cool&cool
 
'ไทยปะทะไทย' ผลคือ 'แพ้ทั้งประเทศ'


//www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=23&contentID=61601


มาถึงวันนี้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณแยกราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียง มีเหตุการณ์-มีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร-หรือไม่ ?? ก็ดังที่ทราบ ๆ กัน อย่างไรก็ตาม ย้อนไปในช่วง 3-4 วันก่อนหน้านี้ ในช่วงที่เริ่มมีกลุ่มคนเสื้อหลากสีที่ “เห็นต่าง” จากกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาชุมนุมต่อต้านและกระทบกระทั่งกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซ้ำยังมีแกนนำกลุ่มคนเสื้อเหลืองออกมาฮึ่มฮั่มด้วย สภาพการณ์นี้ถือว่า “ล่อแหลม !!”

มีการหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุ “ม็อบชนม็อบ”

ทั้งนี้ กับการหวั่นเกรงว่าจะเกิดม็อบชนม็อบ เกิด “สงครามต่างสีเสื้อ” หรือบางคนอาจเรียกว่า “สงครามประชาชน” นั้น ก็เนื่องเพราะหากเหตุการณ์รุนแรงลักษณะนี้เกิดขึ้นในยุคนี้ ผลร้ายต่อประชาชนคนไทย-ต่อประเทศไทยโดยรวม อาจหนักหนาสาหัสยิ่งกว่า “เหตุการณ์วิปโยค” ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ??

“เมื่อมีการปะทะกันระหว่างประชาชน ผลเสียย่อมเกิดกับประเทศชาติโดยส่วนรวมอย่างแน่นอน ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และภาพลักษณ์ของประเทศ” ...ที่ปรึกษาอธิการบดีมหา วิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ผศ.สุขุม เฉลยทรัพย์ ระบุผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” พร้อมทั้งบอกอีกว่า.....

ผลกระทบด้านสังคม ขนาดยังไม่มีม็อบชนม็อบก็อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงอยู่แล้ว เพราะคนในสังคมอยู่ในความระแวง ไม่รู้ว่าใครอยู่ฝ่ายไหนหรือสีไหน เวลาคุยกันจึงมีการซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยจริงใจเหมือนเมื่อก่อน

สำหรับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาก็ถือว่าหนักอยู่แล้ว การขัดแย้ง ตีกัน มีระเบิด กระทบต่อเศรษฐกิจ หลายประเทศห้ามไม่ให้คนของเขามาเที่ยวประเทศไทย หุ้นตก ค่าเงินบาทอ่อนตัว ความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของประเทศถูกลดลำดับลง การลงทุนระยะยาวต้องชะงักงัน ทำให้สูญเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย

“ส่วนผลกระทบด้านการเมือง ก็ค่อนข้างรุนแรง ภาพลักษณ์นักการเมืองในภาพรวมจะถูกมองเป็นจำเลย อันเกิดจากนักการเมืองด้วยกันเอง ทำให้คนเบื่อนักการเมือง และมองนักการเมืองในแง่ลบ” ...ผศ.สุขุมระบุ ซึ่งก็แน่นอนว่าหากเกิด “สงครามต่างสีเสื้อ” ผลกระทบเหล่านี้จะยิ่งหนัก !!

ด้าน ศ.ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... หากเทียบความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้น ระหว่างสถานการณ์ 2 สถานการณ์คือ หนึ่ง...กรณี “เจ้าหน้าที่รัฐปะทะมวลชน” และสอง...กรณี “ประชาชนปะทะประชาชน” หรือ “ม็อบชนม็อบ” กรณีหลัง ประชาชนปะทะประชาชน จะส่งผลเสียและก่อให้เกิดผลกระทบได้มากกว่ากรณีแรก !!

กรณีแรกแม้จะมีความรุนแรง แต่การปะทะระหว่างรัฐและประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติงานก็ต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมายที่มีระบุไว้ ความเสียหายก็จะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ประชาคมโลกก็ยังพอเข้าใจ

“ถ้าเป็นการปะทะกันระหว่างประชาชนกับประชาชนด้วยกัน โอกาสที่ความเสียหายจะลุกลามจะมีมากกว่า เพราะต่างฝ่ายต่างปฏิเสธกฎหมาย และไม่มีกฎเกณฑ์ในการดำเนินการ ซึ่งจะส่งผลร้ายมากกว่า เพราะถ้าสถานการณ์ไปถึงขั้นนั้นก็จะมีสภาพไม่ต่างจากสงครามกลางเมือง”

สำหรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในด้านต่าง ๆ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์รายนี้ชี้ว่า... ผลกระทบด้านสังคมที่ชัดเจนคือ “ความแตกแยกในสังคมไทยจะยิ่งลงลึก” ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มแต่ละกลุ่มที่ขัดแย้งกันต่างก็มีชุดความเข้าใจ มีชุดความรู้ที่ได้รับสารมา คนละชุดกัน และต่างก็ได้รับสารมาเป็นระยะเวลานาน ต่างฝ่ายจึงต่างยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ตนเองคิดและเชื่ออยู่ จึงทำให้บรรยากาศในการที่จะประสานรอยร้าวกระทำได้ยาก

ทางด้านเศรษฐกิจ เรื่องผลกระทบคงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะในช่วงที่ยังไม่เกิดความรุนแรงเมื่อ 10 เม.ย. บรรยากาศด้านเศรษฐกิจไทยก็ชะลอตัวอยู่แล้ว พอเกิดเหตุรุนแรงขึ้น ผลกระทบ ก็ยิ่งลุกลามขยายวงกว้าง

“หากเกิดการปะทะระหว่างประชาชนกับประชาชน ก็จะ ยิ่งส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจประเทศไทยในระยะยาว โดยที่ไม่รู้ว่า จะสามารถฟื้นฟูหรือเยียวยาให้กลับคืนมาได้ขนาดไหน และเมื่อไหร่”

ศ.ดร.ไชยวัฒน์ชี้ต่อไปว่า... เมื่อเกิดผลกระทบทั้ง 2 มิติดังกล่าวแล้ว ที่สุดก็จะผนวกรวมเข้าเป็นความ “เสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” เพราะประชาคมโลกจะมองว่ารัฐบาลประเทศไทยไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้ ไม่สามารถบริหารอำนาจได้ และอาจมองว่า “ล้มเหลว” ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียโอกาสในหลาย ๆ ด้าน

“มีคำกล่าวถึงนักลงทุนว่าเปรียบเสมือนนก ต้นไม้ที่มีสภาพทรุดโทรม ไม่มั่นคง นกคงไม่เลือกเกาะ ไม่คุ้มกับการสร้างรัง ประเทศไทยก็เช่นกัน ถ้าไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ถ้าสถานการณ์ลุกลามบานปลายจนนำสู่การปะทะกันระหว่างประชาชน จะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศตกต่ำ และจะสร้างแรงตกกระทบอย่างหนักหน่วงกับประเทศไทยโดยรวมแน่นอน” ...ศ.ดร.ไชยวัฒน์ระบุ

“ม็อบชนม็อบ” ผลลัพธ์-ผลร้ายนั้น “น่ากลัวมาก”

กับเมืองไทย-คนไทย...ขออย่าให้เกิดขึ้นเลย !!!!!.



Create Date : 24 เมษายน 2553
Last Update : 24 เมษายน 2553 0:19:11 น. 10 comments
Counter : 270 Pageviews.  
 
 
 
 
กลายเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลกไปแล้ว
 
 

โดย: เบื่อเน้อ (Chillout Cafe' ) วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:1:16:19 น.  

 
 
 
เกษตรกรนิยมใช้รถไถนา ทำนามากเกินไป
มันจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นนะครับ
 
 

โดย: panwat วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:2:20:17 น.  

 
 
 
คนกรุงเทพฯ ดื้มเหล้าขวดละพัน ดื่มไวน์ขวดละหมื่อน ใส่เสื้อผ้าชุดละเป็นแสน ใส่นาฬิกาเรือนละเป็นล้าน

ชาวนาขายข้าวได้กิโลกรัมละ 10 กว่าบาท สวัสดิการไม่เคยมี
บัตรทอง 30 บาทรักษาศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์กลับถูกยกเลิกไม่ให้ใช้(ในเชิงสัญลักษณ์) และ บางแห่งไม่ยอมให้บริการด้วยซ้ำ

OTOP แหล่งเพิ่มประสิทธิผล และ ประสิทธิภาพในการหารายได้ของ ประชาชนชาวชนบท ถูกรัฐพยายามทำลายโดยจงใจ ศูนย์ OTOP ร้าง

ประตูแห่งโอกาสแห่งการศึกษาของลูกหลายชาวชนบท โครงการ 1 ทุน 1 อำเภอ เพื่อให้ชาวชนบทได้มีโอกาสไปยังต่างประเทศถึงแม้ไม่เท่ากับชาวเมืองกรุงแต่ก็ทำให้ช่องว่างลดลง

ประตูแห่งการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ถูกเปิดออกในสมัยท่านนายก CEO กลับถูกปิดลงในสมัย นายกฯอำมาตย์

ชาวบ้านในเอาบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำเดือนละ 15000 บาทมาจากที่ไหน

แม้แต่การขอสินเชื่อ จาก SME Bank ก็ยังมีความยากพอๆกับการพยายามวางแผนปล้นธนาคารเลย

อัตราดอกเบี้ยจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส ยังสูงกว่า อัตราดอกเบี้ยของคนรวย หรือ นักธุรกิจในเมืองกรุง ด้วยข้ออ้างว่า การปล่อยกู้ให้เกษตรกรมีความเสี่ยงสูง อัตราดอกเบี้ยจึงต้องสูง

เกษตรกรซื้อ มอเตอร์ไซด์เพื่อความสะดวกในการเดินทาง กลับถูกกล่าวหาว่า "วัตถุนิยม" การซื้อโทรศัพท์มือถือราคาถูกมาใช้ กลับถูกกล่าวหาว่า ฟุ้งเฟ้อ

ทีชาวเมืองกรุงใช้ BB กลับบอกว่าทันสมัย ซื้อรถปอร์เช่คันหลายล้านกลับบอกว่า.....

ชุดความคิดสองชุดนี้ มีความแตกต่างกัน มากกว่า สีแดง และ สีเหลืองนัก

ประชาชนชาวชนบท ต้องการเพียง ประตูและหน้าต่างแห่งโอกาสของเขาคืนเท่านั้น และ เขาจะสร้างฐานะอยู่แต่ตามบ้านนอก ตามชนบท ไม่เข้าไปอยู่ในรังนกกระจอกที่เรียกว่าคอนโดหรอก

เพียงแต่หวังว่า บ้านเล็กๆในชนบทของเขาจะมี Hi-Speed Internet มี Cable TV หรือ จานดาวเทียม ทำให้โอกาสแห่งการรับรู้ข้อมูลข่าวสารไม่ด้อยกว่าชาวสวรรค์

และ ได้มีโอกาสเก็บเงิน ทำหนังสือเดินทางแล้วไปเที่ยวยังต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงประเทศในแถบอาเซียน หรือ เอเชีย ก็ยังดี

นี่คือ ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และ เมื่อชาวกรุงบังอาจมาบอกว่าเราเป็นควาย ควายก็ลองไปเยือนเมืองกรุงดูกบ้างจะเป็นไรไป
 
 

โดย: moonfleet วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:9:11:01 น.  

 
 
 
เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย

ถ้า "คน" มองคนอื่นเป็น "คน" เท่าๆ กับที่ตัวเองเป็น
แต่กลับมองปัญหาอย่างตื้นเขินว่า เกิดจาก "คน" ไม่กี่คน ที่ ณ ยามนี้ หลายๆคน ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ มองว่า "ตายๆ ไปซะ ปัญหาจะได้จบ" ...(ก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่า ตายแล้วจะจบจริงหรือ แต่ขอพยากรณ์ว่า ถ้าตายจริง มันจะดุเดือดกว่าเดิม เพราะจุดอ่อนในกระบวนการเรียกร้องถูกกำจัดไปแล้ว)


จริงๆ อยู่ ชนวนของกีฬาสี เกิดขึ้นจาก "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด"

แต่ที่มันลามเป็นไฟลามทุ่งได้ ก็เพราะพื้นฐานสังคมไทยมีปัญหาเรื่องคุณค่าของความเป็นคนที่ไม่เท่าเทียมกันอยู่จริงๆ

ยิ่งเมื่อแต่ละฝ่าย ต่างอ้างสิทธิเสรีภาพ หยิบประชาธิปไตย ความจงรักภักดีมาเป็นอาวุธฟาดฟันกัน (อย่ามาอ้างเลยว่าสีไหนจะล้มเจ้า หรือ จงรักภักดีมากกว่ากัน...ก็ช่วยกันดึงฟ้าต่ำพอๆ กันนั้นแหละ...เบื่อมากพวกจงรักแต่ปาก แสดงออกแค่สัญญะ แต่หน้าที่ของตัวเองในครอบครัว ในที่ทำงานยังทำไม่ได้สมบูรณ์)

นาฬิกาแห่งประวัติศาสตร์เลยหมุนย้อนกลับ
คนรุ่นนี้เลยมีโอกาสได้เห็นเส้นทางเดินของเหตุการณ์เดือนตุลา 19 อีกครั้ง


เหมือนหรือต่างอย่างไร สำหรับคนที่เกิดไม่ทัน
สามารถอ่านได้จาก "บันทึก ดร.ป๋วย" ที่เราคัดลอกไว้ที่บล็อกของเรา

...เปิดบันทึก ดร.ป๋วย ใครเห็นแสงสว่างบ้างในอนาคต โปรดบอก...(มี 3 ภาค)

ก็หวังใจยิ่งว่าจะเป็นแค่เดือนตุลา 19 คงไม่เดินรอยตาม "รวันดา" เพราะนี่ก็มีเค้าว่าจะเริ่มก้าวจากสีลมก่อนไปรวันดาแล้ว


ตอนนี้ก็ได้แต่นั่งเตรียมใจ เตรียมบันทึกเหตุการณ์ให้เก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ นั่งรอดูว่า ใครคือ"ไอ้โม่ง" ที่เดินหมากด้วยชีวิตคน นั่งรอดูเส้นทางชะตากรรม

เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยได้มีโอกาสเห็น "ไอ้โม่ง" กับตามาแล้วในพฤษภาทมิฬ สงสัยอยู่ 10 กว่าปีก็มีคนภูมิอกภูมิใจบอกผ่านทีวีว่า "วันนั้นฉันทำเอง ถ้าไม่ทำเหตุการณ์ก็ไม่จบหรอก"
 
 

โดย: เสียงลมหนาว วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:11:48:08 น.  

 
 
 
 
 

โดย: thanitsita วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:13:53:32 น.  

 
 
 
 
 

โดย: Loveaddicted8 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:14:06:46 น.  

 
 
 
ไอ้โม่ง คือใครอยากรู้จัง ช่วยบอกหน่อย
 
 

โดย: buff IP: 118.173.95.216 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:14:14:55 น.  

 
 
 

ที่ปลอมตัวเป็นไอ้โม่ง เพราะ ไม่อยากให้ใครรู้

จะยังมาอยากรู้อีก เฮ้ออออออออ!!!!
 
 

โดย: dawreung51 IP: 124.120.56.37 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:14:46:50 น.  

 
 
 
น่าเสียดายคนไทยไม่จดจำอดีต เราผ่านมาแล้วทั้ง14 ตุลามทั้งพฤษภาทมิฬ ทำไมเอาชีวิตไปทิ้งให้กับพวกนักการเมืองเพื่อให้พวกเขาขึ้นมามีอำนาจ ข้ออ้างประชาธิปไตยที่กรอกหัวประชาชนทุกวันไม่ได้ทำให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้นหรอกครับ
เราจะมีชีวิตที่ดีได้ต้องเริ่มจากตัวเราต้องไม่ท้อถอยในการทำงานหนักและสุจริต ต้องกล้าหาญที่จะรับสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามาในชีวิต
อย่ายอมรับการทุจริตใมทุกรูปแบบ ผมยากให้คนไทยมีจิตใจที่เข้มแข็งครับ
 
 

โดย: ไม้แดง IP: 125.27.120.104 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:16:17:58 น.  

 
 
 
ประชาชนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือตลอด
เรื่อง 30บาทรักษาทุกโรคนั้น มันมีทั้งดีและเสีย ครับ
รพ.รัฐ เมื่อก่อน เก็บตังค์ได้สำหรับคนที่มีเงินจ่าย สำหรับคนจน ก็มีสังคมสงเคราะห์ มีบัตรสุขภาพ 500บาทต่อปี รักษาได้ทั้งบ้าน(5คน)เป็นแบบประกันสุขภาพราคาถูก แต่พรรคการเมืองไม่ชอบโมเดลนี้ เพราะมันหาเสียงไม่ได้ สู้30บาทรักษาทุกโรคไม่ได้ เดิมทีรพ.รัฐมีเงินเก็บสำรองไว้พัฒนาเครื่องมือเครืองไม้มาตลอดเรียกว่าเงินบำรุง บัดนี้ มีแต่ขาดทุน เงินบำรุงร่อยหรอต้องอาศัยเงินสำรองฉุกเฉินจากรัฐบาล การรักษาแย่ลงเพราะคนไปใช้เยอะขึ้น คนชั้นกลางที่พอจ่ายได้ ก็ขับรถไปรับยาฟรี จากรัฐ ไม่ดูแลสุขภาพตัวเอง เพราะรักษาฟรี ข้าราชการก็เดือดร้อน เพราะคิวยาวมากและถูกจำกัดสิทธิมากขึ้น เนื่องจากรัฐไม่มีเงิน งบประมาณที่เดิมคิดว่า ใช้น้อยลง ปรากฏว่าไม่เป็นความจริง เพราะตอนนี้งบ สปสช.บานเบอะ แต่คุณภาพไม่ดีขึ้น ใช้จ่ายต่อหัว2400บาทต่อปี มากกว่าประกันสังคมเสียอีก แต่คุณภาพไม่ดี หมอ พยาบาลลาออกไปอยู่เอกชนกันเยอะ เพราะงานหนักขึ้น แถมยังเสี่ยงต่อการถูกฟ้อง วันหนึ่งตรวจคนไข้เป็นร้อย คนหนึ่งตรวจไม่ถึง5นาที ตรวจละเอียด ก็หาว่าบริการช้า ตรวจพลาด ก็โดนฟ้องร้องเรียน
ทุกอย่าง เพราะโครงการนี้ มันโดนใจ ตรงคำว่า ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ แต่จริงๆแล้ว ประชาชนได้คุณภาพการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นหรือเปล่า
ทุกอย่างคนจนถูกนำมาใช้ประโยชน์ แม้แต่ปัจจุบัน เรื่องอำมาตย์ ไพร่ พวกนักการเมืองนี่ โคตรอำมาตย์เลย โดยเฉพาะ ทักกี้ เนี่ยตัวพ่อเลย
ถ้าปฏิวัติประเทศไทยสำเร็จเป็นรัฐไทยใหม่ คนจนจะได้อะไรเพิ่มบ้าง ถูกหลอกใช้ตามเคย
เสียดาย ความรุ่งเรืองของประเทศไทย ที่ถูกทำลายลงในวันนี้
 
 

โดย: รักเมืองไทย IP: 111.84.64.254 วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:9:06:41 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หนุมานมาเอง
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add หนุมานมาเอง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com