|
Which Star Are You From? (ตอนที่ ๔)
Create Date : 28 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 21 สิงหาคม 2555 0:06:15 น. |
Counter : 218 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Which Star Are You From? (ตอนที่ ๓)
Create Date : 27 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 27 เมษายน 2551 10:09:56 น. |
Counter : 166 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Which Star Are You From? (ตอนที่๒)
| | | | บทที่ ๒
ดลฤดี..........ดลฤดี............ดลฤดี..............เสียงเรียกชื่อเธอแว่วมาจากระยะทางอันแสนไกล ค่อย ๆ ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ดลฤดีที่อยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นรีบผวาลุกขึ้นด้วยความตกใจ อารามรีบร้อนทำให้ลุกพรวดพราด ร่างเล็กกลิ้งตกลงไปกองอยู่ข้างเตียง ตาเรียวเล็ก ค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้า ๆ เพ่งมองไปยังแสงเรืองรองที่ปรากฏตรงมุมห้องอีกด้านหนึ่ง และเมื่อแสงเรืองรองนั้นจางลง ร่าง ๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เมื่อเห็นร่างเจ้าของเสียงที่เรียกชื่อเธอชัดเจน ดลฤดีถึงกับอ้าปากค้างตกตะลึง
ท่านจันทร์เจ้าขา ดลฤดีเปล่งเสียงเรียกชื่อ แต่ก็มีแค่เสียงพึมพำผ่านริมฝีปากบางออกมาเพียงเบา ๆ เท่านั้น
ดลฤดี เจ้ามัวทำอะไรอยู่ เราบอกให้เจ้ารีบตามหาเศษเสี้ยวพระจันทร์ชายที่หายไป แล้วถามเรื่องรักแท้กับเค้า แต่นี่วันแล้ววันเล่า ผ่านมาปีกว่าแล้ว เจ้าไม่เคยรายงานอะไรเราเลย ว่า รักแท้คืออะไร วัน ๆ เจ้ามัวทำอะไร รึเพราะเจ้ามัวแต่นอนนี่เอง งานที่เราให้เจ้าทำเลยไปไม่ถึงไหน เสียงท่านจันทร์เจ้าขากล่าวตำหนิดลฤดีระคนด้วยความผิดหวัง
คือ.....ข้า....คือ.....ข้า...เอ่อ.... ดลฤดีตอบตะกุกตะกัก เพราะถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานมาก อย่างที่ท่านจันทร์เจ้าขาบอก แต่เธอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ารักแท้คืออะไร และไม่รู้จะไปหาคำตอบได้ที่ไหน มันมืดไปหมดทั้งแปดด้าน
เจ้าหาเศษเสี้ยวพระจันทร์ชาย ถึงไหนแล้ว เจ้าไปหายังที่ใดแล้วบ้างเสียงของท่านจันทร์เจ้าขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น เมื่อเหลือบไปเห็นแววตาสับสนของดลฤดี
ข้า....คือ..ข้าเข้าไปหาเศษเสี้ยวพระจันทร์ชาย หลายเวปเหมือนกันนะเจ้าค่ะ ข้า search หาคำว่า เศษเสี้ยวพระจันทร์ชายที่หายไป ในwww.google.com พอมันขึ้นลิงค์ต่าง ๆ ข้าก็เข้าไปโพส เรื่องของความรักในกระทู้ต่างๆ ฝากข้อความผ่านเวปเหล่านั้นเพื่อให้เศษเสี้ยวพระจันทร์ชายได้เห็นว่าเรากำลังตามหาเค้าอยู่ รวมทั้งเข้าไปพูดคุยกับพวกมนุษย์ผ่านโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น เจ้าค่ะ ดลฤดีตอบอย่างภาคภูมิใจในความฉลาด อวดเก่งให้ท่านจันทร์เจ้าขา เห็นถึงความคืบหน้าในภารกิจของเธอ
แล้วเจ้าหาเศษเสี้ยวพระจันทร์ชาย จากที่ใดอีกบ้าง นอกจากหาในสังคมไซเบอร์นี้
อ้าว....ทำไมท่านจันทร์เจ้าขา ถามข้าอย่างนั้นหล่ะเจ้าค่ะ.......ข้าสามารถหาเศษเสี้ยวพระจันทร์ชาย เพื่อถามไถ่เรื่องราวของรักแท้ได้จากที่อื่นนอกเหนือจากโลกไซเบอร์ได้อีกเหรอคะ
แววตาของท่านจันทร์เจ้าขา ทอประกายแสงอ่อนโยนไปยังดลฤดี
ดลฤดี ข้าต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถามเจ้า ทำไมเจ้าคิดว่าจะสามารถหาความหมายของรักแท้ได้จากโลกไซเบอร์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ก็.....ก็....ก่อนที่ข้าจะลงมาปฏิบัติภารกิจนี้ ท่านบอกข้าว่าให้ข้าเสพกลูโคสจากเสียง ตุ่ด ตุด ตู๊ด...... ตุ่ด ตุด ตู๊ด จากโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตขณะที่อยู่โลกมนุษย์แห่งนี้ ข้าก็เข้าใจว่า เราจะสามารถหาความหมายของรักแท้ได้จากโลกไซเบอร์
คำถามกลับของท่านจันทร์เจ้าขา สั่นคลอนความรู้สึกของดลฤดีอย่างรุนแรง นี่แสดงว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกว่า ๆ ในโลกมนุษย์ เธอแสวงหาความหมายของรักแท้ผิดทางหรอกเหรอเนี่ย แววตาของท่านจันทร์เจ้าขา มองไปยังดลฤดี ก็ให้สงสารจับจิต
เด็กหนอเด็ก นี่เจ้าไร้เดียงสาด้วยความบริสุทธิ์ หรือสมองกลวงเหมือนพวกมนุษย์หน้าโง่ทั้งหลายกันแน่ รึจะเป็นเพราะความผิดของข้าเอง ที่มอบภารกิจนี้ให้กับเจ้า เฮ้อ........เอาอย่างนี้แล้วกัน ดลฤดี ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ข้าจะให้เวลาเจ้าอีก 99 ราตรีในเวลาของโลกมนุษย์ ในการหาความหมายของรักแท้ เมื่อครบกำหนดเวลา ถ้าเจ้ายังหาความหมายของรักแท้ไม่เจออีก ข้าก็จนปัญญาที่จะช่วยอะไรเจ้าแล้ว และโอกาสของเจ้าในการได้เลื่อนขั้นเป็นดาวฤกษ์ก็คงจะริบหรี่เต็มที เอาหล่ะ ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปแล้ว ดูเหมือนท่านพระอาทิตย์จะขึ้นระขอบฟ้าแล้ว ข้าขอให้เจ้าโชคดี แสงเรืองรองเริ่มทอประกายออกจากตัวท่านจันทร์เจ้าขาอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ เลือนลับหายไปจากมุมห้อง
เวลานี้ดวงตาของดลฤดีแทบไม่เหลือวี่แววของความง่วงให้เห็นอยู่เลย เธอคิดแล้วคิดอีก...เฝ้าแต่คิด...นี่เราหาความหมายของรักแท้ผิดทางเหรอ เป็นไปได้ยังไง แล้วเราจะทำยังไงดี เรามีเวลาอีกแค่ 99 ราตรีนับต่อจากนี้
ในขณะที่ ดลฤดีคิดและก็คิด ปลายผมของดลฤดีค่อย ๆ ขาวขึ้น ๆ อีกครั้ง เพราะทุก ๆ ครั้งที่ดลฤดีใช้สมองในการขบคิดปัญหาเรื่องการแสวงหาความหมายของรักแท้ ร่างกายของเธอจะเผาผลาญกลูโคสที่ได้มาจากเสียง ตุ่ด ตุด ตู๊ด...... ตุ่ด ตุด ตู๊ด จากโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น และตอนนี้ เธอก็รู้สึกอ่อนเพลียเสียเหลือเกิน ทำให้เธอต้องหงายฝ่ามือขึ้นเพื่อดูระดับกลูโคสที่มีสแปร์ไว้ ตายหล่ะ....ที่ฝ่ามือของเธอ ระดับกลูโคสตกลงมาถึงขีดแดงแล้ว คงจะเป็นเพราะเมื่อตะกี๊ ที่เธอเผลอใช้พลังงานจากกลูโคสมากเกินไป..แล้วนี่.. เธอไม่ได้ออนเอ็มเอสเอ็น เพื่อเสพกลูโคสนานเท่าไหร่แล้วนะ เธอไม่ได้คุยกะเจ้าของกลูโคสรสแปลกกว่ามนุษย์คนอื่น ๆ คนนั้นนานเท่าไหร่แล้ว ไม่ได้การณ์หล่ะ เธอรีบลุกขึ้นไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ทันทีก่อนที่ระดับกลูโคสในร่างกายของเธอจะตกอยู่ในระดับอันตราย แล้วทำให้ผมของเธอกลายเป็นสีขาวโพลนเหมือนคนแก่ที่อยู่บนโลกมนุษย์
จวบจนถึงวันนี้ ที่เธอลงมาปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายในโลกมนุษย์ นับเวลาได้ปีกว่า ๆ ที่เธอเสพกลูโคสรสแปลกจากมนุษย์คนที่ใช้ชื่อว่า พระจันทร์ชาย เพื่อใช้ค้นหาความหมายของคำว่ารักแท้ นับเวลาถอยหลังกลับไป เมื่อเธอเริ่มรู้จักมนุษย์โลกคนนี้ เธอไปโพสหาเศษเสี้ยวของพระจันทร์ชายที่หายไป แต่สิ่งที่เธอได้กลับมา หาใช่สิ่งที่เธอต้องการหาไม่ สิ่งที่ได้กลับมา เป็นเพียงแค่มนุษย์ที่ใช้ชื่อในการออนเอ็มเอสเอ็นว่า พระจันทร์ชาย
แต่ถึงแม้เธอจะรู้ว่า เค้าหาใช่เศษเสี้ยวของพระจันทร์ชายชิ้นที่หายไปของเธอ เธอก็ยังชอบที่จะเสพกลูโคสรสแปลกที่ได้จากเสียง ตุ่ด ตุด ตู๊ด...... ตุ่ด ตุด ตู๊ด จากเค้าในการหล่อเลี้ยงชีวิตในโลกมนุษย์ ทำไม ท่านจันทร์เจ้าขา ถึงถามเราแปลก ๆ ว่า เราหาความหมายของรักแท้ จากที่ใดอีกบ้าง แสดงว่า ท่านจันทร์เจ้าขา พยายามจะบอกใบ้เราใช่ไหมว่า เราสามารถหาความหมายของรักแท้ได้จากที่อื่น ๆ ได้อีก นอกจากโลกไซเบอร์ที่เราใช้หล่อเลี้ยงชีวิต แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าเศษเสี้ยวของพระจันทร์ชายที่หายไป มาเกิดเป็นมนุษย์โลกคนใด เราจะรู้ได้ยังไงนะ
ราตรีที่ ๑ หลังจากท่านจันทร์เจ้าขา กลับทางช้างเผือกไปแล้ว ดลฤดีต้องบอกกับตัวเองว่า ไม่ได้การณ์แล้ว
ดลฤดีเอ๋ย เจ้าต้องจัดระบบการปฏิบัติภารกิจของเจ้าใหม่แล้ว ไม่งั้น ในระยะเวลา 99 ราตรีนี่ ถ้าขืนเจ้ายังใช้ชีวิตแบบเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ แบบนี้ต่อไป เจ้าไม่มีทางหาความหมายของรักแท้เจอแน่ ๆ และ เมื่อนั้นตำแหน่งดาวฤกษ์ดวงใหม่ก็จะหลุดลอยผ่านมือเจ้าไป....เจ้าจำคำที่พระอาทิตย์สอนในห้องเรียนไม่ได้รึไง จริงสิ....เราลืมไป ท่านพระอาทิตย์ ก็คือ ต้นแบบดาวฤกษ์ของเรานี่นา เราลืมได้ไงนะ
บทเรียนเรื่องกำเนิดดาวฤกษ์..... ท่านสอนไว้ว่า
ในเอกภพมีการก่อกำเนิดดาวฤกษ์ใหม่ๆอยู่มากมาย ตัวอย่างที่เห็นคือ ในเนบิวลา M42 (ORION NUBULA) พวกนักดาราศาสตร์ได้สังเกตเห็นการเริ่มก่อกำเนิดของกำเนิดดาวฤกษ์ดวงใหม่ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาหลายล้านปี
M42 มีขนาดใหญ่กว่าระบบสุริยะหลายพันเท่า การกำเนิดดาวฤกษ์ในเนบิวล่า จะไม่ก่อให้กำเนิดดาวเพียงดวงเดียว แต่จะเกิดเป็นกลุ่มหรือ กระจุกดาวฤกษ์ คราวละหลายพันดวง
สำหรับดาวฤกษ์รุ่นแรกที่เรียกว่า Primary star จะเกิดมาจากอะตอมของไฮโดรเจนล้วนๆ ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมๆกับการเกิดเอกภพ เราจะตรวจสอบได้จากเครื่องสเปคโตรสโคป ซึ่งในสเปคตรัมจะมีแถบสเปคตรัมดูดกลืนน้อย จะมีแต่ของอะตอมไฮโดรเจนและฮีเลียม เท่านั้น ต่อเมื่อดาวฤกษ์มีอายุมากขึ้น ก็จะมีแถบสเปคตรัมดูดกลืน ของอะตอมธาตุหนักอื่นๆอีกมากขึ้น
เมื่อ Primary star แตกดับ ตามวงจรชีวิตของดาวฤกษ์ ก็จะมีธาตุหนักๆเกิดขึ้นมาด้วย เช่น คาร์บอน ออกซิเจน ซิลิกอน เหล็ก กำมะถัน แพทตินัม และทองคำ พัดกระจายอยู่ในอวกาศ และเมื่อรวมตัวกันเป็นเนบิวล่า และพร้อมที่จะ ให้กำเนิดดาวฤกษ์รุ่นที่สองต่อไป
Secondary Star ซึ่งเป็นดาวฤกษ์รุ่นที่สองนี้จะมีธาตุหนักปนอยู่ด้วย และในดาวฤกษ์แต่ละดวงก็จะก่อกำเนิดระบบสุริยะที่มีบริวารของตัวเองพร้อมๆกันไปด้วยเลย (1)
ที่มา อ้างอิงจาก //www.darasart.com ว่าด้วยเรื่องกำเนิดดาวฤกษ์
ถ้าเราพลาด....อีกล้านปีเชียวนะ ..... ดลฤดี ....เจ้าจะมาทำเป็นเรื่องเล่น ๆ ต่อไปไม่ได้อีกแล้วนะ ....ดลฤดี เจ้าจะต้องทำอะไรสักอย่าง....
ในเมื่อตอนนี้ เราอยู่บนโลกมนุษย์ เราก็น่าจะลองใช้วิธีการของพวกมนุษย์ดู มันก็น่าจะดีเหมือนกันนะ
เออ...จริงสิ....เราเคยได้ยินเจ้าพวกมนุษย์โลกคุยกันว่า ก่อนที่จะเริ่มดำเนินกิจการใด ๆ ก็แล้วแต่ ท้องจะต้องอิ่มก่อน ใช่ ๆ เจ้าพวกมนุษย์เรียกว่า กองทัพเดินได้ด้วยท้อง เพราะเจ้าพวกมนุษย์ต้องกินอาหารเพื่อสะสมพลังงาน เหมือน ๆ กับเราก็เสพกลูโคสจากเสียง ตุ่ด ตุด ตู๊ด...... ตุ่ด ตุด ตู๊ด ของโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นเพื่อใช้เป็นพลังงานงานหล่อเลี้ยงชีวิตเช่นกัน
ถ้างั้น เราต้องเริ่มสแปร์กลูโคสไว้เยอะ ๆ เพื่อเราจะได้มีพลังงานเพียงพอที่จะทำภารกิจ
เอ....แล้วแหล่งพลังงานของกลูโคส มันมีอยู่ที่ไหนบ้างนะ เอาไว้เราไปถามเจ้ามนุษย์โลกที่ใช้ชื่อว่า พระจันทร์ชาย ดูดีกว่า เพราะดูเหมือนเจ้ามนุษย์โลกคนนี้ จะเชี่ยวชาญเรื่องของพลังงานกลูโคสมากกว่ามนุษย์โลกคนอื่น ๆ
ยัยแม่มด: นี่ ๆ คุณมนุษย์โลก คุณยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ
พระจันทร์ชาย: คุยได้ครับ มีอะไรเหรอ
ยัยแม่มด: ฉันจะสามารถคุยกะมนุษย์คนอื่น ๆ เหมือน ๆ กับที่ฉันคุยกับคุณได้ยังไงคะ คือ ฉันหมายถึงว่า ฉันจะทำยังไงถึงจะได้คุยกะคนอื่น ๆ
เค้าขมวดคิ้วย่นเข้าหากันในทันที ดูซิ...คุณดูซิ...คุณดูผู้หญิงคนนี้ใช้ภาษาคุยกับผม ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม หรืออะไร ทำให้ผมสนใจในเรื่องเธอ จนเสนอตัวไปอวดดีเจ้ากี้เจ้าการ ไปสมัครเมลล์ให้เธอ แล้วก็ให้เธอมาพิมพ์ประโยคต่อปากต่อคำกับผม จริง ๆ นะ ...ผมบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเธอคืออะไร ผมรู้แต่ว่า ผมชอบคุยกับเธอ ในความคิดของผม เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมาก (ส่วนเธอจะหน้าแปลกไปด้วยหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมไม่ทราบครับ อิ อิ) ทุก ๆ วัน ที่เสียง ตุ่ด ตุด ตู๊ด...... ตุ่ด ตุด ตู๊ด จากโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นนี้ดังขึ้น ผมต้องแอบยิ้มกับตัวเองเสมอครับ....วันนี้ยัยบ๊องนี่จะมาคุยเรื่องอะไรให้ผมอ่านแล้วหัวเราะอีกนะ
พระจันทร์ชาย : ทำไมครับ คุณคุยกับผมคนเดียวนี่ ไม่พอเหรอครับ (ให้ตายสิ...ผมแทบอยากจะตัดนิ้วตัวเองทิ้ง ที่ผมเผลอไปพิมพ์แขวะเธอ ก็นะ...มันเสียฟอร์มผู้ชายเสน่ห์แรงอย่างผมอ่ะ ไม่รู้สิครับ ผมก็เป็นเด็กหวงของเหมือนกันนะครับ)
ยัยแม่มด: ไม่พอค่ะ ฉันจำเป็นต้องสแปร์กลูโคส ไว้เยอะ ๆ ค่ะ
พระจันทร์ชาย: อะไรของคุณ สแปร์กลูโคส พิมพ์อะไรมาแต่ละอย่าง ไม่เห็นจะรู้เรื่อง
ยัยแม่มด: เหอะน่า แค่บอกว่าจะคุยกับคนอื่นได้ยังไงก็พอ ไม่ต้องรู้หรอกว่า สแปร์กลูโคสคืออะไร
พระจันทร์ชาย : ไม่.....คุณบอกเหตุผลมาก่อน ว่าจะไปคุยกับคนอื่น ๆ ทำไม
ยัยแม่มด: .....................................
พระจันทร์ชาย: บอกมาสิ
ยัยแม่มด:.....................................
พระจันทร์ชาย: ว่าไงหล่ะ เงียบทำไม
ยัยแม่มด:....................................
พระจันทร์ชาย: ก็ตามใจ ไม่บอกเหตุผลก็ตามใจ ผมมีงานที่ต้องทำ ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับคุณ วันนี้แค่นี้นะ บาย
ยัยแม่มด: อือ คุณไม่บอกว่าฉันจะคุยกับคนอื่น ๆ ได้ไง ก็ไม่ต้องบอก
พระจันทร์ชาย: ทั้งปี ทำไม คุณงอนผมเหรอ
ยัยแม่มด: เปล่า
พระจันทร์ชาย: ก็ได้........ก็ได้......ผมบอกก็ได้
ยัยแม่มด: อิ อิ
ผมไม่เข้าใจ ทำไมผมจะต้องยอมยัยบ๊องนี่ทุกครั้ง เธอชอบทำผมหงุดหงิด
พระจันทร์ชาย: อ่านนะ แล้วก็ทำตาม ก่อนอื่นคุณต้องไปเข้าโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นก่อน แล้วก็ add email-address ของเพื่อนคุณเข้าไป แล้วก็ทำตามที่โปรแกรมบอก อ่านเอา ว่าเค้าให้ทำอะไรบ้าง รู้จักคิดเองบ้าง ไม่ใช่เอะอะ อะไรก็ถาม ไม่มีใครเค้าป้อนเข้าปากคุณได้ตลอดเวลาหรอกนะ คุณจะต้องรู้จักหยิบมันเข้าปากกินเองมั่ง ไม่ใช่ให้แต่คนอื่นทำให้
ยัยแม่มด: อือ ขอบคุณค่ะ คุณมีอะไรจะทำก็ทำไปเถอะค่ะ ฉันจะลองทำตามที่คุณบอกก่อนนะค่ะ บายค่ะ
อะไรกัน ยัยบ๊องนี่ เห็นผมเป็นอะไร มาถาม ๆ แล้วก็ไป ช่างหัวเธอแล้วกันจะไปคุยอะไรกับใคร ก็ช่างหัวของเธอแล้วกัน มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมมีอะไรต้องให้คิดมากกว่านั้น ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ร่างของดลฤดี นอนหลับตาพริ้มที่เตียง ก่อนที่จะกระพริบตาขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อรับรู้ถึงเสียงคุยกันอยู่ใกล้ ๆ ตัวเธอ ตอนนี้ เธอไม่ได้อยู่ที่ห้องเพียงลำพังแล้วซิ......เสียงใครนะ ดลฤดี พยายามจะขยับตัวลุกขึ้น แต่......นี่มันเกิดอะไรขึ้น..... เธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะขยับแขนขา ทำไมร่างกายของเธอถึงไม่มีเรี่ยวแรงเลย ทำไมหล่ะ.......ทำไมถึงเป็นอย่างนี้....เธอพยายามทบทวนความทรงจำ......
เมื่อคืน ก่อนที่เธอจะผล็อยหลับไป....เธอจำได้ว่าเธอเข้าโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น เพื่อสแปร์กลูโคสและก่อนเข้านอนเธอก็ดูแล้วนี่หน่า...ว่าระดับกลูโคสที่ได้ มีเพียงพอที่จะปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ แล้วนี่ทำไม....ทำไมร่างกายเธอเป็นแบบนี้ เธอพยายามเพ่งมองกลุ่มแสงเรืองรองที่อยู่กลางห้อง กลุ่มแสงเรืองรองที่เป็นต้นกำเนิดของเสียงที่คุยกัน เธอพบว่ามันเป็นกลุ่มแสงเล็ก ๆ สามดวงที่มีความสว่างลดหลั่นกันไป จากนั้นสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลง
ท่านแม่ ท่านแม่ ดลฤดี เป็นอะไรไปหรือเจ้าค่ะ บราซ่าส์ ถามผู้เป็นแม่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก
แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะลูกรัก ท่านบี-แอล-เล็ก-เซอร์-ต้า- ออบเจ็ค กล่าวตอบผู้เป็นลูก เพราะนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ดลฤดีเป็นอะไร
ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยดลฤดีนะเจ้าค่ะ ดลฤดีเป็นเพื่อนคนเดียวที่ลูกมี อย่าปล่อยให้ดลฤดีเป็นอะไรไปนะเจ้าค่ะ บราซ่าส์ หันไปอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากท่านควอ-ซ่าร์ ผู้เป็นพ่อ
ท่านควอ-ซ่าร์ หันไปสบตากับบี-แอล-เล็ก-เซอร์-ต้า- ออบเจ็ค ผู้เป็นภรรยาอันเป็นที่รัก โดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด ๆ แม้กระนั้นก็ตาม นางก็เข้าใจว่า อาการของดลฤดีสาหัสเกินกว่าที่พวกเค้าจะช่วยเหลือหรือเยียวยาได้
บี-แอล-เล็ก-เซอร์-ต้า- ออบเจ็ค หันไปมองร่างดลฤดีที่เสมือนกับมนุษย์โลกที่กำลังหลับใหลทั่ว ๆ ไ ป นางมองดลฤดีด้วยความสงสารยิ่งนัก มองเผิน ๆ แทบดูไม่ออกเลยว่า ดลฤดีอยู่ในอาการสาหัสใกล้แตกดับเต็มที จะมีก็แต่เพียงแสง Aurora (ออ-โร-ร่า) ที่กำลังแผ่ออกจากตัวของดลฤดีเท่านั้น ที่บอกให้รู้ว่าดลฤดีกำลังแย่
ท่านพี่ เราพานางกลับไปที่กาแล๊กซี่ทางช้างเผือกดีไหมคะ เพราะถ้าขืนเราปล่อยนางไว้ ณ ที่โลกมนุษย์เช่นนี้ อาการของนางต้องแย่ แน่ ๆ เลย บี-แอล-เล็ก-เซอร์-ต้า- ออบเจ็ค บอกท่านควอ-ซ่าร์ ผู้เป็นสามี
ก็ดีเหมือนกัน ท่านควอ-ซ่าร์คล้อยตาม เพราะเค้าก็จนปัญญาที่จะคิดหาวิธีช่วยนางจริง ๆ เพราะไม่รู้ว่านางเป็นอะไร
จากนั้น ร่างทั้งสามได้ยืนโอบล้อมเตียงที่ดลฤดีกำลังนอนหลับใหลอยู่ พร้อม ๆ กับปล่อยแสงเรืองรองรอบ ๆ ตัวดลฤดี ฉับพลัน เมื่อแสงเรืองรองนั้นจางหายไป ร่างของดลฤดีก็ไม่ได้อยู่ ณ โลกมนุษย์แล้ว
ณ กาแล๊กซี่ทางช้างเผือก
กลุ่มดาวน้อยใหญ่ต่างรุมล้อมเฝ้ามองดูร่างของดลฤดีที่ยังคงหลับใหล ดูปรากฏการณ์แสงออ-โร-ร่า ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง มีเสียงคำถามอื้ออึงดังเซ็งแซ่ท่ามกลางหมู่ดวงดาว ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับดลฤดี มันคืออะไร และเกิดขึ้นจากอะไร เพราะไม่เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ในกาแล๊กซี่ทางช้างเผือกมาก่อน และแล้ว....เสียงคำถามต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เงียบลง...... เงียบลง...... จนในที่สุด.....เหลือแต่ความเงียบสงัด.... เมื่อร่างของพระอาทิตย์ได้ปรากฏกายขึ้นตรงหน้ากลุ่มดวงดาว
ช่วยดลฤดีด้วยนะเจ้าค่ะ ท่านพระอาทิตย์ เสียงของบราซ่าร์ดังแทรกขึ้นท่ามกลางหมู่ดวงดาว
พระอาทิตย์มองไปยังร่างของดลฤดี ที่นอนหลับใหลลอยอยู่เหนือหมู่ดวงดาว นางยังคงหลับตาพริ้ม โดยที่หาได้รู้ไม่ว่า บัดนี้ร่างของนางมีอาการคล้ายกับอาการของดวงดาวที่ใกล้แตกดับเต็มที
เราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะช่วยนางได้อย่างไร เพราะอาการอย่างนี้ ไม่น่าจะเกิดกับดวงดาวที่มีอายุน้อยเพียงแค่ 1974 ปีเช่นนาง เราไม่อาจรู้ได้เลยว่านางเป็นอะไร แต่เราก็จะพยายามช่วยเหลือนางเต็มกำลังความสามารถของเรา พระอาทิตย์บอกกับบราซ่าร์ และก็บอกกับตัวเองไปด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่ยากมาก จากนั้นพระอาทิตย์ก็ส่องแสงมายังโลกมนุษย์ เพื่อถอยเวลากลับไปดูว่า ก่อนที่ดลฤดีจะมีอาการเยี่ยงนี้สาเหตุเกิดจากอะไร โอ...ทันใดนั้นเอง.......ท่านก็ทราบสาเหตุของอาการที่ดลฤดีกำลังเป็นอยู่
นางถูกพิษ ท่านพระอาทิตย์บอกกับเหล่าดวงดาว
ถูกพิษ....นางถูกพิษอะไรเจ้าค่ะ
นางถูกพิษจากพลังงานกลูโคสที่นางเสพเข้าไป
ท่านหมายความว่า นางจะตายเพราะกินหรือเจ้าค่ะ เสียงหนึ่งถามแทรกกลางขึ้นมาจากหมู่ดวงดาว
อืมมมม เจ้าจะกล่าวอย่างนั้นก็ได้นะ แต่เจ้าไม่คิดว่า มันจะไม่การใจร้ายกับดลฤดีไปหน่อยรึ ที่เจ้ากล่าววาจาเยี่ยงนั้นออกมา ตายเพราะกิน ข้าว่า.....เจ้าเก็บประโยคนี้เอาไว้ไปใช้กับพวกมนุษย์โลกที่ไร้อารยธรรมพวกนั้นเถอะ อย่าได้เอามาใช้กับดลฤดีเลย เพราะดลฤดีสะอาดและบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกมนุษย์โลกได้
เอาหล่ะ พวกเจ้าทุก ๆ ดวงกลับไปทำหน้าที่ส่องสว่างให้กับพวกมนุษย์โลกได้แล้ว ปล่อยดลฤดีไว้อย่างนี้แหล่ะ นางจะยังคงไม่แตกดับไปในตอนนี้หรอก
ข้าขออยู่เป็นเพื่อนนางได้ไหมเจ้าค่ะ บราซ่าร์ถาม
ก็ตามใจเจ้า แต่เดี๋ยวเราจะเข้าไปพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ว่าจะทำอย่างไรกับนางดี ตอนนี้เราขอตัวไปคิดหาวิธีช่วยนางก่อนแล้วกัน ท่านพระอาทิตย์กล่าว ก่อนที่จะกลับเข้าไปพัก
ณ ดินแดนโลกมนุษย์ ทรงกลด ไม่เข้าใจว่า ทำไม ไม่ว่า เค้าจะทำอะไรก็ดูผิดพลาดไปซะหมด หงุดหงิดไปซะทุกเรื่อง เค้าไม่มีสมาธิเอาเสียเลย นี่เค้าเป็นอะไรไปนะ ทำไมเค้าต้องเฝ้าคิดถึงยัยแม่มดนั่นด้วย นี่มันกี่วันแล้ว....ที่ยัยแม่มดหายไป เค้าเฝ้ารอ และก็รอ เธอหายไปไหนของเธอนะ รึเธอจะโกรธเค้า รึเธอจะได้เพื่อนใหม่ รึเธอจะไม่สบาย...หลาย ๆ คำถามผุดขึ้นมาในห้วงสำนึกของชายหนุ่ม.....แต่อีกสำนึกหนึ่งก็ดังคัดค้านขึ้นมา.....ช่างหัวเธอสิ ไปใส่ใจอะไรกับคนพรรค์นั้น มีแต่ทำให้หงุดหงิด เขียนอะไรมาแต่ละอย่างไม่เห็นเข้าท่า....หาเสน่ห์ในตัวเองก็ไม่เจอ.......ผู้หญิงอะไรไม่มีเสน่ห์สักนิด......ช่างหัวเธอ.......จะไปตายที่ไหนก็ช่าง ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเราซักหน่อย จะไปโดนใครในเอ็มเอสเอ็นหลอกก็ช่าง ในเมื่ออวดดีว่าเก่งนักเก่งหนา ฉลาดนัก ฉลาดหนา ก็ให้เจอดีซะบ้าง
ถึงแม้เค้าจะเฝ้าบอกกับตัวเองว่า การที่เธอจะหายไป จะเป็นจะตาย มันก็ไม่ใช่ธุระของเค้า แต่ในใจลึก ๆแล้ว เค้าก็อดที่เป็นห่วงเธอไม่ได้ ยัยแม่มด เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พร้อม ๆ กับเผลอยิ้มที่มุมปาก ดูชื่อที่เธอตั้งสิ เธอช่างตั้งชื่อในการออนเอ็มเอสเอ็นได้เหมาะกับตัวเธอจริง ๆ นี่เธอกำลังเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำอะไรกับเค้าใช่ไหม ทำให้เค้ากระวนกระวายใจด้วยความคิดถึงเธอ
| | | | |
Create Date : 24 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 24 เมษายน 2551 12:35:23 น. |
Counter : 175 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Which Star Are You From?(ตอนที่๑)
| | | | บทที่ ๑ Which star are you from?
นานมาแล้ว.. สมัยที่โลกยังมีพระจันทร์ 2 ดวง ซึ่งดวงหนึ่งเป็นหญิง และอีกดวงเป็นชาย พระจันทร์สองดวงนี้ รักกันมาก และไม่เคยแยกห่างจากกัน ทุก ๆ คืน เมื่อมองไปบนท้องฟ้า ยามนั้นจะได้เห็นพระจันทร์ทั้งคู่ อยู่เคียงข้างกันเสมอ
กระทั่งวันหนึ่ง.. เมื่อพระจันทร์เพศหญิงได้พบกับดวงอาทิตย์ เธอรู้สึกหลงใหลในแสงเจิดจ้านั้น และค่อยๆ เคลื่อนตัวติดตามดวงอาทิตย์ไปทีละน้อย ค่อยแยกห่างจากพระจันทร์คู่รัก จนไม่ได้อยู่เคียงข้างกันอีกต่อไป เมื่อค่ำคืนมาถึง.. จึงปรากฏพระจันทร์เพศชายให้เห็นเพียงลำพัง
นับจากนั้น พระจันทร์เพศชายก็เฝ้าตามหาพระจันทร์คู่รักไปทุกหนแห่ง ทว่า.. คืนแล้วคืนเล่า พระจันทร์หนุ่ม ก็ไม่อาจหาพระจันทร์หญิงพบได้ ด้วยความคิดถึงและอยากพบสุดหัวใจ จนไม่อาจรอคอยได้อีกต่อไป พระจันทร์ชายจึงคิดว่า "หากเรามัวแต่ตามหาอยู่อย่างนี้คงไม่ได้พบเจอกันแน่"
ดังนั้น.. พระจันทร์ชายจึงตัดสินใจระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพื่อจะได้กระจายไปทั่วทั้งจักรวาล และสามารถให้ทุกชิ้นส่วนทุกอณูของตนออกติดตามหาพระจันทร์คู่รัก
ฝ่ายพระจันทร์หญิงนั้น ยิ่งนานวันก็ยิ่งได้เรียนรู้และเข้าใจว่า แม้ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้าสวยงามเพียงใด อาทิตย์ดวงนั้นก็มิได้ส่องแสงเจิดจ้าเพื่อตนเพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่ยังส่องแสงไปยังสิ่งมีชีวิตและดาวดวงอื่น ๆ อีกมากมาย พระจันทร์หญิงจึงกลับมาหาพระจันทร์ผู้ชายอีกครั้ง แต่.. ไม่ว่าจะค้นหาเท่าไรก็มิอาจพบคู่รักดวงจันทร์นั้นได้
กระทั่งได้รู้ว่า พระจันทร์ชายยอมระเบิดตัวเองเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ เพื่อตามหาตน พระจันทร์หญิงจึงรู้ว่า คงไม่มีโอกาสได้พบเจอพระจันทร์คู่รักอีกต่อไป จึงได้แต่โศกเศร้าเสียใจเพียงลำพัง แต่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ ที่พระจันทร์ชายมีต่อพระจันทร์หญิง... ทุกค่ำคืนจึงพยายามเปล่งประกายแสงที่ยังหลงเหลือเพียงน้อยนิด จากแต่ละเศษเสี้ยวของตน หวังส่งให้ถึงพระจันทร์ซึ่งเป็นที่รัก เกิดเป็นแสงพร่างพรายเต็มท้องฟ้า เคียงข้างดวงจันทร์ จนเกิดเป็นพระจันทร์เคียงคู่กับดวงดาวระยิบระยับให้เราเห็นจนถึงทุกวันนี้
ทว่า.. ความแตกต่างระหว่างพระจันทร์กับดวงดาวก็ทำให้ทั้งคู่มิอาจเคียงข้างกันเสมอไปได้เฉกเช่นเดิม จะเห็นได้ว่า ค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงจรัสแสงเจิดจ้า คืนนั้น.. ท้องฟ้ามักไร้ประกายแสงแห่งดวงดาว แต่ในค่ำคืนซึ่งมีเมฆบดบังแสงจากพระจันทร์ไปหมดสิ้น ค่ำคืนนั้นต่างหาก จึงปรากฏลำแสงน้อยๆ จากดวงดาวทอเต็มท้องฟ้า ***************************************************
ร่างที่นอนยาวเหยียดพับหนังสือนิทานดาวเก็บ พร้อมกับลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจอย่างช้า ๆ แล้วขมวดคิ้วครุ่นคิด มีเครื่องหมายคำถามเล็ก ๆ ผุดขึ้นในหัว ความรัก เหรอ มันจะมีจริง ๆ รึ คนที่รักคนอื่นมากกว่าตัวเองถึงขนาดยอมเสียสละตัวเองขนาดนั้น เอ... แล้วถ้าฉันมีความรัก ฉันจะทำได้แบบพระจันทร์ชายไหม เฮ้อ...ปวดหมอง ก่อนที่หัวของฉัน นางสาวดลฤดี จะบวมปูดไปด้วยคำถามเรื่องความรักของมนุษย์โลก สติฉันก็พลันตื่นจากภวังค์ เพราะเจ้าเสียง ตุ่ด ตุด ตู๊ด...... ตุ่ด ตุด ตู๊ด (ซึ่ง ณ บัดนี้ เสียงนี้มันกลายเป็นเสียงที่ดังกระทบโสตประสาทฉันเข้าไปอย่างจัง แล้วบังคับให้สมองส่วนข้างและส่วนกลางของฉันที่ทำหน้าที่ในส่วนความจำทำงานอย่างหนัก จนมันโหลดเพราะทำไม่ไหว ต้องส่งต่องานไปยังสมองส่วน ฮิปโปแคมปัส เริ่มทำการบันทึกว่า เสียงทักจากโปแกรมเอ็มเอสเอ็นอ่ะนะ ต่อไปมันจะกลายเป็นเสียงที่ฉันต้องเสพแทนกลูโคสเพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์สมอง เพื่อจะกลายร่างเป็นมนุษย์โลกอย่างสมบูรณ์)
พระจันทร์ชาย: สวัสดีครับ ยัยแม่มด: สวัสดีค่ะ พระจันทร์ชาย: ทำอะไรอยู่ครับ ยัยแม่มด: ..........................
ขอฉันคิดก่อนนะ ฉันจะตอบพระจันทร์ชาย ว่าฉันทำอะไรดี โอย....... ทำไงดี ดลฤดีเอ๋ย ถ้าเค้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์โลกหล่ะ แต่เจ้าคือ สะเก็ดดาวเล็ก ๆ ที่ถูกส่งมายังโลกในร่างมนุษย์ เพื่อทำหน้าที่เป็นสปายค้นหาว่าเศษเสี้ยวของพระจันทร์ชายที่ระเบิดตัวเองอีกชิ้นหายไปไหน และหากเจ้าเจอกับเศษเสี้ยวของพระจันทร์ชายแล้ว ให้เจ้าถามเค้าว่า รักแท้ มีจริงหรือเปล่า ตราบใดที่เจ้าหาเศษเสี้ยวของพระจันทร์นั้นไม่เจอและเจ้ายังไม่ได้รับคำตอบ เจ้าจะกลับมายังทางช้างเผือกแห่งนี้ไม่ได้ และหากเมื่อใดที่ภารกิจนี้ถูกเปิดเผย หรือมีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นอากาศธาตุในทันที ชีวิตของเจ้าในโลกมนุษย์จะถูกหล่อเลี้ยงด้วยเสียง ตุ่ด ตุด ตู๊ด...... ตุ่ด ตุด ตู๊ด จากโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นเท่านั้น............ บ้า ๆๆๆๆๆๆๆ นี่มันภารกิจบ้าบอชัด ๆ มันอะไรกันเนี่ย จะให้ฉันตอบเค้าว่าไง จะให้ฉันตอบเค้าว่า ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ ฉันแค่รอเสพกลูโคสจากคุณต่างหากหล่ะ รอเสพกลูโคสจากเสียงตุ่ด ตุด ตู๊ด...... ตุ่ด ตุด ตู๊ด นั่น เพื่อที่จะทำให้ฉันมีพละกำลังเพียงพอที่จะยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้ในการทำภารกิจบ้า ๆ นั่น หลาย ๆ คำถามผุดขึ้นในหัว ดลฤดีเอ๋ย เค้าจะยอมเป็นเพื่อนกับเจ้ารึเปล่า ถ้าเค้ารับรู้ความจริง ปลายผมของดลฤดี เริ่มเปลี่ยนสี กลายเป็นสีขาวอย่างช้า ๆ ไม่นะ ม่ายยยยย น่าเกลียดชะมัด ดูสิ ผมฉันเริ่มสีขาวเหมือนคนแก่อีกแล้ว ม่ายยยยยย สีผมของดลฤดีเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวจากปลายผมขึ้นมาอย่างช้า ๆ เหตุเพราะร่างกายของดลฤดีใช้กลูโคสเพื่อใช้ในการคิด และก็คิดมากเกินไป โอย....ฉันคิดมากอีกแล้ว..หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุดคิดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้หยุด ไอ้ความคิดบ้า....นับวันเจ้าจะเหมือนมนุษย์โลกเข้าไปทุกทีแล้ว พระจันทร์ชาย: ยุ่งอยู่เหรอครับ ค่อยคุยกันวันหลังก็ได้นะ ยัยแม่มด: เปล่าค่ะ มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยค่ะ พระจันทร์ชาย: คิดมาก เดี๋ยวแก่เร็วน๊า ยัยแม่มด: หุหุ แก่พอกันแหล่ะจ้า (โฮ๊ะ โฮ๊ะ โฮ๊ะ เค้าจะรู้ไหมนะ ตอนนี้ฉันมีอายุ 1974 ปี ดลฤดีแอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย)
ฉันเบื่อภารกิจบ้าบอนี่ เมื่อไหร่ฉันจะเจอพระจันทร์ชายสักที เอ...หรือว่าจะเป็นคน ๆ นี้ ที่เป็นเศษเสี้ยวของพระจันทร์ชายที่หายไปลองถามเค้าดูดีกว่า
ยัยแม่มด: รักแท้ มีจริงรึเปล่า พระจันทร์ชาย: อ้าว ทำไมจู่ ๆ คุณถามคำถามนี้หล่ะครับ
เค้าอึ้งกับคำถามของเธอ เค้าจะบอกเธอยังไงดี วันนี้ ยัยแม่มดมาแปลก จู่ ๆ มาตั้งคำถามนี้กับเค้า จะให้เค้าตอบยังไง ในเมื่อเค้าหมดศรัทธาในเรื่องรักแท้ไปตั้งนานแล้ว ถ้าเธอรู้ว่าเค้าไม่เชื่อเรื่องรักแท้ อีกแล้ว เธอจะยังคุยกับเค้าไหม เธอจะคิดว่าเค้าเป็นคนใจร้ายรึเปล่านะ
ยัยแม่มด: ไม่มีอะไรค่ะ แค่ถามเฉยๆ พระจันทร์ชาย: ไม่มีอะไรก็ดีแล้วครับ วันนี้ผมเหนื่อยจัง ยัยแม่มด: มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ เล่าให้ฉันฟังได้นะคะ
หลายอย่างพรั่งพรูออกมาจากปลายนิ้วเรียวงามของชายหนุ่ม กระหน่ำรัวพิมพ์ผ่านตัวอักษรบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เพื่อส่งผ่านข้อความมาถึงยังดลฤดี ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของความฝันในโลกไซเบอร์อันแสนสับสนวุ่นวาย..........
| | | | |
Create Date : 24 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 24 เมษายน 2551 12:15:40 น. |
Counter : 154 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|