากที่สุด!

ส่วนในประเทศไทยเองก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงคอซีรี่ส์ญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก วันนี้ก็เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องราวของ Hanazawa Naoki และประเด็นที่ว่า

“ทำไมซีรี่ส์เรื่องนี้ถึงมีเรตติ้งที่ถล่มทลายและเป็นที่ประทับใจคนดูได้มากมายขนาดนี้”


"Hanzawa Naoki"
เป็นเรื่องราวของนายธนาคารคนหนึ่งที่มีชื่อเดียวกับชื่อซีรี่ส์เรื่องนี้ เขามีความฝันที่จะเดินไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพนายธนาคารด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ที่ดูเหมือนจะเป็นความลับที่ไม่อาจมีใครสามารถล่วงรู้ได้

"Hanzawa"
เป็นคนที่ฉลาดทำงานอยู่ในระดับแนวหน้าและดำรงตำแหน่งเป็น
หัวหน้าแผนกสินเชื่อ เหมือนชีวิตเขาจะเป็นไปได้ด้วยดีแต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่
เข้ามาเปลี่ยนผันชีวิตของเขาเขาถูกป้ายความผิดให้ต้องรับผิดชอบสินเชื่อ 500 ล้านที่ถูกปล่อยออกไป ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความเห็นชอบของเขา

เรื่องราวจะเป็นการต่อสู้กับ "ฝ่ายอธรรม"ที่โกงกินเงินอยู่ตลอดเวลา ส่วน "Hanzawa" ก็จะต้องคอยไปคลี่คลาย กำจัดคนชั่วทิ้งไป

ซีรี่ส์เรื่องนี้โปรยมาด้วยประโยคที่ว่า...

"ซีรี่ย์เรื่องที่ตอนเปิดตัวตอนแรก ได้สร้างปรากฎการณ์ดึงดูดคนดูให้ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงไม่ให้ลุกหนีไปไหได้สำเร็จ"

แค่คำโปรยก็ชวนน่าติดตามแล้วพอได้ดูเท่านั้นแหละยิ่งน่าติดตามไปกันใหญ่
2
ชม. ไม่ลุกไปไหนเลยจริงๆ ค่ะ ไม่กดข้ามเลยสักวินาทีเดียว

สำหรับตอนแรกเป็นการปูพื้น เล่าถึงที่มาว่าทำไมพระเอกต้องออกตามล่าเงิน "500 ล้าน" คืน พอดูแล้วรู้สึกว่า "นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ !" เรารู้สึกลุ้นและเอาใจช่วยพระเอกไปตั้งแต่ตอนแรกที่เราเริ่มดู

จุดพิเศษของซีรี่ส์เรื่องนี้แทรกอยู่ทั้งในการดำเนินเรื่องโครงเรื่อง เนื้อเรื่อง และตัวละคร(นักแสดง) งั้นขอเล่าตามองค์ประกอบนี้ล่ะกันนะคะ

การดำเนินเรื่อง
เริ่มจากการดำเนินเรื่องใยเรื่องนี้จะมีเสียง "ผู้เล่าเรื่อง" ที่เป็นเสียงจากคนนอกที่คอยเล่าเรื่องราวต่างๆ ประกอบไปด้วยไม่ว่าการกล่าวถึงพระเอก ศัพท์เทคนิต่างๆดังนั้นถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ธนาคาร" ก็ไม่ต้องกังวลใจไปว่าจะดูไม่รู้เรื่องหรืองงเพราะจะมีการอธิบายศัพท์ รวมไปถึงสถานะทางธนาคารต่างๆ ว่าถ้าเจอแบบนี้จะเกิดผลอะไรขึ้น

โครงเรื่อง (Plot)

เรื่องนี้จะแบ่งเป็น 2 ตอนใหญ่ คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในธนาคารสาขาโอซาก้า ส่วนตอนที่ 2 คือเหตุการณ์ในสาขาโตเกียว

ภายในโครงเรื่อง 2 ตอนใหญ่ๆ นั้น ก็ประกอบไปด้วยโครงเรื่องหลักและโครงเรื่องรอง โครงเรื่องหลักก็คือการที่พระเอกต้องการแก้แค้นคนที่ทำให้เขาต้องสูญเสียพ่อไป ส่วนโครงเรื่องย่อยก็คือ

การตามหาเงิน 500 ล้านคืน และการจัดการสร้างแผนโครงสร้างให้กับโรงแรม
ที่ขาดทุนจากเงินลงทุนไป หนึ่งหมื่นสองพันล้านเยน เขาต้องพยายามแก้สถานการณ์ ถ้าทำไม่ได้ทั้งโรงแรมและธนาคารนี้จะล้มละลายทันที!

ความสนุกของเรื่องนี้อยู่ที่ จุด Peak ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องมากกว่า 1 จุด ตามสไตล์ซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่จะมีการผสมผสานกันระหว่าง Renzoku กับ Tanpatsu

Renzoku คือ ลักษณะของละครที่ต้องติดตามไปอย่างตลอดทั้งเรื่อง ถึงจะพบจุดพีค หรือการคลี่คลายนำไปสู่จุดจบ Tanpatsu คือ แนวละครที่จบในตอน จุดพีค และการคลี่คลายปมจะปรากฎในตอนๆ นั้น

ซึ่งเรื่อง "Hanzawa Naoki" ในแต่ละตอนจะมีจุดพีคในตัวเอง และการคลี่คลายปมให้เสร็จไปในแต่ละตอน ซึ่งจุดพีคและการคลี่คลายนั้นก็จะเป็นเรื่องราวย่อยๆ ของเรื่อง ที่นำไปสู่โครงเรื่องใหญ่ทั้งหมด และในโครงเรื่องใหญ่ก็ยังมีจุดพีค และการคลี่คลายปมปัญหาทั้งหมดของเรืองอีกทีนึง ดังนั้น ซีรี่ส์เรื่องนี้จะน่าติดตาม ลุ้น สนุก สะใจแทบทุกวินาที 


ตอนที่พระเอกสามารถแก้เกมและเอาคืนฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอะไรที่สะใจมาก!


วลีติดปากของ Hanzawa ที่พูดอยู่บ่อยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงใจที่พร้อมจะต่อสู้กับอุปสรรค และเป็นวลีที่ทำให้รู้สึกอินบวกกับสะใจก็คือวลีนี่ค่ะ...

やられたら、やり返す!倍返しだ!
yararetara yarikaesu! baigaeshida! 
"ถ้าใครทำร้ายฉันล่ะก็...ฉันจะเอาคืนมันเป็น 2 เท่า!"

เป็นคำพูดที่ทำให้อินไปกับความเคียดแค้น และสิ่งที่พระเอกถูกกระทำได้เป็นอย่างดี ออกแนวประมาณว่า "หัวเราะทีหลังดังกว่า"

เนื้อเรื่อง (Story)
เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์แนวอาชีพ(ซึ่งพบเจอได้เยอะในซีรี่ส์ญี่ปุ่น รองๆ จากแนวสืบสวน) คราวนี้มาในเรื่องราวของนายธนาคารดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวคนดูไปสักนิด แต่ถ้าลองได้เปิดใจดูมันกลับสามารถเข้าใกล้หัวใจของคนดูได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ได้ความรู้ด้านธนาคารเพิ่มไปอีก ทำให้เห็นมุมมองของธนาคารในฐานะปีศาจและเทพเจ้า

"ธนาคารให้ผมยืมร่มในวันที่ท้องฟ้าสดใสแต่กลับเอามันคืนไป
ในวันที่ฝนเทลงมา"

นอกจากนี้ก็ยีงเป็นเรื่องที่ไม่ได้ผูกปมด้วยเรื่องราวความรัก แต่ผูกปมด้วยปัญหาชีวิตพระเอกไม่จำเป็นต้องหล่อ อีกทั้งแต่งงานแล้ว ปมปัญหาชีวิตแบบนี้แหละที่สร้างความสนุก นอกเหนือไปจากเรื่องความรักที่เห็นจนเกลื่อน ดูแล้วมันทำให้เรากลับมามองตัวเองและสังคมได้อีก

แนวคิด

ซีรี่ส์เรื่องนี้สอดแทรกแนวคิดไว้มากมาย ทั้งเรื่องการทำงาน มิตรภาพ รวมไปถึงคุณค่าของการเป็นมนุษย์

"
อย่าทำงานให้เหมือนหุ่นยนต์" คำสอนของพ่อ Hanazawa ที่เขาจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ และคำสอนนี้ก็ยังถ่ายทอดไป "Kondo" เพื่อนสนิทของ Hanazawa อีกด้วย


"ถ้ามนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ดีแต่ตอบว่าใช่อยู่ตลอดล่ะก็
งานที่เราทำ ก็เป็นแค่เครื่องจักรธรรมดา"

Hanzawa เป็นคนที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือคนอื่นด้วยความจริงใจ ถึงแม้มันอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเขาเลยและสิ่งนี้ก็ทำให้ คนเหล่านั้นยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขา ถึงแม้ว่า คนๆ นั้นจะเคยเป็น "ศัตรู" ในตอนแรก
นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากเรื่อง "Hanzawa Naoki" ก็คือเรื่อง "มิตรภาพ" ที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน Hanazawa สามารถต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ได้ก็เพราะมีเพื่อนดี
และเพื่อนก็เป็นคนที่ควรสนับสนุนเพื่อนให้ไปถึงจุดสูงสุด อีกทั้งไม่ว่าจะมีอะไร เกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือไม่ควรทอดทิ้งคนข้างๆ เรา 

แนวคิด "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น"

เรื่องนี้ก็เสนอออกมาด้วยเช่นกัน
Hanazawa ดูเหมือนจะไม่มีหนทางที่จะชนะได้เลย แต่ด้วยความพยายามทำให้เขาสามารถชนะมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันออกแนวประมาณว่า ความสำเร็จนั้น เราสามารถคว้ามาได้ "ขอเพียงแค่อย่ายอมแพ้ไปก่อน"

สิ่งสำคัญที่เราประทับใจมากคือ เรื่องนี้ได้แสดงให้เห็นว่า
"คนที่อ่อนแอต่อสังคมจะอยู่ได้ยากในสังคมปัจจุบัน"

จุดเด่นของพระเอกคือความไม่เกรงกลัวต่อใคร ถึงแม้เขาจะมีตำแหน่งที่ต่ำกว่าตัวละครบางตัว เขามักจะเริ่มใช้อำนาจความดุดัน ความกล้าบุกเข้าไปก่อน
เพื่อที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัว และเรื่องนี้จะมีฉากที่พระเอกเล่นเคนโด้บ่อยมากเหมือนเป็น "สัญลักษณ์" ที่สื่อให้เห็นว่า

 การใช้ชีวิต มันก็เหมือนกับการเล่นเคนโด้ ฝ่ายที่บุกเข้าไปก่อนย่อมได้เปรียบและเมื่อลงแข่งแล้ว ต้องฟาดๆๆๆๆๆเท่านั้น ถึงจะชนะ

ตัวละครหรือนักแสดง (Character)
สำหรับซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นรวบรวมนักแสดงที่มีฝีมือระดับต้นๆของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้มีแต่มือเก๋าๆ ทั้งนั้นอย่างพระเอกของเรื่องซึ่งรับบทโดย "SakaiMasato" นักแสดงฝีมือคุณภาพ เราคงคุ้นหน้าคุ้นตาในเรื่อง "Legal High" ซึ่งใน Season นี้ได้ปล่อยภาค 2 ออกมาแล้ว น่าติดตามสุดๆ (แต่ขอเตือนว่าคนละฟีลกับ Hanzawa คือ ดูแล้วกรามค้าง ฮ่าๆๆ)

"Hanzawa Naoki" นายธนาคารมาดเข้ม
ส่วนนี่คือ "Komikado เซนเซย์" ทนายฝีปากกล้า มาพร้อมกับความเกรียน

หรือจะเป็น "KagawaTeruyuki" ที่รับบทเป็น "Owada" ที่เฉือดเชือนปะทะอารมณ์กับพระเอกได้อย่างถึงพริกถึงขิง

รวมไปถึง "AinosukeKataoka" ที่รับบทเป็น "Kurosagiคู่กัดของพระเอก ที่คอยตามไปหาเรื่องพระเอกได้ทุกที แต่รู้สึกว่าเห็นคนนี้แล้วมันฮาเป็นตัวโกงที่มาสร้างสีสันของเรื่องนี้เลยทีเดียว เป็นคนที่ละเอียด สอดส่องได้ทุกซอกทุกมุมคอยดัดทางพระเอกตลอดเวลา แต่ก็ยังช้ากว่าพระเอกไปนิด
คนที่รับบทเป็นเป็นเพื่อนพระเอก 2 คนก็เล่นได้โอเค 

คนที่รับบทเป็น "Tomari" ตอนแรกที่ดู รู้สึกสงสัย และคิดว่ามีแผนการร้ายซุกซ่อนไว้หรือเปล่า เนื่องจากเรื่องอื่นๆ มักจะรับบทเป็นตัวโกง มาเรื่องนี้ในตอนแรกเลยดูผิดไปนิดแต่พอรู้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกับพระเอก รู้สึกโล่งใจยังไงก็ไม่รู้ มีความรู้สึกว่าถ้ามีหมอนี้อยู่ด้วยต้องรอดแน่นอน


ส่วนเพื่อนพระเอกอีกคน "Kondo" คนนี้ต้องบอกว่า คนแคสติ้งเลือกคนได้เหมาะมาก ! คอนโดะจะเป็นคนที่ประสบปัญหาโรคเครียดมีปัญหาทางจิตจากสภาวะความเครียด เห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกว่า เหมือนเขาเป็นโรคนี้จริงๆ ยิ่งฉากที่โรคกำเริบขึ้นนี่ รู้สึกได้ถึงความอึดอัก กดดันแบบสุดๆ 


นอกเหนือไปจากนี้ก็จะมีตัวละครประกอบอีกหลายคนไม่ใช่มีแค่นักแสดงรุ่นเก๋าๆ เท่านั้น แต่นักแสดงขวัญใจวัยรุ่นก็มีคือ "YutoNakajima" พอมาเป็นตัวเรียกเรตติ้งจากวัยรุ่นได้บ้าง


สำหรับบทเด่นในเรื่องนี้ก็คงต้องยกให้ "Sakai Masato" หรือ Hanzawa ของเรา
ถือว่าเขาตีบทแตกนะ ดูแล้วเข้าใจถึงความเคียดแค้นและอินไปทุกการกระทำของเขา

ในเรื่องนี้มีตัวละคร 2 ตัวที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้กับตัวละครที่เคยเป็น ได้แก่
ภรรยาของ Hanzawa หรือ "Hana" ซึ่งรับบทโดย "Aya Ueto" ครั้งแรกที่ดู รู้สึกว่าตัวละครตัวนี้เหมือนเป็นตัวละครที่เกินออกมา ไม่มีก็ได้ แต่ดูๆ ไปก็พบว่า นี่คือสิ่ง"เติมเต็ม"

ตัวละครตัวนี้เป็นคนที่ช่วยให้ Hanzawa พ้นวิกฤติ และสื่อให้เห็นถึงชีวิตครอบครัวของคนญี่ปุ่น
และภาพลักษณ์ของ "แม่บ้านญี่ปุ่น"ที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่เรื่องต้องการเสนอ

จากซีรี่ส์เรื่องอื่นๆเราจะเห็นภาพลักษณ์แม่บ้านญี่ปุ่นที่ดูเหมือนเป็นคนไม่จริงใจ
ขี้นินทา แอ๊บเป็นผู้ดีตลอดเวลารวมถึงภาพลักษ์ที่แม่บ้านหรือภรรยาต้องเป็นฝ่ายถูกกดขี่จากสามี

แต่ตัว Hana ต่างออกไป เธอเป็นคนที่ตรงไปตรงมา เข้าไปพูดกับภรรยาของหัวหน้าแผนกด้วยใจจริงจนทำให้เธอสามารถเข้าไปอยู่ในใจของภรรยาหัวหน้าแผนกได้

ที่สำคัญเธอไม่ได้ถูกกดขี่จากสามีเธอเพียงทำหน้าที่ของเธอให้สมบูรณ์ ที่เคยเป็นผู้สนับสนุนสามีผู้ทำงานหนักส่วนสามีก็เป็นฝ่ายที่ดูแล และให้เกียรติ เห็นได้จากที่เขามักจะพูดจาดีด้วยระงับอารมณ์ไม่ว่าจะเหนื่อยมาจากงานแค่ไหน คู่นี้ดูเหมือนเป็นคู่ชีวิตเพื่อนร่วมชีวิตมากกว่าคู่ทาสที่พวกเราเคยเห็นกัน ส่วนพระเอก เรามองว่า ถ้าคนไทยหันมาดูเรื่องนี้อาจจะทำให้รู้สึกว่าเขาคนนี้ เปลี่ยนภาพลักษณ์พระเอกเดิมๆ ที่คนไทยรู้จัก





สำหรับเรื่องนี้ถ้าต้องให้ ขอให้คะแนนเต็ม 10 เลย!
คนอื่นอาจมองว่ามันอาจมีข้อบกพร่อง เช่นพระเอกโอเว่อร์แอคติ้งไปหรือเปล่าสำหรับเรา เรามองว่าไม่นะแสดงแบบนี้แหละเข้าถึงอารมณ์สุดๆ
รวมไปถึงการแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็น 2 ตอนใหญ่ๆ ที่หลายคนมองว่าตอนหลังดูดร๊อปไปนิด แต่สำหรับเราแล้ว ถือว่าเป็นความหลากหลาย ที่เราสามารถรับเรื่องราวมากกว่าโครงเรื่องเดียวในเรื่อง อีกทั้งเป็นความแปลกใหม่ที่ซีรี่ส์ญี่ปุ่นมักจะไม่ทำ 

ละคร 1 เรื่อง แต่มีตอนจบ 2 ครั้ง ก็ถือว่าเป็นความคิดแปลกใหม่ที่ไม่เลว !

Hanazawa Naoki เป็นอีกเรื่องที่มีคุณค่าแก่การชมค่ะ ให้ทั้งความสนุก และข้อคิดดีๆ ที่มีค่าแก่ทุกๆ คน ก่อนจะจบขอฝากข้อคิดดีๆ ไว้สักเล็กน้อยค่ะ



“โอวาดะ คุณค่าของคนน่ะเอาเงินมาวัดไม่ได้หรอกนะ
นั่นคือสิ่งที่ฉันเชื่อ

ในฐานะนายธนาคารที่มีพลังความสามารถ
เคลื่อนย้ายเงินจำนวนมหาศาลได้

ถ้าเรารู้สึกเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
พลังนั้นสามารถที่จะสร้างหรือทำลายชีวิตคนได้

นั่นแหละคือเหตุผลหลักที่ทำไมนายธนาคาร
จะต้องมองที่ผู้คนไม่ใช่ตัวเงิน” 

สุดท้ายนี้ ขอบอกเลยว่า "Hanzawa Naoki" เป็นซีรี่ส์คุณภาพที่ไม่ควรพลาดค่ะ !

ChaMaNow 
Sakura Dramas








Create Date : 31 ธันวาคม 2556
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 13:15:05 น.
Counter : 2053 Pageviews.

1 comment
Kazoku Game เกมแห่งครอบครัว

ครอบครัวเป็นสิ่งที่ใกล้ชิดเรามากที่สุดและผูกพันกับชีวิตเรามากที่สุดเช่นกัน แต่เคยคิดไหมว่า สิ่งที่ว่ามันจริงสำหรับชีวิตเราหรือเปล่าท่ามกลางความสงบสุขของบ้าน แต่อาจแฝงไปด้วยความจริงอันโหดร้ายที่แสนจะเย็นชา


ละครญี่ปุ่นแนวครอบครัวเรื่องเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ"Kazoku Game" สะท้อนเรื่องราวและปัญหาของครอบครัวญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันถึงแม้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวญี่ปุ่น แต่เมื่อดูแล้วก็พบว่าปัญหาเหล่านี้ก็พบได้ในครอบครัวของไทยด้วยเช่นกัน

"Kazoku Game" เปิดฉากมาด้วยภาพของตัวเอกของเรื่อง ซึ่งก็คือ "Yoshimoto Koya" หรือ "Yoshimoto" เซนเซย์ รับบทโดย "Sakurai Sho" ที่กำลังนั่งกรีดร้องด้วยมือที่เปื้อนเลือด (สร้างความจิตตั้งแต่เปิดเรื่อง)

หลังจากนั้นเรื่องก็ตัดเข้ามายังครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวของ "Numata"ที่จ้างครู Yoshimoto มาเป็นครูสอนพิเศษที่บ้านให้กับ "Shigeyuki"ลูกชายคนเล็ก ที่กำลังเป็นเด็กที่เข้าค่ายเป็นโรค Hikikomori อยู่แต่ในห้อง เล่นเกมทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมไปโรงเรียน


ซึ่งต่างจากพี่คนโต หรือ "Shinichi" ลูกชายที่เพียบพร้อม เป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียน

Yoshimoto เซนเซย์ได้รับหน้าที่ในการจัดการให้เด็กคนนี้ไปโรงเรียนและกวดขันให้มีผลการเรียนที่ดีเช่นเดิม

และเกมครอบครัวครั้งนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น การมาของครูคนนี้เริ่มสร้างความไม่แน่ใจแล้วว่า เขาจะมาช่วยครอบครัว หรือจะมาทำลายให้แย่กว่าเดิม


Shigeyuki ต้องประสบพบเจอเรื่องที่เลวร้ายมากขึ้นเขาต้องฝืนใจไปเรียนถูกเพื่อนในห้องกลั่นแกล้ง และเหตุการณ์ต่างๆมากมายที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด แต่จากสิ่งเหล่านั้นกลับทำให้ Shigeyuki รู้สึกดีต่อYoshimoto เซนเซย์มากขึ้น


"การนึกถึงความตาย อย่างน้อยมันก็ทำให้นายรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่

เป็นครั้งแรกนะ"

"โลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิด"

นี่คือสิ่งที่ Yoshimoto เซนเซย์สอนให้กับ Shigeyuki ความโหดร้ายที่ Yoshimoto มอบให้ได้ทำให้เด็กคนนี้ "แข็งแกร่ง"มากกว่าเดิม

ตรงกันข้ามกับ "Shinichi" พี่ชายคนโตที่มองว่าเซนเซย์คนนี้หมายปองที่จะมาทำร้ายครอบครัวของเขาเขาจึงพยายามหาวิถีทางที่จะกำจัดเซนเซย์ไป


และเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาได้พบกับ  Tachibana Maki ผู้ที่อ้างว่าครอบครัวของเธอต้องฆ่าตัวตายไป เพราะการกระทำของเซนเซย์ และShinichi ก็ได้รู้ความจริงว่า จริงๆ แล้ว เซนเซย์คนนี้ไม่ได้ชื่อ Yoshimoto แต่เขาสวมรอยเป็นคนที่ชื่อ YoshimotoKoya ต่างหาก ส่วนตัวเขาจริงๆ คือ "TagoYudai "ซึ่งสาเหตุที่ต้องสวมรอยก็ยังเป็นเรื่องคาใจของทุกคน

อีกทั้งครูสอนพิเศษคนนี้ก็ยังมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดถึงขั้นเรียกได้ว่า "จิตสุดๆ" เลยก็ว่าได้ Yoshimoto เซนเซย์ บางทีก็เดี๋ยวดีบางทีก็เดี๋ยวร้าย


อย่างที่เห็นได้จากภาพของบน รุนแรงมาก พลิกมาดชายอบอุ่นใจดีคุณชายโชแห่งวงอาราชิไปเลย แอบกลัวเบาๆ (T T)


เซนเซย์คนนี้ชอบพูดคำว่า "อิ้เน่..."(ดีจังเลยนะ...) อยู่บ่อยๆ ดูเหมือนเป็นคำที่แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็แฝงถึงปริศนาบางอย่างที่เกี่ยวกับความรู้สึกอันแท้จริงของ Yoshimoto ที่ถูกซ่อนไว้

อีกทั้งเมื่อทะเลาะ ระบายอารมณ์กับคนในบ้านเสร็จในวันถัดมาเขาก็จะทำเป็นว่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


มาร่วมวงกินข้าวด้วยหน้าตาเฉย พูดคุยอย่างเป็นกันเองอย่างกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น หรือบางทีก็สร้างความฮาให้กับครอบครัว แบบนี้...


อุตะ!!!

แต่ถึงกระนั้น Yoshimoto ก็ยังไม่ถึงคราบของการเป็นปีศาจร้าย คนในบ้าน โดยเฉพาะ Shinichi ก็ยังปักใจเชื่อว่าที่มีเรื่องราวเลวร้ายเกิดขึ้นนั้นก็เริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่การที่เขาเข้ามาในครอบครัว

ความเลวร้ายของครอบครัวนี้เริ่มก่อนขึ้นโดยเริ่มจากพ่อหรือหัวหน้าครอบครัว "Numata" คิดจะนอกใจภรรยา โดยการหันไปคบกับหญิงสาวเอ๊าะๆ"Asami Maika" ซึ่งภายหลังก็มารู้อีกทีว่าเป็น "TachibanaMaki" นั่นเอง


ส่วนแม่ก็หันไปเล่นหุ้น จนทำให้เป็นหนี้ถึง 10 ล้านShinichi เอง จริงๆเขาก็ไม่ได้เป็นนักเรียนดีเด่นอย่างที่ใครเข้าใจ เขาเริ่มขโมยของในร้านหนังสือ กรีดยางจักรยานของเพื่อน หรือแม้กระทั่งสั่งให้เพื่อนไปตาย ! เขาหมกมุ่นอยู่กับการจับผิดครูสอนพิเศษ ซึ่งในขณะเดียวกันเอง Yoshimoto ครูสอนพิเศษของบ้าน Numata ก็มองว่า Shinichi จะเป็นเด็กที่จะกลายร่างเป็นปีศาจในเวลาต่อไป !

"ผู้ซึ่งไม่เคยได้รับความเจ็บใดๆ เลยในชีวิตอาจจะก่อให้เขาหันมาทำร้ายผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย เพราะเขาไม่เคยได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดเหล่านั้น เขาจึงสามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้เขาพอใจ ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการทำร้ายคนอื่นก็ตาม"

เรื่องดำเนินมาจนถึงความโหดร้ายขั้นขีดสุดความจริงของเรื่องราวถูกเปิดเผยออกมาว่า สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมาจากการสร้างของ Yoshimoto ทุกอย่างเป็นเกมที่เขาเซทขึ้น และเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่่ทุกคนในครอบครัวพ่ายแพ้ให้กับมัน

Yoshimoto เซนเซย์ไม่ทำอะไรต่อจากนี้ นอกจากเดินจากไป และเรียกร้องให้ครอบครัว Numata ชดใช้หนี้ที่แม่ของพวกเขาได้ยืมเขาไปในตอนที่เล่นหุ้น

พอมาถึงตอนนี้เป็นช่วงที่ละครเต็มไปด้วยบรรยากาศของความอึมครึมตึงเครียดสุดๆ ทุกคนต่างระบายความกดดันออกมาด้วยการทำลายข้าวของและบ้านให้เละเทะ และไม่มีใครที่คิดจะหันมาแก้ไขปัญหา


Shigeyuki ก็ขาดเรียนและหันมาติดเกมเหมือนเดิม Shinichi ก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน พร้อมกับช็อคสุดขีด เมื่อพบว่า Tachibana Maki ไม่ใช่ผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง!

พ่อก็ถูกไล่ออกจากบริษัท ส่วนแม่ก็เลือกที่จะเดินหนีปัญหา ด้วยการขอหย่า ทุกคนดูเหมือนจะพ่ายแพ้ไปกับเกมนี้ แต่แล้วความจริงหนึ่งกลับปรากฏขึ้น เรื่องราวของYoshimoto เซนเซย์ถูกเปิดเผย ...

สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้

- ประเด็นเรื่องปัญหาในครอบครัว

ซีรี่ส์เรื่องนี้ได้นำเสนอปัญหาครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวของคนเมืองที่ต้องเผชิญ ที่สมาชิกภายในครอบครัวไม่ค่อยมีเวลาให้กัน สามีมักโยนหน้าที่การเลี้ยงดูลูกให้ภรรยาเพียงผู้เดียว โดยใช้ข้ออ้างว่า "แค่ทำงานนอกบ้านก็หนักพออยู่แล้ว" พอลูกเกเรก็จะโยนความผิดไปที่ภรรยาคนเดียว

หรือปัญหาของเด็กวัยรุ่นในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่มักจะหลงผิดได้ง่าย รวมไปถึงปัญหาแการกลั่นแกล้งกันของเด็กนักเรียนญี่ปุ่น

การมาของอ.Yoshimoto นั้นมาพร้อมกับปัญหาต่างๆ แต่ถ้ามองดีๆ จะพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น มันมีอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่ได้แสดงออกมา ก่อนหน้านี้ทุกคนก็แค่เสแสร้งปั้นหน้าว่าเป็นครอบครัวที่แวนสุข ทั้งๆ ที่คนในครอบครัวยังรู้จักกันไม่ดีพอ น้อยครั้งที่พวกเขาจะได้คุยกัน อยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่แท้จริงแล้วพวกเขาก็อยู่อาศัยกันไม่ต่างไปจากบ้านแชร์เฮ้าส์

เมื่อเกิดปัญหาขึ้น จึงยากที่จะแก้ไข เพราะต่างคนต่างไม่รู้จักหันหน้าคุยกัน


ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่นำเสนอปัญหาใกล้ตัว ปัญหาในครอบครัวที่เราอยู่ จนทำให้เราต้องกลับมามองถึงครอบครัวตัวเองอีกครั้งว่า เราพูดคุยและรู้จักกันมากพอหรือยัง รวมทั้งลุ้นไปกับเนื้อเรื่องด้วยว่าตัวละครในเรื่องจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวอย่างไร

- ความลับของ Yoshimoto เซนเซย์

ด้วยพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของเซนเซย์ ไม่ว่าจะเป็นการชอบพูดคำว่า "อี้เน้..." ชอบถ่ายรูปการกระทำของนักเรียนไว้เป็นหลักฐาน ความบ้าระห่ำ ชอบใช้กำลังในบางครั้ง รวมไปถึงเรื่องราวของอ.คนหนึ่งที่นอนป่วยในห้องไอซียู นำมาซึ้งปริศนาของ Yoshimoto เซนเซย์ว่า ในอดีตเขาเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมต้องนำพาความโหดร้ายมาสู่ครอบครัวนี้

- สาวปริศนา "Asami Maika" หรือ " Tachibana Maki" 

เป็นผู้หญิงที่มีส่วนทำให้ครอบครัว Numata ต้องพังทลาย แต่ทว่า ไม่มีใครที่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ และดูเหมือนว่าเธอก็มีความเกี่ยวข้องอย่างลับๆ กับYoshimoto เซนเซย์ ด้วยเช่นกัน นำมาซึ่งความสงสัยและชวนติดตามว่า แท้จริงแล้วเธอคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงเข้ามาวุ่นวายในครอบครัว Numata

- ข้อคิด คำคมดีๆ ในเนื้อเรื่อง

สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้อีกอย่างก็คือ ข้อคิด และคำคม ด้วยเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างดราม่า แต่กลับเป็นเรื่องที่สามารถให้กำลังใจ และเห็นมุมมองของชีวิตอีกด้วย



"เราไม่สามารถห้ามพวกปีศาจร้ายไม่ให้เกิดขึ้นมา แต่เราสามารถ

สร้างผู้คนให้มีพลังต่อสู้กับปีศาจเหล่านั้นได้"


"Kazoku Game" ถือว่าเป็นซีรี่ส์ญี่ปุ่นแนวครอบครัวอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชม อีกทั้งในเรื่องนี้ Sakurai Sho สมาชิกกลุ่มนักร้องบอยแบนด์ชื่อดัง วง "ARASHI" ก็ได้แสดงเรื่องนี้อย่างสมบทบาท ทำให้เราได้เห็นมุมมองของนักร้องหนุ่มคนนี้ ในฐานะนักแสดงฝีมือคุณภาพด้วยเช่นกัน 

รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ ก็เล่นกันได้อย่างสมบทบาทด้วยเช่นกัน และบทละครก็แต่งขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์คุณภาพ มีรางวัลการันตีมากมาย ดังนี้

77th Television Drama Academy Awards: Best Drama

77th Television Drama Academy Awards: Best Actor - Sakurai Sho

77th Television Drama Academy Awards: Best Supporting Actor - KamikiRyunosuke

77th Television Drama Academy Awards:Best Screenwriter - Muto Shogo

77th Television Drama Academy Awards: Best Director - Sato Yuichi

77th Television Drama Academy Awards: Best Theme song

17th Nikkan Sports Drama Grand Prix (Apr-Jun2013): Best Drama

17th Nikkan Sports Drama Grand Prix (Apr-Jun2013): Best Actor - Sakurai Sho

17thNikkan Sports Drama Grand Prix(Apr-Jun2013): Best Supporting Actor - KamikiRyunosuke

17th Nikkan Sports Drama Grand Prix (Apr-Jun2013): Best Supporting Actress - Suzuki Honami

เห็นอย่างนี้แล้ว ก็ต้องขอบอกไว้เลยว่า "Kazoku Game" เป็นซีรี่ส์ญี่ปุ่นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว !

ChaMaNow

Sakura Dramas





Create Date : 30 ธันวาคม 2556
Last Update : 30 ธันวาคม 2556 22:54:24 น.
Counter : 2777 Pageviews.

1 comment
Hard Nut มาร่วมกันไขคดีสุดสนุกไปกับทฤษฎีทางคณิตศาสตร์

ซีรี่ส์ญี่ปุ่นนอกกระแสใน Autumn Season ที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ "Hard Nut" ค่ะ
ซีรี่สเรื่องนี้นำแสดงโดยนางเอกสาวหน้าใส "Ai Hashimoto" หรือสาวน้อยที่รับบทเป็นซาดาโกะ ในภาพยนตร์เรื่อง “Sadoko 3D” 
เธอคนนี้เป็นนักแสดงมากฝีมือค่ะเข้าวงการตั้งแต่อายุยังน้อย ผลงานส่วนใหญ่จะเป็นงานส่วนภาพยนตร์มากกว่าละคร
ตอนนี้ก็เหมือนว่าเธอค่อยๆก้าวสู่งานของวงการละครมากขึ้นแล้วค่ะ

ส่วนพระเอกของเรื่องนี้ก็คือ "Kengo Kora" ค่ะ หน้าตาเขาออกแนวดาราฮ่องกงนิดๆ ><"
ผลงานส่วนใหญ่ของ Kora ก็จะเป็นภาพยนตร์เหมือนกันค่ะ สำหรับแฟนคลับของพ่อหนุ่มคนนี้ ซีรี่ส์อีกเรื่องที่อย่างแนะนำคือเรื่องนี้เลยค่ะ “The Life Story ofBookstore Clerk Michiru” เล่นกับ "Erika Toda" ออกแนวสืบสวนสอบสวนค่ะ เรื่องนี้ไม่ค่อยคุ้นมากนักอาจเป็นเพราะว่าเป็นซีรี่ส์ที่ฉายในรอบดึกค่ะ
สำหรับเรื่อง Hard Nut เป็นซีรี่ส์ที่ฉายทางช่อง NHK BS Premium ในช่วง Autumn Season (ตุลาคม) ทุกวันอาทิตย์ เวลา 22:00 น.
เป็นซีรี่ส์อีกเรื่องที่น่าสนใจค่ะแต่ว่าเรตติ้งค่อยข้างเงียบเหงานิดนึงแต่เรารู้สึกเรื่องนี้มาก่อนหน้าที่จะฉายจากเพื่อนค่ะ เพื่อนบอกว่าน่าสนใจดีตอนนั้นที่ดูตัวอย่างซีรี่ส์ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ ถ้าฉายเมื่อไรต้องหาดูซะบ้างแหละ !
และก็ได้ดูตามที่ตั้งใจไว้ค่ะ(โชคดีที่มีทีมแปลใจดีทำซับเรื่องนี้ออกมา ><”)

เรื่องย่อ
สำหรับเนื้อเรื่องอย่างคร่าวๆ ของ Hard Nut ก็คือ เป็นซีรี่ส์แนวสืบสวนสอบสวนโดยใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในการไขคดี โดยมี Nanba Kurumi (Ai Hashimoto) นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยโตเกียวที่เป็นยอดอัจฉริยะทางด้านคณิตศาสตร์ช่วยสืบสาวและไขคดีร่วมกับ Tomoda ตำรวจหน้าใหม่ที่เข้ามาทำให้หัวใจของ Nanba หวั่นไหวอยู่ไม่น้อย

สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้

-    ไขคดีโดยใช้ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์
ดูๆ ไปเรื่องนี้ก็คล้ายๆ แนว Galileo นั่นแหละค่ะ ที่ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ที่ไขคดี พอเปิดเรื่องมาเรื่องนี้ก็พยายามจะนำเสนอเลยค่ะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์และการสืบคดีฆาตกรรมก็สามารถไขได้จากความรู้เหล่านี้เช่นกัน เรื่องนี้ก็เสนอเรื่องที่น่าสนใจค่ะเท่าที่สังเกตดูเหมือนเขาจะหยิบเรื่องที่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้กับคณิตศาสตร์ขึ้นมานำเสนอ อย่างเช่น




ดนตรีกับคณิตศาสตร์


งานเขียนด้านวรรณกรรมกับคณิตศาสตร์



หรือแม้กระทั่งการทำอาหารก็ยังเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวเนื่องกับคณิตศาสตร์เลยค่ะ!

นางเอกเปรียบเสมือนตัวแทนที่จะนำเสนอให้เราเห็นว่าทุกสิ่งที่อย่างเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ลักษณะเฉพาะตัวของเธอจะอยู่ภายใต้กระบวนการคิดแบบคณิตศาสตร์ไปซะทุกเรื่อง


ถึงแม้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์แต่คณิตศาสตร์ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกเรื่องหรอกค่ะจะเห็นได้จากฉากที่นางเอกพยายามจะเขียนจดหมายบอกรักเธอเล่นทำเป็นแกล้งหยิบกระดาษให้ผิด แกล้งทำแต่ดันเหมือนกับว่ากำลังตั้งใจเลยค่ะฮ่าๆๆๆ และพอได้อ่านข้อความในจดหมายพบว่า...ยังไงซะการเขียนจดหมายก็ควรใช้ศิลปะทางด้านการประพันธ์มากกว่าทฤษฎีทางคณิตศาสตร์แหละนะ...


-    
เรื่องราวความรัก
อาจจะดูเป็นแนวสืบสวนธรรมดานะคะ ที่ไขคดีจบๆ ไปเป็นตอนๆแต่เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เพียงแค่นี้หรอกค่ะเรื่องนี้ยังมีสิ่งพิเศษที่จะมาทำให้คนดูอย่างเราๆ ติดกันอย่างงองแงม นั่นก็คือ...เรื่องราวความรักระหว่างพระ-นางค่ะ!

นานๆ ทีที่จะเห็นซีรี่ส์ญี่ปุ่นทำแนวรักๆ นะคะแต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ออกแนวความรักจ้าหรอกค่ะ ก็มีมาพอให้ชื่นหัวใจบ้างความรักในเรื่องนี้ก็ออกแนวแบบว่า เป็นความเพ้อฝันของนางเอกค่ะที่พอได้มีโอกาสได้พบเจอและสนิทสนมกับผู้ชายหน้าตาดี มาดอบอุ่นๆ ปกป้องเราได้ก็ต้องเป็นอันตกหลุมรัก นางก็มักจะมโนถึงเขาค่ะ ทีสำคัญเธอคนนี้ถึงแม้ว่าจะตกหลุมรักไปแล้วแต่ก็แสดงออกมาไม่ค่อยจะเป็นสักเท่าไร เห็นได้จากการเขียนจดหมายบอกรักดูฉากนี้แล้วฮามาก เขียนแก้หลายรอบ และสำนวนแบบว่า... ฮ่าๆๆๆแถมยังทำแกล้งไปยื่นต่อหน้าพระเอกอีก !


นี่มันอะไรเนี่ย...



ส่วน Tomoda ที่ถูกแอบหลงรักนั่นก็กลับแสดงท่าทีเย็นชา เฉยๆกับนางมาก แต่ก็ถือว่าเป็นบุคลิกที่ทำให้สาวๆ หลง (สาวๆ อย่างเราคนหนึ่งล่ะ!)

-    
โครงเรื่อง
โครงเรื่องหรือว่า Plot เรื่องนี้ก็อาจจะไม่หวือหวาขนาดน่าติดตามมากแต่ก็เป็นการวางโครงเรื่องที่ทำให้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป กล่าวคือถึงจะเป็นซีรี่ส์สืบสวนแบบที่จบในตอน แต่ว่าก็ยังมี Plot ใหญ่ที่คลุมทั้งเรื่องไว้อีกที ที่ต้องรอให้เราติดตามชมกันต่อไป ซึ่งก็คือเรื่องราวความลับของตัวพระเอกที่ทำให้ผู้ชมต้องค้นหากันต่อไปค่ะ

ในตอนแรก เราจะเห็นได้ว่าในฉากเปิดตัวของพระเอกจะเป็นฉากที่พระเอกขับรถซิ่งมาเลยพร้อมกับมีคนหลบทางให้เหมือนเกรงกลัวเบาๆ และนายคนนี้ก็จอดรถ และค่อยๆ ก้าวขาลงมาพร้อมกับสูบบุหรี่ ปล่อยควันฟุ้ง เดินมุ่งหน้าไปอย่างห้าวหาญลักษณะดูเหมือนเป็นพวกยากูซ่ามากๆ พอเดินไปเรื่อยๆ เจอชายแก่ที่ขอเศษเงินนายคนนี้ก็ควักเงินให้ และก็พบว่าชายแก่คนดังกล่าวเป็นคนที่เคยรู้จักกันคุยกันไปสักคำสองคำ นาย Tomoda ก็เข้าไปอัดอย่างรุนแรง โหดสึสสสส !!!

หลังจากนั้นก็ตัดฉากไปและพระเอกก็ปรากฏตัวอีกครั้งในมาดของตำรวจหน้าใหม่ ถึงแม้เขาจะเคยทำผลงานมาบ้างแต่ตำรวจเพื่อนร่วมงานของเขากลับไม่ให้ความยอมรับสักเท่าไร บางทีก็พูดจาไม่ดีใส่แต่โทโมดะก็รู้จักอดทนอดกลั้น ไม่ตอบโต้ใดๆ และพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นจากการปิดคดีต่างๆลงได้อย่างสวยงาม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นการร่วมมือของนันบะด้วย


-    พระเอก นางเอก
สิ่งที่น่าสนใจอย่างสุดท้ายเลยก็คือ“พระเอก และนางเอก” ค่ะ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ
มาเริ่มที่พระเอกกันก่อนนะคะ

พระเอกเรื่องนี้น่าสนใจจริงๆสิ่งที่น่าสนใจในตัวพระเอกก็คือ ความลึกลับของเขานี่แหละค่ะ อย่างที่บอกไปว่าพระเอกดูเหมือนมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างอยู่ และนักแสดงคนนี้ก็เลยได้ดีนะคะพอดูเขาแสดงแล้วให้ความรู้สึกเหมือนว่า เขาเป็นคนที่น่าค้นหา ภายนอกดูอ่อนโยน สุภาพคอยตามไปช่วยนางเอกเสมอ แต่ลึกๆ ในอีกด้านหนึ่ง เขามีความดิบแบบมาเฟียยากูซ่าซ่อนอยู่ค่ะ
และความลับเกี่ยวกับตัวตนของพระเอกก็ดูจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจไม่น้อยดูเสร็จยังแอบกลับมาคิดเลยว่า ถ้าสมมติว่าเขาเคยอยู่ในแก๊งยากูซ่าเพราะเหตุอะไรถึงมาทำงานในอาชีพที่ถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับยากูซ่าไปเลย น่าสงสัยๆ

ที่สำคัญหน้าตารวมถึงบุคลิกของพระเอกก็ถือว่าโอเคค่ะ เรามองว่าเขาก็ไม่ได้หล่ออะไรมากมายหรอกค่ะ ไม่ขนาดพระเอกเกาหลีที่เห็นปุ๊ปแล้วตอบได้เลยว่าหล่อ แต่พอเห็นเขาแสดงมันทำให้รู้สึกว่าเขาคนนี้เป็นคนที่มีเสน่ห์ ภาพนิ่งไม่ค่อยหล่อเท่าไรแต่ภาพเคลื่อนไหวนี่มีเสน่ห์มาก ><” ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซีรี่ส์ญี่ปุ่นเลยค่ะที่พระเอกจะหล่อขึ้นเรื่อยๆ


ส่วนนางเอกเองก็น่ารักค่ะ รู้สึกว่าเคมีเข้ากันได้ดีกับพระเอกดูแล้วก็แอบฟินเบาๆ เหมือนกัน อิอิ แถมความรั่วของเธอก็สร้างความฮาได้ไม่เบาเลยค่ะฮาตอนฉากร้องคาราโอเกะ ที่ร้องเพี้ยนสุดๆ พอพระเอกเข้ามา ต่างคนก็ต่างเขิน ฮ่าๆๆๆ

นอกจากนี้จุดเด่นของซีรี่ส์เรื่องนี้คือตัวละครไม่เยอะดีค่ะ มีตัวละครหลักๆ แค่ไม่กี่คน นอกจากนางเอกและพระเอก ก็จะมี
พวกตำรวจหลักๆ อีก 3 คน

เจ้าคนที่ยืนแปะกระดาษบนกระดาษนี่ไม่ค่อยจะถูกกับพระเอกค่ะคอยจะด่าจะขัดตลอด ส่วนคนถัดไปเป็นหัวหน้า ตอนแรกก็ดูเหมือนจะไม่ถูกชะตากับพระเอกแต่หลังๆ ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนคนถัดมาคือหัวหน้าใหญ่ค่ะ

ของแถมพิเศษ ฉากกุ๊กกิ๊กในเรื่อง !

เริ่มแรกที่ฉากนี้ค่ะ แอบละครไทยเบาๆ อิอิแต่ว่าพระเอกก็ไม่ได้รู้สึกปิ๊งนางเอกหรอกนะคะมีแต่นางเอกเท่านั้นที่หลงรักไปซะแล้วว



มีนัดกินของหวานกันเบาๆ ด้วย จะเรียกว่าออกเดทได้ไหมนะ !แต่ก็...จริงๆ อาจจะไม่ได้มีอะไร
พระเอกแค่พามากินเพราะต้องการขอความช่วยเหลือในการสืบคดี พระเอกแอบหน้านิ่วเบาๆ
ที่ถูกขอร้องให้ต้องขอโทษนางเอกเพราะก่อนหน้านี้ไปสั่งห้ามให้นางเอกไม่ต้องเข้ามายุ่ง
แต่ผลสุดท้ายก็ต้องพามาร่วมกันไขคดีอยู่ดี


จู่ๆ นันบะ นางเอกของเรื่องก็เป็นลมล้มพับเธอเข้าใจว่าได้กินน้ำที่มีสารพิษเข้าไป เลยเรียกโทโมดะซังให้พาไปส่งโรงพยาบาลแต่ที่ไหนได้ ที่นางเป็นลมเพราะนางนอนไม่พอต่างหาก เล่นไม่หลับไม่นอนมา 3 วัน ไม่สลบก็ให้มันรู้ไป ส่วนพระเอกของเราพอรู้ความจริง ก็ทิ้งให้เธอกลับบ้านคนเดียวไปซะดื้อๆใจร้ายจังเลยยย

ขอปิดท้ายด้วยภาพนี้ค่ะ! เอ๊ะ! ยังไงเนี่ยถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องติดตามชมใน Hard Nut นะคะ

รีวิวไปรีวิวมาทำไมกลายเป็นซีรี่ส์รักไปได้ซะนี่.... = ="

เอาเป็นว่าสำหรับเรื่อง Hard Nut ก็เป็นซีรี่ส์ญี่ปุ่นอีกเรื่องที่น่าสนใจค่ะเป็นซีรี่ส์ที่ดูได้เรื่อยๆ (คิดว่าคดีไขง่ายไปหน่อย) แต่ก็ถือได้ว่ายังน่าติดตามไม่น่าเบื่อค่ะ เรื่องนี้ก็ได้ฉากรักเบาๆ แทรกเข้ามาจึงทำให้กลายเป็นซีรี่ส์แนวสืบสวนที่ดูไม่เครียดจนเกินไปสามารถดูคลายเครียดได้เลยค่ะ แต่น่าเสียดายที่ซีรี่ส์เรื่องนี้มีแค่ 8 ตอนเองสั้นไปนิด อยากดูโทโมดะซังไปนานๆ เอ๊ย!!! ไม่ใช่ๆ อยากดูการไขคดีต่างหากล่ะ !><”

ChaMaNow 
Sakura Dramas



Create Date : 30 ธันวาคม 2556
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 13:15:57 น.
Counter : 1577 Pageviews.

1 comment
"Tokyo Bandwagon" ซีรี่ส์ครอบครัวแสนอบอุ่น รู้ซึ้งถึง "ความรัก"
ซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่อง "Tokyo Bandwagon" เป็นซีรี่ส์แนวครอบครัวอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อย สิ่งที่น่าสนใจอันดับแรกเลยก็คือ ตัวนักแสดงนำ ซึ่งก็คือ“คาเมะนาชิ” ขวัญใจสาวไทยหลายๆ คน อีกทั้งเป็นการกลับมารับงานละครในรอบสองปีของคาเมะอีกด้วย

สิ่งที่น่าในใจอันดับต่อมาคือเป็นซีรี่ส์ที่เรตติ้งค่อนข้างน้อย ทั้งๆที่คาเมะรับบทแสดงนำ เรตติ้งของเรื่องนี้อยู่ระหว่าง 7-8% เท่านั้น
เหตุผลนี้ก็ทำให้บางคนเลือกที่จะไม่ดูในขณะที่บางคนก็อาจเกิดความสงสัยว่าทำไมเรตติ้งถึงไม่สูงมากนัก เอาเป็นว่าวันนี้จะมาเล่าเกี่ยวกับเรื่อง “Tokyo Bandwagon” ให้ฟังค่ะว่า "ซีรี่ส์เรื่องนี้สนุกหรือไม่สนุกอย่างไร"
Tokyo Bandwagon เป็นซีรี่ส์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของโชจิ ยูกิยะที่เคยได้รับการโหวตในปี 2009 ว่า เป็นนวนิยายที่คนอยากให้นำมาทำเป็นละครมากที่สุดซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่ประกอบอาชีพเปิดร้านขายหนังสือมือสองและร้านคาเฟ่(ที่ขายพวกกาแฟและขนม)

ซึ่งภายในร้านจะให้บรรยากาศแบบเก่าๆเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในโตเกียวในส่วนของ Shitamachi เป็นพื้นที่ที่ผู้คนมักประกอบการค้าขายและยังคงดำรงวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมไว้อยู่

ซึ่งครอบครัวนี้เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ มีคนในครอบครัวถึง 4 รุ่นด้วยกัน ในเรื่องนี้ก็จะมีเรื่องราวต่างๆ มากมายที่เป็นอุปสรรค หรือเหตุการณ์ของปัญหาต่างๆให้พวกเขาต้องไปพัวพันและร่วมกันแก้ไขปัญหาค่ะ

Tokyo Bandwagon คำว่า “Bandwagon” ก็คือคำทับศัพท์มาจากภาษาอังกฤษตามที่เข้าใจกันนั่นแหละค่ะ แปลได้ว่า ร้านที่เป็นที่นิยมในโตเกียวเรื่องนี้ก็จะเป็นซีรี่ส์แนวครอบครัวทั่วไป

สำหรับเรื่องนี้หนุ่มคาเมะก็รับบทเป็น “อาโอะ” หนุ่มเพลย์บอย ขี้เมา แต่ภายหลังได้ตั้งปฏิภาณว่าจะไม่ดื่มอีก หลังจากที่ทำไม่ดีกับนางเอกตอนที่เมา

อุตะ!!!



อาโอะเป็นคนที่ไม่ได้เชื่อถือในความรักมากนักต่างกับพ่อเขาที่เอาแต่พูดว่า Love だね (Love da ne) รักสินะ พร้อมกับเวลากลับมาบ้านจะต้องพูดว่า ただいま (tadaima) กลับมาแล้วจ้า และคนในบ้านต้องพูดตอบกลับว่า おかえり (okaeri) ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้าซึ่งก็ถือว่าเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นอยู่แล้ว
แต่พระเอกของเราไม่ทำเช่นนั้นเมื่อเห็นพ่อกลับบ้านก็จะบ่นๆ และก็จบลงด้วยการลงไม้ลงมือกัน เป็นพ่อลูกที่ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไรนัก

คาเมะ หรือ “อาโอะ” ดูเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยเชื่อถือในความรักมากนัก แต่วันหนึ่งความรักก็ได้เกิดขึ้นกับเขา เขาตกหลุมรักกับเด็กนักศึกษาคนหนึ่งชื่อว่า “Suzumi Makino” เด็กผู้หญิงธรรมดาที่แสนจะเรียบร้อย
แต่เธอคนนี้กลับสามารถขโมยหัวใจของเขาไปได้เธอคนนี้เป็นคนที่ชื่นชอบหนังสือเก่ามากๆ ก็เลยเข้าทางเจ้าอาโอะมันที่ที่บ้านก็เปิดร้านหนังสือมือสองอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้สานความสัมพันธ์ได้มากยิ่งขึ้น

เมื่อดูเรื่องนี้ก็จะพบว่าโอ้!!! ตัวละครเยอะมากกกก ดูได้ตามชาร์ตแสดงความสัมพันธ์นี้ได้เลยค่ะ


ปัญหาก็คือ เราอาจจะสับสนชื่อและตัวละครหลายคนอาจมองว่านี่เป็นจุดหนึ่งที่เป็นจุดด้อยของเรื่องนี้ ตัวละครเยอะจำยาก ดูสับสน แต่ในขณะเดียวกันการที่มีตัวละครมากๆ แบบนี้มันสามารถให้บรรยากาศที่อบอุ่นของครอบครัวได้เป็นครอบครับที่ครึกครื้นไม่เงียบเหงา และไม่โดดเดี่ยว

ด้านเนื้อเรื่องก็จะออกแนวพล็อตประมาณว่าคนในครอบครัวต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บางอย่าง ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็จะเป็นปมปัญหาของคนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับคนในบ้านHotta ทำให้บ้าน Hotta ต้องร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหา

เนื้อหาในเรื่องก็จะออกแนวเบาๆก็ว่าได้นะ ดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีอะไร เรื่องนี้ก็ยังคงให้อารมณ์ความซึ้งทำให้เห็นความสำคัญของคนในครอบครัว มีคำคม ข้อคิดดีๆตามสไตล์ซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่จะมาสร้างความประทับใจให้กับเราเช่นเคย

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อไปนิดสำหรับบางคนถ้าเอาไปเทียบกับซีรี่ส์ครอบครัวเรื่องอื่นอย่างเช่น Kazoku Game, แม่บ้านมิตะ, Woman เรื่องนี้ก็จะดูดร็อปไปเลยค่ะ ในเรื่องความเข้มข้น ความดราม่าของเนื้อหา

แต่... Tokyo Bandwagon ก็มีในสิ่งที่ซีรี่ส์ครอบครัวเรื่องอื่นๆ ยังด้อย หรือนำเสนอออกมาได้น้อยกว่า ซึ่งก็คือบรรยากาศความอบอุ่นภายในครอบครัวที่นำเสนอออกมาได้ดี ใครที่ได้ดูต่างก็ต้องรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้ รวมทั้งเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาวที่สอดแทรกเข้ามา

ทำให้เราได้เห็นว่า ซีรี่ส์แนวครอบครัวกับความรักชายหญิงก็สามารถเอาผสมกันได้นะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็แสดงไปยังTheme หลักของเรื่อง ก็คือ “ความรัก” ที่เรื่องนี้ต้องการนำเสนอ เป็นความรักในรูปแบบของครอบครัวและความรักที่แท้จริงสำหรับคนรัก ที่ไม่ได้หวือหวามากจนเกินไป แต่เป็นการนำเสนอให้เห็นค่าความสำคัญ และความหมายที่แท้จริงของความรัก ที่ไม่ใช่ “ความใคร่”

ความพิเศษของเรื่องนี้ เราคิดว่าเป็นการที่เขานำเรื่องความรักระหว่างของหนุ่มสาวเข้ามาด้วย ทำให้เรื่องน่าสนใจมากกว่าที่จะนำเสนอแนวครอบครัวอย่างเพียวๆ

ดูเหมือนว่าเป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจแถมนักแสดงก็ยังเป็นขวัญใจของคนจำนวนมาก แต่Tokyo Bandwagon ก็ทำเรตติ้งได้น้อยนิด เปิดตัวตอนแรกที่ 8.8%
สาเหตุก็อาจเป็นเพราะเนื้อหาที่ยังเบาไปนิดถ้าเทียบกับเรื่อง Legal High 2, 
Doctor X ที่มีเนื้อหาเข้มข้นถึงพริกถึงขิงสุดๆ



ถึงเรตติ้งจะไม่สูงมากนัก แต่สำหรับเราแล้ว Tokyo Bandwagon เป็นซีรี่ส์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามค่ะถ้าดูซีรี่ส์หนักๆ มา ประมาณว่าดูซีรี่ส์สืบสวนเลือดสาดมา แล้วรู้สึกหดหู่ใจมาก หรือไปดูไอ้ทนายโคมิคาโด (Legal High ขอแซวถึงเฮียนิดนึง
พักนี้เรตติ้งพุ่งเกินหน้าเกินตาอิอิ) พูดเร็วตับแล่บ แร็พยิ่งกว่า Sho Sakurai แร็พเตอร์แห่งวงอาราชิเสียอีกรู้สึกปวดหัวฟังไม่ทัน ก็มาตบท้ายด้วยเรื่องนี้ก็ดีค่ะปรับอารมณ์ให้เบาๆ สบายๆ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ช่วยได้ค่ะ

Plot ไม่ได้ดูซับซ้อนหรือตื่นเต้นอะไรมาก แต่ดูแล้วอุ่นใจ เพลิดเพลินดีค่ะ

ที่สำคัญแฟนคลับคาเมะไม่ควรพลาดอย่างยิ่งค่ะ เพราะเรื่องนี้คาเมะเล่นได้น่ารักมาก(เหตุผลอีกข้อที่ควรต้องติดตามเรื่องนี้เลยล่ะ) มีหลายฉากที่ดูแล้วน่ารักดีเรื่องนี้คาเมะเล่นได้เป็นธรรมชาติมากขึ้นนะคะ ที่ชอบมากๆ ก็ฉากเลี้ยงเด็กนี่แหละ ดูไปแอบมโนไปเบาๆฮ่าๆๆๆ

รู้สึกว่าตอนที่สองนี้น่าสนใจค่ะ เพราะว่าหนุ่มยูโตะได้มาเป็นนักแสดงรับเชิญด้วยเป็นการโคจรมาพบกันอีกครั้ง ระหว่างคาเมะและยูโตะที่เคยร่วมงานกันเล่นเป็นพี่น้องกันในเรื่อง Nobuta wo Produce เมื่อ 8 ปีที่แล้ว

และนี่ก็คือเรื่องราวอย่างคร่าวๆ ค่ะ เพื่อนๆ สามารถติดตามความสนุก รับไออุ่นแห่งความรักและครอบครัวได้อย่างเต็มอิ่มในซีรี่ส์เรื่อง "Tokyo Bandwagon" ค่ะ

ChaMaNow

Sakura Dramas







Create Date : 29 ธันวาคม 2556
Last Update : 29 ธันวาคม 2556 22:48:11 น.
Counter : 1312 Pageviews.

0 comment
1  2  

Chamanow_Pn
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]