ชีวิตนี้....เพื่อลูก
Group Blog
 
All Blogs
 

ดีกันก็ได้...แต่ต้องไปตรวจ AIDS ก่อนนะ

...หลังจากที่อยู่กันในสภาพครอบครัวที่ต่างคนต่างอยู่มานาน จนลูกชายคนโตอายุ 5 ขวบ วันหนึ่งคุณสามีเค้าก็มาพูดกับเราว่าขอคืนดีกับเราเถอะนะ เค้าอยากจะให้เจ้าคนโตมีน้องอีกคน อีกหน่อยเวลาที่เราไม่อยู่กันแล้วลูกจะได้มีเพื่อน (อิอิ ทำเป็นเอาลูกมาอ้าง) เราก็ไม่ได้เล่นตัวอะไรนะ แค่บอกว่าดีกันก็ได้ แต่เค้าต้องไปตรวจเลือดก่อนว่าก่อนหน้านี้ที่ไปตะแล๋ดแต๋ดแต๋กับผู้หญิงคนนั้นมาไปติดโรคอะไรมาหรือเปล่า เราไม่เอาชีวิตเราไปเสี่ยงหรอกนะ เราต้องรักษาชีวิตเราไว้เพื่อดูแลลูก เค้าก็ยอมไปแต่โดยดีนะ พอผลเลือดออกมาปกติเราก็กลับมาใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง....อ้อ! เราบอกเค้าด้วยว่าถ้าเราท้องเมื่อไหร่เค้าจะต้องซื้อบ้านใหม่ให้เรากับลูกอยู่นะ เราไม่อยากอยู่คอนโดเหมือนเดิมแล้วถ้าครอบครัวใหญ่ขึ้นพื้นที่ก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย...ซึ่งเค้าก็ตกลง
....หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ได้ฤกษ์เปิดแพรคลุมป้ายโครงการ 2 เค้าก็ทำตามสัญญาคือหาซื้อบ้านให้ตามที่เราขอ เป็นบ้านหลังเล็กๆ ชั้นเดียว แต่มีห้องใต้ดินด้วย กิ๊บเก๋น่าดู อยู่ใกล้ที่ทำงาน เราเดินไปทำงานทุกวันไม่ต้องเสียสุขภาพจิตกับรถติดบนถนน จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายน 2551 เราก็คลอดเจ้าตัวเล็กคนที่ 2 เป็นผู้ชายเหมือนคนแรก ชื่อ "ต้นกล้า"
....ปัจจุบัน ครอบครัวของเราอยู่พร้อมกันอย่างมีความสุขตามอัตภาพ ในบ้านหลังเล็กๆ อยู่กันอย่างอบอุ่น ไม่มีปัญหามือที่สามที่สี่เข้ามาอีก เพราะเราได้ยื่นคำขาดไว้ก่อนแล้วว่า ถ้ามีเรื่องมือที่สามเข้ามาอีกเมื่อไหร่ จะไม่มีคำว่า "ให้อภัย" จากเราอีกแล้ว




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2552    
Last Update : 4 มิถุนายน 2552 14:19:24 น.
Counter : 373 Pageviews.  

สภาพครอบครัวที่ต่างคนต่างอยู่

หลังจากที่ศาลตัดสินยกฟ้องแล้ว.....ครอบครัวเราก็มีสภาพต่างคนต่างอยู่ ในเวลานั้นเราขอใช้เวลาในการเตรียมตัว เตรียมใจ ว่าเมื่อเราพร้อม ลูกพร้อม เราจะไป เราจะไม่อยู่กับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว สำหรับเรากับเค้าเรียกว่าเลิกยุ่งเกี่ยวกันโดยสิ้นเชิง อยู่บ้านเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน พูดคุยกันเฉพาะเรื่องลูก ครอบครัวเรารับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเราไม่ได้ ....พี่ชายเราสั่งห้ามสามีเข้าบ้านเราเด็ดขาด เพราะเค้ารับไม่ได้กับสิ่งที่สามีทำกับน้องสาวของเค้า.....ตอนนั้นเราก็รู้แล้วว่า ในยามที่เราทุกข์ นอกจากลูกแล้ว เรายังมีพ่อ มีพี่ มีเพื่อนที่คอยเป็นกำลังใจให้เรา
.....เวลาที่เราจะพาลูกไปเที่ยวต่างจังหวัด เราก็จะไปกับเพื่อนๆ บรรดา Single mom เราเตรียมความพร้อมที่จะเป็นคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวจริงๆ เราไม่เคยชวนสามีไปด้วยเลย เพราะรู้ว่าถึงชวนเค้าก็คงไม่ไป
.....ต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็เลิกติดต่อกับสามีเราไปเฉยๆ เท่าที่รู้สามีเราก็พยายามติดต่อหาเธอคนนั้น แต่ก็รู้ว่าเธอไม่อยู่หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่ถูกพ่อเลี้ยงประจานว่าโดนเราฟ้อง แล้วพฤติกรรมของสามีเราก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เรารู้ว่าไม่มีการติดต่อกันแล้ว เค้าไม่เคยหายไปได้อีก แต่สำหรับเรายังทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ขอให้เวลาทำใจหน่อยนะ
..... เกือบ 2 ปีครึ่งที่สภาพครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ครอบครัวที่ต่างคนต่างอยู่ มีอยู่วันหนึ่งเป็นช่วงสิ้นปี 2549 เราได้รับข้อความจากผู้หญิงคนนั้นที่ส่งเข้ามือถือเรา เธอส่งมาว่า "สวัสดีปีใหม่....ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเจ็บปวดด้วยกันทุกฝ่าย โดยเฉพาะเธอ อดทนนะเพราะเธออยากเอาชนะ ฉันขออโหสิกรรมทั้งกายและใจ...จากผู้หญิงที่เธอเกลียด"
....เราอ่านข้อความพร้อมกันกับหลาน อ่านจบก็พากันหัวเราะ....สงสัยเธอจะ "จน กินเหล้า เครียด" (โฆษณายอดฮิตในตอนนั้น) แต่เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรนะ เอาเหอะอโหสิกรรมก็อโหสิกรรม ชั้นก็ขออโหสิกรรมให้เธอด้วยก็แล้วกัน




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 16:20:55 น.
Counter : 927 Pageviews.  

ยื่นฟ้องศาล.....ข้อหาเป็นชู้กับสามี

ตัดสินใจไปปรึกษาทนายความว่าจะฟ้องผู้หญิงคนนั้นแล้ว ก็รวบรวมหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความติดต่อกันทาง mail หลักฐานการโอนเงิน และพยานบุคคล เมื่อทนายยื่นเรื่องต่อศาล และมีหมายศาลไปถึงผู้หญิงคนนั้นแล้ว....ตอนแรกผู้หญิงคนนั้นก็ไม่รู้ว่าโดนเรายื่นฟ้องศาล แต่มีคนทำหน้าที่ PR ให้เสร็จสรรพ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคุณพ่อเลี้ยงของผู้หญิงคนนั้นเอง ที่ต้องการจะประจานลูกเลี้ยงสาว ซึ่งเราก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมเค้าถึงทำอย่างนั้น พ่อเลี้ยงของผู้หญิงคนนั้นรับที่จะไปเป็นพยานให้เราในศาล แล้วก็เอาหมายศาลที่ไปติดไว้บ้านเก่าของผู้หญิงคนนั้นไปถ่ายเอกสารแจกคนทั่วทั้งตลาดที่เค้าขายของอยู่ที่นั่น
...พอผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องที่เราฟ้อง ทีนี้ล่ะหายนะก็เริ่มเข้ามาเยือนเราทันที เพราะคุณสามีก็มาต่อว่าขู่เราให้ไปถอนฟ้องถ้าไม่ถอนฟ้องก็จะหย่ากับเราเพื่อไปรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้นไม่ให้เสียหาย.....เออ เอาเข้าไปสิ แต่เราก็ไม่ได้ไปถอนฟ้องนะ แล้วเราก็แสดงหลักฐานต่อศาลไม่ครบในวันที่ศาลนัดไป
ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ไปศาล มีแต่พ่อเลี้ยงของเธอที่ไปเป็นพยานให้เรา ใจจริงของเราไม่ได้ต้องการค่าเสียหายอะไรตามที่ฟ้อง แต่เราต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกยุ่งเกี่ยวกับสามีเราเท่านั้นเอง
....จนกระทั่งวันที่ศาลตัดสิน สามีก็ยังขู่ให้เราถอนฟ้อง แล้วก็หน้านั้นก็วิ่งโร่ไปหาผู้หญิงคนนั้นไปพูดอะไรไม่รู้ให้เค้าอัดเทปไว้เป็นหลักฐานด้วย (อาของผู้หญิงคนนั้นบอกเรา)...วันนั้นเราสับสนไปหมดจะถอนไม่ถอนดี เราร้องไห้ ลูกเห็นเราร้องไห้ก็คงจะรู้สึกโกรธ เกลียดพ่อตัวเองมาก ตอนที่พ่อเค้าเดินเข้าไปหาที่สำนักงานทนายความลูกยกเท้าเตะพ่อเค้า...เราเห็นแล้วอึ้งไปเลย เด็ก 2 ขวบ เค้าคงรู้สึกเลวร้ายมากกับสิ่งที่เค้ารับรู้ว่าพ่อทำให้แม่ร้องไห้
....ในที่สุดศาลก็ตัดสินยกฟ้อง เหตุผลคือหลักฐานที่เรานำเสนอยังไม่พอเพียง แบบประมาณว่าอาจจะเป็นการยืมเงินกัน และเราก็ไม่มีหลักฐานมานำเสนอว่าเค้าสองคนมีอะไรกัน (อ๋อ! คงต้องให้มีรูปถ่ายหรือวีดีโอให้เห็ฯชัดๆ ว่าสองคนนั้นทำอะไรกันอยู่ใช่มั้ย) ก็บอกแล้วไง เรายังแสดงหลักฐานไม่หมด เพราะเราก็เข้าใจว่าเค้าเคยเป็นแฟนกันมาก่อน เราแค่อยากให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับสามีเราเท่านั้น เราไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ แต่อย่ามาทำกิริยาไม่รู้สำนึกผิดชอบชั่วดีใส่เราแบบนั้น....โหยย สาระพัดจะคำพูดที่เจ้าหล่อนพูดใส่เรา เช่น ช่วยไม่ได้ผัวพี่มาหาหนูเอง แน่จริงก็เอาโซ่ล่ามคอผัวพี่ไว้สิ ....เออ ชั้นมันไม่มีฝีมือ เลยเอาผัวตัวเองไม่อยู่
...ตอนนั้นไม่รู้เป็นอะไร ไม่รู้ถูกวิญญาณผีนางเอกเข้าสิงหรือเปล่า เพราะปกติเราออกจะเป็นนังมารร้าย แต่กับเรื่องนี้เราใจเย็นมาก จนใครต่อใครพากันถามว่า ทำไมเราทนได้ ทำไมเราใจเย็น เป็นเค้ามันต้องแหลกกันไปข้างหนึ่งแล้ว




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 15:50:12 น.
Counter : 1009 Pageviews.  

เมื่อรู้ว่าสามี....ไปกับหญิงอื่น

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้วล่ะ ตั้งแต่ตอนตั้งท้องลูกคนแรก จริงๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนกับสามีมาก่อนที่จะมาคบกับเรา.....เรียกว่าพ่อเจ้าประคุณจับปลาสองมือ โดยที่ผู้หญิงสองคนไม่รู้เรื่อง พอความแตกต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอม ความรู้สึกในเวลานั้นคงจะเหมือนต่างฝ่ายต่างอยากจะเอาชนะ แต่เราถือว่าตัวเองเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมาย เพราะเราจดทะเบียนสมรสแล้ว และกำลังจะเป็นแม่ของลูก คุณผู้ชายเธอเคยขอเราว่าอย่าไปบอกแฟนเก่าว่าจดทะเบียนแล้ว เค้าจะเป็นคนไปเคลียร์เอง .....แต่ไปเคลียร์อิท่าไหนไม่รู้ พอเรารู้ปรากฏว่าโน่นเลย พากันไปกกอยู่ที่หอพักของผู้หญิงที่เชียงใหม่โน่น เราก็เลยตัดสินใจโทรไปบอกแม่ของฝ่ายหญิงว่าเราเป็นใคร แต่เค้าไม่เชื่อคำพูดเรา (โหยยยย เพิ่งรู้เลยนะว่าตัวชั้นเนี้ยมันไร้ความน่าเชื่อถือขนาดนั้น)
.....เรื่องมันก็คาราคาซังอยู่อย่างนั้น เราก็อุ้มท้องร้องไห้ไปทุกวันๆ มีแต่ลูกเท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง แล้วก็มีเพื่อนๆ คอยปลอบใจให้ทำจิตใจให้แจ่มใส เพื่อลูกที่จะคลอดออกมา ...ต่อมาผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าตัวเองโดนหลอกจริงๆ ก็บอกเลิกกับสามีเราๆ ก็สบายใจคิดว่าเรื่องราวมันจบลงด้วยดีแล้ว
....แต่มันกลับไม่ใช่อ่ะ ปรากฏว่ามันยังไม่จบไม่รู้ว่าเค้าไปรื้อฟื้นคืนดีกันอีกเมื่อไหร่ มารู้อีกทีก็เห็นสลิปใบโอนเงินของสามีตัวเองโอนเงินให้ผู้หญิงคนนั้นเดือนละสองหมื่นๆ โหยยยยย มันปี๊ดดดดขึ้นมาเลยอ่ะ ทีกับเราให้หารสองค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แต่นี่เล่นให้กันทีละเยอะๆ แบบนี้มันยอมไม่ได้โว้ยยย ยิ่งพักหลังๆ มีการลางานไปนัดพบกันเวลาผู้หญิงคนนั้นเข้ามากรุงเทพฯ
หนอยยย มันจะมากไปแล้วนะ....งานนี้นังเสืออย่างเรายอมไม่ได้ เป็นไงเป็นกันล่ะ




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 14:47:13 น.
Counter : 321 Pageviews.  

ต้นหอม.....หนูเป็นคนที่อยู่เคียงข้างในยามที่แม่ทุกข์

ต้นหอม....เป็นลูกชายคนโต ตอนนี้อายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล (สายแสด) ตอนที่รู้ว่ามีต้นหอมมาอยู่ในท้องแม่ดีใจมาก ลูกคนแรก มันช่างเป็นบทเรียนใหม่ที่ทำให้แม่ต้องเรียนรู้ทุกรูปแบบ ชีวิตครอบครัวในตอนนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนที่ท้องต้นหอมจะมีทั้งมีความสุข มีความทุกข์ แต่ในเวลาที่มีปัญหาแม่ก็มักจะเอามือจับที่ท้องแล้วพูดกับลูกเสมอว่า "แม่รักลูก" แล้วบางคืนที่แม่ร้องไห้แม่ก็จะฝันเห็นลูกเสมอ เหมือนกับว่าลูกมาคอยปลอบไม่ให้แม่เศร้า
......ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่จะนึกเสมอว่า "ต้นหอม" คือเพื่อนของแม่ในทุกเวลาจริงๆ ก่อนที่แม่จะมี "ต้นกล้า" อีกคน แม่เคยคิดนะว่า แล้วแม่จะรัก "ต้นกล้า" ได้มากเท่าต้นหอมหรือเปล่า
.....เมื่อก่อนนี้ แม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีเพียงแค่เราสองคน คือแม่กับต้นหอมเท่านั้น นึกถึงวันเวลาที่แม่มักจะหอบหิ้วต้นหอมไปเที่ยวไหนต่อไหน โดยไม่มีพ่อไปด้วย บ่อยครั้งที่เราสองคนเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าพอจะก้าวออกจากคอนโดฯ พ่อถึงจะรู้ว่าเราจะไปไหนกัน ไม่ว่าจะเชียงใหม่ ลำปาง พัทยา เราก็ไปกันได้โดยไม่ได้สนใจว่าพ่อจะไปด้วยหรือไม่ เพราะก่อนนั้นเราใช้ชีวิตครอบครัวกันแบบต่างคนต่างอยู่จริงๆ...จำได้ว่ามีเพียงครั้งเดียวที่ชวนพ่อไปเที่ยวด้วยกัน คือไปเที่ยวภูเก็ต ครั้งแรกในชีวิต ซึ่งมีอะไรเปิ่นๆ ขำๆ เกิดขึ้นกับพวกเราเยอะแยะ......แต่ ณ เวลานี้ครอบครัวของเรากลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น น่ารัก อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไปไหนด้วยกัน 4 คน พ่อแม่ลูก.....นี่แหล่ะชีวิต มีทั้งสุข ทุกข์ เศร้า




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 14:11:04 น.
Counter : 278 Pageviews.  

1  2  

Mae Tha
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mae Tha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.