เรื่องเซ็งๆ กับกรุงไทยแอกซ่าประกันชีวิต

ขอเขียนและระบายด้วยความอัดอั้น ตันใจ และบอกไว้ เผื่อเพื่อน ๆ ญาติ ๆ มาอ่านตอนเราตายแล้ว ช่วยไปบอกพี่น้องเราให้ตามเงินประกันกับบริษัทนี้ให้ด้วย

Krungthai AXA

ดวงคงไม่ถูกกับบริษัทประกันอ่ะ เมื่อตอนเรียนปีหนึ่ง ทำประกันกับบริษัทประกันข้ามชาติอันนึง ใหญ่โตสุด ๆ ส่งเบี้ยได้ไม่กี่ปีก้อรู้ตัวว่าถูกตัวแทนหลอก ผลประโยชน์ที่ได้รับจริง กับที่มันมาโม้ไว้กับตอนขาย ไม่ตรงกันอย่างแรง ตอนนั้นเด็ก ๆ และไม่ใช่เงินตัวเอง เลยหยุดส่งไปซะเฉย ๆ สูญเงินไปหลายอยู่ นับแต่นั้นจนเมื่อปีที่แล้วนับรวมได้สิบกว่าปีสาปส่งบริษัทประกันไปเลย ไปเจอคนขายประกันที่ไหน หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทเป็นตัวแทนประกันบริษัทนั้น ก้อเลี่ยง ๆ ตลอด สนิทหน่อยก้อบอกว่าอย่ามาขายชั้น คบเป็นเพื่อนดีกว่านะ (โอเค ซวย เจอคนไม่ดี บริษัทไม่เกี่ยวก้อได้)

ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว (2008) มาคิด ๆ ว่า เออ เงินเดือนเราไปเสียภาษีเยอะแยะ เอ้า เก็บเงินในรูปแบบประกันชีวิตก้อได้ฟระ ได้ลดหย่อนภาษีด้วย หา ๆ ข้อมูลอยู่ โชคชะตาก้อนำพาให้พบกับตัวแทนของบริษัทกรุงไทย แอกซ่า ฟังข้อมูล เงื่อนไข ผลตอบแทน เบี้ยประกันแล้ว โอเค ตกลงทำ ไม่อยากจ่ายเงินก้อน เลยทำสัญญาเป็นจ่ายรายเดือน เพราะง่าย ๆ ตัดผ่านบัญชีก้อได้ หรือจ่ายผ่าน Internet Banking ที่เรามีอยู่ก้อได้ โอเค ทำพร้อมกับทำเรื่องขอตัดบัญชีธนาคารไปด้วย ระหว่างรอการตัดบัญชีธนาคารก้อจ่ายผ่าน internet banking ไป

จ่าย ๆ ไปสักสองสามเดือน โอเค ไม่มีรัย

จ่าย ๆ ไปอีกสองสามเดือน เอาละ มีจดหมายมาบอกว่ากรมธรรม์ของท่านขาดส่ง หมดอายุไปแล้ว เอ้า....โทรไป clear ได้ความว่าหาข้อมูลไม่เจอ เราก้อส่ง fax ทุกอย่างไปว่าจ่ายแล้ว โอเค จบเรื่อง

ส่วนเรื่องตัดผ่านบัญชี เค้าบอกว่าทำไม่ได้ เพราะลายเซ็นไม่ตรง ไม่ตรงได้งัยฟระ ก้อไม่รู้จะทำงัย ก้อเซ็นงั้นอ่ะ ตามไป ตามมาบอกว่าบริษัทเค้าเนี่ยะถูกธนาคารที่เรามีบัญชีอยู่กลั่นแกล้ง เพราะธนาคารนั้นก้อมีประกันรูปแบบนี้เหมือนกัน เลยไม่อยากอำนวยความสะดวกให้เรา (ว่าไปนั่น) เค้าให้เราไปทำเรื่องรับรองลายเซ็นที่ธนาคารสาขาที่เปิดบัญชี เออนะ วิ่งไปกินข้าวยังไม่ทัน ยังต้องวิ่งไปธนาคารที่อยู่ไกลออกไปเนี่ยะ เลิกคิด เลยจ่ายผ่าน Internet Banking ต่อไป

จ่าย ๆ ไปเรื่อย ๆ อีก จนเดือน May 2009 มันมาอีกแล้ว จดหมายแจ้งกรมธรรม์ขาดอายุ เซ็งเป็ด! โทรไป clear อีกครั้ง พร้อมโวยวายไปพอหอมปากหอมคอ จบเรื่อง เจอเรียบร้อยทุก payment ที่โอนไปโดยไม่ต้อง fax หลักฐานไปให้ และไม่นานหลังจากนั้นก้อได้รับเอกสาร confirm ว่าได้รับค่าเบี้ยเรียบร้อยแล้วตามลำดับ

หลังจากนั้นสักสองอาทิตย์ ขณะที่นอนป่วยอยู่บ้าน มีผู้หญิงคนนึงโทรมาจาก กรุงไทย แอกซ่าอีก คราวนี้มาแนวแบบทวงหนี้และทำน้ำเสียงแบบจะอนุโลมหนี้ให้ (คิดเอาเองว่ามีน้ำเสียงสมเพทปนมาด้วย) บอกว่า เนื่องจากคุณขาดส่งเบี้ยมาจนประกันขาดอายุแล้ว แต่อย่างไรก้อตาม เราจะไม่พูดถึง ขอเพียงคุณจ่ายค่าเบี้ยเดือนนี้มา แล้วเราจะ activate กรมธรรม์ให้ เท่านั้นล่ะ ของขึ้นนนนนน อารมณ์พุ่งปรี๊ดดดดดด

นี่ถ้าตรูบังเอิญตายก่อนหน้านั้นสักเดือนนี่ แม่ตรูจะได้เงินมะนั่น แม่จะรู้มั้ยว่าลูกส่งประกันครบทุกเดือนไม่มีขาด แต่บริษัทประกันบอกไม่ได้รับเงิน กรมธรรม์ขาดอายุ

พนักงานดวงซวยคนนั้น เจอกับคนดวงซวยเรื่องประกันแบบเราโวยเข้าไป ถึงกับออกอาการ เค้าบอกว่าเค้าเป็นผู้อำนวยการฝ่าย แต่วิธีการรับมือลูกค้านี่ มาสมัครเป็นแม่บ้านบริษัทเรายังไม่รับเลย ในที่สุดก้อเป็นเรื่อง เค้าวางหูใส่เรา พอโทรกลับไปก้อไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น แล้ววางหูไปอีก โทรไปอีกครั้งก้อปิดเครื่องหนีไป ดูคนที่เค้าเป็นผู้อำนวยการทำ เราเลยโทรเข้าสำนักงานใหญ่ ตามจนรู้ว่ากรมธรรม์เรียบร้อย (เจ้าหน้าคนนี้ดีมาก ตามเรื่องให้การจ่ายเงินให้ ไปจนถึงสาเหตุที่ว่าทำไม payment เราทางบริษัทไม่ได้รับ หรือล่าช้า ทั้ง ๆ ที่ตามเรื่องนี้มาสองครั้งแล้ว ไม่เคยมีใครตอบคำถามได้)
ส่วนเรื่องร้องเรียนท่านผอ. คุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้าส่งแบบฟอร์มมาให้กรอกเพื่อทำเรื่องร้องเรียน เราทำแบบตั้งใจสุด ๆ ฟอร์มไม่พอเขียน ก้อร่างใส่กระดาษแยกต่างหาก เพราะต้องร่ายเรื่องเป็นมหากาพย์ ส่ง EMS แบบมีใบตอบรับไปพร้อมกับเอกสารต่าง ๆ ทั้งหมด

ผ่านไปสองอาทิตย์ "ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก" เมื่อวานเลยโทรไปตาม ได้คุยกับผู้ช่วยผจก.ฝ่ายรับเรื่องร้องเรียน รับทราบเรื่อง แล้วบอกว่าได้ส่งเรื่องไปทางฝ่ายตัวแทนแล้ว และให้คนที่แสดงกิริยาอย่างนั้นกับเราโทรมาขอโทษเรา และเมื่อเราพึงพอใจแล้ว จะมีจดหมายขอโทษจากบริษัทมาให้เราอีกครั้ง!

เหรอ แค่นั้นแล้วจบเหรอ
1) เราไม่เคยได้รับโทรศัพท์ขอโทษจากใครทั้งสิ้น ไม่มีกระทั่งคำตอบว่าได้รับเรื่องร้องเรียนกำลังดำเนินการอยู่
2) ทำไมให้คนนั้นโทรมาขอโทษ แล้วงัย จบแค่นั้นเหรอ หัวหน้าเค้ารู้เรื่องมั้ย หัวหน้าเค้าทำรัยมั่ง และที่สำคัญบริษัทล่ะทำรัยมั่ง

แล้วยังมาพูดกับเราอีกว่า เค้าจะดำเนินการต่ออย่างไรก้อเป็นเรื่องภายในของบริษัท ไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้ารู้ อ้าวววว เหรอ

สักพัก ท่านผอ.ฝ่ายตัวแทน (แทนอะไรไม่รู้ เจ้าตัวเองก้อดูจะตอบไม่ได้) โทรมาขอโทษ ถามว่าเราพอใจหรือยัง 5555 มันกล้ามากกก มาถามแบบนี้ แล้วยังไม่พอ มีหน้ามาบอกอีกว่า วันนั้นเค้าไม่ได้เป็นคนรับเรื่องนี้ เค้าวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ คงเป็นคนอื่นรับเรื่อง โอ้โห ขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาเถียงอีก บอกว่าไม่เคยปิดเครื่อง ไม่เคยวางหูใส่ เออนะ เรียกอารมณ์ตรูได้อีกน่ะ เอาเข้าไป พอเรายืนยัน เค้าก้อบอก “โอเคค่ะ ขอยอมรับผิดทั้งหมดก้อได้ ขอโทษละกันนะคะ แล้วจะเอาอะไรจากดิชั้นอีกคะ” แล้วเค้าก้อยืนยันว่าเค้าไม่เคยได้รับคำสั่งให้โทรมาขอโทษเราเลย จนวันนี้ เราก้อเลยซักไซ้ไล่เลียงอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า ใครโกหกกันแน่ เอ้ย ใครโกหกว่าอะไรกันบ้าง (มันน่าจะโกหกกันหมดตั้งแต่ฝ่ายรับเรื่องนั่นแหละ)

ไหน ๆ ก้อเสียเวลาแล้ว เลยโทรกลับไปหาผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนอีกครั้ง บอกว่า ดิฉันไม่มีความมั่นใจในการทำงาน และบริษัทของคุณเลย เอาแค่เรื่องแค่นี้ก้อเห็นถึงความไม่ใส่ใจกับลูกค้าแล้ว พยายามสงบสติอารมณ์พูดกับเค้าให้ดีที่สุด ขอให้เห็นใจกันบ้าง ทำประกันชีวิตนะคะ ต้องส่งเบี้ยไปอีกสิบกว่าปี ถ้าไม่โชคดีตายไปซะก่อนเนี่ยะ เอาแค่มีเรื่องกวนใจแบบนี้สักปีละหน ก้ออีกสิบกว่าหนอ่ะนะ เยอะนะคะ เค้าบอกมาว่า ก้อส่งมาปีกว่าแล้ว เกินอำนาจที่เค้าจะช่วยอะไรได้ เพราะถ้าจะหยุดจ่ายตอนนี้ ก้อจะได้เงินคืนพันสองพันบาท ถ้าเป็นแค่สองสามเดือนแรก อาจทำได้มากกว่านี้ (เออ สรุปได้ว่า อย่าเป็นลูกค้ามันนาน ๆ) เราก้อเลยบอกว่า ลองไปทำเรื่องเสนอผู้ใหญ่ดูละกันนะ ลองเอาไอ้เดือนที่ดิฉันไม่ได้รับความคุ้มครองน่ะ มาคำนวนดูด้วยก้อได้นะ เผื่อจะได้เงินคืนมากขึ้นเพราะมันก้อหลายเดือนอยู่ นี่ดิฉันต้องไปสั่งเสียญาติพี่น้องไว้ว่า มีประกันที่นี่นะ ส่งเบี้ยครบนะ หลักฐานอยู่ที่ office นะ ถ้าตายให้มาเอาเอกสารไปตามเงินให้ด้วยนะ (กลัวตอนตายแล้ว ยมทูตท่านไม่อนุญาตให้ไปตามเอง) และเค้าบอกว่าเค้าจะหาตัวแทนที่มีความรับผิดชอบมาดูแลเรา เพราะตัวแทนประกันที่เคยดูแลเรา ขาดสัญญากับบริษัทไปแล้วด้วยสาเหตุอะไรสักอย่าง (ทำไมเจอแต่ตัวแทนแย่ ๆ ฟระ) แต่ anyway เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวแทนค่ะ เราบอกไปว่าเราไม่ได้ต้องการตัวแทนมาดูแล เพราะโดยรูปแบบและเงื่อนไขประกันไม่มีความจำเป็นต้องมี ที่ต้องการคือระบบของบริษัทที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้

เฮ้ออออ เหนื่อยย เค้าจะเข้าใจกันบ้างไหม ถ้างี้ สู้เอาเงินไปซื้อ LTF RMF ดีกว่ามั้ย ไม่มีความคุ้มครอง แต่ตรูได้เงินตรูคืนแน่ ๆ (ได้มากน้อยว่ากันอีกที) หรือที่แน่ ๆ ถ้าให้เทียบระหว่างส่งเงินกับบริษัทนี้ต่อไปกับเอาเงินไปใส่ไหฝังดินไว้ อย่างหลังน่าจะดีกว่าเยอะ จับพลัดจับพลู ลูกหลานอีกหลาย ๆ รุ่นมาขุดเจอ เอาแบงค์เก่าไปขายได้เงินอีก ฉะนั้นถ้าจะฝังต้องเอาแบงค์ใหม่ ๆ ไม่มีรอยพับ ขายจะได้ราคาดีหน่อย

บ่นมาซะยาว แค่จะบอกว่า “การประกันทุกรูปแบบมีเงื่อนไขเฉพาะ กรุณาอ่านรายละเอียดการประกันให้ดีก่อนตัดสินใจ” และ “ให้ซื้อประกันกับตัวแทนที่มีใบอนุญาตเท่านั้น” และแถมเองว่า ถ้าให้ดี เอาเงินไปทำอย่างอื่นเหอะ ถ้าดวงเป็นแบบเรา (ไม่ได้เถียงว่าคนที่ได้ประโยชน์จากการทำประกันชีวิตก้อมีเยอะแยะ แต่บังเอิญไม่ใช่ตรู) บริษัทประกันเองก้อมีส่วนสำคัญ ยักษ์ใหญ่ในวงการประกันก้อจะล้มได้ นับประสาอะไรกับบริษัทเล็ก บริษัทน้อยทั้งหลายแหล่ แต่ทำไปแล้ว รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเบี้ยล่างแบบเนี้ยะ อย่าทำซะดีกว่า

หรือใครมีวิธีจัดการกับเรื่องพวกนี้ เล่าให้ฟังบ้างสิ

ปล. เค้าบอกว่าวันนี้ (22 July 2009) เค้าจะโทรกลับมาว่าผู้ใหญ่ว่างัยบ้าง....เพี้ยง...เงินนิดหน่อย ของแกอ่ะ คืนช้านนนมาเหอะ

Create Date : 21 กรกฎาคม 2552		2 comments
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 11:14:12 น.
Counter : 23016 Pageviews.
Share Tweet