Group Blog
 
All Blogs
 

วิธีการหลบภัยแผ่นดินไหว

จากบทความของดักคอบบ์เรื่อง "สามเหลี่ยมชีวิต"

เรียบเรียงสำหรับการสรุปให้คณะกรรมการด้านความปลอดภัย MAA

ผมชื่อดักคอบบ์ ผมเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยและผู้จัดการด้านพิบัติภัยของทีม
กู้ภัยนานาชาติแห่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก
ข้อมูลในบทความนี้จะช่วยชีวิตคนในกรณีแผ่นดินไหว

ผมเคยคลานเข้าไปในตึกที่ถล่มมา 875 ตึกเคยทำงานกับหน่วยกู้ภัยจาก
60 ประเทศ ก่อตั้งหน่วยกู้ภัยในหลายประเทศและเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ
ด้านการอพยพผู้คนกรณีเกิดพิบัติภัยขององค์การสหประชาชาติมา 2 ปี
ผมได้ทำงานกับพิบัติภัยใหญ่ๆในโลกมาตั้งแต่ปี 1985

เมื่อปี1996 เราได้ทำภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งซึ่งได้พิสูจน์ว่าวิธีการรักษา
ชีวิตของผมถูกต้อง เราได้ถล่มโรงเรียนและบ้านที่มีหุ่นมนุษย์ 20 ตัวอยู่
ภายใน หุ่น10 ตัว "มุดและหาที่กำบัง" และอีกสิบตัวใช้วิธีการรักษาชีวิต
แบบ "สามเหลี่ยมชีวิต" ของผม หลังจากแผ่นดินไหวทดลอง เราคลาน
ผ่านซากปรักหักพังและเข้าไปในตึกเพื่อถ่ายภาพและเก็บข้อมูลของผล
ที่เกิด ในภาพยนต์แสดงให้เห็นว่าอัตราการอยู่รอดของพวกที่มุดและหา
ที่กำบังคือศูนย์ และโอกาสรอด100% สำหรับพวกที่ใช้วิธี "สามเหลี่ยมชีวิต"
ของผม

ภาพยนต์ชุดนี้ได้ผ่านสายตาของผู้ชมโทรทัศน์เป็นล้านๆ คนในตุรกีและ
ส่วนที่เหลือของยุโรป เคยออกอากาศทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา
คานาดา และลาตินอเมริกา

ตึกแห่งแรกที่ผมได้คลานเข้าไปคือโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเม็กซิโกซิตี้
ในแผ่นดินไหวปี 1985 เด็กทุกคนอยู่ใต้โต๊ะเรียนเด็กทุกคนถูกอัดแบน
จนกระดูกแหลก พวกเขาอาจจะมีชีวิตรอดด้วยการนอนราบกับพื้นตรง
บริเวณทางเดินข้างๆ โต๊ะเรียนของตัวเอง

ในเวลานั้นเด็กๆ ได้รับคำแนะนำให้หลบใต้อะไรบางอย่าง อธิบายอย่างง่ายๆ
เมื่อตึกถล่ม น้ำหนักของเพดานที่ตกลงมาบนสิ่งของหรือเครื่องเรือนที่อยู่ภายใน
จะทับทำลายสิ่งของเหล่านั้นเหลือที่ว่างหรือช่องว่างข้างๆมัน ที่ว่างเหล่านี้คือ
สิ่งที่ผมเรียกว่า "สามเหลี่ยมชีวิต" สิ่งของชิ้นยิ่งใหญ่ยิ่งแข็งแรง โอกาสถูกทับอัด
ยิ่งน้อย โอกาสที่สิ่งของถูกทับอัดยิ่งน้อยช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น โอกาสที่คน
ที่อาศัยช่องว่างเหล่านั้นหลบภัยจะไม่เป็นอันตรายก็ยิ่งมาก

ครั้งต่อไปที่คุณดูอาคารที่ถล่มในโทรทัศน์ลองนับ "สามเหลี่ยม" ที่เกิดขึ้น
ที่คุณเห็น มันมีอยู่เต็มไปหมดทุกที่เป็นรูปทรงที่เห็นได้มากที่สุดอยู่ทั่วไป

สิบวิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว

1) เกือบทุกคนที่ "มุดและหาที่กำบัง" เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย
คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ โต๊ะ หรือรถยนต์ ถูกอัดทับ

2) แมวหมาและเด็กทารกโดยธรรมชาติมักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ใน
ครรภ์มารดา คุณควรทำเช่นกันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาติญาณ
เพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิตรอดในช่องว่างที่เล็กกว่า
ไปอยู่ข้างๆ สิ่งของ ข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบน
ไปบ้างแต่ยังเหลือที่ว่างข้างๆ มันไว้

3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหว
ไม้มีความยืดหยุ่นและเคลื่อนตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่ม
จะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และอาคารไม้ยังมีน้ำหนักทับทำลาย
ที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อนอิฐเหล่านี้
เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ แต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต

4) หากคุณกำลังนอนอยู่บนเตียงตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียง
กลิ้งลงจากเตียง ช่องว่างที่ปลอดภัยจะเกิดรอบๆเตียง โรงแรมจะสามารถ
เพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้ โดยเพียงติดป้ายหลังประตูทุกห้องพัก
บอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว

5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนีออกมาง่ายๆ ทางประตู
หรือหน้าต่าง ก็ให้นอนราบและขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟา
หรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ

6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอดเพราะอะไร? หากคุณ
ยืนอยู่ตรงช่องประตูและวงกบประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลังคุณจะโดน
เพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้างคุณจะถูกตัด
เป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น!

7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี "ช่วงการเคลื่อนตัว" ที่แตกต่างไป (บันได
จะมีการแกว่งแยกจากตัวอาคาร) บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคาร
จะชนกระแทกกันอย่างต่อเนื่อง จนเกิดปัญหากับโครงสร้างของบันได
คนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่มถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้นบันได--ถูก
แยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้
บันไดเป็นส่วนของอาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหายถึงแม้แผ่นดินไหว
จะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมาเมื่อรับน้ำหนักมาก
เกินไปจากคนที่กำลังหนี มันควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอ
ถึงแม้ส่วนที่เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม

8) ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคารหรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้
จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่ใกล้ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนใน
ของอาคาร คุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภายนอกของอาคาร
มากเท่าไหร่โอกาสที่ทางหนีของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก

9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัดเมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะ
แผ่นดินไหว และทับรถของพวกเขานี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีต
ระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจากแผ่นดินไหว
ที่ซานฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถ
มีชีวิตรอดได้ง่ายๆ ด้วยการออกจากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถ
ตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขาสามารถออกจากรถและนั่ง
หรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่
ข้างๆ ยกเว้นรถที่ถูกเสาคาดตกทับกลางคันรถ

10) ผมค้นพบ--ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และ
สำนักงานอื่นที่มีกระดาษจำนวนมาก--ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่าง
ขนาดใหญ่รอบๆ กองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน

กระจายข้อมูลนี้และช่วยชีวิตคนบางคน

ที่มา : Forward E-mail




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2548    
Last Update : 21 ตุลาคม 2548 8:24:37 น.
Counter : 810 Pageviews.  

ข้อคิดเพื่อครอบครัว อ.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

1. ข้อสำคัญของการเลือกคู่ คือ เราไม่ได้เลือกใครเพราะเขาสมบูรณ์แบบ แต่เพราะเขามีจุดดีหลัก ๆที่เราประทับใจ ส่วนจุดอ่อนด้อยนั้นเป็นส่วนปลีกย่อยที่เราสามารถยอมรับได้อย่างไม่ยากเย็น

2. ในความเป็นจริง ไม่มีใครดีเลิศสมบูรณ์แบบ ถ้าเรามองไม่เห็นจุดอ่อนด้อยของเขาเลย นั่นแสดงว่า เรายังไม่รู้จักเขาอย่างแท้จริง หรือไม่ เราก็กำลังตกอยู่ในความหลงใหล ..จนไม่ลืมหูลืมตา

3. การแต่งงาน คือ การผูกพันกันด้วยหัวใจ ไม่ใช่เพียงร่างกายและยิ่งไม่ใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เชิงธุรกิจ

4. คนที่แต่งงานเพราะความเหงา จะยิ่งเหงาหนักเป็น 2 เท่า แต่งงานแบบคลุมถุงชน ก็มีแนวโน้มว่า ชีวิตจะมืดมนไปอีกนาน

5. ความสุข ความทุกข์ ครึ่งหนึ่งอยู่ที่ชีวิตหลังแต่งงาน คิดให้ดีก่อนที่จะเลือกใคร มาเป็นคู่ชีวิต...

6. บ้านจะเล็กหรือใหญ่ ไม่สำคัญ แต่ “ความรัก” ต้องใหญ่ที่สุดในบ้าน

7. คำว่า “รัก” พูดมากไป ย่อมดีกว่า พูดน้อยไป...

8. เมื่อเรา ทำผิด....จง “ขอโทษ” เมื่อเขา ทำผิด ....จง “ให้อภัย”

9. ชีวิตแต่งงาน คือ ชีวิตแห่งการปรับตัว ถ้าไม่คิดจะปรับตัวเข้าหาใคร อยู่เป็นโสดไป ก็ดีกว่า...

10. ยอมเป็นผู้แพ้ ดีกว่า เป็นผู้ชนะที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากชีวิตสมรสที่หักพัง...

11. “แก้ตัว” .... ช่วยอะไรไม่ได้ “แก้ไข” .......ช่วยได้ทุกอย่าง...

12. เมื่อมีปัญหาในครอบครัว อย่าลืมใช้ความรักและหลักเหตุผลเป็นกรรมการตัดสิน ไม่ใช้ อารมณ์ หรืออาวุธ..

13. งอนแต่พองาม...ก็งามดี แต่งอนเกินพอดี ก็เกินงาม...

14. ต่างคนต่างแข็ง ไม่มีใครยอมอ่อนข้อต่อกัน...บ้าน...ก็คงไม่ต่างอะไรกับสนามรบ

15. เมื่อสามีอ่อนแอ ไม่รับบทบาทผู้นำ ความสับสนวุ่นวาย ก็ตามมา หรือเมื่อภรรยา พยายามแย่งบทบาทการนำจากสามี ชีวิตครอบครัวก็รอดยาก

16. ความไม่ซื่อสัตย์ ต่อกันเพียงครั้งเดียว ก็อาจสั่นคลอนความไว้วางใจที่มีให้กันได้ ท้ายที่สุด ชีวิตคู่ก็จบลงด้วยความแตกร้าว ยากเยียวยา

17. ความเห็นแก่ตัว สนใจแต่ปัญหา อารมณ์ ความรู้สึก และความสนใจของตัวเองชีวิตคู่ ก็อยู่ด้วยกันยาก

18. ก่อหนี้สินจนล้นพ้นตัว ครอบครัวก็มีแต่ความตึงเครียดทุกเช้าเย็น

19. เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือทั้งสองฝ่ายเรียกร้องและคาดหวังจากกันและกันมากเกินพอดี ปัญหาก็จะมีเรื่อยไป…ไม่สิ้นสุด

20. ควรตระหนักว่า...ภรรยา ไม่ใช่ผู้ปรนนิบัติรับใช้สามี แท้จริงแล้ว สามีภรรยา ควรเอาใจใส่ดูแลกันและกันอย่างดีที่สุด...ย่อมดีกว่า

21. ไม่มีอะไร ทำให้ภรรยาปวดร้าวใจ มากเท่าการค้นพบว่า สามีมีหญิงอื่นในหัวใจ

22. รักเดียว ...ใจเดียว ไม่ใช่เรื่องเชย แต่เป็นเรื่องดีที่สามีทุกคนในโลกควรกระทำ

23. การขอโทษภรรยาเมื่อทำผิด ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรี แต่เป็นศักดิ์ศรีของสามี...ที่แท้จริง

24. ไม่ควรมองว่า งานดูแลบ้าน เป็นความรับผิดชอบของภรรยา สามีควรมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระอย่างสุดความสามารถเสมอ

25. สรีระรูปร่างหน้าตา ที่เปลี่ยนไปของภรรยา ไม่ควรเป็นเหตุให้ความรักในหัวใจของสามีจืดจางลงแม้แต่น้อย

26. ควรระลึกอยู่เสมอว่า ...การนำครอบครัวนั้น คือ การนำโดยเห็นผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นหลักไม่ใช่ เพื่อความสุข ความพึงพอใจของตนเอง

27. ภรรยาที่ดี ควรสนับสนุนสามีให้ก้าวไกลในชีวิต ไม่ใช่ดึงรั้งให้หยุดอยู่กับที่ หรือถอยหลัง

28. ภรรยาที่ดี ไม่ควรใช้วิธีการบับบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้สามีตัดสินใจตามความคิดของตน

29. ในสถานการณ์หน้าสิ่ว หน้าขวาน สามีต้องการภรรยาที่สงบนิ่ง ช่วยกันคิดหาทางออก ไม่ใช่ภรรยาที่เอาแต่โวยวาย ตีโพย ตีพายหรือร้องไห้ฟูมฟาย โดยปล่อยให้เขาต้องแบกภาระหนักอึ้งเพียงลำพัง

30. การไม่ตีลูก เพราะกลัวลูกเจ็บ เมื่อยังเป็นเด็ก กลับจะทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่า เมื่อเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สร้างปัญหา และถูกลงโทษ... จากสังคม

31. ช่องว่างระหว่างวัย...ระหว่างรุ่น...ย่อมไม่มี ถ้าพ่อแม่ตระหนักถึงความสำคัญ และใช้ความพยายามที่มากพอ วิธีที่ดีที่สุด คือ พ่อแม่ควรวางแผนเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดกับลูก ไม่ใช่ตามแก้ปัญหาเมื่อเกิดขึ้นแล้ว

32. พึงตระหนักว่า ลูกไม่ใช่ดินน้ำมัน ที่พ่อแม่ อยากจะปั้นให้เขาเป็นอะไรก็ได้ตามใจชอบ เขาย่อมมีจิตใจที่มีเอกลักษณ์แห่งความชอบ ความสนใจที่แตกต่างไปจากพ่อแม่ได้เสมอ

ที่มา: Forward E-mail




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2548    
Last Update : 21 ตุลาคม 2548 8:25:31 น.
Counter : 296 Pageviews.  

ธรรมะของพระพยอม



ของแปลก

แท๊กซี่บางคน อาตมานั่งไปด้วยแล้วรำคาญ มันขี้โมโห หงุดหงิดทั้งวัน
วันนั้นนั่งจากหมอชิต ไปโรงพยาบาลศิริราช มันด่าคนไปตลอดทาง
ไอ้คนนั้นขับไม่ดี
ไอ้คนนี้เฮงซวยขับช้า ไอ้บ้านี่ตัดหน้า
ไอ้เปรตนี้หยุดไม่เปิดไฟเลี้ยว
มันพูดแต่ว่าแปลกจริง.....แปลกจริง......
แปลกจริงทางม้าลายมีไม่ข้าม...แปลกจริง เวลาจะเลี้ยวทำไมไม่เปิดไฟเลี้ยว..แปลกจริง ที่ห้ามจอดดันทะลึ่งจอด
อาตมาทนรำคาญไม่ไหว ใกล้ถึงศิริราชแล้ว อาตมาถามว่า
คุณขับรถมากี่ปีแล้ว...หลายปีแล้วครับ
ปีหนึ่งๆมีคนมายั่วทำให้โกรธอย่างนี้บ่อยไหมครับ.......
บ่อยครับ..วันหนึ่งหลายสิบครั้ง...
อาตมาก็เลยบอกว่า มันมีบ่อยๆวันละหลายสิบครั้ง....มันจะแปลกยังไง
ของแปลกมันต้องนานๆเกิดครั้งหนึ่ง
วันนี้เกิดบ่อยๆยังตวาดอยู่ได้ว่าแปลกจริง...แปลกจริง..อยู่นั่นแหละ
มันน่าจะบอกว่า เออ....ธรรมดาจริง..บ่อยจริงมากกว่า


เทศน์ช้าไปหน่อย

วันก่อนอาตมาไปเทศน์ในคุก.....

อาตมาบอกว่า..พวกเราที่มาติดอยู่ในคุกเนี่ย...เราไม่ได้ติดคนเดียวนะ..เราเอาพ่อเอาแม่มาติดด้วย พ่อแม่ต้องลำบากตรากตรำ หาเงินมาซื้อข้าวปลาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้และค่ารถค่าเดินทางที่จะมาเยี่ยมเราทุกอาทิตย์...
และเรายังทำร้ายจิตใจท่านให้ต้องทุกข์ทรมานตลอดเวลาจนกว่าเราจะพ้นโทษ

นักโทษคนหนึ่งมันสำนึกบาป ร้องไห้โฮ อย่างไม่อายใคร
ท่านทำไมเพิ่งจะมาเทศน์ตอนนี้
ทำไมท่านไม่เทศน์ก่อนที่ผมจะทำชั่ว

ไอ้พวกนี้..เวลามันทำชั่ว
ทำอะไรไม่ดี มันโยนให้พระหมด
อาตมาเทศน์มาตั้งนานแล้ว
โยมไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่มาฟังเอง.....


คิดก่อนจึงทำ

การขยันให้ทาน...ตถาคตไม่สรรเสริญ...แต่ตถาคตสรรเสริญ..คนที่คิดใคร่ครวญ
ดีแล้วจึงให้..
เพราะเมื่อใคร่ครวญแล้ว จะไม่มีใครเดือดร้อนจากการให้...

ที่สุพรรณบุรี...มีอยู่ช่วงหนึ่ง
พระพุทธรูปในวัดหายเป็นจำนวนมาก..หลายวัด...
เสี่ยเจ้าของโรงสี..อดรนทนไม่ได้บอก..หลวงพ่อครับ..ขโมยมันรบกวนพระเหลือเกิน...ผมสงสารท่าน....ผมขอถวายปืนให้ท่านกระบอกหนึ่ง
มันโง่จริงๆ
ไม่รู้เลยว่าอะไรควรถวายอะไรไม่ควรถวาย....ตัวมันน่ะไม่เดือดร้อน
แต่พระน่ะ..ติดคุก


พระไม่เข้าใจ

วันก่อนเทศน์ให้เด็กอนุบาลฟัง....100 กว่าคนตัวนิดเดียว...แต่พอฟังรู้เรื่องแล้ว..อาตมาบรรยายธรรม..พร้อมมีภาพสไลด์ประกอบ...

เราสอนว่า..คนเราจะประสบความสำเร็จ..มันต้องตั้งใจจริง..ทำอะไรก็ต้องทำจริงๆ..ตั้งใจให้แน่วแน่....
เหมือนคนตำน้ำพริก..ตาจ้องดูที่ครก ตำจริงๆ
ไม่ใช่ตำเป๊กเดียว..แล้วเอามากิน..ต้องตำบ่อยๆ..หลายๆครั้ง...น้ำพริกถึงจะอร่อย..
คนเราทำอะไรให้สำเร็จ..มันต้องทำบ่อยๆ

ทันใดนั้น เหตุการณ์เหลือเชื่อก็เกิดขึ้น.....
เด็กผู้ชายตัวเล็ก ห้าขวบ..มันลุกขึ้นยืน..แล้วพูดว่า
พระ..พระ..พระรู้ไหม...ว่าเด็กก็ชอบดูพระพูดบ่อยๆ..แต่พระอย่าพูดธรรมะเยอะนักซิ.....เด็กมันเซ็งระเบิดเลย.... พระเอารูปให้ดูเยอะๆหน่อย


โสเภณีที่รัก

วันหนึ่งมีคนมานิมนต์ให้ไปเทศน์ให้โสเภณีฟัง
ตั้งแต่บวชมา..เพิ่งจะเจอครั้งนี้แหละ...มันเทศน์ยากพิลึก
พอไปถึงทุกคนมองพระเหมือนตัวประหลาด ...เข้ามาทำไมวะเนี่ย
พอนั่งปุ๊บ..มองไปรอบๆ..ไม่มีใครสนใจสักคน.... คิดในใจว่า..จะเอาสูตรไหนมาเทศน์สู้กับมันดีวะเนี่ย .....
ทำใจดีสู้เสือ..เริ่มต้นคำแรกว่า....

"สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง.."....
ได้ผลแฮะ...ได้ผลดีเกินคาด ทุกคนหันมามอง
ตั้งใจฟังหูผึ่งว่าพระจะพูดอะไรต่อ....ได้โอกาส..พระเลยปล่อยไม้เด็ดเลย
สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง..ผู้ขายของเก่ากินโดยไม่ต้องลงทุน
เมื่อน้องหญิงอยู่ที่บ้าน....คนทั่วไปจะเรียกน้องหญิงอย่างยกย่องว่า..
กุลสตรี...ยกย่องว่าเป็น เพศแม่
แต่พอน้องหญิงมาอยู่ในสถานที่อย่างนี้ ความเป็นกุลสตรีความสูงส่งของเพศแม่มันถูกทำลายไป
เขาเรียกน้องหญิงว่า...อีตัว....(อันนี้เซ็นเซอร์หรือเปล่าอ่ะ)
เวลาเขาจะหาความสุขจากเรือนร่างเธอ..เขามารับเธอไป..เขาไม่ได้พูดให้เกียรติเธอเลย...
แทนที่เขาจะบอกว่า..มาเชิญเธอไป..เขากลับใช้คำว่า..หิ้วไป

ใช้คำว่า..หิ้ว...เห็นเราเหมือนเป็ดเหมือนไก่..ไม่ให้เกียรติเราเลย...

เราน่าจะกลับไปอยู่บ้าน...ใช้ชีวิตทำมาหากินเหมือนเดิม..ถึงแม้จะไม่ร่ำรวยแต่เราก็อยู่อย่างมีเกียรติ...
ทุกคนนั่งนิ่ง..ทำตาแดงๆ

เป็นโอกาสดีของพระแล้วที่จะดึงเธอมาเป็นพวก..จึงสนทนาสอบถามเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ
น้องหญิงหลายคนสักตุ๊กแกไว้ที่ต้นแขน..สักทำไมหรือ..

อ๋อ..เวลาผู้ชายมาใช้บริการ..จะได้จับผู้ชายให้ติด...เพราะตุ๊กแกขามันเหนียวเกาะแน่น..แกะไม่หลุด
โอ..หลักการดี..อาตมาเลยแกล้งหยอกไปว่า...

ตุ๊กแกมันเกาะแต่ผู้ชายอย่างเดียวหรือ...มันเกาะเอาซุปเปอร์โกโนเรียมาด้วยหรือเปล่า......
ทุกคนเงียบกริบ รอยยิ้มเริ่มหายไป...บรรยากาศชักไม่น่าลงทุนแล้ว....
อาตมาเลยถามต่อ....

อ้าว..แล้วบางคนที่สักขอกับเคียวไว้ที่ต้นแขนล่ะ....มีความหมายว่าอย่างไร
ก็เอาไว้เกี่ยวสตางค์จากกระเป๋าคนมาเที่ยวไง.......

เออ..คนเรานี่มันโง่ดี..ถ้าสักขอกับ เคียวแล้วมันเกี่ยวสตางค์ได้จริง...คนไทยทั้งประเทศไม่ต้องมัวเหนื่อยไปทำมา หากินหรอก...สักขอกับเคียวไห้เต็มตัวก็รวยแล้ว


ล้างแค้น...

มือปืนเมืองเพชร...เมาแอ๋เข้ามาหาพระมันชูปืนขึ้น..แล้วเดินเป๋เข้ามา
หลวงพี่ก็เลยโดดหลบเข้าข้างเสา เพราะพระก็เสียวเป็นเหมือนกัน...
มันบอกว่า..หลวงพี่ต้องเป็นพยานให้ผมด้วย...

ไอ้แคล้วมันฆ่าพ่อผมตาย..ผมขอสาบานต่อหน้าพระว่า..ผมจะต้องล้างแค้นให้พ่อผมให้ได้...ถ้าผมฆ่าไอ้แคล้วไม่ได้..ชีวิตนี้นอนตาไม่หลับ

หลวงพี่โผล่ออกมาจากเสา..แล้วบอกว่า..สาธุ..ขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วยที่คิดจะล้างแค้น
คนทั้งศาลาหันมามองหน้าพระเป็นตาเดียว...
โธ่...ก็มันถือปืนส่ายอยู่อย่างนั้นจะให้พระทำยังไง...น่าจะเห็นใจพระบ้างนะ....
อาตมาก็พูดกับมือปืนต่อว่า....
ล้าง..หมายถึง..ทำให้สะอาด
การล้างแค้นเป็นเรื่องดี เรามีความแค้น...แสดงว่า..ความแค้นมันมาเปื้อนจิตใจเรา..
การล้างแค้น...คือล้างที่จิตใจของเราให้สะอาด..ให้ความแค้นมันหมดไปจากใจเรา...
การไปยิงเขาตายอีก...เป็นการเพิ่มความแค้น....ลูกหลานเขาก็ตามจะมายิงมาฆ่าเราอีก..วนเวียนอย่างนี้ไม่จบสิ้น
การล้างแค้น..จึงเป็นการอโหสิกรรม..หมดเวรหมดกรรม
อาตมาจึงขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วย...
พูดเสร็จพระก็หลบไปยืนบังเสาไว้ พระไม่กลัวมันหรอก..แต่พระไม่ประมาท


ใส่บาตรวันเกิด

เหล้ากินเข้าไปแล้วก็ขาดสติ...มีเรื่องเล่าว่า
วันเกิดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
กลางคืนเลี้ยงฉลองร่ำสุรากันเต็มที่..เมาแประ..รุ่งเช้าอยากใส่บาตรทำบุญเอาฤกษ์

ขณะตักข้าวจะใส่บาตร ด้วยความเมาทำข้าวหก
หมาก็วิ่งกรูกันเข้ามาแย่งกันกินข้าว กัดกันเจี๊ยวจ้าวพันแข้งพันขาจนเดินไม่ได้..
ด้วยความโมโห..เงื้อเท้าเตะหมาเต็มแรง...หมามันก็หลบทัน แต่พระหลบไม่ทัน
โดนหน้าแข้งเต็มๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ร่วมแย่งข้าวด้วยสักหน่อย
ขณะใส่บาตร..รู้สึกว่ากับข้าวที่เตรียมไว้ ไม่พอดีกับพระ
แกตะโกนเรียกหลานลั่นเลย....
"อีหนู เอาปลาทูมาอีกสององค์ วันนี้พระมาสี่ตัว..."
เหล้ามันทำให้คนกิน..ไม่เป็นผู้เป็นคน..พูดผิด..คิดผิด ทำผิด
แล้วยังจะกินมันอยู่อีกหรือ........


เทศน์รอบดึก

มีอยู่รายการหนึ่ง เขาจัดงานหารายได้เข้ามัสยิด...
นิมนต์พระพยอมมาช่วยเทศน์ดึงคนให้หน่อย..เพราะช่วงที่กำลังดังนี้ เทศน์ทีมีคนฟังเป็นหมื่น..พอประกาศชื่อพระพยอมคนสนใจมาก
เขาจัดโปรมแกรมให้พระพูดตอนดึก 5 ทุ่ม
พระก็อยากพูดเร็วๆ พูดเสร็จจะได้รีบกลับ...
เขาบอกว่า..ไม่ได้..ถ้าท่านกลับ..คนก็กลับกันหมด..
หอยทอด โรตี..ไก่ย่าง..ยังขายไม่หมดเลย..
เดี๋ยวท่านรอให้ขาย หอยทอด โรตี ไก่ย่างหมดก่อน..ค่อยขึ้นเทศน์
กรรมของพระ...ไม่ควรดังเลยเรา....


เจ๊กหมดทุนเจ๊กหมดทุน.....

มีชายคนหนึ่งอยู่สุไหงโกลก..ชื่ออาฮัง..
อาฮังหรือ..เจ๊กฮัง..ค้าขายขาดทุนปีเดียวสามสี่แสนบาท....

ไม่เป็นอันทำมาหากินเลย..พอขาดทุนสี่แสนก็มานั่งทำท่าเหมือนลิงป่วย.....
หมดแรง..หมดอาลัยตายอยาก....
พูดพร่ำอยู่คำเดียวทั้งวัน...อั๊วขาดทุนหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว
จนญาติๆระอา...ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหามมาส่งที่วัดสวนโมกข์...

อาตมาอยู่สวนโมกข์ได้ 7 ปีพอดี ปรากฏว่า..มันก็มานั่งที่ตรงหินโค้ง...นั่งเป็นทุกข์ในท่าเจ๊กหมดทุนท่าเดิม...

นั่งบ่น..อั๊วเจ๊งหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว........
อาจารย์พุทธทาสก็เลยเข้าไปถามว่า....
ฮัง...ลื้อขาดทุนแน่หรือ....
แน่ซิครับ...สี่แสนปีเดียวหมดเกลี้ยง..ผมขาดทุนย่อยยับหมดเลย....
คิดให้ดี...ขาดทุนจริงๆนะเหรอ....
จริงซิครับ...อย่ามาถามยั่วโทสะผมนะ......
อาจารย์พุทธทาสก็เลยถามต่อว่า...โยมอาฮัง...
ที่ลื้อบ่นขาดทุน..ขาดทุนนี่..ลื้อเกิดมาลื้อมีทุนติดตัวมาเท่าไร.......
วันที่ลื้อเกิดมานะ

อาฮังนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง..เอ๊ะ..ใครมันจะไปดึงทุนออกมาจากท้องแม่ได้ในวันเกิดนะ พระนี่ถามอะไรแปลกๆ...
อาฮังตอบว่า ..ไม่มี..
อาจารย์พุทธทาสท่านก็ถามต่อ...เดี๋ยวนี้หม้อหุงข้าวลื้อมีไหม...
หม้อหุงข้าวมี..
เสื้อผัามีใส่ไหม...
มี...
บ้านมีอยู่ไหม......
มี...
ถามอะไรต่อมิอะไร..มันก็ตอบว่า..มีๆๆ...
อาจารย์พุทธทาสท่านจึงบอกว่า ..อาฮัง...ลื้อไม่ได้ขาดทุนหรอก
เพียงแต่กำไรมันลดลงไปนิดหน่อยเท่านั้น.


"คุณพระช่วย"

พวกเราชอบอ้อนวอน..ชอบบนบานศาลกล่าวกันจนเคย....โดยเฉพาะผู้หญิงขอให้พระช่วยจนติดปาก
เกิดมีอะไรขึ้น..หรือตกใจอะไร..จะต้องร้องว่า
"คุณพระช่วย"..ทุกครั้ง...

วันหนึ่ง..อาซิ้มนั่งขายของอยู่ในร้าน...หน้าร้านมีคนมาทำความสะอาดท่อ..แล้วเปิดฝาท่อทิ้งไว้
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินตกท่อ..แล้วตะโกนว่า "ว้ายคุณพระช่วย"
อาซิ้มหัวเราะตัวงอ..แล้วเดินออกมาหาหญิงผู้เคราะห์ร้าย

พระช่วยลื้อไม่ล่ายหรอก..เพราะเมื่อเช้านี้พระก็ตกเหมือน


ที่มา: ไม่ทราบที่มาได้รับจาก e-mail




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2548    
Last Update : 17 ตุลาคม 2548 9:16:03 น.
Counter : 232 Pageviews.  

วันและเวลาราชการ

ไม่น่าเชื่อไม่ค่อยมั่นใจว่า วันและเวลาราชการที่แน่นอน ต้อง search หาใน Net

วันและเวลาราชการไทย วันจันทร์-วันศุกร์ 8:30 - 16:30 น.




 

Create Date : 27 กันยายน 2548    
Last Update : 27 กันยายน 2548 7:46:08 น.
Counter : 790 Pageviews.  

ฉันเห็น

ฉันเห็นหลายคนใส่บาตรทั้งหนุ่มสาว ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ
ฉันเห็นส่วนใหญ่ที่ใส่บาตรทุกวัน ผู้สูงอายุเป็นผู้ใส่บาตรสม่ำเสมอ
ฉันเห็นความแตกต่างของวันต่าง ๆ
ฉันเห็นวันพระ บาตรของหลวงพ่อ หลวงพี่ จะเต็มจนล้น บางรูปไม่มีเด็กวัดมาช่วยต้องลำบากมากขึ้น
ฉันเห็นวันอื่น บาตรของหลวงพ่อมีของพอประมาณ
ฉันเห็นคุณป้าท่านหนึ่งใส่บาตรทุกวัน ฉันเลื่อมใสท่านมาก
ฉันเห็นคุณป้าท่านเดิม นำกระถางต้นไม้มาวางไว้หน้าบ้านกันไม่ให้รถคนอื่นมาจอด
ฉันเห็นคุณป้าท่านเดิม ด่าและโมโห ฉันไม่ทราบว่าเรื่องอะไร
ฉันเห็นฉันคิดว่า คุณป้าทำบุญเพราะอยากได้บุญ หรือทำ... เพราะว่าสละส่วนเกินที่ไม่จำเป็นของชีวิต
ฉันเห็นฉันคิดว่า ฉันเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าท่าน แถมฉันยังไม่ได้บาตรอีก
ฉันเห็นความเศร้าในตัวฉัน




 

Create Date : 14 กันยายน 2548    
Last Update : 14 กันยายน 2548 8:30:29 น.
Counter : 205 Pageviews.  

1  2  

3 งง
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add 3 งง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.