ตะลุยดินแดนเสาหลักยุทธภพ ไหว้พระวัดเส้าหลิน (Shaolin Temple: 少林寺) ตอน 3
วัดเส้าหลินมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในประเทศจีน ได้รับการกล่าวขานในเรื่องของกระบวนท่าวิทยายุทธ เพลงหมัดมวย พลังลมปราณและกังฟูเส้าหลินเป็นอย่างมาก เป็นแหล่งวิชาการต่อสู้และศิลปะการป้องกันตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน ตามที่เราได้ชมการแสดงวิทยายุทธกันในบล็อกที่ผ่านมา เมื่อเราออกจากอาคารที่แสดงวิทยายุทธ แล้วเราจะผ่านรูปปั้นปรมาจารย์ตั๊กม้อ คำว่า "ตั๊กม้อ" คือภาษาจีนเมื่อใช้ออกเสียงแทนคำว่า "ธรรมะ" ปรมาจารย์ตั๊กม้อในหนังจีน ก็คือท่านโพธิธรรมะ ท่านเป็นพระภิกษุจากอินเดียใต้ที่จาริกไปเผยแผ่พุทธศาสนาถึงประเทศจีนในสมัยพระเจ้าเหลียงบู๊ตี่ (ประมาณ พ.ศ.1067) ถือว่าท่านโพธิธรรมะเป็นพระสังฆปรินายกองค์แรกในจีน เดินผ่านส่วนหย่อมที่ร่มรื่น สองฝั่งเรียงรายไปด้วยรูปป้้นหลวงจีนในท่าทางการแสดงวิทยายุทธต่าง ๆ เป็นจุดพักผ่อนระหว่างทาง ก่อนที่จะเดินทางไปยังประตูวัดเส้าหลินชั้นใน ที่ประตูวัดเส้าหลินชั้นในแห่งนี้ เป็นประตูวัดเส้าหลินเดิม ที่เราคุ้นเคยกันในภาพยนต์จีนกำลังภายใน จากจุดนี้ที่เคยเป็นที่ชุมนุมจอมยุทธทั้งหลาย กาลเวลาได้เปลี่ยนมาเป็นแหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ที่หลั่งไหลมาชมกลิ่นอายบรรยากาศในยุคบู้ลิ้ม ซึ่งเมื่อผ่านซุ้มประตูวัดเข้ามา จะสัมผัสได้กับบรรยากาศแห่งเสี้ยวลิ้มยี่อันขรึมขลังโดยทางเดินที่ทอดยาวเบื้องหน้านั้น เรียงรายไปด้วยต้นแปะก๊วยโบราณที่ขึ้นขนาบอยู่ 2 ข้างทางมีบรรพบุรษต้นแปะก๊วย อายุกว่า 1,200 ปีขึ้นโดดเด่นอยู่ที่ปลายทางด้านขวามือ โดยทางเดินได้ทอดตัวสู่ “วิหารเทวราช” ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณส่วนด้านซ้ายมือเป็นหอกลอง ด้านขวามือเป็นหอระฆัง ภายในวัดจะมีรูปปั้นสัตว์มงคลตามตำนานเทพเจ้าจีนมีร่างกายเป็นเต่าแต่มีส่วนหัวเป็นมังกรเรียกว่า "ปี่ซี" ตามตำนานปีซีนั้น มีความแข็งแรงซุกซนและดื้อดึง จึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฏรเป็นอย่างมากจนเรื่องทราบถึงเจ้าแม่กวนอิม จึงเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อปราบปรามความซุกซนของปี่ซีด้วยการใช้แผ่นหินขนาดใหญ่ทับไว้บนหลังเพื่อให้ฟังพระสวดมนต์และคำสอนของพุทธศาสนารูปสลักปี่ซีในบริเวณวัดเส้าหลินจึงมักปรากฏอยู่ใกล้ๆกับกระถางธูปสำริดตามความเชื่อแต่โบราณเพื่อให้ปีซีได้กลิ่นธูปและฟังเสียงพระสวดมนต์ ชาวจีนนิยมเดินทางมาวัดเส้าหลินและขอพรจากปีซีด้วยการใช้มือลูบคลำไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเช่นถ้าลูบบริเวณส่วนหัวของปีซีเชื่อว่าจะโชคดีถ้าลูบบริเวณลำคอเชื่อว่าจะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์และอายุยืนยาว ถ้าลูบไปตามซี่ฟันแหลมคมเชื่อว่าจะมีโชคลาภ อำนาจวาสนาและทรัพย์สินแต่สำหรับผู้ที่มีบุตรยากหรือต้องการจะมีบุตร ให้ลูบบริเวณทางด้านส่วนหลังของปีซีซึ่งเชื่อกันว่าจะได้บุตรสมตามความปรารถนา ด้วยเหตุนี้ตัวปี้ซีส่วนใหญ่จึงถูกลูบคลำกันจนมันแผล็บ แต่ปัจจุบันสำหรับรุ่นใหม่นั้น ตัวปี้ซีคือแบบถ่ายรูปชั้นเยี่ยมที่นิยมไปยืนถ่ายรูปคู่กับปี้ซี และที่เห็นประจำคือตัวปี้ซีกลายเป็นเก้าอี้ชั้นดี ใช้นั่งใช้ขี่กันอย่างสนุกสนาน สู่ไฮไลท์แห่งวัดเส้าหลิน ที่ “วิหารตั๊กม้อ” หรือ“วิหารเจ้าอาวาส” จะเป็นฉากที่เราคุ้นตาในหนังกำลังภายในและในยุทธจักรนิยายมากมายภายในวิหารนอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปตามแบบมหายานแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีก 2 จุดในวิหารตั๊กม๊อ ก็คือทางด้านซ้ายมือสุดจะมีรูปปั้น“หลวงจีนกั๊กเอี้ยง” ยืนโดดเด่นท่านผู้นี้เป็นยอดหลวงจีนที่งำประกายตัวเองด้วยการเป็นพระพ่อครัวและเป็นผู้คิดค้นกระบวนท่า 18 อรหันต์ ก่อนที่จะพา“เตียซำฮง” อดีตศิษย์ตัวน้อยแห่งเส้าหลินออกไปฝึกปรือวิทยายุทธ์ จนท่านเตียซำฮง กลายเป็นยอดจอมยุทธ์และไปเปิด “สำนักบู๊ตึ้ง” อันลือลั่น ส่วนทางขวามือสุดยังมีรูปปั้นของท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อที่หน้าตาขึงขัง หนวดเคราครึ้มยืนสะพายง้าว และม้วนคัมภีร์โดดเด่นอยู่ ภายในวิหารยังมีรูปปั้นของ 18 อรหันต์อยู่ด้วย หากสังเกตดีๆ ที่พื้นในวิหารจะดูเป็นหลุมเป็นบ่อซึ่งหากใครไม่รู้อาจจะนึกว่าพื้นทรุดแต่จริงๆ แล้วที่นี่ในอดีตคือสถานที่ฝึกเพลงยุทธ์ของ 18 อรหันต์ทองคำวัดเส้าหลิน กระถางธูปหน้า “วิหารตั๊กม้อ” หรือ “วิหารเจ้าอาวาส” นี้ จะมีควันธูปพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลาด้วยแรงศรัทธาของเหล่านักท่องเที่ยวที่มาเยือนวัดเส้าหลินแห่งนี้ ที่เรามาหยุดยืนดูวัตถุสิ่งนี้ด้วยความสงสัยว่ามันคืออะไร เราได้คำตอบว่าที่แท้มันคือหม้อหุงข้าวหรือกระทะสำหรับหุงข้าวสำหรับเลี้ยงพระและเณรในวัดเส้าหลินนี้เอง คิดดูเถิดว่าหม้อใบใหญ่ขนาดนี้จะสามารถเลี้ยงดูคนภายในวัดได้เท่าไหร่กัน จากพื้นที่บริเวณวัดเราเดินทางต่อไปชมเจดีย์ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 200 องค์ ที่เรียกว่าป่าเจดีย์ (The Pagoda Forrest) ซึ่งใช้สำหรับเป็นสุสานฝังศพของอดีตเจ้าอาวาสของวัดเส้าหลินภายหลังมรณะภาพ ป่าเจดีย์จำนวนมากนั้นมีรูปแบบและลักษณะที่งดงามแตกต่างลดหลั่นกันไปตามแต่ตำแหน่งและฐานะของผู้ที่เสียชีวิตจัดเป็นแหล่งโบราณสถานที่มีวัตถุก่อสร้างทางด้านสถาปัตยกรรมและประติมากรรมอันมีคุณค่า ควรค่าแก่การศึกษาค้นคว้า นี่หละครับ ความยิ่งใหญ่อลังการของวัดเส้าหลิน ควรค่าเเห่งการเรียนรู้และอนุรักษ์ให้ชนรุ่นหลังได้รับทราบ หากมีโอกาสมายังเมืองเจ้ิ้งโจว หรือมลฑลเหอหนาน อย่าพลาดโอกาสมาเยี่ยมชมนะครับ
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 23 เมษายน 2563 19:56:25 น. |
|
5 comments
|
Counter : 9284 Pageviews. |
|
|
|
เคยดูหนังเรื่องนี้แต่นานแล้ว ลำดับเรื่องไม่ถูกแล้ว ^^
น่าไปเที่ยวมากๆเลย บรรยากาศน่าจะเก็บความเก่าแก่ไว้ได้ดีอยู่
เห็นหม้อข้าว ก็คิดว่าคงหุงเลี้ยงกันได้ครบที่รูปแน่ๆ
ต้องหาโอกาสตามรอยบ้างซะแล้ว