จองซื้อพันธบัตรน้ำมันไม่คึกคัก?? ((บทความนี้เป็นบันทึกช่วยจำของผมเท่านั้น..ไม่ใช่บทวิเคราะห์)) ................................ วันนี้เป็นวันแรก ที่เปิดให้ "ประชาชนทั่วไป" จองซื้อพันธบัตรน้ำมัน สักครู่นี้ช่องเก้ารายงานสดว่า บรรยากาศไม่คึกคักเท่าที่ควร.... คงเป็นไปตามการคาดการณ์ของหลาย ๆ คน เพราะที่ผ่านมาทุกคนพยายามจะเน้นที่คำว่า "ไม่รับประกัน" มากกว่าคำว่า "ประสิทธิภาพของสถาบันบริหารพลังงาน" จนนักลงทุนทั่วไปไม่แน่ใจ แล้วเอาไปลือต่าง ๆ นานา จนกลายเป็น "หวาดผวา" ไปแล้วตอนนี้ คำว่า"ไม่รับประกัน" ต้องเขียนเอาไว้เพราะว่า หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานของรัฐก็จริง แต่ไม่ได้มีสถานะเป็น "รัฐวิสาหกิจ" หรือหน่วยงานของ กระทรวงการคลัง รัฐจึงไม่สามารถค้ำประกันได้ตามกฏหมาย เขาก็เลยต้องเขียนเอาไว้ในเงื่อนไข ก็แค่นั้นเอง ดังนั้นก็ต้องมาดูว่า รายได้ของเขาคืออะไร อันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลคือ AAA อันดับของพันธบัตรน้ำมันตัวนี้คือ AA- ก็ถือว่ามีความน่าเชื่อถือ"ดีทีเดียว" ในสายตาของผู้ประเมิน ((หุ้นกู้มีหลักประกันของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก ยังไม่ได้เรตติ้งระดับนี้เลย) แต่แทนที่นักลงทุนที่คิดจะซื้อพันธบัตรตัวนี้จะได้ "คิด" ซะหน่อย ว่าสถาบันนี้มันทำอะไร... พันธบัตรที่ออกนี้จะมีรายได้มาจากไหน เพื่อที่จะเอาเงินมาซื้อคืนเมื่อครบกำหนด... กลับไม่คิดซักนิดเลยแฮะ... ได้ฟังข่าวที่เขาว่ากันมาก็เลิกสนใจ นี่แหละนิสัยนักลงทุนรายย่อยของไทย... ของจริง สถาบันนี้มีรายได้จากการจำหน่ายน้ำมันในประเทศ (อัตรานี้เก็บมานานหลายปีแล้วนะครับ) น้ำมันดีเซลทุกลิตรที่ขายในประเทศ ต้องนำส่ง 0.50 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 ต้องนำส่ง 1.30 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 95 ต้องนำส่ง 1.50 บาทต่อลิตร เมื่อถึงเวลา จะเรียกเก็บจากดีเซลเพิ่มเป็น 1.50 บาทต่อลิตรได้อีก เป็นธุรกิจที่มีรายได้จากน้ำมันทุกลิตรในประเทศ คนที่กลัวมันเจ๊ง คงต้องถามตัวเองหน่อยว่ามันจะเจ๊งง่าย ๆ งั้นเลยเหรอ?? มันเจ๊งได้ ถ้าคนไทยเลิกใช้รถกันหมด... แต่แน่ใจนะว่าจะเป็นไปได้..((อย่าพูดเอาแต่สนุกปากนะ)) มันเจ๊งได้ถ้าคนไทยหันไปใช้พลังงานทางเลือกกันหมด แต่ตอนนี้กำลังการผลิตยังน้อยมากมีซัพพลายไม่ถึง 2 % อีกห้าปีข้างหน้ากำลังการผลิตพลังงานทางเลือกก็คงไม่เกิน 10% ของการใช้พลังงานรวมทั้งหมด แสดงว่าน้ำมันยังจะต้องเป็นพลังงานจำเป็นในอันดับต้น ๆ อยู่ รายได้ของ สบพ. ผู้ออกพันธบัตรก็น่าจะคงที่สม่ำเสมอ พันธบัตรนี้แบ่งขายให้นักลงทุนประเภทสถาบันส่วนหนึ่ง และนักลงทุนประเภทประชาชนทั่วไปอีกส่วนหนึ่ง สถาบันต้องยื่นใบจองก่อนแล้วตามกติกา ตรวจสอบใบจองสถาบันพบว่าจองเกินมาหลายเท่า ส่วนของรายย่อยเพิ่งเปิดจองวันนี้ ส่วนที่เหลือที่ขายรายย่อยได้ไม่หมดก็เสร็จสถาบัน เพราะส่วนของสถาบันนั้นไม่พอขาย.. สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่นักลงทุนควรจะเอามาคิด ไม่ใช่แค่อ่านข่าว ฟังข่าว แล้วเลยเถิดไปกันใหญ่...   Create Date : 10 ตุลาคม 2548     3 comment Last Update : 11 ตุลาคม 2548 11:16:25 น.     Counter : 268 Pageviews.   Share Tweet