Beauty Healthy Trip&Eating By L.NEDDAW
 

ใบย่านาง ต้านมะเร็ง !!!! ได้จริงหรือ.....??









* * * ใบย่านาง สมุนไพรโบราณสุดมหัศจรรย์ที่เปี่ยมสรรพคุณทางยา และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เรามาทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้กันเถอะ

* * * ก่อนที่จะไปดูกันถึงเรื่องสรรพคุณและประโยชน์ เรามาทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ 

" ย่านาง หรือใบย่านาง" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tiliacora triandra (Colebr.) Diels มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Bamboo grass ทางภาคเหนือเรียกว่า จ้อยนาง ภาคกลางเรียก เถาย่านาง เถาวัลย์เขียว และภาคใต้จะเรียกว่า ยาดนาง เป็นพืชในตระกูลไม้เลื้อย กิ่งอ่อนมีขนอ่อนปกคลุม เมื่อแก่แล้วผิวค่อนข้างเรียบ รากมีขนาดใหญ่ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกติดกับลำต้นแบบสลับ รูปร่างใบคล้ายรูปไข่หรือรูปไข่ขอบขนานปลายใบเรียว ฐานใบมน ขนาดใบยาว 5-10 ซม. กว้าง 2-4 ซม. ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 1 ซม. ดอกออกตามซอกโคนก้านใบเป็นช่องยาว 2-5 ซม. ช่อหนึ่ง ๆ มีดอกขนาดเล็กสีเหลือง 3-5 ดอก ดอกแยกเพศอยู่คนละต้นไม่มีกลีบดอก ผลรูปร่างกลมรีขนาดเล็ก สีเขียว เมื่อแก่กลายเป็นสีเหลืองอมแดงและกลายเป็นสีดำ ย่านางเป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็น สามารถช่วยดับพิษร้อนต่าง ๆ ได้

* * * คุณค่าทางโภชนาการของใบย่านาง


ในใบย่านาง 100 กรัมจะ มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้

พลังงาน 95 กิโลแคลอรี่
เส้นใย 7.9 กรัม 
แคลเซียม 155 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม
เหล็ก 7.0 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 30625 IU
วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม
วิตามินบีสอง 0.36 มิลลิกรัม
ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม
วิตามินซี 141 มิลลิกรัม
โปรตีน 15.5 เปอร์เซนต์
ฟอสฟอรัส 0.24 เปอร์เซนต์
โพแทสเซียม 1.29 เปอร์เซนต์
แคลเซียม 1.42 เปอร์เซนต์
แทนนิน 0.21 เปอร์เซนต์

* * * สรรพคุณทางยาของย่านาง 

* ย่านางนั้นมีสรรพคุณทางยาที่ขึ้นชื่อมากมาย ซึ่งสรรพคุณทางยาไม่ได้มีเพียงแค่ในใบย่านางเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนอื่น ๆ ของต้นก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน 

- ราก 

รากของย่านาง นิยมนำมาใช้เพื่อแก้อาการไข้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นไข้พิษ ไข้เหนือ ไข้หัด ไข้ฝีดาษ ไข้กาฬ หรือ ไข้ทับระดู และอาการเบื่อเมา นอกจากนี้รากของย่านางยังเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของตำรับยาเบญจโลกวิเชียร หรือยา 5 ราก หรือแก้วห้าดวง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขประกาศใช้ในบัญชียาสมุนไพร โดยยาดังกล่าวเป็นสามารถรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในขณะเริ่มแรกได้ โดยนำรากแห้งต้มกับน้ำครั้งละ 1 กำมือ แล้วดื่มก่อนอาหาร วันละ 3 ครั้ง

- ใบ

ใบย่านาง คือเป็นส่วนที่มีประโยชน์และถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมากที่สุด เพราะเป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็นและมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง นอกจากนี้ถูกจัดเอาไว้ในตำราสมุนไพรว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของใบย่านางในการรักษาโรคมีดังนี้

* รักษาและป้องกันโรคภัยต่าง ๆ 

ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสู
ช่วยป้องกันและบำบัดการเกิดโรคหัวใจ
ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งได้
สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็ง หากดื่มน้ำใบย่านางเป็นประจำ จะทำ ให้ก้อนเนื้อมะเร็งจะฝ่อและเล็กลง
ช่วยป้องกันและรักษาโรคภูมิแพ้ ไอจาม มีน้ำมูกและเสมหะ
ช่วยรักษาอาการร้อนแต่ไม่มีเหงื่อ
ช่วยรักษาอาการของโรคเบาหวาน โดยไปลดระดับน้ำตาลใน เลือดให้ลดลง
มีส่วนช่วยช่วยอาการปวดตึง ปวดตามกล้ามเนื้อ ปวดชา บริเวณต่าง ๆ
มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรีย
ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อย ๆ
ช่วยแก้อาการเจ็บเหมือนมีไฟช็อตหรือมีเข็มแทงหรือมีอาการ ร้อนเหมือนไฟ
ช่วยแก้อาการเหงือกอักเสบอย่างรุนแรงและเรื้อรัง
ช่วยรักษาโรคตับอักเสบ
ช่วยรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษ
ช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
ช่วยป้องกันการเกิดโรคเกาต์

* ระบบทางเดินอาหาร


ช่วยรักษาอาการท้องเสีย เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุได้
ช่วยบรรเทาอาการอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลัน
ช่วยแก้อาการท้องผูก ลดอาการแสบท้อง
ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ
ช่วยลดอาการหดเกร็งตามลำไส้
ช่วยรักษาอาการกรดไหลย้อน

* ระบบทางเดินหายใจ

ช่วยป้องกันและรักษาโรคหอบหืด
ช่วยรักษาอาการของโรคไซนัสอักเสบ

* ระบบผิวหนัง

ช่วยชะลอและลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ช่วยป้องกันไม่ให้เส้นเลือดฝอยในร่างกายแตกใต้ผิวหนังได้ ง่าย
ช่วยรักษาอาการตกกระที่ผิวเป็นจ้ำ ๆ สีน้ำตาลตามร่างกาย
ช่วยในการรักษาโรคเริม งูสวัด
รักษาสิว ฝ้า ตุ่มคัน ตุ่มใส ผื่นคัน พอกฝีหนอง โดยการน้ำใบย่านางเมื่อนำมาผสมกับดินสอพองหรือปูนเคี้ยวหมากจนเหลว แล้วนำมาทา 
ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาอาการผิวหนังมีความผิดปกติคล้ายรอยไหม้
ช่วยป้องกันและรักษาอาการส้นเท้าแตก เจ็บส้นเท้า
ช่วยรักษาอาการเล็บมือเล็บเท้าผุ โดยรักษาอาการเล็บมือเล็บเท้าขวางสั้น ผุ ฉีกง่าย หรือในเล็บมีสีน้ำตาลดำคล้ำ อาการอักเสบที่โคนเล็บ

* * * ระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ

ช่วยรักษาโรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นิ่วในถุงน้ำดี
ช่วยรักษาอาการปัสสาวะแสบขัด ออกร้อนในทางเดิน* ปัสสาวะ
ช่วยแก้อาการปัสสาวะมีสีเข้ม ปัสสาวะบ่อย หรือมีอาการ* ปัสสาวะออกมาเป็นเลือด
ช่วยรักษาอาการมดลูกโต อาการปวดมดลูก ตกเลือดได้
ช่วยบำบัดรักษาโรคต่อมลูกหมากโต
ช่วยป้องกันโรคไส้เลื่อน
ช่วยรักษาอาการตกขาว

* สร้างเสริมและบำรุงสุขภาพ 

ช่วยลดน้ำหนัก โดยการเผาผลาญไขมันและนำไปใช้เป็นพลังงาน 
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านโรคในร่างกายให้แข็งแรง
ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
ช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย
ช่วยในการบำรุงรักษาตับ และไต
ช่วยรักษาและบำบัดอาการอัมพฤกษ์
ช่วยแก้อาการอ่อนล้า อ่อนเพลียของร่างกาย
ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อย ๆ
ช่วยแก้อาการเจ็บเหมือนมีไฟช็อตหรือมีเข็มแทงหรือมีอาการร้อนเหมือนไฟ
ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้ อาเจียนได้
ช่วยแก้อาการง่วงนอนหลังการรับประทานอาหาร
ช่วยแก้อาการเลือดกำเดาไหล
ช่วยในการบำรุงสายตาและรักษาโรคเกี่ยวกับตา เช่น ตาแดง ตาแห้ง ตามัว แสบตา ปวดตา ตาลาย เป็นต้น
ช่วยรักษาอาการปากคอแห้ง ริมฝีปากแตกหรือลอกเป็นขุย
ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเสมหะเหนียวข้น ขาวขุ่น มีสีเหลืองหรือเขียว หรืออาการเสมหะพันคอ
ช่วยลดอาการนอนกรน
ช่วยแก้อาการเจ็บปลายลิ้น
ช่วยป้องกันและบำบัดรักษาโรคหัวใจ
ช่วยป้องกันและรักษาโรคหอบหืด
ช่วยรักษาโรคตับอักเสบ

- เถา

เถาของย่านางช่วยลดความร้อนและแก้พิษตานซาง และยังมีข้อมูลทางเภสัชวิทยาระบุอีกว่า สามารถช่วยต้านมาลาเรีย และยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ได้ 

* ประโยชน์ของใบย่านาง

ใบย่านางนั้นมีประโยชน์ในการช่วยชะลอการเกิดผมหงอก ทำให้ผมดำและนุ่มชุ่มชื้น และยังมีการนำมาทำเป็นอาหารโดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนผสมของหน่อไม้ เพราะน้ำใบย่านางนั้นสามารถช่วยต้านพิษกรดยูริกที่มีในหน่อไม้ได้ แถมยังนิยมนำมาทำอาหารชนิดต่าง ๆ เช่น แกงหน่อไม้ ซุบหน่อไม้ แกงอ่อม แกงเห็ด แกงเลียง หรือรับประทานสด ๆ กับน้ำพริกอีกด้วย 




วิธีการทำน้ำใบย่านาง

โดยส่วนใหญ่แล้วการนำย่านางมาใช้นั้นมักจะนำมาใช้โดยการคั้นน้ำและเอาไปเป็นส่วนผสมในการทำอาหารนำมาดื่มเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ ซึ่งหมอเขียวก็ได้แนะนำวิธีใช้ใบย่านางเอาไว้ในหนังสือ เรามาดูกันดีกว่าว่า น้ำใบย่านางนั้นมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง

วิธีการทำน้ำใบย่านางสูตรหมอเขียว


สูตรนี้ เป็นการใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิลล์ คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุลของร่างกายซึ่งมีส่วนผสมดังนี้

ใบย่านาง 

เด็ก ใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว 200-600 ซีซี
ผู้ใหญ่ ที่รูปร่างผอม บางเล็ก ทำงานไม่ทน ใช้ 5-7 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็ก ทำงานทน ใช้ 7-10 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ที่รูปร่างสมส่วน ตัวโต ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

วิธีทำ

1. ใช้ใบย่านางสด มาล้างทำความสะอาดโขลกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำ หรือขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือปั่นในเครื่องปั่น (แต่การปั่นในเครื่องปั่นไฟฟ้า จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงบ้าง เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายความเย็นของย่านาง)

2. กรองน้ำใบย่านางที่ได้ผ่านกระชอนเอาแต่น้ำ

3. ดื่มครั้งละ 1/2-1 แก้ว วันละ 2-3 เวลา ก่อนอาหาร หรือตอนท้องว่างหรือผสมเจือจางดื่มแทนน้ำ เพราะถ้าเกิน 4 ชม. มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม แต่ถ้าแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วันโดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก

หมายเหตุ

ถ้าจะให้ได้รสชาติ คั้นกับใบเตย จะหอมอร่อยมาก หรือจะใส่กับน้ำมะพร้าวก็จะหอมชื่นใจมากขึ้น ( แต่ถ้าใส่น้ำมะพร้าวจะเสียเร็วนะ) ผักฤทธิ์เย็น นำมาคั้นร่วมกับย่านางก็ได้ เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ใบบัวบก ใบเตย

เทคนิควิธีการปั่นใบย่านาง

การทำน้ำใบย่านาง โดยใช้เครื่องปั่นให้คงคุณค่าสารอาหาร เทคนิคอยู่ที่วิธีการปั่นคือ ไม่ควรกดปั่นครั้งเดียวจนใบย่านางละเอียด ควรใช้วิธีกดปั่น แล้วนับ 1-2-3-4-5 อย่างเร็ว แล้วรีบกดปิด รอให้น้ำใบย่านางหยุดหมุน แล้วกดปั่นอีกครั้งนับ 1-2-3-4-5 อย่างเร็วแล้วรีบกดปิด รอให้น้ำใบย่านางหยุดหมุนทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนใบย่านางละเอียด วิธีนี้ทำให้โมเลกุลของสารอาหารไม่เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม เสร็จแล้วจึงนำมากรองเอาแต่น้ำค่ะ

คำเตือน : เฉพาะผู้ที่เป็นโรคไต ไม่ควรรับประทานนะครา


อ้างอิงจาก
หมอชาวบ้าน

ANL Cosmetics Spa.,Ltd.
www.anl-cosmetics-spa.com
www.facebook.com/ANL.Cosmetics.Spa




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2559    
Last Update : 12 มิถุนายน 2559 5:43:39 น.
Counter : 3059 Pageviews.  

ลดน้ำหนัก 20 กก. ภายใน 3 เดือน ทำได้ด้วยตัวเอง









ลดน้ำหนักอย่างง่ายๆ.....ไม่ต้องพึ่งยา

คุณรู้ไหมว่า....การจัดการอาหารที่เลือกรับประทาน  สำหรับผู้ที่อยากลดน้ำหนักในแต่ละมื้อนั้นสำคัญแค่ไหน   สามารถลดน้ำหนัก 20 กก. ภายใน 3 เดือน เลยทีเดียว " โดยไม่ต้องงดมื้ออาหาร "

Smiley

* เมนูแนะนำ (เลือก 1 เมนูต่อมื้อ)

มื้อเช้า

- เกาเหลาปลา 1 ชาม
- ไข่ต้ม 2 ฟอง
- ไก่ย่างเน้นช่วงอก 1 ชิ้น (ไม่ควรเกิน 150 กรัม)
- ต้มยำไก่ ชามเล็ก
- ผัดผักรวมใส่ไก่ หรือกุ้ง 4 ตัว 1 จาน
- สเต๊กปลา 1 ชิ้น (ไม่ควรเกิน 150 กรัม)
- สเต๊กไก่ , สเต๊กหมู 1 ชิ้น (ไม่ควรเกิน 150 กรัม)

มื้อเที่ยง

- ส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตก หรือปลาเผา
- เกาเหลาต้มยำชามเล็ก
- แกงจืดเต้าหู้ใส่ผักกาดขาว 1 ถ้วยเล็ก
- ปลานิลเผาเกลือตัวขนาเล็ก
- น้ำพริกหนุ่ม ปลานึ่ง
- ปลาทะทะเลต้มยำ
- กุ้งเผา 6 ตัว
- ยำวุ้นเส้น

(มือเที่ยงเลือกทานได้ตามใจชอบ แต่ถ้าอิ่มแล้วคือไม่ต้องทานต่อนะ)


มื้อเย็น

- แอปเปิ้ลเขียว 1 ลูกหรือ กีวี่ 2 ลูก
- สลัดผักแบบไม่ใส่ครีมสลัด
- ซุปใส ใส่ไก่สัก4ชิ้นบาง

***(เลือกแค่หนึ่ง เมนูต่อมื้อนะคะ)

Smiley

** สำคัญคืออย่าลืมดื่มน้ำเปล่าเยอะๆระหว่างวันเพราะจะช่วยลดความหิว ไม่ทำให้โหย หรือ เหี่ยว น้ำเปล่าธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา ทำให้ระบบภายในดีด้วย ใครไม่ชอบกินน้ำเปล่า ต้องเริ่มหัดกินให้เป็นนิสัยนะครับ เพื่อสุขภาพที่ดี**

Smiley



อ้างอิงจาก
สดชื่นแจ่มใส.com

ANL Cosmetics Spa.,Ltd.
www.anl-cosmetics-spa.com
www.facebook.com/ANL.Cosmetics.Spa




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2559    
Last Update : 13 มิถุนายน 2559 19:51:20 น.
Counter : 783 Pageviews.  

"แสงแดด" ภัยร้ายใกล้ตัว



" แสงแดดอันตราย " พิษร้ายใกล้ตัว!!!

                  แสงแดดมีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์เรานั่นคือเป็นแหล่งของวิตามินดี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น โดยที่แคลเซียมจะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ตามปกติและเสริมสร้างกระดูกเพื่อการเจริญเติบโต ผิวหนังคนเราสามารถสร้างวิตามินดี ได้เมื่อได้รับแสงอัลตราไวโอเลตชนิดบี อย่างไรก็ตาม แม้แสงแดดจะมีประ⁞โยชน์ต่อร่างกาย แต่แสงแดดก็ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพผิวได้เช่นกัน นั่นคือ ทำให้เกิดความผิดปกติของสีผิว เช่น ฝ้า กระ ทำให้ผิวไหม้เกรียม ทำให้ภูมิคุ้มกันที่ผิวลดลง เกิดการแพ้แดด ทำให้ผิวมีริ้วรอย เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัยและทำให้เกิดมะเร็งของผิวหนัง นอกจากนี้ยังพบว่า โรคผิวหนัง และ โรคระบบอื่นๆ หลายโรคอาจกำเริบเมื่อถูกแสงแดด เช่น โรคลมพิษจากแสงแดด โรคเอสแอลอี ตาเป็นต้อ โรคติดเชื้อเริม ฯลฯ ขณะเดียวกันยาหลายชนิด เช่น ยาลดความดันเลือด ยาปฏิชีวนะ ยาสตีรอยด์ ยารักษาสิว และยาต้านมะเร็ง อาจทำให้ผิวหนังมีความไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ รวมทั้งขณะตั้งครรภ์ 

                  ในแสงแดดประกอบด้วยรังสีที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มีชื่อเรียกว่ารังสีอัลตราไวโอเลต (ultraviolet) หรือรังสียูวี (UV) ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้ว่าแสงยูวี แม้เพียงเล็กน้อยในยามแดดจัด ก็สามารถทำให้คอลลาเจน (เซลล์เนื้อเยื่อของผิวหนัง) เสื่อมสภาพได้ อนุมูลอิสระเป็นผลผลิตจากการที่ร่างกายต่อสู้กับสิ่งที่มาระคายเคือง เช่น แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลพิษต่างๆ เป็นเวลานาน ซึ่งหากหลงเหลืออยู่ในผิวหนัง สารอนุมูลอิสระนี้ก็อาจทำลายเซลล์รอบๆ ตัว ทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้ และถึงแม้ว่าโรคมะเร็งผิวหนังจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่พบว่า มีความสัมพันธ์กับรังสียูวี นั่นคือ ผิวหนังถูกแสงแดดแผดเผาเป็นเวลานานนับสิบปี




ชนิดของรังสียูวี

รังสียูวีแบ่งได้เป็น ๓ ชนิด คือ รังสียูวีเอ (UVA) รังสียูวีบี (UVB) และรังสียูวีซี (UVC)

***                 รังสียูวีเอ (UVA) คือ รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีคลื่นยาวกว่ารังสี UVB และ UVC (UVA มีความยาวคลื่น ๓๒๐-๔๐๐ นาโนมิเตอร์) ที่สามารถทะลุไปถึงชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ได้ แม้ว่าอาการที่เกิดขึ้นกับผิวหนังเมื่อสัมผัสกับรังสี UVA จะเห็นได้ไม่ชัดเจน และไม่รู้สึกเจ็บเมื่อได้รับรังสีนี้ แต่ผลในระยะยาวเชื่อกันว่าหากได้รับรังสี UVA มากๆ จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ซึ่งจะทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย สีผิวคล้ำเข้ม ขาดความสดใส

***                  รังสียูวีบี (UVB) คือรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่นรองลงมา (ความยาวคลื่น ๒๙๐-๓๐๐ นาโนมิเตอร์) รังสี UVB จะถูกกั้นโดยชั้นบรรยากาศบางส่วน และลงมาถึงผิวโลกประมาณร้อยละ ๐.๑ ของแสงทั้งหมด รังสี UVB แม้จะไม่สามารถทะลุสู่ชั้นผิวหนังที่ลึกได้เท่ากับรังสี UVA แต่ก็มีผลทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียม (ภายใน ๒๔ ชั่วโมงที่โดนแสงแดดจัดนานๆ)อย่างไรก็ตาม ทั้งรังสี UVA และรังสี UVB ก็ทำให้ผิวหนัง เหี่ยวย่นและก่อโรคมะเร็งผิวหนังได้พอกันทั้ง ๒ ชนิด รังสี UVB จะ มีความแรงสูงสุดในช่วงเวลากลางวัน คือตั้งแต่ ๑๐.๐๐-๑๔.๐๐ น. และแต่เดิมผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังเชื่อว่าเฉพาะรังสี UVB เท่านั้นที่ทำให้ผิวเกิดการไหม้ แต่ปัจจุบันพบว่ารังสี UVA ที่ทำให้ผิวคล้ำเมื่อถูกแสงแดดก็เป็นอันตรายต่อผิวเช่นเดียวกับรังสี UVB นอกจากนี้ยังมีหลักฐานแสดงว่ารังสีช่วงคลื่นยาวคือรังสีอินฟราเรดก็เป็นอันตรายต่อผิวหนังเช่นเดียวกัน

***                    รังสียูวีซี (UVC) เป็นรังสีที่มีคลื่นสั้นที่สุด ในอดีตรังสี UVC จะถูกกรองไว้ได้ทั้งหมดโดยชั้นโอโซน จึงไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศของโลกลงมาได้ แต่ปัจจุบันนี้พบว่ารังสี UVC ก็สามารถทะลุชั้นโอโซนมายังพื้นโลกได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากมลพิษที่มนุษย์ก่อขึ้น จนไปทำลายชั้นโอโซนให้บางลง



ภัยแฝงจากแสงแดดที่คนไม่ค่อยรู้

 คนส่วนใหญ่มักคิดว่าวันที่มีเมฆหมอก วันที่ท้องฟ้าขมุกขมัว เวลาฝนตกหรือหน้าหนาว ไม่น่าจะเกิดอันตรายจากแสงแดด แต่ความจริงแล้ว แม้วันที่มีเมฆหมอก ไม่มีร่มเงาแดด แต่หากยังมีแสงสว่างพอที่จะอ่านหนังสือได้ แสงยูวีก็ยังสามารถส่องผ่านมาได้ แม้กระทั่งวันที่มีลมพัดแรง ซึ่งผิวหนังอาจได้รับผลเสียจากแสงแดด และเกิดผิวไหม้ได้มากกว่าปกติ เพราะลมที่พัดแรงจะทำให้รู้สึกเย็นสบาย ทำให้หลายคนอาจเผลออยู่กลางแจ้งหรือกลางแดดนานโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ เวลาเดินทางไปต่างจังหวัดที่ต้องใช้ เวลานานหลายชั่วโมง บางคนชอบเปิดหน้าต่างรถให้ลมพัดโกรกตลอดเวลา ผลคือ หน้าจะดำคล้ำลงทันทีเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง แล้วรู้ไหมว่าการอยู่ในที่สูง เช่น บนภูเขา ก็ทำให้ผิวมีโอกาสได้รับอันตรายจากแสงแดดมากกว่าปกติด้วย เพราะพื้นที่สูงจะมีชั้นบรรยากาศ ที่ดูดซับรังสีที่เป็นอันตรายจากแสงแดดน้อยกว่าที่ระดับน้ำทะเล

                            อย่างไรก็ตาม ครีมกันแดดก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดหรือเป็นคำตอบสุดท้ายในการป้องกันโรคมะเร็งผิวหนัง เพราะถึงอย่างไร แสงยูวีก็ยังสามารถผ่านผิวหนังของเราไปได้ แต่ถึงยังไงครีมกันแดดที่ดีคุณสมบัติ SPF15-50 PA++ ขึ้นไป ก็เป็นสิ่งจำเป็นห้ามขาดในการป้องกันแสงแดด 

วิธีที่จะปกป้องผิวจากแสงแดดให้ได้มากที่สุด ต้องปฏิบัติตัวหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน นั่นคือ

๑. หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะระหว่างเวลา ๑๐.๐๐-๑๖.๐๐ น. เพราะเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด ทั้งนี้เพราะรังสียูวีกว่าร้อยละ ๘๐ จะส่อง ลงมาในเวลาดังกล่าว และสามารถสะท้อนแสงเมื่อกระทบผิวน้ำ พื้นถนน ซีเมนต์ ทราย ป้ายโฆษณา อาคารสีอ่อนๆ หรือแม้กระทั่งเก้าอี้นั่งชายหาดก็สะท้อนแสง ยูวีได้เช่นกัน

๒. พยายามหลบแสงแดดให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ในทุกที่ ทุกเวลา

๓. สวมหมวกปีกกว้าง หรือกางร่ม เมื่อต้องเจอแสงแดด หรือทำกิจกรรมต่างๆ กลางแจ้ง

๔. สวมเสื้อผ้าให้ปิดผิวมิดชิด (มากที่สุดเท่าที่จะทำได้) ซึ่งโดยทั่วไปเสื้อผ้าที่ทอเนื้อแน่นสีเข้ม จะกันแดดได้มากกว่าเสื้อผ้าเนื้อบางๆ

๕. ทาครีมกันแดด ค่า SPF 15-50 PA++ ซึ่งจะเหมาะกับสาวเอเซีย หรือถ้ามีตัว Titanium Dioxide เป็นสารกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูง มีประสิทธิภาพสูงในการสะท้อนกระจายแสง UVA , UVB ทาในบริเวณผิวหนังที่ไม่สามารถป้องกันด้วยเสื้อผ้า เช่น บริเวณใบหน้าหรือหลังมือ พึงระลึกไว้เสมอว่ายากันแดดป้องกันได้เพียงแสงยูวีเท่านั้น แต่แสงที่ให้ความสว่าง หรือความร้อนจากแดด ซึ่งหากได้รับปริมาณมาก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังได้เช่นกัน

อ้างอิงจาก
หมอชาวบ้าน
https://www.doctor.or.th/article/detail/1632

ANL Cosmetics Spa.,Ltd.
www.facebook.com/ANL.Cosmetics.Spa






 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2559 4:13:53 น.
Counter : 1193 Pageviews.  

 
 

KYOJINAN
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]