พูดคุยกันไปตามประสาคนค้นบ้าน (ค้นหาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบ้าน)
Group Blog
 
All Blogs
 

( ตอนที่ 2 ) ถ้าคุณมีพื้นที่ว่างๆในบริเวณบ้านแล้ว ควรจะทำอย่างไรดี













:: ( ตอนที่ 2 ) ถ้าคุณมีพื้นที่ว่างๆในบริเวณบ้านแล้ว ควรจะทำอย่างไรดี ::

ถ้าคุณมีพื้นที่ว่างๆในบริเวณบ้านแล้วควรจะทำอย่างไรดี

มาดูกันต่อ...จากตอนที่แล้วนะครับ


3. แผ่นบล็อคปูพื้นสำเร็จรูป : มีหลายแบบ หลายราคา สามารถออกแบบได้หลากหลาย การปูก็ง่ายเพียงมีทรายบดอัดรองรับเท่านั้น จะเคลื่อนย้าย ปรับเปลี่ยน หรือจะรื้อถอนในภายหลัง ก็สามารถทำได้ง่าย และหากคุณต้องการความแข็งแรงที่มากขึ้น เช่น เป็นทางสำหรับรถวิ่งผ่าน คุณควรทำการเทคอนกรีตเสริมเหล็กรองรับด้านใต้อีกชั้นหนึ่ง


4. เฉลียงไม้ : อีกหนึ่งวิธีในการตกแต่งบริเวณรอบบ้านให้สวย สามารถติดตั้งได้ง่ายใช้เวลาไม่นาน แต่ระยะเวลาการใช้งานจะน้อยกว่าแบบอื่นๆ แต่ทั้งนี้คุณสามารถทำให้เฉลียงมีระยะเวลาการใช้งานมากขึ้นได้ โดยการใช้ไม้เนื้อแข็งที่อบอย่างดี ทาน้ำยาเคลือบไม้อย่างทั่วถึง และควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งเฉลียงไม้ในบริเวณที่ชื้นแฉะ


5. สระน้ำ ลานน้ำพุหรือน้ำตก : เป็นการเพิ่มความสดชื่นให้กับบ้านคุณได้เป็นอย่างดี ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับรูปแบบและขนาด


6. สิ่งก่อสร้างอื่นๆ : เช่น ทำห้องเก็บของ ห้องนั่งเล่น ห้องพักรับรองแขก เป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในบ้านคุณให้มากขึ้นด้วย


7. ของตกแต่งต่างๆ : เช่น ชิงช้า ซุ้มเก้าอี้ไม้ ชุดโต๊ะเก้าอี้รับแขก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้บริเวณบ้านคุณดูสวยขึ้น และยังใช้ประโยชน์จากของตกแต่งเหล่านี้ได้ด้วยครับ


       สุดท้ายนี้ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ คุณควรจะพิจารณาในเรื่องของเวลาในการดูแล ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในระยะเริ่มต้น และระยะยาว รวมทั้งกิจกรรมของคุณและคนในครอบครัวด้วยครับ

















ที่มา //www.konbaan.com ค้นหาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบ้าน




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2552    
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 19:15:58 น.
Counter : 1040 Pageviews.  

พื้นที่ว่างๆในบริเวณบ้านแล้วควรจะทำอย่างไรดี













:: ( ตอนที่1 ) ถ้าคุณมีพื้นที่ว่างๆในบริเวณบ้านแล้ว ควรจะทำอย่างไรดี ::

ถ้าคุณมีพื้นที่ว่างๆในบริเวณบ้านแล้วควรจะทำอย่างไรดี

ลองพิจารณาสิ่งเหล่านี้ดู ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ


1. สวน เป็นสิ่งที่นิยมกันมาก มีหลายรูปแบบ ได้แก



  • สวนครัว คือพืชที่ปลูกไว้ทำอาหาร เช่น การปลูกผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกาด มะนาว เป็นต้น ข้อดีก็คือ ปลูกง่าย ใช้พื้นที่ไม่มากนัก ช่วยประหยัดเงินค่าวัตถุดิบในการทำอาหารได้ แต่ต้องใช้เวลาในการดูแลค่อนข้างมาก และในบางครั้งผลผลิตที่ได้อาจไม่คุ้มค่า

  • สวนดอกไม้ ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านเป็นอย่างดี แต่ควรจะปลูกดอกไม้ให้หลากหลาย เพราะดอกไม้แต่ละชนิดจะสวยงามในฤดูกาลที่ต่างกัน มีดอกไม้บางชนิดที่สวยงามตลอดทั้งปี ได้แก่ กล้วยไม้ ซึ่งควรเน้นปลูกดอกไม้ชนิดนี้มากกว่าชนิดอื่น

  • สวนไม้ยืนต้น มีทั้งแบบที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ หากมีการจัดวางที่ดีสวนนี้ก็จะสวยงามได้โดยที่ไม่ต้องดูแลมากมาย

  • สนามหญ้า จะประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะมีราคาไม่แพง ปลูกง่าย ดูแลง่าย และใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นที่พักผ่อน เล่นกีฬา หรือจัดงานเลี้ยงก็ได้

  • สวนแบบผสมผสาน การมีสวนหลายๆแบบในที่เดียวกันเป็นอีกหนึ่งความคิดที่ดี จะช่วยให้คุณได้ประโยชน์หลายๆอย่างจากสวนเพียงสวนเดียว


2. ลานคอนกรีต มีความแข็งแรง สะอาด ดูแลง่าย ส่วนความสวยงามขึ้นอยู่กับวัสดุตกแต่งบนพื้นผิว ได้แก่



  • กระเบื้อง มีหลายรูปแบบ หลายราคา และหลายชนิด ไม่ควรเลือกใช้กระเบื้องพื้นผิวมันมาปูภายนอก เพราะจะทำให้ลื่นล้มได้เวลาฝนตก การเลือกซื้อกระเบื้องไม่จำเป็นต้องใช้ของแพงเสมอไป การออกแบบและการจัดวางที่ดีก็ช่วยให้ดูสวยงามได้

  • หินล้าง ทรายล้าง สามารถออกแบบได้หลากหลาย สวยงาม ราคาไม่แพงมาก และทำการติดตั้งได้รวดเร็ว แต่ข้อเสียคือ หากเกิดการแตกร้าวแล้วจะดูไม่สวยงาม และซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ยาก

  • ลานคอนกรีตธรรมดา หากท่านไม่ต้องการความสวยงาม แต่ต้องการความแข็งแรง เช่น ไว้สำหรับจอดรถ หรือทำเป็นลานเอนกประสงค์ทั่วๆไป ลานคอนกรีตธรรมดาก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ


คราวหน้าเรามาดูตอนที่ 2 กันต่อนะครับ...














ที่มา //www.konbaan.com ค้นหาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบ้าน




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2552    
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 19:05:30 น.
Counter : 625 Pageviews.  

:: คู่มือและขั้นตอนการทาสีที่ควรทราบ ::

เพื่อให้สีที่ทาคงสภาพที่ดี ใช้งานได้หลายปี ควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการทาสี ดังนี้





การเตรียมพื้นผิวที่ทา ไม่ว่าจะเป็นผิวปูน ไม้ โลหะ ต้องเตรียมผิวให้แห้ง เรียบ และปราศจากฝุ่น สนิม คราบไขมัน

การทาสีนั้น ต้องปฏิบัติตามระบบการทาสีที่ผู้ผลิตแนะนำ เช่น ผนังปูน ต้องทาสีรองพื้นป้องกันด่างเสียก่อนที่จะทาสีทับหน้า เพราะผนังปูนเป็นสารผสมระหว่างทรายกับซีเมนต์ เมื่อรวมกับน้ำจะเกิดเป็นน้ำปูนใสที่มีความเป็นด่างสูงพอที่จะเกิดปฏิกิริยากับผงสีในชั้นสีทับหน้าได้ ทำให้เกิดรอยด่าง สีตกไม่สม่ำเสมอได้ หรือถ้าเป็นผิวเหล็กก็จะต้องทาสีรองพื้นเหล็ก ป้องกันการเกิดสนิมเสียก่อนแล้วจึงทาสีทับหน้า

สีคือส่วนสำคัญที่จะเพิ่มความสวยงามให้กับอาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยอื่นๆ แต่ปัญหาที่มักเกิดขึ้นเสมอคือ เมื่อทาสีไประยะหนึ่งสีจะซีดจาง หลุดร่อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเตรียมพื้นผิวที่ไม่ถูกต้อง การทาสีไม่ครบระบบ การเลือกใช้สีผิดประเภท หรือใช้สีที่มีคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น

ดังนั้นเพื่อให้การทาสีเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆให้ครบ ดังนี้

ขั้นแรก : การเตรียมผิว
เพื่อให้สียึดเกาะกับพื้นผิวปูน ไม้ โลหะได้ดี อีกทั้งยังสวยงามและคงทน ก่อนทาสีทุกครั้งต้องทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อยเสียก่อน โดยขจัดฝุ่น คราบไขมัน สนิม รา ตะไคร่น้ำออกให้หมด พื้นผิวที่จะทาสีต้องแห้งสนิทและอยู่ในสภาพเรียบร้อย สำหรับผิวยิปซั่ม ต้องทำการฉาบเรียบและทิ้งไว้ให้แห้ง ขัดด้วยกระดาษทราย หลังจากนั้นปัดฝุ่นออก ทั้งนี้ในส่วนที่มีงานระบบเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น โคมไฟ ปลั๊ก สวิตซ์ เป็นต้น จะต้องติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและสามารถใช้งานได้ดี หลังจากนั้นจึงทาสีได้ สำหรับผิวไม้ต้องผ่านการอบแห้ง หรือตากจนแห้งสนิท หากผิวมีรอยชำรุด ต้องซ่อมก่อนโดยใช้สีโป๊ว หรือดินสอพองทิ้งไว้ให้แห้งสนิท จากนั้นขัดด้วยกระดาษทรายให้เรียบ ปัดฝุ่นออกให้หมด แล้วจึงทาสีต่อไป

ขั้นที่สอง : ทาสีรองพื้น
สีรองพื้นคือสีที่ใช้ทาบนผิวชนิดต่างๆ ก่อนทาสีทับหน้า ทำหน้าที่เสริมให้สีทับหน้ายึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี และป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างพื้นผิวกับสีทับหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
พื้นผิวปูน : สีรองพื้นจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความเป็นด่างของผนังปูน ทำปฏิกิริยากับสีทับหน้า สีจึงสวย ทนทาน ไม่หลุดล่อนง่าย

พื้นผิวไม้ : สีรองพื้นช่วยป้องกันยางไม้หรือน้ำยารักษาเนื้อไม้ที่เคยทาไว้ ไม่ให้ซึมออกมาผสมกับสีทับหน้า สีจึงไม่เป็นรอยด่าง

พื้นผิวเหล็ก : สีรองพื้นช่วยป้องกันการเกิดสนิม และเสริมการยึดเกาะของสีทับหน้า สีจึงสวยทนนาน

ขั้นที่สาม : ทาสีทับหน้า
สีทับหน้ามีสีให้เลือกมากมาย โดยทั่วไปมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สีน้ำ และสีน้ำมัน ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้

สีน้ำ ( EMULSION ) : ใช้ทาบนพื้นผิวปูน ,เนื้อสีด้าน กึ่งเงา ,แห็งเร็ว ( 20 นาที - 1 ชั่วโมง ) ,กลิ่นไม่แรง ,ตัวทำละลายเป็นน้ำ ,ราคาถูก


สีน้ำมัน ( ENAMEL ) : ใช้ทาบนพื้นผิวไม้ ,โลหะ  ,เนื้อสีเงามาก ,แห้งช้า ( อย่างน้อย 6 ชั่วโมง )  ,กลิ่นแรง  ,ตัวทำละลายเป็นน้ำมัน  , ราคาแพงกว่า หรือ ทินเนอร์


นอกจากนี้สีน้ำและสีน้ำมันยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สีภายใน และสีภายนอก โดยสีที่ใช้ทาภายนอกมีความทนทานต่อทุกสภาพดินฟ้าอากาศ ขณะที่สีภายในจะใช้ภายในอาคารเท่านั้น แต่สีทาภายในจะให้ความเนียน สวย และทำความสะอาดได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเลือกใช้สีให้เหมาะกับสถานที่ที่จะใช้งาน
การทาสีทับหน้าควรทาอย่างน้อย 2 เที่ยว โดยทิ้งระยะให้สีที่ทาเที่ยวแรกแห้งสนิท แล้วจึงทาทับอีกครั้ง
หมายเหตุ :
การเลือกใช้สีรองพื้นและสีทับหน้านั้น ควรเลือกใช้สีให้ถูกประเภทของงาน

ควรเลือกใช้สีจากผู้ผลิตเดียวกันทั้งระบบ


ที่มาจาก //www.konbaan.com ค้นหาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบ้าน




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2552    
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 11:40:46 น.
Counter : 1645 Pageviews.  

ข้อควรปฏิบัติ 10 ประการ เพื่อให้งานสีออกมามีคุณภาพ



1. ตรวจอาคาร : สภาพอาคารเป็นอย่างไร สะอาด และแห้งพอที่จะทาสีได้หรือไม่ พร้อมทั้งดูอุณหภูมิว่าหากมีความชื้นในอากาศมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ต้องพึงระวังเป็นพิเศษ

2. จัดการแก้ไข : หากอาคารมีจุดบกพร่องหรือชำรุดใดๆ ต้องทำการซ่อมแซมแก้ไขให้เรียบร้อยเสียก่อน

3. เลือกใช้สีให้ : ควรเลือกสีให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม

4. เจาะจงประเภทสี : พื้นผิวที่จะทาสีเป็นอะไร ไม้ ปูน หรือโลหะ ต้องเลือกสีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับพื้นผิวนั้น

5. มีสารช่วยให้สวยล้ำ : หากส่วนใดไม่จำเป็นต้องทาสี จะใช้ผลิตภัณฑ์ใดเพื่อเสริมความคงทน ตลอดจนช่วยรักษาให้อาคารสวยงามได้นานปี เช่น หินล้าง หินอ่อนเทียม ผนังก่ออิฐโชว์แนว หรือคอนกรีตเปลือย เป็นต้น ควรทาหรือพ่นด้วยน้ำยาซิลิโคน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราและตะไคร่น้ำ สำหรับผิวไม้หากไม่ทาสี ( ต้องการโชว์ลายไม้) ควรทายูรีเทน Wood stain หรือ Deck stain เพื่อรักษาเนื้อไม้ให้คงทนนานหลายปี

6. จะให้ดีต้องมีรองพื้น : ต้องทาสีรองพื้นชนิดไหน ให้ดูตามชนิดวัสดุ และคุณสมบัติของสีตามที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ เพื่อเสริมความคงทนและป้องกันการเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร และยังช่วยประหยัดสีทับหน้าได้ด้วย

7. อย่าฝืนกรรมวิธี : ควรใช้วิธีใด ไม่ว่าจะเป็นการทาด้วยแปรง พ่น หรือใช้ลูกกลิ้ง ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม เช่น บริเวณภายนอกอาคาร ซึ่งลมแรงไม่ควรใช้วิธีพ่น เพราะจะทำให้ผิวสีไม่เรียบ มีลักษณะเป็นผิวส้มและเปลืองสี หรือไม่ควรนำสีสำหรับพ่นหรือกลิ้งมาทาโดยใช้แปรง หรือไม่ควรนำสีที่มีสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษมาพ่น เพราะจะทำให้เกิดมลพิษรอบข้างขึ้น แต่ควรใช้วิธีทาแทนเป็นต้น

8. พึงระวังความชื้นจากใต้ดิน : ส่วนของอาคารที่ติดพื้นดิน มีระบบป้องกันความชื้นหรือไม่ ถ้าติดตั้งระบบกันความชื้นไม่ได้ ควรใช้น้ำยากันซึม Primer Sealer ทาสัก 2-3 ครั้ง ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนที่จะทาสีทับหน้า

9. ลอกล้างสิ้นสีเก่า : อาคารหรือบริเวณที่เคยทาสีมาก่อน หากสีเดิมเสื่อมสภาพ ต้องขัดล้างให้สะอาดหมดจด ในกรณีเป็นพื้นผิวปูนซึ่งยากต่อการลอกล้าง ควรทาด้วยสีรองพื้นปูนเก่า ทิ้งไว้ให้แห้ง ส่วนผิวไม้โลหะควรลอกล้างสีเดิมออกให้หมด แล้วจึงทาสีตามระบบให้ถูกต้องต่อไป

10. ทาสีตามระบบ : การทาสีตามระบบที่ผู้ผลิตแนะนำจะได้ผลลัพธ์ที่มีอายุการใช้งานสูง หากเลือกทาสีสลับระบบ ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่เทคนิคของผู้ผลิตก่อนเสมอ ซึ่งอาจอนุโลมให้ได้ในบางกรณีเท่านั้น แต่ผลลัพธ์หรือความคงทนย่อมด้อยกว่าการทาสีตามระบบที่ถูกต้อง

ที่มา www.konbaan.com ค้นหาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบ้าน




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2552    
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 11:04:22 น.
Counter : 649 Pageviews.  

เมื่อกระเบื้องบุผนังแตก จะสามารถเปลี่ยนเองได้หรือไม

        เมื่อกระเบื้องบุผนังแตก จะสามารถเปลี่ยนเองได้หรือไม่...คำตอบก็คือ "ได้" ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องผนัง กระเบื้องพื้น หรือจะเป็นกลาสบล็อคก็ตาม หากเกิดรอยร้าว หรือแตกแล้ว ก็ควรที่จะต้องทำการเปลี่ยนโดยเร็ว มิฉะนั้นแล้วความชื้นอาจจะแทรกตัวเข้าไปในช่องว่างนั้นได้ ซึ่งมีวิธีแก้ไขง่ายๆ ดังนี้


  • เตรียมวัสดุอุปกรณ์ :

    - กระเบื้องแผ่นใหม่

    - ปูนสำเร็จรูป

    - เหล็กสกัด (ตะปูคอนกรีตก็ได้) ,ค้อน

    - ปูนยาแนว,ฟองน้ำ

  • เลาะกระเบื้องแผ่นเก่า : ค่อยๆใช้เหล็กกับค้อน กะเทาะตรงร่องที่แตกร้าว เลาะไปเรื่อยๆจนถึงขอบกระเบื้อง ทั้งนี้ถ้าคุณใช้เหล็กสกัดที่ใหญ่ไป อาจจะใช้ตะปูคอนกรีต เป็นตัวตอกเลาะกระเบื้องก็ได้

  • สกัดผนัง : ใช้เหล็กสกัดกะเทาะผนังที่เอากระเบื้องออกไปแล้ว ให้เป็นรูทั่วทั้งแผ่นพอสมควร แล้วทำความสะอาดจากเศษปูนให้หมด

  • ติดกระเบื้อง : ผสมปูนสำเร็จรูปกับน้ำสะอาดให้เหนียวลื่นพอสมควร แล้วเอามาโปะที่ด้านหลังกระเบื้องให้เป็นก้อน กะว่าให้ปูนทั่วถึงทั้งแผ่นในตอนที่เราแปะกับผนัง จากนั้นพรมน้ำลงบริเวณที่สกัด เอากระเบื้องที่โปะปูนแล้วกดเข้าไปตรงๆ ใช้ด้ามค้อนค่อยๆเคาะกระเบื้องแต่ละด้าน ให้แนบเป็นระนาบเดียวกับแผ่นอื่นๆ แล้วปาดเศษปูนส่วนเกินออกจากร่องขอบกระเบื้อง

  • ยาแนว : ผสมปูนขาวยาแนวกับน้ำสะอาดให้เหนียวข้นพอควร แล้วใช้นิ้วป้ายกดลงไปในร่องกระเบื้องทั้ง 4 ด้าน เมื่อปูนขาวแห้งพอควรแล้ว ใช้ฟองน้ำชุบน้ำบิดให้แห้ง เช็ดถูคราบปูนส่วนเกินให้หมด เป็นอันเรียบร้อย




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2552    
Last Update : 24 มิถุนายน 2552 15:50:59 น.
Counter : 516 Pageviews.  

1  2  3  4  

ProKwan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ProKwan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.