เลือกเครื่องฟอกอากาศเพื่อลมหายใจที่สดชื่น
         เมื่อสภาวะอากาศที่แปรปรวน  ประกอบกับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในโลกของเรา  และแน่นอนว่า  บ้านที่เราๆ ท่านๆ  อยู่ทุกวันนี้  ก็หนีไม่พ้นปัญหามลภาวะทางอากาศแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน  โดยเฉพาะบ้านในเขตกรุงเทพฯ  และตามจังหวัดใหญ่ๆ  ที่มีผู้คนและรถราอยู่กันอย่างหนาแน่น  ด้วยเหตุนี้เอง  จึงมีผู้คิดค้นเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านเพื่อให้อากาศในบ้านนั้นน่าหายใจกว่าอากาศภายนอก  แต่ทุกวันนี้มีเครื่องฟอกอากาศออกจำหน่ายมากมาย  หลายยี่ห้อ  หลายชนิด  ความยากจึงอยู่ที่ว่า  แล้วเจ้าเครื่องไหนล่ะ  ที่จะเหมาะสมที่สุด  ในการนำมาวางไว้ในบ้านของเรา

รู้จักอากาศในบ้าน

        อากาศภายในบ้านเรานั้น  โดยปกติแล้วจะมีฝุ่นละอองและควันน้อยกว่าอากาศภายนอก  ที่มีทั้งตัวไรฝุ่น  ควัน  ละอองเกสรดอกไม้  สปอร์เชื้อรา  แบคทีเรีย  ไวรัส  เรดอน  แร่ในหิน  และกลิ่นต่างๆ  มากมาย  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอากาศภายในบ้านจะมีสิ่งปนเปื้อนน้อยจนอยู่ในระดับปลอดภัย  เพราะละอองรวมถึงแบคทีเรียจะมีผลต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้และโรคในระบบทางเดินหายใจ  อีกหลายอย่าง  โดยอากาศเหล่านี้จะเข้ามาทางประตู  หน้าต่าง  และตกลงสู่พื้นห้อง  หากห้องนั้นไม่สามารถระบายให้อากาศผ่านไปอีกด้านได้  อากาศบริสุทธิ์ที่แท้จริงคืออากาศที่ไม่มีฝุ่นผง  หรือสิ่งปลอมปนภายในอากาศเลย

การติดเครื่องฟอกอากาศ

       ธรรมชาติของอากาศที่หมุนเวียนภายในห้องนั้นมีปริมาณอากาศจำนวนมาก  และแน่นอนว่าเจ้าเครื่องฟอกอากาศเครื่องเล็กนิดเดียวไม่สามารถทำหน้าที่กรองอากาศ  ดักฝุ่น  เชื้อโรค  เชื้อราในอากาศได้หมดอย่างแน่นอน  ดังนั้น  การติดเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม  ควรเป็นห้องที่สามารถปิดมิดชิดได้  เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้อย่างเต็มที่  เราลองนึกภาพว่าอากาศเป็นน้ำปริมาณมหาศาลในห้อง  แล้วเครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องทำให้น้ำเหล่านั้นสะอาด  หากน้ำนิ่งๆ  เครื่องก็จะทำงานได้เต็มที่  แต่หากน้ำนั้นมีการหมุนเวียนไปมาหรือมีอากาศนำฝุ่นผงเข้ามาอีกเรื่อยๆ  เครื่องฟอกอากาศก็จะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะดักกรองฝุ่นเหล่านี้ให้สะอาดขึ้น

หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ

        เครื่องฟอกอากาศทำงานโดยอาศัยหลักการง่ายๆ  โดยเน้นไปที่เทคโนโลยีแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง  บางยี่ห้อโฆษณาว่าสามารถดักอนุภาคที่เล็กได้ถึง 0.01 ไมคอน  หรือ  1 ใน 10,000  ส่วนของเส้นผมมนุษย์  ซึ่งอนุภาคเล็กขนาดนี้สามารถดักพวกเชื้อแบคทีเรียที่ลอยมากับอากาศได้เลยทีเดียว  แต่แน่นอนว่า  เครื่องฟอกอากาศยิ่งใช้แผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูงมากก็ยิ่งกินไฟมาก  เพราะต้องใช้แรงดูดอากาศมากกว่าเครื่องที่ใช้แผ่นกรองทั่วไป  หลังจากผ่านแผ่นกรองอากาศและก็ต้องเข้าสู่ส่วนดักกลิ่น  ที่สามารถกรองกลิ่นต่างๆ  ด้วยแผ่นกรองคาร์บอนกัมมันต์  ที่มีพื้นที่ผิวในการกรองมากถึง  300 เท่าของสนามฟุตบอลในการดักจับกลิ่น  อัดอยู่ในพื้นที่ไม่กี่ตารางนิ้ว

        ต่อมา  ด้วยเทคโนโลยีที่สูงขึ้นและข้อจำกัดของเครื่องฟอกอากาศรุ่นเดิม  จึงมีผู้ผลิตคิดค้นเทคโนโลยี  โดยเพิ่มการปล่อยกระแสไฟฟ้านี้เป็นประจุบวก  เมื่อมาเจอกับฝุ่นละอองในอากาศที่เป็นประจุลบ  จะเกิดแรงดึงดูดให้ฝุ่นนั้นตกลงสู่พื้นเร็วขึ้น  รวมทั้งประจุไฟฟ้าอ่อนๆ  นั้นสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย  เชื้อโรคในอากาศบางชนิดได้  ซึ่งเราจะเห็นเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ในเครื่องปรับอากาศ  ที่ใส่ระบบกรองอากาศเหล่านี้ลงไปด้วย  อย่างไรก็ตาม  ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่บ้างว่า  การปล่อยประจุไฟฟ้าออกมาจะมีผลเสียต่อเซลล์เนื้อเยื่อของมนุษย์หรือไม่  เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยที่แน่ชัดออกมา

การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ดี

1. เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมี  2 ระบบในตัวเดียวกัน  คือ  มีทั้งความสามารถในการกรองฝุ่นชั้นอนุภาคใหญ่ๆ  ในชั้นแรก  และปล่อยประจุไฟฟ้าเพื่อดักฝุ่นในห้องให้ตกลงสู่พื้นอีกชั้นหนึ่งและควรกรองกลิ่นได้ในระดับหนึ่ง

2. มีแรงมากพอที่จะดูดอากาศโดยรอบ  เพื่อดักฝุ่นและปล่อยอากาศสะอาดออกมา  ด้วยแรงลมที่ไม่เบาจนเกินไปนัก
เครื่องฟอกอากาศ
ภาพตัวอย่างเครื่องฟอกอากาศ

3. สอบถามและหาข้อมูลของแผ่นกรองอากาศให้ดี  ว่าสามารถกรองอนุภาคได้ขนาดไหน  นอกจากนี้  ควรดูความยากง่ายในการทำความสะอาดและราคาแผ่นกรองใหม่  ในกรณีที่แผ่นกรองหมดอายุใช้งาน

4. หากเป็นเครื่องฟอกอากาศอย่างเดียว  ควรกินไฟไม่เกิน  20 – 50 วัตต์

5. มีเสียงรบกวนเวลาเครื่องทำงานน้อยที่สุด  เพราะส่วนมากเราจะใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเวลากลางคืนมากที่สุด

6.สุดท้ายแล้ว ควรจะมีการดูแลหลังการขายและการรับประกันสินค้าที่ดีด้วย เพราะเครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ต้องทำความสะอาดและดูแลรักษาเป็นประจำ ไม่เช่นนั้นแล้วเครื่องฟอกอากาศอาจจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคนานาชนิดได้

การใช้งานและดูแลเครื่องฟอกอากาศ

 เครื่องฟอกอากาศถือว่าเป็นอุปกรณ์ราคาแพงที่ต้องการการดูแลรักษาอยู่เสมอ  เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานตลอดเวลา

1. สำหรับเครื่องฟอกอากาศที่ใช้แผ่นกรองเพียงอย่างเดียงควรปิดห้องให้เครื่องทำงานก่อนสัก  1 – 2 ชั่วโมง  ให้อากาศในห้องดีขึ้นก่อนเข้าไป


2. เครื่องฟอกอากาศแบบปล่อยประจุไฟฟ้าในอากาศแม้ว่าราคาจะแพงกว่าเครื่องอื่น  แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศมากนัก  อีกทั้งการดูแลรักษายังง่ายกว่าแบบอื่น

3. ดูแลทำความสะอาดหรือเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศอย่างน้อยทุก  2 เดือน  โดยการล้างเป่า  ตากแดด  เพื่อฆ่าเชื้อโรค  หากเป็นกรองพิเศษที่ไม่สามารถล้างได้ด้วยน้ำควรทำความสะอาดตามคู่มือที่ระบุไว้ หรือติดต่อไปยังตัวแทนจำหน่าย

       แม้ว่าเครื่องฟอกอากาศจะดูไม่จำเป็นนักสำหรับชีวิตในปัจจุบัน  แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง  เราก็น่าจะได้สูดอากาศสะอาดๆ  ด้วยเครื่องฟอกอากาศเล็กๆ  เพื่อสุขภาพ  ก่อนที่จะออกไปใช้ชีวิตกลางเมือง  ที่มีแต่สิ่งบั่นทอนสุขภาพกายใจ  แต่ถ้าจะให้ดี  วันหยุดยาวนี้ก็น่าจะออกไปสูดอากาศต่างจังหวัด  จะดีกว่าเป็นไหนๆ  ครับ

ขอขอบคุณที่มา : หนังสือพิมพ์  โพสต์ทูเดย์




Create Date : 24 สิงหาคม 2555
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 10:17:03 น.
Counter : 2357 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tripleojo
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]