|
ศูนย์สอบ TOEFL iBT ที่อยากแนะนำ
มาอัพข่าวให้ได้รู้กัน เราไปสอบมาแล้วล่ะค่ะ
สอบครั้งแรกไปสอบที่ ESI language center ที่อยู่หน้า ม เกษตร ประตู 1
จะบอกว่าที่นี่ห้องสอบไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ คนที่สอบครั้งแรกอย่าได้เลือกเลยนะ เพราะเราพลาดมาแล้ว เห็นว่าใกล้บ้านดี ไม่ได้ถามใครเลยว่าศูนย์สอบไหนเป็นไงบ้าง โห จะบอกว่าคอมพิวเตอร์ หูฟัง เก้าอี้ ดีหมด ยกเว้น โต๊ะสอบ เพราะโต๊ะสอบเป็นแบบ ติดๆกันหมดเลยอ่ะ แล้วห้องสอบก้อเล็กนิดเดียว นั่งเรียงกัน แถวนึงก้อประมาณห้าถึงหกคน ทั้งห้องมีประมาฯหกถึงเจ็ดแถวได้ มันติดๆกันหมดเลย เวลา speaking นะ เสียงดังกันให้วุ่นเลย แล้วไอ้คนข้างๆก้อชอบหันมามองด้วย มันไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่เลยแหละจะบอกให้
อีกอย่างสำหรับคนที่สอบครั้งแรกอย่างเรา ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ นั่งโง่ สมาธิแตกกระเจิงเลย ยิ่งพอช่วง listening นะ บางคนมันไปถึง speaking แล้ว โห เสียงตลบอบอวนอยู่ในนั้นแหละ ยิ่งแย่ไปใหญ่ แล้วเนีื่องจากห้องมันเล็ก แล้วแต่ละแถว ัมนนั่งติดกันหมด พอไอ้คนที่นั่งตรงกลางแถวมันพักก่อนเรานะ มันก้อเดินไปเดินมา อยู่หลังเรานั่นแหละ ต้องคอยหลบให้มัน ไปต้องฟังมันแล้วไอ้ listening นี่ หรือตอนทำ speaking นะ คนที่พักหลังเราก้อเดินไปเดินมา โห พูดไม่ออกเลย อาย
พอทำข้อสอบเสร็จ กลับบ้านไปสมัครสอบใหม่เลย
ครั้งที่สอง ไปสอบที่ ม เกษมบัณฑิต ร่มเกล้า
เออ ห้องสอบดีมากเลย ต่างจากครั้งแรกคนละขุมเลย ของเค้าจัดโต๊ะสอบดีมากเลย เค้าใช้โต๊ะแบบโต๊ะกลมใหญ่ๆ แล้วกั้นพาร์ติชั่นให้ได้ 4 คอกน่ะ แล้วแต่ละล๊อคมันก้อคนละทิศกันอยู่แล้ว มองใหญ่ก้อไม่เห็นกัน แล้วก้อเป็นส่วนตัวมาก ห้องเป็นห้องใหญ่ มีโต๊กกลมประมาณหกโต๊ะ แล้วแต่ละโต๊ะกลมนะ ก้อมีพาร์ติชั่นกั้นอีกที แค่เราเดินเข้าไปแล้วเห็นนะ รู้สึกเป็นส่วนตัวมากเลย แต่ no one is perfect ไม่มีไรสมบูรณ์แบบ เนื่องจากแต่ละโต๊ะค่อนข้างส่วนตัว แล้วพาร์ติชั่นก้อสูงมาก ตอนขอกระดาษทดใหม่ เจ้าหน้าที่มองไม่เห็นแหละ ยกมือค้างอยู่นั่นประมาณ สอบนาที แขนชาเลย เจ้าหน้าที่ก้อยังคงไม่มา ไม่เห็น เพราะเค้าไม่ค่อยเดินเท่าไหร่ มัวแต่นั่งอยู่หน้าห้อง รอดูใครยกแขน แต่พอดีเค้ามองไม่เห็นแขนเรา เซ็งเลย
เอาเป็นว่าใครจะสอบ จะสมัคร ก็ถามๆคนที่เคยไปสอบกันมานิดนึงค่ะ ว่าแต่ละที่เป็นไงมั่ง เพราะเราบอกได้เลยว่า สนามสอบเป็นปัจจัยนึงเลยกับการทำข้อสอบของเรา เราก็แนะนำเท่านี้แหละจ้า
ใครไปสอบที่ไหนมา มาแชร์กันมั่งนะจ๊ะ เผื่อเรามีรอบสาม 5555 แต่สอบครั้งที่สองนี่ สบายใจมากเลย เลยมาอ่าน GRE ต่อแล้ว หวังว่าไม่มีครั้งที่สาม โหะโหะโหะ

Create Date : 11 กันยายน 2551 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 22:40:55 น. |
Counter : 3992 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แนะนำการเตรียมตัวสอบ GRE General Test
สวัสดีอีกครั้งค่ะเพื่อนๆที่อยากไปเรียนต่อที่อเมริกา บ้านเรา 555
คนที่จะไปเรียน graduate school ยังไงก็ต้องสอบ GRE General Test ด้วยกันทุกคน และนี่ก็คือความภูมิใจหนึ่งที่ได้มีโอกาสได้ร่วมสอบ standardize test ที่ไม่ง่าย อีกอันหนึ่ง (ถ้าสอบผ่าน จะภูมิใจค่ะ แต่ช่วงเตรียมตัวสอบคงทุกข์ใจ 555)
ในส่วนตัวแล้ว คิดว่าการเตรียมตัวสอบ GRE เป็นการที่ต้องเอาแรงเข้าแรกค่ะ หมายความว่าอะไร ทำไมต้องเอาแรงเข้าแรก ก็หมายความว่า เพื่อนๆต้องใช้แรงกายและแรงใจในการท่องศัพท์ GRE โดยเฉพาะน่ะสิค่ะ ซึ่งเยอะมาก และที่สำคัญ ศัพท์อะไรก็ไม่รู้ เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น อันนี้พูดจริงๆนะ ไม่ได้ล้อเล่น
แนะนำให้เพื่อนๆ เตรียมตัวสอบไว้เลยประมาณ 2-3 เดือนก่อนสอบค่ะ แต่ท่องศัพท์ ควรจะท่องมาก่อนหน้านี้ จะได้ไม่ต้องโหมท่องเอาช่วงเวลาแค่สองเดือนนี้นะค่ะ
โดยส่วนตัว แนะนำให้เพื่อนๆท่องให้ได้ก่อไปสอบประมาณ 1500 คำ ซึ่งศัพท์ของ GRE mี่มีการจัดทำเรียบเรียงขึ้นมาสูงสุดก็ประมาณสามพันคำเท่านั้นเองค่ะ น้อยไปใช่ม่ะ รู้นะ คืดอะไรอยู่55
ลองคำนวณดูล่ะกันว่าถ้าท่องวันละสามสิบคำ จะต้องท่องกี่เดือนถึงจะให้ครบพันห้าร้อยคำ และที่สำคัญที่สุด อย่าท่องเอาปริมาณอย่างเดียว ต้องคุณภาพเป็นหลักด้วยนะจ๊ะ งานนี้ปริมณกับคุณภาพมาคู่กันเลยค่ะ ท่องของใหม่ ทวนของเก่าทุกวัน ย้ำทวนทุกวัน มิฉะนั้นลืมแน่นอน เพราะศัพท์ GRE เราคงไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันแน่นอน ท่องสำหรับสอบจริงๆ (สำหรับเรานะ) ควรทำ Flash card สำหรับท่อง มันช่วยได้จริงๆ ตอนแรกเราหลงทาง ไม่ทำ อยากลอง ปรากฤ ลืมหมดเลย ส่วนการทำ Flascard ก็เอาแบบง่ายๆ ไม่ต้องไปตัดอะไรให้ยุ่งยาก ไปซื้อกระดาษโน๊ตมาก็พอ เอาไซส์ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก 10x10 cm โดยประมาณ กำลังดี แต่ขอบอกว่า ควรซื้อมาเยอะๆ เยอะพอสำหรับพันห้าร้อยคำ เพราะเราโง่ไปแล้ว ซื้อมาทีละนิด ทำให้กระดาษแต่ละรุ่นที่ซื้อมาขนาดไม่เท่ากัน เวลาเอามารวมกันหมดปึ๊ง เลยไม่สวยเลย ไม่เป็นระเบียบ กระดาษเอาแบบถูกๆก็ได้นะ ไม่ต้องเนื้อดี หรูหรอก เปลือ ยังมีเรื่องต้องจ่ายเงินอีกเยอะ เก็บเงินไว้เหอะ 555
ระหว่างท่องศัพท์ ก็เตรียมตัวปัดฝุ่นคณิตศาสตร์ระดับ มัธยมต้นไปด้วยนะจ๊ะ
อย่าตกใจ ว่าต้องสอบเลขด้วยหรอ จะบอกว่าไปซื้อ Cracking GRE 2009 Edition ของ Princeton มาได้เลย มันเป็นหนังสือที่เยี่ยมยอดมาก อ่านหลายเล่มแต่ประทับใจเรื่องนี้มากที่สุด มันเป็นทริคในการทำข้อสอบค่ะ เพราะการทำข้อสอบ GRE ต้องทำให้เร็ว และถูกต้อง เพราะเดี๋ยวนี้มันเป็นการสอบแบบ computer based ที่จะว่าโหดก็โหด โหดที่ว่าก็คือ โจทย์มันจะให้มาตามความสามารถเราเป็นหลักค่ะ ก็คือ เขาจะให้โจทย์มาข้อนึง ถ้าเพื่อนทำผิด โจทย์ข้อต่อไปก็จะง่ายขึ้น ก็สบายเพื่อนๆล่ะคราวนี้ แต่ แต่ แต่อย่าเพิ่งสบายใจ คะแนนที่เพื่อนๆจะได้รับ แม้ว่าจะทำถูกก็ตาม แต่เป็นถูกในข้อง่ายๆน่ะค่ะ คะแนนก็จะต่ำโดยปริยายเลย เร่งยังไงก็ไม่ขึ้นแล้ว รู้ไว้นะจ๊ะ แต่หากข้อแรกเพื่อนๆทำถูก ข้อต่อไปมันก็จะยากขึ้นค่ะ และเมื่อทำผิดเมื่อไหร่ มันก็จะง่ายขึ้นอีก เป็นไงล่ะ โหดม่ะ เพราะฉะนั้น การทำข้อสอบข้อแรกๆ ประมาณสิบข้อแรกของแต่ละช่วงนั้นสำคัญที่สุดเลยค่ะ เพราะเป็นตัวชี้วัดระดับคะแนนเลยนะค่ะ ทำใจไว้ อย่าเพิ่งเป็นลม ไปซื้อมาเลย Princeton ที่แนะนำ
และแนะนำอีกอย่าง ไอ้หนังสือ GRE เล่มภาษาไทย อ่านได้ค่ะ แต่ไปยึดติดมากนะ เพราะว่าเวลาเพื่อนสอบ ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ไม่ใช่ภาษาไทย เวลาเตรียมตัวสอบก็ควรอ่านเล่มภาษาอังกฤษเตรียมตัวไว้ดีกว่า เพราะอย่างข้อสอบ math เนี่ย ตอนเราเรียน ม ต้นกันเราก็เรียนเป็นภาษาไทย เลขจำนวนเต็ม เต็มบวก เต็มลบ เศษส่วน ค่าเบี่ยงเลนมาตรฐาน โอ๊ยอะไรอีกจิปาถะ ถ้าอ่านภาษาไทยไป เราจะไม่คุ้นกับศัพท์พวกนี้เลย แล้วอีกอย่างอันนี้ส่วนตัวอีกเหมือนกัน อ่านเล่มไทยแล้วทำให้เรา งง ว่าตูโง่เลข หรืออ่านไม่เข้าใจกันแน่ว่ะเนี่ย เพราะเล่มไทยที่ซื้อมา เค้าไม่ใช่นักเขียนตัวจริง อ่านแล้ว งง ๆ แต่บางคนที่อ่านแล้วคลิ๊กกันก็อ่านไป ไม่ว่าอะไรนะจ๊ะ อ่านไว้เป็นพื้นฐานก็ได้ แล้วมาต่อยอดกับเล่มอังกฤษต่ออีกทก็แล้วกัน
ส่วนในเรื่องของ analytical writing ก็ช่วยได้เยอะเลยกับเล่ม princeton
ยังไงก็ไปซื้อมาอ่านล่ะกันค่ะ แต่อย่าเพิ่งท้อจนลดเป้าหมายลงแล้วคิดว่าไปเรียนที่อื่นก็ได้นะี ไม่ต้อง US ก็ได้ อย่าท้อนะจ๊ะ เรียนที่อื่นก็ดี แต่ในเมื่อเราตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะกลับบ้านที่ US ก็ควรยึดเป้าไว้ให้นิ่ง ส่วนเป้ารอง (ประเทศอื่นที่ไม่ใช่ US)ก็สมัครไว้ กันตาย555 ก็ได้นะ
สู้โว้ย

Create Date : 10 สิงหาคม 2551 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 22:41:34 น. |
Counter : 636 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แนะนำการสมัครสอบ TOEFL iBT
สวัสดีอีกรอบค่ะเพื่อนๆ
วันนี้นำวิธีการสมัครสอบมาบอกค่ะ หลายคนอาจจะทราบแล้ว แต่เชื่อว่ามีอีกหลายคน ที่อาจ งง งง ว่าต้องเตรียมอะไรบ้างในการสมัครแต่ละครั้งนะค่ะ
เริ่มเลยนะค่ะ
ขั้นแรกเลย เพื่อนๆควรเข้าไปดูที่ website ของ ETS ที่ชื่อ //www.ets.org จะมีรายละเอียดที่ละเอียดจริงๆ ทุกขั้นตอนมีบอกไว้หมดเลย
เราจะสรุปขั้นตอนการสมัครไว้เป็นข้อๆนะค่ะ เพื่อให้ง่ายการเข้าใจ 1. register ที่ //www.ets.org เพื่อนๆต้องลงทะเบียนกับทาง ETS ก่อนะค่ะ เพราะเค้าจะเก็บข้อมูลของเราทุกอย่างไว้ คล้ายๆกับการสมัคร email นั่นเอง คือต้องตั้ง username และ password แนะนำให้เพื่อนๆ จดไว้ให้ดีนะค่ะ เพราะการ log in แต่ละครั้ง เราต้องสะกดให้ถูกต้อง แม้กระทั่งตัวอักษรพิมใหญ่ พิมพ์เล็ก ต้องให้เหมือนตอนสมัครเลยก็ว่าได้ เพื่อนๆสามารถ register ทิ้งไว้เลย แม้จะยังไม่สมัครสอบก็ตามนะค่ะ ให้สมัครท้งไว้เลย แม้จะคาดว่าจะสอบอีกนานก็ตาม แต่แค่อย่าลืมusername and password ก็ตาม
2.ดูสถานที่สอบ และตารางสอบได้ในเว็บนั้นเลยนะค่ะ โดย ลิงค์เข้าไปเรื่อยๆในโหมดการสมัครสอบค่ะ มันจะมีบอกในขั้นตอนของการสมัครสอบค่ะ เพื่อนๆสามารถดูตารางการสอบได้ล่วงหน้าสามเดือนค่ะ ส่วนศูนย์สอบในประเทศแต่ละที่ อาจเปลี่ยนแปลงในแต่ละวันค่ะ ควรเช็คใหม่ทุกครั้งถ้าต้องการข้อมูลอัพเดทนะค่ะ
3. เตรียมบัตรเครดิต หรือ เดบิต ได้ทั้ง VISA, MASTERCARD ค่ะ ค่าสมัครสอบ 160 $US ค่ะ ราคานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้นะค่ะ ราคานี้ีี้เป็นราคาของวันที่โพสต์ค่ะ
4. รายชื่อมหาวิทยาลัยพร้อมรหัสของแต่ละที่ที่จะให้ส่งคะแนนค่ะ สามารถให้จัดส่งได้ 4 แห่งฟรีค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่มีมหาวิทยาลัย หรือยังไม่ต้องการให้ส่งคะแนนไป ก็ไม่ต้องใส่ได้ค่ะ และอาจมาใส่ได้ทีหลัง ก่อนวันสอบค่ะ ยังฟรีอยู่ค่ะ แต่ถ้าเลยวันสอบไปแล้ว ต้องเสียค่าส่งเพิ่มค่ะ ที่ละ 17$US ค่ะ
5. เมื่อสมัครเรียบร้อยแล้ว ให้ปริ๊นเอกสารยืนยันการสมัครสอบเก็บไว้ แล้วนำไปแสดงในวันสอบค่ะ ถ้าไม่นำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในวันสอบ เพื่อนๆจะไม่ได้เข้าสอบนะค่ะ เอกสารนี้สำคัญมาก แล้วอย่าลืมนำบัตรประชาชน หรือ พาสปอร์ตไปแสดงด้วยนะค่ะ เพื่อนๆควรนำเอกสารแสดงตัว ไปอย่างน้อยสองชนิดนะค่ะ เผื่ออันแรกใช้ไม่ได้ค่ะ ในเว็บจะบอกไว้นะค่ะว่าเอกสารใดสามารถใช้แสดงในการสอบได้ ปล บัตรประชาชนที่หมดอายุ ก็ใช้ไม่ได้นะค่ะ
เพียงเท่านี้เพื่อนๆก็ เตรียมตัวไปสมัครได้แล้วค่ะ โชคดีนะค่ะ
Create Date : 11 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 22:47:57 น. |
Counter : 783 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แนะนำหนังสือ TOEFL iBT สำหรับผู้เตรียมตัวสอบ
สวัสดีค่ะเพื่อนๆร่วมชะตากรรมที่กำลังจะเตรียมตัวสอบ TOEFL iBT ที่ยากมากกก เราก้อไม่ได้เก่งอะไรหนักหนา แต่เนื่องจากเราค้นข้อมูลมาเยอะ และประกอบกับเจ็บใจที่เราหาข้อมูลเกี่ยวกับ toefl แล้วมี แต่ข้อความเก่าๆ ไม่อัพเดทเลย เราเลยอยากมาเขียนแนะนำให้กับเพื่อนๆ ที่มีความตั้งใจจริงในการจะสอบนะค่ะ
เริ่มเลยล่ะกันนะค่ะ
หนังสือสอบ TOEFL iBt มีเยอะมาก แต่ละสำนักก็ออกหนังสือของตัวเอง ทำให้คนซื้ออย่างเราออกอาการมึนงงได้ ว่าเราควรจะซื้อเล่มไหนดี
ขอแนะนำเลยว่า ไม่ต้องซื้อตามเราก็ได้ แต่ให้ซื้อเล่มที่อ่านแล้วรู้สึกว่าอ่านง่าย ไม่ง่วง สไตล์การเขียนดี แต่ละคนอาจจะชอบสไตล์การเขียนต่างกันค่ะ แต่เราน่ะชอบแบบอ่านง่ายๆ อ่านแล้วไม่ง่วง ไม่ต้องใช้ภาษาหรู แต่ให้ใช้ภาษาที่ง่ายสำหรับการอ่าน และที่สำคัญมีการเรียบเรียงขั้นตอนที่ดี ไม่ใช่เขียนแบบ งงๆ
หนังสือเล่มแรกที่เราขอแนะนำเลย สำหรับผู้ที่ต้องการการเรียนรู้ และการฝึกทำข้อสอบแบบละเอียดหน่อย คือ
The Complete Guide to the TOEFL Test iBT Edition เขียนโดย Bruce Roger
เล่มนี้หนังสือจะหนามาก เพราะของเค้าละเอียดจริงๆ เหมาะกับคนที่มีเวลาเยอะพอสมควรนะค่ะ เพราะแบบฝึกหัดเค้าเยอะจริงๆ และละเอียดด้วย ฝึกเราทุกขั้นตอนอย่างละเอียด แม้กระทั่ง เทคนิคการเขียน Note Taking ที่เล่มไหนๆก็ไม่มี แต่บางคนอาจคิด่าไม่สำคัญนะค่ะ แต่เราว่า การ Take note เนี่ยสำคัญมาก เพราะได้ใช้ในการสอบทุก part จริงๆ ทั้ง REading Listenning Speaking and Writing และเนื่องจากเวลาในการเทคโน๊ต ค่อนข้างสั้นมาก ถึงสั้นที่สุด เราจึงควรต้องเรียนรู้เทคนิคการ take note ค่ะ และเล่มนี้มี Audio CD ถึง 13 แผ่น พร้อม Answer Key ที่แยกเล่มออกมาต่างหาก นึกออกรึยังค่ะว่าของเค้า แน่นด้วยข้อมูลจริงๆ ในหนึ่งชุดเนี่ยประกอบด้วยสามเล่ม คือ ตัวหนังสือ ชุดซีดี และหนังสือเฉลย ราคาจะแพงกว่าเล่มอื่นประมาณสองเท่า แต่มีไว้เถอะค่ะ ซื้อได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาค่ะ ลืมบอกค่ะ เล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคะแนนสูงกว่า 100 8่ะ เพราะแบบฝึกหัดจะระดับยากค่ะ ไม่ง่าย และมีโปรแกรมข้อสอบเหมือนจริงสองชุดค่ะ ลงโปรแกรมในคอม แล้วทำได้เลย
เล่มที่2 The Official guide to the TOEFL iBT ของ ETS
เล่มนี้ก็ควรจะมีอีกเช่นกัน เพราะเป็นของ ETS โดยเฉพาะ จัดสอบเอง พิมพ์เอง แต่เนื้อหาโดยทั่วไปก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเล่มแรกค่ะ เล่มนี้ค่อนข้างจะ standard หน่อย ความยากง่ายของแบบฝึกหัด จะอ้างอิงได้จากข้อสอบจริง (ง่ายกว่าเล่มแรกค่ะ)
เล่มที่ 3 Cracking the TOEFL iBT 2009 Edition ของ Princeton
เล่มนี้เพื่อนๆควรมีอย่างยิ่ง เพราะเน้นเทคนิคในการทำข้อสอบจริงๆค่ะ แต่เพื่อนๆควรจะมีเล่มที่เน้นเนื้อหาเหมือนสองเล่มแรกก่อนนะค่ะ แล้วซื้อเล่มนี้เป็นเล่มที่สอง เล่มนี้สามารถช่วยเพื่อนๆในการเพิ่มคะแนนได้ และชาวยให้ทำข้อสอบได้แบบไม่ยากนัก เล่มนี้ดีจริงๆ แนะนำอย่างแรง
ที่จริงมีอีกหลายเล่มที่ดีๆค่ะ เช่นของ Cambridge, Longman, NorthStar, Barron
แต่ที่เราไม่ได้มาเขียนไว้ละเอียดเนื่องจากว่าเราไม่ได้ซื้อมา เพราะเราอ่านแล้วไม่เข้ากับเราเท่าไหร่ค่ะ แต่เพื่อนของเราซื้อมา เราก็เลยแอบอ่านดูเลยรู้ว่าเป็นไง
Longman จะออกแนวง่าย เหมาะกับคนที่พื้นฐานหน่อย Cambridge ก็ดีนะค่ะ แต่เราอ่านแล้วง่วง เพราะเค้าเขียนตัวหนังสือเป็นพรืด หมดเลย Northestar ใช้ได้เลย แต่เหมือนกับ cambrifge ค่ะ Barron เราอ่านแล้วหลับเลย 555 แต่ดีค่ะ
สุดท้าย เล่มไหนก็ดีเหมือนกันค่ะ แค่ให้เพื่อนๆเริ่มอ่านและจริงจังเป็นพอ เลือกเล่มที่เหมาะกับเราดีที่สุดค่ะ หวังว่าที่เขียนมาคงเป็นแนวทางให้เพื่อนๆได้บ้างนะค่ะ แล้วจะมาเพิ่มเติมบ่อยๆค่ะ
Create Date : 11 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 22:48:30 น. |
Counter : 3165 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|