- - - - - กิน นอน อ่านหนังสือที่คลองบางน้อย - - - - -

สองสามวันที่ผ่านมา ได้ไปนั่งเล่น นอนเล่นที่ริมคลองบางน้อยมา สำหรับใครที่ไม่ชอบความแออัดของอัมพวา ขอแนะนำที่นี่อย่างแรง ที่นี่หายใจสะ ดวกกว่าอัมพวา มองแม่น้ำ ลำคลองได้กว้างกว่าอัมพวา และมาพักผ่อนแล้วสะบายอกสะบายใจกว่าอัมพวา

บางน้อยอยู่เลยอัมพวามาประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ระหว่างอัมพวากับดำเนินสะดวกน่ะค่ะ เป็นชุมชนริมน้ำที่น่ารักมาก ตั้งอยู่ในตำบลกระดังงา (ชื่อตำบลยังน่ารักเลย ) อำเภอบางคนที สมุทรสงคราม วันเสาร์-อาทิตย์ตอนนี้ยังมีตลาดน้ำให้เดินซื้อของ หาอะไรอร่อยๆ กินด้วย ( ขอแนะนำก๋วยเตี๋ยวน้ำแดง เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เนื้อนุ่ม ปรุงรสน้ำซุปด้วยเต้าหูยี้ น้ำซุปเลยสีแดง )

ไปถึงวันอาทิตย์ก็จะเจอตลาดแบบนี้ ชอบผลไม้ที่มาจากสวนจริงๆ เค้าจะปล่อยให้สุกคาต้น ผลไม้จึงหวาน ไม่เหมือนผลไม้จากตลาดในกรุงเทพซึ่งจะถูกเก็บมาก่อนสุก แล้วมาบ่มเอา ผลไม้ไม่ค่อยหวานเลย


คนบางน้อยเค้าคิดอะไร เชยๆ แต่น่ารักดีนะคะ ร้านนี้ขายไม้ขีด เอาไว้ขีดใจ ( ดีนะ หัวใจจะได้มีไฟ)


ถ้านอนพักค้างคืนที่นี่ เช้าๆ จะเจอความสงบแบบนี้ค่ะ














พอตกค่ำ บางน้อยก็จะสวยเป็นพิเศษ ช่วงนี้เพิ่งพ้นลอยกระทงไปไม่นาน แต่ละบ้านเลยมีโคมแขวนไว้หน้าบ้าน แสงจากโคมสะท้อนลงคลอง โรแมนติกมาก


มื้อเย็นริมน้ำ จานใหญ่สุดคือ ไก่ต้มน้ำปลาที่อร่อยที่สุดในโลก ไก่เนื้อนิ่มมาก ซื้อมาจากตลาดนัดบางน้อยนี่แหละค่ะ เอามาจัดโต๊ะกินกันหน้าบ้านพัก เป็นไก่ต้มน้ำปลาที่หาที่ไหนเทียมไม่ได้


ที่พักที่ไปพักมา น่ารักมาก เป็นห้องแถวริมไม้ ชื่อ "บางน้อย คอยรัก" ที่นี่เป็นทั้งแกลเลอรี ร้านกาแฟ ที่นั่งพักอ่านหนังสือ จะช็อปปิ้งก็มีร้านขายเสื้อผ้าอยู่ด้วย และมีห้องให้พักได้ชั้นบน สองห้อง














ชอบเจ้าตัวนี้ในห้องน้ำมาก




แนะนำว่าควรปิดทริปด้วยหมี่เกี๊ยวเจ้าดังของแม่กลอง (อยู่ในตัวจังหวัดเลยค่ะ ) ก๋องเมงจั้น อยู่ไม่ไกลจากตลาดร่มหุบ เส้นหมี่ที่นี่ อร่อยมาก ทำกันมาสามชั่วอายุคนแล้ว หมี่แห้งของเค้าไม่มันเลย ไม่มีน้ำมันเยิ้มให้รำคาญ


วันไหนว่างๆ ไปเที่ยวเล่นบางน้อยกัน ไม่ต้องไปค้างก็ได้ ออกจากกรุงเทพหลังเที่ยงยังได้เลย เดินทางแค่ชั่วโมงกว่านิดหน่อย ไปนั่งเล่นเอาเท้าแช่น้ำ กินของอร่อยๆ กัน

รายละเอียด "บางน้อยคอยรัก " เพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
//bangnoikoyrak.multiply.com/

รูปไม่ค่อยชัดนะคะ ถ่ายจากกล้องมือถือ ไปดูของจริงกันดีกว่าค่ะ




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 18:12:22 น.   
Counter : 2948 Pageviews.  

- - - - - ไปเรียนทำอาหารที่ปาย - - - - - -

อาทิตย์ที่แล้ว ได้ไปเดินเก็บข้อมูลที่อำเภอปาย แม่ฮ่องสอนมา เพลิดเพลินมาก โดยเฉพาะการหาร้านอาหารอร่อยๆ ชิม ระหว่างที่คุยกับเจ้าของร้านมินิมาร์ทที่ใหญ่ที่สุดของปาย (ร้าน อ้อย มินิมาร์ท) ตอนนั้นใกล้ๆ เที่ยงแล้ว เจ้าของร้านบอกว่าเพิ่งสั่งอาหารจากร้าน Charlie & Lek มา เคยไปทานแล้วหรือยัง ร้านเค้าปลูกผักเองนะ

ได้ยินอย่างนั้น จขบ.นี้หูผึ่งมาก รีบถามทางไปร้าน ซึ่งก็อยู่ทางไปสถานีตำรวจของปาย เดินไปอีกสี่แยกหนึ่งจากร้านอ้อย มินิมาร์ทก็ถึงแล้ว



มื้อกลางวันนั้นเลยเลือกเมนูที่เกี่ยวข้องกับผักหมดเลย สลัดน้ำใส ข้าวกล้องผัดกะเพราไก่และไข่เจียวโหระพา



พอสั่งของหวานคือกล้วยบวชชี ยิ่งทึ่งเข้าไปใหญ่เพราะเจ้าของร้านเดินไปหยิบหวีกล้วยจากชั้นโชว์หน้าร้าน เข้าไปทำสดๆ ทีละถ้วยในครัว จำได้ว่ามื้อนี้เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดในโลก เพราะอาหารสดใหม่ ผักสดกรอบมาก เป็นมื้ออาหารที่กินอิ่มแล้วอยากขอบคุณพระเจ้าที่ส่งอาหารอร่อยๆ อย่างนี้มาให้เราชิม

ก่อนจะเดินออกจากร้าน เดินไปเห็นโบชัวร์เล็กๆ บอกว่าทางร้านมี Personal Cooking Course ด้วย โบชัวร์เป็นภาษาอังกฤษ เพราะคนที่สนใจมาเรียนเป็นฝรั่งหมด อย่ากระนั้นเลยมาถึงร้านอาหารที่อร่อยๆ แล้ว เรียนทำอาหารด้วยดีกว่า จัดการนัดแนะว่า วันเสาร์นี้จะมาเรียนนะคะ

ส่วนหนึ่งของโบชัวร์


วันเสาร์เช้ามาถึง ตรงดิ่งจากที่พักไปเรียน ซึ่งเป็นการทำอาหารเที่ยงให้ลูกค้าในร้านและคนที่มาเรียนด้วย (คือข้าพเจ้านั่นเอง)

โฉมหน้าคุณครู คุณเล็กแม่ครัวเอกของร้าน ตอนแรกคุณเล็กก็เขินๆ ที่มีคนไทยมาเรียนเพราะคิดว่าอาหารไทย คนไทยน่าจะรู้จักดี แต่หลังจากเห็นฝีมือควงตะหลิวของคุณเล็กแล้ว คนที่มาเรียนเป็นฝ่ายเขินแทน


คุณเล็กถามว่าอยากเรียนทำอะไร (เราเลือกได้จากรายการอาหารทั้งหมดของร้าน) มีคนบอกมาแล้วก่อนว่าผัดไทยเส้นมะละกอของที่นี่อร่อยมาก เลยเลือกเลย ไม่รอช้า

ครูเล็กเลยพามาดูเครื่องปรุงทั้งหมด สำหรับการทำผัดไทยเส้นมะละกอ


ส่วนสำคัญที่สุดของผัดไทยคือ น้ำปรุงรสผัดไทย ซึ่งประกอบไปด้วย น้ำมะขาม หอมแดง และน้ำตาลปิ๊บปั่นรวมกัน ครูเล็กบอกว่าเวลาปรุงอาหารให้ยึดตามชอบของเราเป็นสำคัญและชิมบ่อยๆ อย่างเช่นร้านนี้จะๆไม่ชอบกุ้ยช่ายเพราะกลิ่นแรง แต่จะใส่ต้นหอมโรยหน้าแทน และเน้นผักเสริมเข้าไปเยอะ ลูกศิษย์พยักหน้าเห็นด้วย เพราะไม่ชอบกลิ่นฉุนของกุ้ยช่ายเหมือนกัน


แล้วก็ผัดๆ เห็นท่าควงตะหลิวอันคล่องแคล่วแล้วก็ได้แต่ตะลึง คล่องแคล่วมาก คุณเล็กบอกหมดว่าทางร้านปรุงรสอย่างไร ใส่อะไรเป็นเครื่องปรุงรสมาก ชอบจริงๆ ชอบกระทะของร้านด้วย กระทะก้นเหล็ก ความร้อนแผ่ไปทั่วถึง กระทะแทฟร่อนสวยๆ สู้ไม่ได้หรอก




เสร็จลงอย่างรวดเร็ว ผัดไทยเส้นมะละกอ ไม่มีเนื้อสัตว์เลย แต่อร่อยมาก


ระหว่างนั้นลูกค้าสั่งข้าวกล้องราดแกงกะหรี่กุ้ง ครูเล็กก็ให้กุ๊กมือวางอันดับสองปรุง (ซึ่งก็คล่องแคล่วพอกัน จขบ.นี้ดูอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ )




เสร็จแล้วแกงกะหรี่กุ้ง


ระหว่างนั้น อยากลองทำผัดผักรวมใส่เห็ดหอม อยากรู้ว่าอาหารง่ายๆ แบบนี้ทำไมทางร้านทำอร่อยเหลือเกิน พอเห็นวิธีการทำแล้วถึงได้รู้ มันต้องผัดให้ไฟฟู่อย่างนี้ จะได้กลิ่นคว้นไฟในจาน ใส่น้ำซุปผักลงไปเล้กน้อยขณะปรุง กระทะร้อนมากๆ มีน้ำมันอยู่ เมื่อโดนน้ำเข้าไปไฟลุกพรึ่บ มันมาก




ตบท้ายด้วยจานอาหารที่ลูกค้าสั่ง ข้าวกล้องแกงกะหรี่กุ้ง และเส้นใหญ่ผัดซีอิ้ว


ไปปายอีกเมื่อไหร่ จะตรงไปร้านชาร์ลีแอนด์เล็กอีกแน่น้อนนนนนน

ป.ล.บล็อกหน้าจะเขียนเที่ยวปายช่วงโลว์ซีซั่นกันเถอะ




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2552   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 18:51:33 น.   
Counter : 2541 Pageviews.  

- - - - - - - กลับจากเสม็ด - -- - -- -- - - -




เพิ่งกลับจากเกาะเสม็ด ไปเที่ยวหลังทำงานกับเพือนๆ จากออฟฟิศดั๊ก ยูนิต
ผู้อยู่เบื้องหลังงานศิลปะในแฟต เฟสติวัล

ไปเสม็ดคราวนี้ จึงมีเพื่อนๆ ชาวญี่ปุ่น และชาวสิงคโปร์ที่ได้มาแสดงโชว์ที่งานแฟต เฟสติวัล 8 ไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Meywa Denki , Pika Pika, KYTV


ที่เสม็ดนี่เองทำให้รู้ว่า จิโร่ เอ็นโดะ คู่หูของวิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์ เต้นสะบัดแค่ไหน เดินจากหาดที่ไปกินข้าวกันกลับสู่ที่พัก ไม่ว่าจะผ่านหาดไหน จิโร่เข้าไปสะบัดลีลาเต้นกับเขาได้หมดทุกหาด ลีลาเด็ดขาดมากๆ มิน่าเล่าถึงได้ทำงานศิลปะชื่อ Over Head Night Club ได้

และที่เสม็ดนี่ก็อีกทำให้รู้ว่าคิมูระ เพื่อนญี่ปุ่นอีกคนฮามากแค่ไหน รู้ภาษาไทยชนิดที่ว่าไม่สามารถนำมาเขียนที่นี่ได้ บางคำที่พี่แกพูดออกมาทำเอาเราสำลักข้าวมาแล้ว ต้องรีบถามว่าใครสอนมานี่

ท่านประธานแห่ง Maywa Denki ที่เวลาอยู่บนเวทีจะสนุกสนาน แต่เวลาพักผ่อนจะเงียบขรึมและเรียบร้อย Cool มากๆ

ฯลฯ

ความสุขมักจะอยู่กับเราช่วงสั้นๆ เสมอ
ตอนที่รำลากัน วิชญ์มักจะบอกใครๆ ว่า ถึงเวลาที่ต้องไปเผชิญความจริงแล้ว

ใช่เลยวิชญ์
ต้องลาจากทะเล กลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้ว




...

สองภาพนี้เป็นภาพประทับใจจากงานแฟต


ภาพนี้เป็นภาพที่ตัวเองและชาวดั๊ก ยูนิตไปนั่งรอเมวะ เด็นกิ ซ้อม อุตสาห์หอบข้าวกล่องไปนั่งดูพวกเขาหน้าเวที ร้อนก็ร้อน (ห้องไม่เปิดแอร์) จริงๆ มีห้องพักศิลปินติดแอร์เย็นฉ่ำให้กินข้าว แต่ความที่พวกเรากลัวพลาด เลยมานั่งกินข้าวรอกันหน้าเวที ที่ไหนได้อีกหลายชั่วโมงผ่านไป เมวะ เด็นกิก็ยังตั้งเครื่องไม่เสร็จ จนแตกกระจายกันไปหลายรอบ ชาวเมะวะ ก็ยังแค่ตั้งเครื่อง เช็คสายต่างๆ นานา ไม่ได้ซ้อมจริงๆ เสียที เห็นรูปนี้แล้วขำความขี้เห่อของพวกเรา



ภาพนี้ดูจะเป็นคำอธิบาย Over Head Night Club ปีทื่สองได้เป็นอย่างดี

ทั้งสองภาพถ่ายโดย ต้น จาก ดั๊ก ยูนิต




 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 19:26:06 น.   
Counter : 1061 Pageviews.  

- - - - - โปสการ์ดจากภูฎาน : ด้วยความระลึกถึง - - - - -

จริงๆ เสาร์-อาทิตย์นี้ตั้งใจไว้คร่าวๆ ว่าอยากไปพักที่โฮมสเตย์ของเพื่อนคนหนึ่ง อยากหายสาบสูญไปอ่านหนังสือเล่มโปรด อยากทิ้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปสักสามสี่-วัน แต่จนแล้วจนรอด งาน Job บางชิ้นก็ทำให้ทิ้งไปไม่ได้ ( หรือดิฉันอาจจะจัดการบริหารเวลาไม่ค่อยดีเท่าใดนัก )

โปสการ์ดจากภูฎานเซ็ทนี้ เห็นคราวแรกก็คิดถึงเพื่อนช่างภาพผู้กำลังปลุกปั้นกับโฮมสเตย์เล็กๆ แถวๆ จังหวัดบ้านเกิดของเขา ดิฉันโทรศัพท์ไปนัดหมายกับเขาไว้คร่าวๆแล้วว่าเสาร์-อาทิตย์นี้อาจไปนั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือที่นั่น

คิดไว้ด้วยว่าถ้าเสาร์-อาทิตย์นี้ได้ออกเดินทางจะเอาโปสการ์ดชุดนี้ไปฝากเขาด้วย ตั้งใจจะบอกเขาว่า ดูรูปจากโปสการ์ดพวกนี้แล้ว คิดถึงรูปขาว-ดำของเขามากๆ ถ่ายรูปต่อไปนะ อย่าเพิ่งทิ้งอาชีพที่เขารักไปเสียก่อน

ดิฉันคิดถึงการเดินทางไปโฮมสเตย์ของเขา และคิดถึงการเดินทางครั้งล่าสุด - ภูฎาน- จริงๆ


Phub Om at Home in Ada village


Gachi , a yak herder in Haa valley


Sonam Wangdi with family members in Sakteng valley


Tangsubi village enroute to Ura valley

Photograp by Serena Choera

โปสการ์ดชุดนี้จัดทำโดย Tarayana Foundation
ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ไม่แสวงหากำไร ทำงานเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชนบทของภูฎาน ดูรายละเอียดของมูลนิธิได้ที่นี่ //www.tarayanafoundation.org/




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2550   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 19:52:15 น.   
Counter : 931 Pageviews.  

- - - - - - - - - - สองปีผ่านไป ความเศร้านั้นยังคงอยู่ - - - - - - - - - -


วิวจากหน้าต่างห้องของโรงแรมที่ดาร์จิลิงก์

เข้าไปอ่านบล็อกของคุณ sTRAWBERRY sOMEDAY ที่แต่งเพลงให้เหตุการณ์ทซึนามิ มันทำให้ดิฉันระลึกถึงการเดินทางเมื่อสองปีที่แล้ว เป็นการเดินทางที่หนาวเหน็บ สลดหดหู่ สับสน งุนงง และแสนเศร้าพอๆ กัน

วันที่ 25 ธันวาคม เมื่อสองปีที่แล้วดิฉันไปอินเดียครั้งแรก หลังจากจดๆ จ้องประเทศนี่อยู่นาน เพื่อนผู้เคยเรียนที่ศานตินิเกตัน กลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยของตัวเอง ชักชวนไปเที่ยวด้วยกัน ดิฉันเห็นว่าเป็นการดีแน่ที่จะได้เดินทางกับคนที่มีอินเดียเป็นบ้านที่สอง ( เธอคือคนเขียนหนังสือ คำถามใต้ร่มไม้ ดิฉันเคยเขียนถึงหนังสือของเธอไว้
ที่นี่ )

เมืองแรกที่เราไปถึงคือกัลกัตตา เมืองที่แสนวุ่นวาย เมืองที่คุณจะเห็นทุกอย่างอยู่บนนถนน วัว แกะ ไก่ รถราง รถเมล์ แท็กซี่ รถส่วนตัว ผู้คนที่ใช้ฟุตบาทเป็นบ้าน คนขายของ ฯลฯ มีหลายคนไม่ชอบเมืองนี้ ค่าที่มันแสนวุ่นวาย แต่ดิฉันไม่รังเกียจ ดิฉันเห็นว่ามันก็เป็นอินเดียดี เราค้างคืนกันที่นี่คืนหนึ่ง ไปดูหนังอินเดียที่ไม่รู้ว่าตัวละครพูดอะไรกันเลย ( เพราะฟังภาษาของเขาไม่ออก แถมดูหนังไม่จบเรื่อง ) ในคืนคริสต์มาสของที่นี่

รุ่งขึ้นเช้าเรานั่งรถไฟต่อไปศานตินิเกตัน เมืองมหาวิทยาลัยของอินเดีย ไปพักที่บ้านเช่าของเพื่อน เจอนักเรียนไทยหลายคน ได้กินอาหารอินเดียอร่อยๆ ก็ที่นี่ ได้ดื่มชาถ้วยละบาท รสแสนละมุนก็จากที่นี่ อยู่ที่อินเดียดิฉันจิบชาแทนน้ำ แถมแก้หนาวได้ดี และที่นี่เองข่าวคราวความสูญเสียก็ก่อตัวขึ้น น้องนักเรียนไทยที่มาคุยกับเราระหว่างมื้อน้ำชายามบ่าย บอกว่า CNN กำลังรายงานข่าวถึงเมืองไทย เขาคิดว่าเกิดแผ่นดินไหว ( ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเกิดทซึนามิด้วย ) เราคุยกันด้วยความแปลกใจ เมืองไทยไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมากๆ มาก่อน และเราไม่ได้คิดกันสักนิดว่าเหตุการณ์มันจะร้ายแรงถึงปานนี้

เช้าอีกวันดิฉันเดินทางต่อ นั่งรถไฟข้ามคืน ก่อนที่จะต่อรถจิ๊ปขึ้นภูเขาสูงไปสิกขิม เพื่อนดิฉันยังคงพักอยู่ที่ศานตินิเกตัน ดิฉันเดินทางไปกับเพื่อนร่วมทางอีกกลุ่มหนึ่ง ที่กังต็อคเมืองเอกของสิกขิมเราได้รับรู้ว่าแผ่นดินไหวนั่นร้ายแรงกว่าที่เราคิดมากมาย ดิฉันซื้อหนังสือพิมพ์อินเดียอ่านด้วยความตกใจ ( อินเดียมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษหลายหัว ราคาถูกมาก มีตั้งแต่ราคา 1 รูปีขึ้นไป ) รีบโทรศัพท์กลับบ้าน ไม่มีใครไปที่ภูเก็ตและพังงา ช่วงปีใหม่ โล่งอกไปหนึ่งเปลาะ ได้แต่ภาวนาว่าเพื่อนๆ เราคงไม่มีใครไปภูเก็ตและพังงาช่วงนั้น เข้าไปเช็คข่าวที่พันทิป ยิ่งตกใจเพราะหน้าแรกของพันทิปเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน พวกเราสับสนมาก พากันโทรศัพท์หาคนรู้จักที่เมืองไทย

อีกสองวันต่อมาดิฉันแยกกับเพื่อนร่วมทางทุกคน เดินทางคนเดียวไปดาร์จิลิงก์ ( เรานัดเจอกันอีกครั้งที่กัลกัตตา วันที่นั่งเครื่องบินกลับบ้าน ) กลางวันดิฉันเดินดูบ้านเมืองและผู้คนของดาร์จิลิงก์ ไปเที่ยวไร่ชา ไปดูร้านหนังสือ ไปซื้อชากลับบ้านฝากเพื่อนๆ ไปนั่งรถไฟ Toy Train รถไฟที่ใช้หัวจักรไอน้ำซึ่งเหลือเพียงไม่กี่ขบวนของโลก ฯลฯ เดินไปทางไหนเมื่อมีใครรู้ว่าดิฉันมาจากเมืองไทย ทุกคนต่างแสดงความเสียใจ กลางคืนหลับคาจอโทรทัศน์ไปพร้อมกับข่าวของ CNN และข่าวภาคภาษาอังกฤษของอินเดีย จะกลับบ้านก่อนก็ไม่ได้เพราะไม่สามารถเลื่อนตั๋วกลับได้

วันสิ้นปี ดิฉันเคานท์ดาวน์อยู่คนเดียวที่โรงแรมในดาร์จิลิงก์ นั่งเช็คข่าวจาก CNN ท่ามกลางความหนาวประมาณ 1-2 องศา ดูภาพผู้คนและความสูญเสียของเมืองไทย ได้แต่ถามตัวเองว่าเกิดอะไรกับเมืองไทยหรือนี่ ก่อนนอนคืนนั้นดิฉันสวดมนต์อธิษฐานว่า ขออย่าให้คนที่เมืองไทยเป็นอะไรมากกว่านี้เลย ( ปรกติดิฉันมักเข้านอนโดยไม่ได้สวดมนต์)

กลับมาเมืองไทย มีข้อความหลายข้อความฝากไว้ใน
เมลบ็อกซ์ของโทรศัพท์มือถือ เพื่อนๆ หลายคนเป็นห่วง เพราะบางคนรู้แค่ว่าดิฉันไปอินเดีย แต่ไม่รู้ว่าไปเมืองไหน คนที่เมืองไทยก็ตกใจเพราะอินเดียก็เจอทซึนามิร้ายแรงเหมือนกัน พอออน์ไลน์ขึ้นมามีหลายคนเข้ามาแสดงความโล่งอกที่ดิฉันกลับมาแล้ว

กลับมาบ้านคราวนั้นดิฉันคิดว่าเส้นแบ่งระหว่างความมีชีวิตอยู่และการจากไปมันนิดเดียวเอง

มนุษย์เราเป็นเผ่าพันธุ์ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับความตายและความสูญเสียได้ทุกเมื่อ

และดิฉันคงจดจำคืนเคานท์ดาวน์อยู่คนเดียวที่โรงแรมในดาร์จิลิงก์นั่นไปอีกนาน



ป.ล.เข้าไปฟังเพลงของคุณ sTRAWBERRY sOMEDAY ได้ที่นี่ค่ะ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=strawberry-someday&group=7




 

Create Date : 26 ธันวาคม 2549   
Last Update : 26 ธันวาคม 2549 19:40:39 น.   
Counter : 1073 Pageviews.  

1  2  3  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]