All Blog
ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่


By Lady Manager

เมื่อเอ่ยถึงคำว่า Dress Code ตัวอักษรเล็กๆ ที่มักถูกระบุไว้บนบัตรเชิญปาร์ตี้งานเลี้ยงต่างๆ หรือพ่วงท้ายแถวๆ บริเวณข้อปฏิบัติหน้าห้องอาหารหรูต่างๆ เป็นต้องผุดขึ้นมาในหัวของนักออกงานสังคมทั้งหลายเป็นแน่แท้

ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
ในอดีตเรื่องนี้อาจไม่คุ้นกันนัก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงระดับหรู งานสังคมไฮโซ หรืออีเว้นท์ ที่กำลังมาแรง มักนิยมระบุ Dress Code หรือการกำหนดลักษณะการแต่งตัวสำหรับงานนั้น เอาไว้แทบทั้งนั้น

ลำพังระบุชัดว่า National Dress, Sexy Dress, Colorful Dress ฯลฯ ยังไม่ยากแก่การเข้าใจ เพื่อมารังสรรค์การแต่งตัวเท่าไรนัก ทว่าบางการ์ดบางงานนี่สิเล่นระบุศัพท์ไกลความคุ้ยเคยซะเหลือเกินอย่างBusiness Casual, Smart Casual, Black Tie เป็นต้น เฮ้อ! ศัพท์เฉพาะเหล่านี้หมายความครอบคลุมการแต่งตัวอย่างไร

ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
คุณประณม ถาวรเวช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส (John Robert Powers) จะมาเป็นผู้ถอดรหัสแปลความหมาย Dress Code รูปแบบต่างๆ กันแบบถึงแก่น

“Dress Code คือ ตัวกำหนดในการแต่งตัวให้กับเรา มันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันมีการแต่งตัวที่หลากหลายมากขึ้น มีแฟชั่นต่างๆ เข้ามา ดังนั้นการแต่งกายจึงต้องมีมาตรฐานกลาง ที่เป็นตัวกำหนดให้คนเราแต่งตัวแล้วไม่หลุดไปจากสถานการณ์นั้น”

ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาบุคลิกภาพเกริ่นนำถึงความหมาย และความสำคัญของ Dress Code ที่แค่หลับตาจินตนาการก็คงนึกออก ว่าเวลาไปงานไหนแล้วเราแต่งตัวออกมาดูแปลกแหวกแนวจากคนอื่นน่ะ มันน่าเขินอายเพียงใด ดังนั้นงานต่างๆ ในปัจจุบันจึงอำนวยความสะดวก ด้วยการระบุ Dress Code หรือกฎเกณฑ์ในการแต่งกายเอาไว้ เพื่อเป็นแนวทางให้แขกเหรื่อแต่งตัวมาร่วมงานได้อย่างไม่หลุดคอนเซ็ปต์ (concept)

“ปัจจุบันเราพบ Dress Code ได้บ่อยที่สุดในบัตรเชิญ ซึ่งจะระบุว่าเชิญไปปาร์ตี้ที่ไหน วันที่เท่าไหร่ ใครเป็นเจ้าภาพ แล้วบริเวณด้านล่างของบัตร ด้านหนึ่งจะเป็นคำว่า RSVP แปลความหมายว่า ขัดข้องโปรดตอบกลับ อีกด้านจะบอกว่า Dress Code สำหรับงานนั้นคือรูปแบบไหน โดยสมัยก่อนมักใช้คำว่า ‘แต่งกายสุภาพ’ คนที่ได้รับเชิญก็ต้องมานั่งคิดกันอีกว่า แต่งกายสุภาพนั้นมาตรฐานใคร ก็ไม่เหมือนกันอีก ทุกวันนี้จึงมีการกำหนดให้ชัดขึ้นด้วย Dress Code เฉพาะต่างๆ ที่ก็มีมากมาย และมีความหมายแตกต่างกันไป”

แม้ Dress Code จะมีหลากหลาย แต่ที่นิยมกันจริงๆ ในปัจจุบันก็มีไม่มากนัก และผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพชื่อดังก็ได้รวบรวม Dress Code สำคัญๆ ที่ต้องพบเจอกันบ่อยๆ มาให้คุณได้ทราบกัน ณ ที่นี้แล้วค่ะ

Business Attire

ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
เมื่อพูดถึง Dress Code ในชีวิตประจำวัน สิ่งแรกที่เราพบเจอกันบ่อยๆ ก็คือ Dress Code สำหรับการทำงานค่ะ แบบแรกที่นิยมคือ Business Attire อาจเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการแต่งกายแบบนักธุรกิจเต็มขั้น ที่ครบถ้วนและเนี้ยบขั้นเทพ!

“ภาพของ Business คนมักมองว่า ธุรกิจก็คือ การใส่สูท ดังนั้นพอพูดถึง Business Attire จึงหมายถึง การใส่สูท ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าผู้ชายก็จะเป็นการใส่สูทผูกเนคไท (necktie) ผู้หญิงก็จะเป็นกระโปรงสูท หรือกางเกงสูทก็ได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ยอมรับทั้งสองแบบแล้ว”

แม้จะมีกรอบกำหนดว่าการแต่งกายรูปแบบนี้คือ การใส่ชุดสูท แต่ Dress Code ลักษณะนี้ ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องของสี และลายผ้า ที่ถือเป็นทิป (tip) สำคัญซึ่งจะช่วยเสริมส่งให้ชุด Business Attire ของคุณดูเนี้ยบยิ่งกว่าเดิม

“สีก็เป็นตัวกำหนดของธุรกิจ ส่วนใหญ่เวลาพูดถึงสีของธุรกิจ ก็จะเป็นสีเข้ม อย่างสีดำ สีน้ำเงิน หรือสีกรมท่า ถ้าพูดถึงสูทผู้ชายก็จะเป็นสูทสีกรมท่าเข้ม เทาเข้ม สีดำ ส่วนสูทของผู้หญิง อาจจะเพิ่มสีน้ำตาลเข้าไปได้อีก นี่คือ สีของธุรกิจ ถามว่าสีอ่อนมีมั้ย ก็มีบ้างอย่างเช่น สีเบจ สีฟ้าอ่อน ก็ยังพอใช้ได้อยู่ แต่ภาพของสีอ่อนเมื่อใส่แล้ว มันอาจจะดูว่าไม่ค่อยจริงจัง เหมือนมีความสดใน สนุกสนานสอดแทรกอยู่ในนั้น ส่วนเรื่องของลายผ้า ถ้าพูดถึงความเป็นธุรกิจจริงๆ แล้ว จะไม่เน้นลวดลายแม้แต่เสื้อด้านในก็ควรเป็นสีเรียบๆ ไม่มีลวดลาย และที่สำคัญคือ เป็นเสื้อเชิ้ตแบบมีปก ”

Business Casual

ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
“รูปแบบนี้คือการลงมาอีกสเต็ป (step) ของความเป็นธุรกิจ การแต่งกายแบบ Business Casual มันจะเบาลงมาจาก Business Attire มีความเป็นลำลองมากขึ้น ทีนี้พอมันลำลองขึ้น สิ่งที่จะเป็นก็คือ คุณยังใส่สูทอยู่ แต่คุณผู้ชายจะไม่ผูกเนคไท เพื่อให้ดูผ่อนคลายไปอีกสเต็ปนึง

กางเกงของผู้หญิง และผู้ชาย ถ้าเป็น Business Attire จะเป็นทรงตรง แต่เดี๋ยวนี้แฟชั่นของ Business Casual จะทำให้ขากางเกงมีหลายแบบเช่น เป็นทรงสอบลงมา หรือเสื้อสูทของผู้หญิงอาจไม่ต้องเป็นสูทยาวแบบ Business Attire รูปทรงของเสื้ออาจจะสั้นขึ้นมา แล้วก็มีลูกเล่นอื่น เช่น พับแขนเสื้อขึ้นมาแล้วแขนเสื้อที่พับก็มีลวดลาย ส่วนเสื้อที่ใส่ข้างในอาจจะไม่ใช่เป็นเชิ้ตก็ได้ สามารถที่จะใส่เป็นเสื้อกล้าม เสื้อคอวีต่างๆ ได้

       แต่อย่างไรเสียถ้าเป็น Business casual ก็ยังมีหลักว่า ตัวเสื้อและกระโปรงหรือกางเกงนั้น ควรจะเป็นสีเดียวกันทั้งชุด”

Smart Casual

ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
สำหรับรูปแบบการแต่งกายแบบนี้ เป็นรูปแบบที่นิยมระบุไว้เป็นกฎเกณฑ์ การเข้าร้านอาหารหรูในปัจจุบันค่ะ พูดง่ายๆ ว่าอย่างน้อยต้องแต่งตัวในระดับของ Smart Casual ขึ้นไปถึงจะเข้าไปรับประทานได้ ว่าแล้วก็มาดูกันค่ะว่า Smart Casual เค้าแต่งกันอย่างไร

“ลงมาอีกสเต็ปของความเป็นธุรกิจ จะเรียกว่า Smart Casual ซึ่งวิธีคิดง่ายๆ คือ ถามตัวเองว่าอะไรคือ Casual Wear หรือเสื้อผ้าชุดลำลองของคุณ ก็คือ ชุดที่คุณใส่ไปเที่ยวเล่นในวันหยุดนั่นแหละ และการทำให้ชุดลำลองเป็นชุด Smart Casual ก็คือหาเสื้อแจ็กเก็ต (jacket) อีกตัวมาทับ คือมันยังมีความสมาร์ท (smart) อยู่ ไม่ได้ดูลำลองเกินไป อย่างเช่น ชุดเดรสของผู้หญิงก็จัดอยู่ใน Smart Casual เหมือนกัน เพราะว่าถ้าเป็นแบบ Business Casual มันยังต้องมีเสื้อสูทเข้ามากำกับในความเป็นธุรกิจนั้นอยู่ แต่ถ้าเป็นแค่ชุดเดรสธรรมดาก็จะอยู่ในระดับของ Smart Casual

มันจะลดงมาเรื่อยๆ ลงมาเป็นสเต็ป หลังจากนี้มันจะเป็น Casual Wear หรือชุดลำลองแล้ว สังเกตว่าเราไม่ได้พูดถึงยีนส์ (jeans) เลย เพราะถือว่าเป็นชุดลำลอง แต่ในบางครั้งที่เป็นยีนส์สีเข้ม เช่น สีดำ มันยังพอจัดอยู่ใน Smart Casual ได้บ้าง แต่ข้อสำคัญคือ Smart Casual ต้องมีแจ็กเก็ตสวมทับด้วยเสมอ”

เรื่องรองเท้าก็เช่นกันค่ะ เจ้าแม่ด้านพัฒนาบุคลิกภาพของเราให้ยึดหลักไว้ว่า ยิ่งมีการกำกับถึงความเป็นแบบธุรกิจมากเท่าไร เท้าของเราก็จะยิ่งมิดชิดขึ้นเท่านั้น

“เรื่องของรองเท้าถ้ากลับไปที่ Business Attire จริงๆ แล้ว รองเท้าต้องเป็นคัทชู ไม่เห็นนิ้วเท้าเลย ปิดหมด คือ ความเป็นธุรกิจเขาจะไม่เปิดเนื้อหนังมังสามาก แต่พอเป็น Smart Casual จะเริ่มเป็นรองเท้าที่เปิดเห็นนิ้วเท้าข้างหน้าได้ เปิดให้เห็นส้นเท้าก็ได้ แต่ต้องมีสายรัดส้นเสมอ เพราะถ้าไม่มีสายรัดส้น มันจะหลุดลงไปอยู่แบบลำลองเลย เพราะถือว่าเป็นรองเท้าแตะ”

Evening Dress

ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
สำหรับ Evening Dress มีความหมายถึง ชุดราตรียาว สวยงามหรูหราค่ะ ถือเป็นชุดทางการสุดๆ เรียกได้ว่าถ้าเห็นการ์ดใดระบุตรง Dress Code ว่า Evening Dress แล้วล่ะก็ เตรียมสวยเต็มสตรีมได้เล้ย

“Evening Dress คำพูดนี้คือชุดยาวค่ะ เป็นกระโปรงยาวปักเลื่อมที่สวยงามต่างๆ นิยมใส่ไปในงาน หรือสถานที่ซึ่งพิเศษ หรือโอกาสสำคัญๆ ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และพิเศษจริงๆ หรือแม้แต่ในห้องอาหารหรูบางแห่งในมื้อดินเนอร์ ก็มีการใส่ชุดลักษณะนี้ได้เช่นกัน”

Black Tie

ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
หลายครั้งเหลือเกินที่ในบัตรเชิญจะระบุว่า Black Tie ซึ่งกำหนดเฉพาะคุณผู้ชายเท่านั้น แต่สาวเราต้องทราบไว้ด้วยว่า ถ้าผู้ชายแต่งกายแบบ Black Tie เต็มสูตรแล้ว สาวเราต้องแต่งอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมเข้ากันกับเขาของคุณ

“ปัจจุบันงานเลี้ยงช่วงกลางคืนหลายงานจะระบุไว้ว่า ผู้ชายแต่งแบบ Black Tie นั่นคือใส่เสื้อสีขาว เป็นพลีทข้างใน แล้วก็มีหูกระต่ายผูกที่คอ แต่ไม่ได้บอก Dress Code สำหรับผู้หญิง ทีนี้เมื่อเขาระบุให้ผู้ชายใส่อย่างนี้ สำหรับผู้หญิงบอกได้เลย ต้องใส่ชุดราตรียาว คือ ไม่ต้องคิดมากเลย และหากเป็นงานกลางคืนสำหรับผู้หญิง การใส่ชุดราตรีสีเข้มเข้าไว้ก็จะถือว่าเหมาะกว่าสีอ่อนค่ะ”

*Little Black Dress ชุดสารพัดประโยชน์ ที่สาวๆ ควรมี

ถอดรหัส “Dress Code” แต่งตัวให้โดนงาน-เจ้าภาพ-สถานที่
กูรูประณมแนะต่อว่า สาวๆ ควรหาชุดเก่งที่เรียกว่า Little Black Dress ไว้ในครอบครองกันสักชุด เพื่อให้การแต่งกายของคุณเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น

“สำหรับฝรั่ง หากเป็นงานเลี้ยงช่วงค่ำเขาจะนิยมแต่งชุดสีดำเสียส่วนใหญ่ เพราะเขาถือว่าสีดำเป็นสีที่ใส่ไปงานแล้วดูโก้ ดูมีพลัง ดังนั้นฝรั่งเขาจะมีคำว่า 'Little Black Dress' หรือชุดเดรสสีดำไว้ด้วย ซึ่งชุดเดรสแบบนี้มันจะสารพัดประโยชน์มาก ถ้าคุณใส่แค่เดรสสีดำผูกผ้าพันคอ คุณก็จะเป็น Smart Casual ที่สวยๆ แต่ถ้าคุณใส่เดรสสีดำแล้วมีเสื้อสูททับ คุณก็กลายเป็น Business Casual และถ้าคุณใส่เดรสสีดำ แล้วมีผ้าคลุมไหล่ที่ปักเลื่อมสวยงาม หรือเครื่องประดับเก๋ๆ คุณก็ไปงานกลางคืนอย่างงานเลี้ยงค็อกเทล (cocktail) ได้ ดังนั้นในระดับของการแต่งตัว เขาจะแนะนำว่าคุณควรมีชุดเดรสสีดำไว้หนึ่งชุด เพราะมันทำได้หลายอย่างเลย เอาอะไรเติมเข้าไปหน่อย มันก็ปรับเปลี่ยน ความรู้สึกของคนที่มองเราได้แล้ว”

::Dress Code แบบอื่นๆ https://www.facebook.com/aliseshopping/







Create Date : 16 มีนาคม 2559
Last Update : 3 เมษายน 2559 18:48:45 น.
Counter : 1634 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

สมาชิกหมายเลข 3057794
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Alise ยินดีให้คำปรึกษาเรื่องความงาม
https://www.facebook.com/aliseshopping/