|
ไมโครซอฟท์เปิดให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดโปรแกรมป้องกันไวรัส Microsoft Security Essentials ภาษาไทยแล้ว
ไมโครซอฟท์เปิดให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดโปรแกรมป้องกันไวรัส Microsoft Security Essentials เวอร์ชั่นภาษาไทยได้แล้ววันนี้ พร้อมปกป้องผู้ใช้งานตลอดเวลา
ไมโครซอฟท์ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานชาวไทยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Microsoft Security Essentials ชุดป้องกันมัลแวร์ตัวใหม่เวอร์ชั่นภาษาไทยได้แล้ววันนี้ พร้อมช่วยปกป้องผู้บริโภคชาวไทยจากไวรัส สปายแวร์ และซอฟต์แวร์น่าสงสัยอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ลิขสิทธิ์ของแท้ สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Microsoft Security Essentials ไปใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ในการช่วยส่งเสริมประสบการณ์และ เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้แก่ผู้บริโภคชาวไทย ทุกคน ทั้งนี้ด้วยการดาวน์โหลดและการใช้งานที่ง่ายดายและสะดวก ไมโครซอฟท์คาดหวังจะทำให้เกิดการใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัสมากขึ้นในกลุ่มผู้ ใช้งานทั่วไป ซึ่งจะก่อให้เกิดความปลอดภัยยิ่งขึ้นในระบบนิเวศน์ไอทีโดยรวม สำหรับผู้ใช้งานในกลุ่มธุรกิจ ไมโครซอฟท์ยังมีโปรแกรม Forefront Client Security รองรับ อันจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการจัดการที่เป็นศูนย์กลาง ครอบคลุมความต้องการ และมีความสามารถในการแจ้งเตือนไวรัสที่มีประสิทธิภาพ”
Microsoft Security Essentials ได้รับการออกแบบให้ทำงานอยู่เบื้องหลัง โดยจะแจ้งเตือนเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเท่านั้น Microsoft Security Essentials ยังใช้ทรัพยากรซีพียูและหน่วยความจำภายในเครื่องเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่ส่งผลกับการทำงานในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน อาทิ การเปิดใช้งานเอกสาร หรือเว็บบราวเซอร์ รวมทั้งการประมวลผลการค้นหาต่างๆ ทั้งยังสามารถติดตั้งได้กับเครื่องพีซีที่มีอายุการใช้งานนานแล้ว หรือ เครื่องที่มีประสิทธิภาพต่ำได้ Microsoft Security Essentials พร้อมปกป้องเครื่องพีซีตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดไวรัส ทั้งยังเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี Dynamic Signature Service เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับการปกป้องอย่างเต็ม ประสิทธิภาพด้วยการอัพเดทตัวเองเป็นประจำ โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องรอการอัพเดทเป็นครั้งๆ ไป Microsoft Security Essentials ยังได้รับการการันตีด้วยรางวัลจาก AV Comperative.Org ที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าการใช้งานคอมพิวเตอร์จะได้รับการปกป้อง และปลอดภัยอย่างถึงที่สุด
Microsoft Security Essentials ได้รับการพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานเทคโนโลยีทางด้านความปลอดภัยที่ได้รับรางวัล ซึ่งพบได้ในโซลูชั่นทางด้านความปลอดภัยสำหรับกลุ่มธุรกิจ ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Microsoft Security Essentials มาใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องลงทะเบียน โดยสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านทางเว็บไซต์ //www.microsoft.com/security_essentials จากนั้นจึงคลิกเลือกที่เมนู Download Now และเลือกที่ภาษาไทยตามลำดับ
โปรแกรม Microsoft Security Essentials สามารถใช้งานได้กับ Windows XP SP2 หรือ SP3, Windows Vista และ Windows 7 รวมทั้ง Windows XP mode บนเทคโนโลยี 32 และ 64 บิท ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์
บริษัท ไมโครซอฟท์ (Nasdaq “MSFT”) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2518 เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการซอฟต์แวร์ และโซลูชั่นที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของผู้ใช้และองค์กรธุรกิจ
ไมโครซอฟท์เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ไมโครซอฟท์ คอร์ป ประเทศสหรัฐอเมริกา และ/หรือ ประเทศอื่นๆ ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่มีการกล่าวถึงในเอกสารชุดนี้อาจจะเป็นเครื่องหมาย การค้าของเจ้าของนั้นๆ หมายเหตุ: หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครซอฟท์ สามารถดูได้ที่ //www.microsoft.com/presspass/ ในส่วนของหน้าข้อมูลบริษัท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: คุณศุภาดา ชัยวงษ์ ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย โทร: 0-2627 3501 ต่อ 209 แฟกซ์. 0-2627 3510 อีเมล์: sjaidee@th.hillandknowlton.com
Create Date : 03 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 3 มีนาคม 2553 20:29:28 น. |
Counter : 591 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
SYNEX คาดปี 53 รายได้โตไม่น้อยกว่า 15% ทะลุ 1.5 หมื่นลบ.
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการ บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) ตั้งเป้ารายได้ปี 53 เติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อน หรือทำรายได้ทะลุ 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีสัญญาบวกชัดเจนที่จะช่วยทำให้ตลาดไอทีขยายตัวได้ดีมากในปีนี้ โดยเฉพาะการปรับปรุงเทคโนโลยีซีพียูของอินเทล และการเปิดตัว Window 7 ของค่ายไมโครซอฟท์ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ใช้ต้องปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ต่าง ๆ มารองรับ รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐผ่านงบไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะมีการสนับสนุนงบประมาณด้านไอทีของสถานศึกษาต่าง ๆ ก็จะเป็นตัวช่วยหนุนด้วย
Create Date : 03 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 3 มีนาคม 2553 20:28:15 น. |
Counter : 315 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เทรนด์โซเชียลเน็ตเวิร์ค 2010 มาแรงแซงทุกโค้ง
เมื่อ “อินเทอร์เน็ต” กลายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ด้วยประโยชน์ในการติดต่อและเชื่อมโยงข้อมูลทั่วโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อินเทอร์เน็ตจะถูกใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ ในทางที่ผิด ขณะเดียวกัน ยังทำให้เกิดกระแส “โซเชียลเน็ตเวิร์คกิ้ง” (Social Networking) ฟีเวอร์ ทั้ง ไฮไฟว์ (Hi5) , มายสเปซ (MySpace) , เฟซบุ๊ค (Facebook) , ทวิตเตอร์ (Twitter) และ มัลติพลาย (Multiply) ที่เรียกว่าชิทแชทกันทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กระดับประถมถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน ด้วยจุดเด่นในการสื่อสารที่สะดวกสบายและฟีเจอร์ลูกเล่นต่างๆ ทำให้สังคมออนไลน์ดังกล่าวที่กล่าวข้างต้นได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลก
แต่สังคมออนไลน์ภายในปี 2552 ที่โดดเด่นและได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง ทั้งยังมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก คงหนีไม่พ้น 2 สังคมออนไลน์ชื่อดังอย่างเฟชบุ๊คและทวิตเตอร์
เว็บไซต์ “เฟซบุ๊ค” (www.facebook.com) ก่อตั้งโดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด เพื่อใช้งานเฉพาะนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยฯ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2004 และขยายไปยังผู้ใช้ทั่วโลกเมื่อ 11 ก.ย. 2006 ด้วยรูปแบบและการใช้คล้ายกับไฮไฟว์ ให้เหล่าสมาชิกได้โพสต์ภาพถ่าย แสดงความคิดเห็น หรือเลือกเล่นสารพัดเกมได้ตามใจชอบ
ส่วน “ทวิตเตอร์” (www.twitter.com) เปิดให้บริการเมื่อ มี.ค. 2006 โดยบริษัท Obvious Corp สัญชาติอเมริกัน ด้วยการส่งข้อความที่ยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร เพื่อบ่งบอกสถานะหรือสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำ เสมือนการส่งเสียงร้องของนก เพื่อแจ้งข่าวสารแก่ผู้อื่นที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของคุณ
จากจุดเด่นของคอนเทนต์ (Content) ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นมนต์เสน่ห์สำคัญที่ดึงดูดความสนใจ ชวนให้หลงใหลและติดตามความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เสมือนเป็นหนึ่งในภารกิจประจำวันที่ต้องดำเนิน จึงไม่น่าแปลกใจที่จำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ในประเทศไทยจะเติบโตอย่าง ต่อเนื่อง โดยขณะนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊คทั่วโลกกว่า 350 ล้านราย แบ่งเป็นชาวไทยประมาณ 1.6 ล้านคน ส่วนจำนวนสมาชิกชาวทวิตเตอร์ในไทยนั้น คาดว่ามีทั้งสิ้นเพียง 3-4 หมื่นราย ขณะที่ ยอดผู้ใช้ทั่วโลกอยู่ที่ 18 ล้านคน
กระแสความนิยมและแนวโน้มการเติบโตที่ยังคงเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตและผู้ให้บริการหลากธุรกิจหันมาจับกระแสดังกล่าว พร้อมต่อยอดโอกาสทางธุรกิจของตน บ้างใช้เป็นช่องทางการทำตลาดหรือประชาสัมพันธ์ บ้างก็นำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจอย่างจริงจัง จนทำให้แนวโน้มในปี 2010 มีความเป็นไปได้มาก ว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คกิ้งชื่อดังเหล่านี้ จะถูกนำเสนอด้วยรูปแบบเรียลไทม์ (Real Time) อย่างแท้จริง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคอย่างทันท่วงที ท่ามกลางความพร้อมของอุปกรณ์การสื่อสารและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค เน็ตบุ๊ค หรือแม้แต่โทรศัพท์เคลื่อนที่ และเทคโนโลยีเครือข่ายระบบ 3G ที่แม้ในวันนี้ประชาชนไทยจะยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำหน้าอย่าง 3G อย่างแท้จริง แต่ต้องยอมรับว่า กระแสการตอบรับเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ไม่ว่าจะหยิบจับอุปกรณ์อะไร ก็จะต้องเห็นสัญลักษณ์ F และ T ปรากฏอยู่ร่ำไป
หากกล่าวว่ากระแสเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ฟีเวอร์ เป็นกระแสต่อเนื่องก็คงจะไม่ผิดนัก ในเมื่อสังคมและโลกยังคงหมุนไปไม่สิ้นสุด เทคโนโลยีก็ถูกพัฒนาให้ทันสมัยและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้อย่าง ครบถ้วนและครอบคลุม แม้วันนี้ เราจะสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของผู้อื่นผ่านสังคมออนไลน์ได้ตามใจนึก แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ แต่ละคนอาจมีดาวเทียมคอยจับสัญญาณและรายงานความเคลื่อนไหวได้ประหนึ่งถูก ถ่ายทอดสด ดังตาเห็น
Create Date : 01 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 1 มีนาคม 2553 21:39:36 น. |
Counter : 370 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ระบบปฎิบัติการ Android
Android เป็นระบบสำหรับโทรศัพท์มือถือ บนพื้นฐานของ Linux (Linux Kernel) ใช้ Apache License ในการเผยแพร่ | Android คืออะไร Android เป็นระบบปฏิบัติการ (Operating System) ที่นำทีมโดยกูเกิ้ล (ตอนนี้เป็น Open Handset Alliance ) เป็นระบบสำหรับโทรศัพท์มือถือ บนพื้นฐานของ Linux (Linux Kernel) ใช้ Apache License ในการเผยแพร่ โดยเป็นระบบปฎิบัติการOS บนมือถือที่พัฒนาโดยกูเกิ้ลเหมือนวินโดว์โมบาย พึ่งเริ่มออกขายปีนี้ปีแรก เดียวจะมีโทรศัพท์ที่ซัพพอร์ทระบบนี้ทยอยออกมาเรื่อยๆ ข้อดีของ Android คือความเข้ากันได้ระหว่างมือถือกับระบบครับ ด้วยความที่เป็น Open-Source ทำให้ค่ายมือถือสามารถหาทางออกร่วมกันในแง่ข้อกำหนดขั้นต่ำที่จะใช้ Android อีกข้อคือราคาครับ Open-Source ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้ แถมยังเข้ากันได้กับตัวเครื่องเนื่องจากร่วมกันผลิต ดังนั้นต้นทุนผลิตจึงต่ำครับ ข้อเสียของ Android คือจำนวนผู้ใช้ เนื่องจากเป็นน้องใหม่ในตลาด โปรแกรมที่จะใช้ได้กับระบบยังไม่เยอะ การพัฒนาอาจจะล่าช้ากว่า commercial software เมื่อระบบพัฒนาถึงจุดๆหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับผู้ใช้เนื่องจากผู้ใช้คงไม่ได้อัพเกรดระบบซักเท่าไหร่ ที่มา: isarapost.net
Create Date : 01 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 1 มีนาคม 2553 21:38:46 น. |
Counter : 430 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
DTAC Feel Good
เม้าท์กันให้กระจาย แชทกันไม่งั้น เลือกได้ตามใจสั่ง หลังดีแทค คลอดโปรโมชั่น feel good เหมาะสำหรับลูกค้าปัจจุบัน โทรฟรี 400 นาที ในเครือข่าย 200 นาที และนอกเครือข่าย 200 นาที พร้อม dtac internet ฟรี 20 ชั่วโมง แค่เดือนละ 299 บาท
โทรฟรี 800 นาที ในเครือข่าย 400 นาที และนอกเครือข่าย 400 นาที พร้อม dtac internet ฟรี 20 ชั่วโมง แค่เดือนละ 549 บาท
โทรฟรี 1,200 นาที ในเครือข่าย 600 นาที และนอกเครือข่าย 600 นาที พร้อม dtac internet ฟรี 20 ชั่วโมง แค่เดือนละ 799 บาท
ค่าโทรส่วนเกิน นาทีละ 1.50 บาท ทุกเครือข่าย 24 ชม. และ ดีแทค อินเตอร์เน็ต ส่วนเกินนาทีละ 1 บาท เช็คจำนวนการโทรเป็นนาทีได้ กด *121*# แล้วโทรออก (ฟรี) จดทะเบียนวันนี้ – 31 มกราคม 2553 นี้ รับสิทธินาน 12 รอบบิล
1. สำหรับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 1800 จากดีแทค แบบจดทะเบียนใหม่และปัจจุบัน (ไม่รวมผู้ใช้บริการประเภทองค์กรภาครัฐและภาคธุรกิจ) จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2552 – 31 มกราคม 2553 รับสิทธินาน 12 รอบบิล นับแต่วันที่สมัคร
2. อัตราค่าบริการเหมาจ่ายขั้นต่ำ ไม่รวมค่าบริการเสริม และค่าโทรส่วนเกิน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
2.1 เม้าท์โซไซตี้ ไซส์ S รับสิทธิโทรฟรีเดือนละ 400 นาที แบ่งเป็นโทรฟรีในเครือข่าย 200 นาที นอกเครือข่าย 200 นาที เหมาจ่ายขั้นต่ำรายเดือนละ 299 บาท
2.2 เม้าท์โซไซตี้ ไซส์ M รับสิทธิโทรฟรีเดือนละ 800 นาที แบ่งเป็นโทรฟรีในเครือข่าย 400 นาที นอกเครือข่าย 400 นาที เหมาจ่ายขั้นต่ำรายเดือนละ 549 บาท
2.3 เม้าท์โซไซตี้ ไซส์ L รับสิทธิโทรฟรีเดือนละ 1200 นาที แบ่งเป็นโทรฟรีในเครือข่าย 600 นาที นอกเครือข่าย 600 นาที เหมาจ่ายขั้นต่ำรายเดือนละ 799 บาท
2.4 รับสิทธิการใช้บริการเสริม dtac internet ภายในประเทศฟรี 20 ชั่วโมง/รอบบิล ส่วนเกินนาทีละ 1 บาท กรณีนำไปใช้ต่างประเทศคิดอัตราค่าบริการตามปกติ
2.5 อัตราค่าโทรส่วนเกินนาทีละ 1.50 บาท คิดอัตราค่าบริการเป็นนาที ทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง
2.6 อัตราค่าบริการเสริม SMS 2 บาท/ครั้ง/หมายเลข และ MMS 5 บาท/ครั้ง/หมายเลข
2.7 อัตราค่าบริการดังกล่าวข้างต้นไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
3. อัตราค่าบริการดังกล่าวข้างต้นไม่รวมค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ค่าบริการข้ามแดนอัตโนมัติ บริการ Audio text บริการเลขหมายพิเศษบางเลขหมาย ค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าต่อบริการกรณีถูกระงับการให้บริการ, ค่าเปลี่ยนแพ็กเกจ เป็นต้น ค่าบริการดาวน์โหลดผ่านผู้ให้บริการแต่ละราย หากผู้ใช้บริการต้องการสมัครใช้บริการเสริม หรือบริการดาวน์โหลดอื่นๆ ผู้ใช้ต้องศึกษาเงื่อนไขการใช้บริการของผู้ให้บริการแต่ละรายให้ชัดเจนก่อน ใช้บริการ
4. จำนวนสิทธิโทรฟรี และสิทธิใช้ฟรีบริการเสริม dtac internet ที่ใช้ไม่หมด ไม่สามารถยกไปใช้ในรอบบิลถัดไปได้ และไม่สามารถแลกหรือขอคืนเป็นเงินได้
5. สำหรับผู้ใช้บริการที่สมัคร หรือยกเลิกรายการส่งเสริมการขายนี้ระหว่างรอบบิล บริษัทฯ จะคำนวณค่าบริการตามระยะเวลาการใช้บริการของรอบบิลนั้นๆ และในกรณีที่มี ค่าใช้บริการเกินกว่าที่กำหนด ระบบจะคำนวณค่าใช้บริการส่วนเกินตามอัตราของรายการส่งเสริมการขายนี้
6. ผู้ใช้บริการควรศึกษาเงื่อนไขการใช้งาน dtac internet อัตราค่าบริการ วิธีการตั้งค่าการใช้งาน พื้นที่การให้บริการ เพื่อความสะดวกในการใช้บริการ ทั้งนี้ความเร็วของการใช้งานผ่านการเชื่อมต่อระบบ dtac internet ขึ้นอยู่กับช่วงระยะเวลาของการใช้งาน ความหนาแน่นของผู้ใช้บริการ รวมถึงคุณภาพในการรับ-ส่งสัญญานของอุปกรณ์ dtac internet ของผู้ใช้บริการ และ ในกรณีที่ผู้ใช้บริการต้องการใช้งานในต่างประเทศ อัตราค่าบริการจะขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการนั้นๆ
7. สิทธิตามแพ็กเกจดังกล่าวจะสิ้นสุดลง เมื่อผู้ใช้บริการเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกแพ็กเกจ
8. กรณีที่ผู้ใช้บริการสมัครแพ็กเกจบริการเสริม dtac internet หรือแพ็กเกจ dtac fun pack เพิ่มเติม จะถูกคิดอัตราค่าบริการของ dtac internet ตามแพ็กเกจบริการเสริมที่สมัครเพิ่มเติม ทั้งนี้ผู้ใช้บริการยังคงต้องชำระอัตราค่าบริการเหมาจ่ายขั้นต่ำ และจะไม่ได้รับสิทธิใช้ฟรีบริการเสริม dtac internet ตามแพ็กเกจ เมาท์โซไซตี้
9. ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบยอดค่าบริการ ที่ใช้ไปได้ด้วยตนเองที่ช่องทางดังต่อไปนี้ - ตรวจสอบนาทีที่ใช้ไปในเครือข่ายและนอกเครือข่าย *121*1# (ไม่คิดค่าบริการ) - บริการโทรศัพท์อัตโนมัติ *1004 กด 8 (ไม่คิดค่าบริการ) ตรวจสอบนาทีที่ใช้บริการเสริม
dtac internet
- บริการโทรศัพท์อัตโนมัติ *1888 (ไม่คิดค่าบริการ) - สำนักงานบริการลูกค้า (ไม่คิดค่าบริการ) - ฝ่ายดูแลลูกค้าโทร. 1678 (คิดค่าบริการครั้งละ 3 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)
10. รายการส่งเสริมการขายนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนด ผู้ใช้บริการจะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเลือกใช้บริการ ได้ที่ โทร.1678 dtac call center (ค่าบริการครั้งละ 3 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) หรือ //www.dtac.co.th ทั้งนี้ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิในการยกเลิก และ/หรือเปลี่ยนแปลงรายการได้ตามที่เห็นสมควร โดยจะแจ้งให้ทราบหากมีการเปลี่ยนแปลง
Create Date : 01 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 1 มีนาคม 2553 21:37:06 น. |
Counter : 587 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|