แม่น้ำที่สกปรกมากที่สุดในโลก!
วันนี้ก็มีเรื่องแปลกๆมาให้ดูกัน เรื่องที่ว่าก็ตามหัวข้อเลยคือแม่น้ำที่สกปรกที่สุดในโลก แม่น้ำนี้มีชื่อว่า Citarum อยู่ที่เมืองจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย

ส่วนจะสกปรกแค่ไหนก็ดูตามภาพประกอบได้เลยคะ

Sharp LC32SV29U

ASUS Zenbook UX31E-DH52

Makita LCT200W-R

att582340.gif



att582341.gif




att582342.gif

ถ้าไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นเหมือนแบบตัวอย่างในรูปนี้ เราต้องช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมกันทุกคนนะคะ



Create Date : 17 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2554 22:09:43 น.
Counter : 752 Pageviews.

2 comment
10 อันดับภาพเอ็กซเรย์หลุดโลก

เมื่อไม่นานมานี้ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งกรุงลอนดอน ได้มีการโหวตสิ่งประดิษฐ์ที่ถือว่าสุดยอดที่สุดแห่งศตวรรษนี้ ท่ามกลางสิ่งประดิษฐ์เจ๋ง ๆ ทั้งมวล ปรากฏว่า “เครื่องเอ็กซเรย์” ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด ด้วยเหตุผลที่ว่า มันได้ช่วยชีวิตคนไว้ได้มากมายเหลือเกินต่อไปนี้คือการจัดอันดับของภาพเอ็กซเรย์หลุดโลกที่ผู้เป็นแพทย์เห็นเข้าถึงกับลมจับ ภาพเอ็กซเรย์เหล่านี้มาจากกรณีศึกษาของคนไข้ที่มีความผิดปกติในด้านต่าง ๆ ที่เครื่องเอ็กซเรย์สามารถจับภาพออกมาได้


 



 



เริ่มจากอันดับที่ 10






คนไข้รายนี้มาหาหมอเนื่องด้วยอาการปวดฟัน แต่ไปถอนฟันซี่ที่ปวดจนเหลือแต่รากแล้วก็ยังไม่ยอมหายสักที แพทย์เลยจับคนไข้เอ็กซเรย์ เจอตะปูตัวใหญ่มากฝังอยู่ตั้งแต่รากฟันขึ้นไปจนถึงกระโหลดส่วนหน้า แพทย์จึงถามคนไข้ว่าทำอาชีพอะไร ซึ่งก็ได้ความว่า คนไข้ทำอาชีพก่อสร้าง ต้องใช้ปืนยิงตะปูเป็นประจำ แต่ไม่รู้ทำท่าไหนถึงได้พลาดทำตะปูปักเข้าไปในหัวตัวเองได้ และที่สำคัญที่สุด “คนไข้คนนั้นไม่รู้ตัวเลยว่ามีตะปูอยู่ในหัว”



 



อันดับที่ 9





เป็นคนงานก่อสร้างอีกเช่นกัน ชื่อ อิสิโดร เมจจา ซึ่งใช้ตะปูยิงไม้อัดอยู่ แล้วก็ไม่รู้ทำท่าไหนให้เครื่องยิงตะปู ยิงตะปูจำนวนหนึ่งมายังท้ายทอยของตัวเอง หลังจากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แพทย์ทำการเอ็กซเรย์พบว่า มีตะปูฝังอยู่ในหัวถึง 6 ตัว เลยทีเดียว




 



อันดับที่ 8





ภาพนี้สุดอัศจรรย์มาก แถมยังชวนให้คิดว่าคนไข้รายนี้เป็นคนยังไงกันแน่ รายนี้เหตุเกิดที่ปากีสถาน ซึ่งคนไข้เป็นนักโทษที่ให้ข้อมูลว่า ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกแปลก ๆ จากนั้นจึงไปให้หมอเอ็กซเรย์ดูก็พบ “หลอดไฟฟ้า” อันใหญ่เบ้อเริ่มอยู่ในทวารหนัก แพทย์ต้องค่อย ๆ คีบเอาหลอดไฟเจ้ากรรมออกมา



 




อันดับที่ 7





ภาพเอ็กซเรย์จากเรือนจำกลางของสหรัฐฯในเมืองราเล่ห์ ได้แสดงให้เห็นภาพช่องท้องของนักโทษคนหนึ่ง ซึ่งมีถ่านไฟฉายเป็นก้อน ๆ กับสปริงเตียงนอนอัดกันอยู่ในนั้น เพื่อสอบถามไปมาก็ได้ความว่า นักโทษรายนี้พยายามกินของแปลก ๆ เข้าไปเพื่อให้เกิดอาการปวดท้อง จะได้หาเรื่องออกมาข้างนอกเรือนจำบ้าง



 



อันดับที่ 6






เป็นไปได้หรือไม่ที่คนเรากินอาหารอยู่ดี ๆ แล้วเผลอกลืนส้อมเข้าไปด้วย แต่ดูจากภาพเอ็กซเรย์นี้แล้วแสดงให้เห็นว่ามีคนแบบนั้นอยู่จริง ภาพนี้แสดงให้เห็นส้อมทั้งคันอยู่ในส่วนที่เป็นกระเพาะอาหาร นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมออกมา



 



อันดับที่ 5






ภาพเอ็กซเรย์นี้ไม่ใช่ของคนแต่เป็นของหมา น้องหมาที่น่าสงสารเผลอกิน “มีด” ด้ามยาวเข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้



 



อันดับที่ 4





ภาพเอ็กซเรย์อันดับที่ 4 นี้ ตกเป็นของเจ้างูเหลือมตัวยาวที่ตะกละจัด เขมือบผ้าห่มไฟฟ้าเข้าไปทั้งผืน ทำให้ต้องหาสาเหตุการป่วยของมันอยู่นาน




 



อันดับที่ 3





ฟิล์มเอ็กซเรย์นี้เป็นของเจ้าเป็ด ซึ่งมอง ๆ แล้วมีความแปลกประหลาดอยู่สองอย่างด้วยกัน ความจริงแล้วมันเป็นภาพของเป็ดที่กินสายไฟเข้าไป และเป็นสายไฟที่ยาวมากซะด้วย ไม่รู้ว่ากินเข้าไปได้อย่างไร แต่พอมองไปมองมา เหมือนกันว่า มันกินมนุษย์ต่างดาวเข้าไปต่างหาก…



 




อันดับที่ 2





หมอบอกคุณว่า เย้…การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ คุณปลอดภัยแล้ว แต่ข่าวร้ายคือ “หมอลืมกรรไกรไว้ในตัวคุณอันนึง”



ภาพนี้เป็นภาพเอ็กซเรย์ของกรรไกรอันเบ้อเริ่มในช่องท้องของคนไข้ที่ถูกผ่าตัดเมื่อเดือนเมษายน 2004 เรื่องแบบนี้มีเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ทั้งที่เวลาผ่าตัดจะมีคนคอยช่วยรับเครื่องมือกันอยู่ตลอดเวลา



 




อันดับที่ 1





เต้านี้ท่านได้แต่ใดมา ?



ภาพนี้ที่ติดอันดับหนึ่ง ไม่ใช่เป็นเพราะภาพเอ็กซเรย์ที่แปลกเหมือนภาพก่อนหน้า แต่ที่แปลกคือ สาเหตุของการเอ็กซเรย์ต่างหาก เพราะเจ้าของเต้านี้ ไม่ได้เป็นโรคอะไรเลย



เหตุเกิดเมื่อนางแบบสาวชาวดัทช์ ชื่อ จอร์จินา เวอร์บาน ออกถ่ายแบบพร้อมด้วยหน้าอกใหญ่ระทึกขวัญ ลงในนิตยสารดัทช์เพลย์บอย ทำให้นักวิจารย์กล่าวหาว่า เธอไปทำศัลกรรมเสริมทรวงอกมาแน่ ๆ เธอจึงยอมไม่ได้ ไปให้หมอเอ็กซเรย์หน้าอกตัวเอง แล้วเอามาโพสต์ลงในเว็บไซต์ให้ทุกคนทราบทั่วกันว่า ของเธอเป็นของแท้จริง ๆ นะ




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2554 5:42:07 น.
Counter : 368 Pageviews.

1 comment
โอ้... เรียวขาคู่นี้มีประกันถึง 50,000 ดอลลาร์
นางแบบสุดฮอตคนนี้มีมักจะข่าวให้เป็นที่ฮือฮาออกมาเป็นระยะๆ ความจริงเธอเป็นสาว

งามคนแรกที่ออกประกวดต่างแดนและกลับบ้านพร้อมมงกุฎ แต่สังคมไม่ให้การยอมรับ

สัปดาห์ที่แล้ว หวูถิหว่างซเวี๊ยบ (Vu Thi Hoang Diep) ปรากฏตัวพร้อมกับความฮือฮา

ครั้งใหม่ อวดเรียวขางามที่ซื้อประกันเอาไว้ถึง 50,000 ดอลลาร์.

ประชาคมชาวเน็ตในเวียดนามกำลังรุมก่นนางงามกับนางแบบสุดฮอตคนหนึ่งฐานโชว์

ภาพสุดอุจาดนัยน์ตา เปิดก้มก้นขาวจั๊วะออกมาเต็มจอ โดยอ้างว่าเพื่อจะอวดเรียวขาที่ซื้อ

ประกันเอาไว้ถึง 50,000 ดอลลาร์ แต่หลายคนบอกว่าเธอกำกลังพยายามสร้างเรทติ้งอีก

ครั้งหลังจากเลิกรากับแฟนเสี่ยเมื่อเดือนที่แล้ว หวูถิหว่างซเวี๊ยบ (Vu Thi Hoang

Diep) ไม่ใช่นางแบบธรรมดา หากมีดีกรีเป็น นางงามจากเวทีประกวดความสวยความ

งามครั้งหนึ่งที่จัดขึ้นในจีนเมื่อปี 2552 แต่สื่อต่างๆ บอกว่า เธอไม่ได้รับอนุญาตจาก

กระทรวงวัฒนธรรมให้ไปประกวดและเวทีดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ 1 ใน 5 ของการประกวดระดับ

โลก มงกุฎของเธอจึงไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในเวียดนาม แต่หว่างซเวี๊ยบก็ยังได้ชื่อเป็น

นางงามเวียดนามคนแรกที่ออกประกวดในต่างแดนและกลับบ้านพร้อมมงกุฎแห่ง

ชัย วันนั้นเป็นที่ฮือฮาเกินใครเมื่อแฟนหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าของโชว์รูมรถยนต์ในนครโฮจิมินห์

จัดรถอเมริกันวินทาจเปิดประทุนไปรับถึงท่าอากาศยานและแห่เธอไปรอบๆ เมือง

ราวกับเฟิร์สเลดี้ แต่จู่ๆ ทั้งคู่ก็ประกาศเลิกรากันเมื่อเดือนที่แล้ว ฝ่ายเจ้าบ่าวให้สัมภาษณ์

แต่เพียงว่าเป็นเพราะรสนิยมที่ต่างกันมากแต่วงในกระซิบกระซาบกันว่า สาวเจ้าชอบแต่ง

เนื้อแต่งตัวและผลาญเงินเสี่ยเป็นว่าเล่น หว่างซเวี๊ยบเก็บตัวเงียบรักษาแผลใจมานาน

ข้ามเดือน จนกระทั่งภาพชุดล่าสุดของเธอเผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงต้นปีมี

ข่าวเล่าลือกันว่า หว่างซเวี๊ยบไปไหนมาไหนโดยมี รปภ.คอยคุ้มกันตลอด เธอบอกกับสื่อ

ออนไลน์ว่าถูกปองร้าย และด้วยเหตุนี้จึงได้ซื้อประกันสุขภาพซึ่งครอบคลุมถึงประกันเรียว

ขายาวของเธอด้วย รวมเป็นยอดเงินประกัน 50,000 ดอลลาร์ สื่อออนไลน์ได้เร่งเร้าให้

หว่างซเวี๊ยบออกมาอธิบายเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ในสังคม แต่มรสุมหลายลูกที่รุมเร้าใน

ช่วงที่ผ่านๆ มาทำให้เธอเก็บตัวเงียบจนกระทั่งภาพชุดล่าสุด ซึ่งทีมงานบอกว่าเพื่อนำเธอ

อวดเรียวขางามที่ประกันเอาไว้ แต่ได้รับความสนใจมากกว่าเรียวขาก็คือ แก้มก้นที่โผล่ให้

เห็นเด่นชัด จนสื่อออนไลน์ต่างๆ ต้องออกมาก่นแบบประสานเสียง หว่างซเวี๊ยบ แถลง

ผ่านผู้จัดการส่วนตัวว่า "เธอเพียงอยากจะอวดขา ไม่ได้มีเจตนาจะอวดส่วนอื่น

และ ขอโทษต่อสังคมผ่านสื่อต่างๆ มา ณ โอกาสนี้ด้วย"

Toshiba Portege R835-P56x

Casio AE1000W-1BVCF

HP Pavilion dv6-6140us

Toshiba Portege R835-P56x

U.S. Polo Assn US9058 Watches Review

HP Pavilion dv6-6140us



Create Date : 19 ตุลาคม 2554
Last Update : 19 ตุลาคม 2554 6:47:50 น.
Counter : 538 Pageviews.

0 comment
[Facebook ทำพิษ] ภรรยาโดนทำร้ายร่างกาย โทษฐานไม่ “Like” ให้สามี
ภรรยาโดนทำร้ายร่างกาย โทษฐานไม่ “Like” ให้สามี


นาย Benito Apolinar หนุ่มชาว Texas เลือดร้อนวัย 36 ปี โดนข้อหาทำร้ายร่างกายภรรยาที่คบหามา 15 ปีของตน ด้วยเหตุผลที่ว่าภรรยาไม่ยอมมา “Like” สถานะของตนใน Facebook  เนื่องจากตนได้ขึ้นข้อความอัพเดตวันครบรอบการเสียชีวิตของมารดาตน แต่รู้สึกโกรธที่ภรรยาไม่ยอมมาสนใจข้อความดังกล่าว



“มันแปลกไหมล่ะที่ใครๆ ก็เข้ามา ‘Like’ ข้อความของผม แต่คุณเป็นภรรยาทั้งคน คุณน่าจะต้องเป็นคนแรกด้วยซ้ำที่เข้ามา ‘Like’ “  ว่าแล้ว ก็ชักกำปั้นเข้าให้ที่แก้มและดึงผมของเธอ  จากรายงานคาดว่านาย Benito ตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอลในเวลานั้น



นาย Benito โดนจับกุมในเย็นวันเกิดเหตุ และมีกำหนดขึ้นศาลในวันที่ 22 ธันวาคมนี้


… แล้วจะออกมาแก้ต่าง โดยโยนความผิดให้  Facebook รึเปล่าเนี่ย



แต่จริงๆมันอยู่ที่คนมากกว่านะเนี่ยยยย



Create Date : 13 ตุลาคม 2554
Last Update : 13 ตุลาคม 2554 19:25:49 น.
Counter : 415 Pageviews.

0 comment
10 ดอกไม้ประหลาดของโลก





1. Rafflesia arnoldii หรือดอกบัวผุด




เป็น กาฝากชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่บนรากของพืชจำพวกเถาองุ่นป่า (Tetrastigma) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ย่านไก่ต้ม มีลักษณะเด่นที่ดอกซึ่งเป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินมีขนาดใหญ่ มีกลิ่นเหม็นมาก ให้เห็นระหว่างฤดูฝน ระหว่างพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม




ดอก ตูมอยู่จะคล้ายกับหม้อขนาดใหญ่มีกลีบหนาจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 70-80 เซนติเมตร ที่โคนของดอกมีกลีบนำสีน้ำตาลอมเหลืองเรียงสลับซับซ้อนกันอยู่มาก ภายในดอกจะมีแผ่นแบนคล้ายจาน ด้านบนมีปุ่มคล้ายหนามแหลมจานนี้จะซ้อนเกสรตัวผู้และรังไข่ไว้ด้านล่าง ดอกจะบานอยู่ได้เพียง 4-5 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ดำเน่าไป ดอกบัวผุดพบใน อำเภอพนม บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก ในจังหวัดสุราษฎ์ธานี ซึงเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี



Titan-arum1web.jpg



2. Titan Arum ดอกซากศพ หรือดอกบุกยักษ์



ดอกไม้ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ " Amorphophallus titanum " ชื่อวิทยาศาสตร์แปลเป็นภาษาไทยได้ความหมายว่า ต้น "ลึงค์ยักษ์แปลง" คือแปลงกายให้เหมือนลึงค์แต่ไม่ใช่ลึงค์ เป็นพืชในเขตป่าร้อนชื้น ในพืชตระกูล "บัวผุด" (Rafflesia) เป็นดอกไม้เดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรพืช พบขึ้นอยู่บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ลำพังตัวช่อดอกแทงยอดตั้งขึ้นไปกว่า 3 เมตร จึงพืชสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากสัตว์บางชนิด ขณะเดียวกัน กลิ่นน่าสะอิดสะเอียนที่หึ่งไปทั่ว กลับเย้ายวนแมลงบางชนิดให้มาดูดน้ำหวาน และผสมเกสรให้มัน กล่าวกันว่ากลิ่นของดอก Titan Arum คล้ายกับเนื้อเน่าสำหรับคน แต่กลับเป็นกลิ่นหอมยั่วน้ำลายแมลงเต่าที่ชอบกินของเน่าและแมลงวันให้มาช่วย ผสมเกสร กลีบดอกสีแดงเข้มยังช่วยลวงตาให้สัตว์นึกว่าเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่น่าตอม ด้วย ซึ่งจะบาน 72 ชั่วโมง








3. Hydnora africana





พืช พื้นเมืองไปภาคใต้ แอฟริกา  พืชเจริญเติบโตใต้ดินยกเว้นดอกไม้อ้วนที่ปรากฏบนพื้นและส่งเสียงของกลิ่น อุจจาระ เพื่อดึงดูดธรรมชาติ ผสมเกสร , ด้วงมูลสัตว์ และ ซากสัตว์ด้วง  ดอกไม้ทำหน้าที่เป็นกับดักสำหรับระยะเวลาสั้น ๆ ยึดด้วงที่ใส่แล้วปล่อยพวกเขาเมื่อดอกไม้บานเต็มที่






4. Helicodiceros muscivorus — Dead horse arum lily





เป็นไม้ประดับ พื้นเมืองในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน มีกลิ่นเหมือนเนื้อเน่าเหม็นหึ่ง, ดึงดูดแมลง  ให้มาผสมเกสร








5. ดาร์ลิงโทเนีย (Darlingtonia), Cobra Lilly, ลิลลี่งูเห่า





ลิ ลลี่งูเห่าเป็นพืชกินแมลงกลุ่มเดียวกับซาราซีเนียและ Heliamphora มีชื่อเสียงในแง่ของความแปลกประหลาด น่าพิศวงและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็มีชื่อด้านตรงข้ามในแง่ของความบอบบางจนกล่าวกันว่า ลิลลี่งูเห่าเป็นพืชกินแมลงที่เลี้ยงยากที่สุดในโลก แม้แต่ในถิ่นที่ลิลลี่งูเห่ากำเนิดเป็นดงใหญ่ ชาวบ้านในละแวกนั้น ขุดมาใส่กระถางก็ยังตาย ดาร์ลิงโทเนีย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Darlingtonia californica ค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1841 โดยผู้ช่วยนักพฤกษศาสตร์นาม J.D. Brackenridge ในหนองน้ำแฉะทางตอนเหนือของรัฐ  californica ซึ่งมีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับประเทศไทย ดาร์ลิงโทเนียเป็นพืชล้มลุกไม่มีเนื้อไม้ อายุหลายปี มีต้นฝังอยู่ใต้ดินเรียกว่าเหง้า รากแตกเป็นฝอยเล็กๆ ไม่มีรากแก้ว ใบของมันจะแทงขึ้นพ้นพื้นดินลักษณะเป็นกอ เช่นเดียวกับซาราซีเนีย    แต่ความแตกต่างที่เห็นชัดคือว่า กรวยที่ยกขึ้นเป็นหลอดด้านหนึ่งจะโค้งงอเป็นรูปโดม จนไปชนปลายกรวยอีกด้านหนึ่งเหลือไว้เพียงรูเล็กๆ พอให้แมลงมุดขึ้นไปได้ ฝากรวยแปลงรูปไปเป็นแผ่นคล้ายลิ้นงู 2 แฉก แล้วกรวยของมันยังบิดตัวหมุนกลับ 180 องศา ทำให้ลิ้น 2 แฉกหมุนกลับมาอยู่นอกกอ  ยอดโดมเป็นเนื้อเยื่อใสคล้ายพลาสติก    แสงลอดผ่านได้  ใช้กลิ่นหอมของน้ำหวาน ที่มันผลิตขึ้นบริเวณปากทางเข้า เป็นตัวหลอกล่อให้แมลงเดินเข้าไปยังกับดักและตกลงไปตายในที่สุด แต่เจ้าลิลลี่งูเห่าทำได้แยบยลกว่านั้น น้ำหวานที่มันผลิตจะหลอกล่อให้แมลงเดินเข้าไปในรูเปิดเล็กๆ บริเวณลิ้นงูเห่า ซึ่งผนังภายในมีน้ำหวานจำนวนมาก แมลงอาจลังเลที่จะมุดตัวเข้าไปในกรวยที่เต็มไปด้วยน้ำย่อย แต่เมื่อมันมองเข้าไปด้านใน มันจะเห็นแสงสว่างส่องมาจากด้านบนของโดม ซึ่งใสคล้ายพลาสติกทำให้มันหลงกลคิดว่าด้านบนคือท้องฟ้า หากเกินเหตุอันตรายมันก็สามาถบินหลบหนีขึ้นไปได้ทันที แมลงเคราะห์ร้ายจึงชะล่าใจมุดเข้าไปกินน้ำหวานลึกเข้าไปในกรวยที่มีขน ละเอียดและแหลมคม หันไปทิศทางเดียวกันทำให้แมลงไม่สามารถเดินย้อนกลับได้






6. Heliamphora



เป็น พืชที่มีเหมือกเหนียวสำหรับดักแมลง กลไกของดอกจะมีซอกซับซ้อนที่ทำให้แน่ใจว่าไม่สามารถมีเหยื่อเล็ดรอดไปได้ และเหยื่อจะถูกละลายด้วยน้ำเมือกที่เป็นกรด






7. Drosera หรือ หยาดน้ำค้าง



หยาด น้ำค้างเป็นพืชกินสัตว์สกุลใหญ่สกุลหนึ่ง มีอยู่ประมาณ 170 ชนิด เป็นสมาชิกในวงศ์หญ้าน้ำค้าง ล่อ, จับ และย่อยแมลงด้วยต่อมเมือกของมันที่ปกคลุมอยู่ที่ผิวใบ แมลงจะใช้เป็นสารเสริมทดแทนสารอาหารที่ขาดไปจากดินที่ต้นหยาดน้ำค้างขึ้น อยู่ มีหลากหลายชนิด ต่างกันทั้งขนาดและรูปแบบ สามารถพบได้แทบจะในทุกทวีป



ในประเทศไทยพบหยาดน้ำค้างอยู่ 3 ชนิดคือ จอกบ่วาย (Drosera burmannii Vahl), หญ้าน้ำค้าง (Drosera indica L.) และ หญ้าไฟตะกาด






8. Dionaea/Venus Flytrap หรือ กาบหอยแครง

 



กาบ หอยแครง (อังกฤษ: Venus Flytrap) เป็นพืชกินสัตว์ที่ดักจับและย่อยกินเหยื่อที่จับได้ ซึ่งส่วนมากเป็นแมลงและแมง กาบหอยแครงมีโครงสร้างกับดักคล้ายคล้ายบานพับแบ่งออกเป็น 2 กลีบ อยู่ที่ปลายใบของแต่ละใบ และมีขนกระตุ้นบางๆบนพื้นผิวด้านในกับดัก เมื่อแมลงมาสัมผัสขนกระตุ้นสองครั้ง กับดักจะงับเข้าหากัน การที่ต้องการสิ่งกระตุ้นที่ซับซ้อนนี้ก็เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานไป กับการดักจับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อาหาร



  










 




9. Nepenthes หรือ หม้อข้าวหม้อแกงลิง



หม้อ (Pitcher) ของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง  คือเครื่องมือของนายพราน – กับดักสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก – ที่พืชสกุลนี้ส่วนใหญ่ (แต่ไม่ทุกต้น) มีไว้เพื่อหาอาหารที่ขาดแคลนในแหล่งดิน มันหลอกล่อเหยื่อให้เดินเข้ากับดักโดยอาศัยกลิ่นเลียนแบบกลิ่นอาหารตาม ธรรมชาติของเหยื่อ  อาจเป็นกลิ่นน้ำหวาน กลิ่นเนื้อสัตว์  กลิ่นแมลงเพศเมีย ฯลฯ  หรือยั่วยวนเหยื่อด้วยสีสัน หรือน้ำหวาน  หม้อข้าวหม้อแกงลิง บางสายพันธุ์สามารถสะท้อนแสงยูวี (Ultraviolet)จากบริเวณปากหม้อ โดยเฉพาะหม้อแถบบอร์เนียว   หลักการคล้ายกับการล่อแมลงโดยใช้แสงจากหลอดที่ชาวบ้านเรียกแบล็คไลท์ใช้ล่อ แมงดานา  หม้อข้าวหม้อแกงแกงลิงก็มีแบล็คไลท์เพื่อล่อแมลงกลางคืน ด้านในและใต้ส่วนที่งุ้มโค้งของปากหม้อ (peristome) ส่วนใหญ่เป็นแหล่งผลิตน้ำหวานปริมาณ 




 



N. mirabilis ชอบกินมดมาก เมื่อมดแมลงพยายามชะโงกตัวดูดกินน้ำหวานใต้ปากหม้อที่ลื่นและผิวเป็นคลื่น ตามแนวที่เหยื่อชะโงกอยู่ยืน  นอกขจากนี้  ผิวที่ปากหม้อยังมีไขมันเคลือบเป็นมัน  เหยื่อจึงมีโอกาสพลัดตกลงไปในหม้ออย่างง่ายดาย 




 





หม้อ แต่ละชนิด  จะดึงดูดเหยื่อไม่เหมือนกัน  เช่นหม้อข้าวหม้อแกงลิงของไทยที่ชื่อ Nepenthes mirabilis เก่งในการล่อมดดำให้ตกลงไปในหม้อคราวละมากๆ บางครั้งเคยเห็นหม้อที่มีมดเกือบเต็ม ในขณะที่หม้ออัลบอ (N. albomarginata ) เก่งในทางหลอกล่อปลวก   



 






10.Byblis





เป็น พืชที่เล็กที่สุดในตะกูลต้นไม้กินแมลง ใบผิวของขนหนาแน่นด้วยต่อมขับ เมือก สารจากปลายของเกสร ดึงดูดแมลงเล็กๆให้มาติดกับ ซึ่งเมื่อสัมผัสหลั่งเหนียว ก็จะไม่มีความแข็งแรงพอที่จะหลบหนี แมลงหรือเหยื่อก็จะเสียชีวิตด้วยความอ่อนเพลียทำให้หายใจไม่ออก เมื่อเมือกปกคลุมและอุดตันเส้นทางหายใจ




Create Date : 21 กันยายน 2554
Last Update : 21 กันยายน 2554 1:55:10 น.
Counter : 1304 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

iFreeZero
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]