box...box
Group Blog
 
All Blogs
 

ในทุกๆวันที่ฉันยังหายใจ (บทก่อนจบ)


เราขับรถพ้นจากบ้านโอ๋ กำลังจะถึงถนนใหญ่ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ถนนค่อนข้างโล่งมาก ถนนแถบนั้นค่อนข้างเล็กและเป็นเลนรถสวนกัน แค่นานๆจะมีรถขับสวนมาซักคัน ขับรถอยู่ก็คิดถึงเรื่องงาน meeting ที่จะไปฉลองกันต่อที่ต่างจังหวัด พี่ชัยเป็นตัวตั้งตัวตีอีกตามเคย แบบว่าอยากชวนโอ๋ไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบไม่น่าเกลียด ตัวเรายังคงต้องตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไป ที่ต้องไปนั่งทนกับเรื่องราวต่างๆที่มันจะเกิดขึ้น ที่พอจะนึกออกได้ แค่คิดความเศร้าก็เข้ามาแล้ว ถ้าไม่ไปคงไม่มีโอกาสป้องกันอะไร และคงไม่มีแม้โอกาสที่จะบอกกับโอ๋ว่าเราคิดยังไงกับเธอ ตอนนี้เราเริ่มทำใจแล้วหละว่าเราคงมีสิทธิ์แค่บอกเธอว่า เราคิดยังไงกับเธอแม้มันจะช้าเกินไป หรือจะเป็นคำพูดที่ไร้ประโยชน์เราก็อยากบอกโอ๋อยู่ดี คิดอยู่เพลินๆ หมาเจ้ากรรมดันมาข้ามถนนตัดหน้ารถ ด้วยความตกใจ เราเหยียบเบรกเต็มที ล้อรถสีกับถนนเอี๊ยด หักหลบสุดตัว จริงๆตอนที่เรียนขับรถครูที่สอนเคยบอกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างหนีให้ขับชนหมาไปเลย แต่ทำใจไม่ได้เลยกับเรื่องแบบนี้ เคยเห็นมากับตัวเองหมาข้างถนนแม่ลูกคู่หนึ่งข้ามถนน ตัวแม่หมาข้ามพ้น แต่ตัวลูกข้ามไม่ทันโดนรถชนและอีกหลายคันที่วิ่งตามทับอีก เราอยู่ในถนนฝั่งตรงข้ามเห็นแม่หมาพยายามจะพาลูกหมาข้ามถนนกลับมาให้ได้แม้จะเป็นศพที่แบนติดถนนแล้ว มันยังคงพยายามเรียก และจะวิ่งกลับลงไปในถนน เราว่าถ้าอยู่สภาพนั้นอีกไม่นานแม่หมาต้องโดนรถชนแน่นอน เราตัวสินใจกลับรถไปช่วยมัน แต่จุดกลับรถอยู่ไกลมาก เรากลับมาไม่ทัน แม่หมาตัวนั้นโดนรถชนตายไปจริงๆ เราคิดว่าทำไมคนเราถึงใจร้ายได้ขนาดนี้ เพื่อตัวเองทั้งนั้นมีสิทธิ์อะไรไปเอาชีวิตคนอื่น เราคงได้แต่เก็บแม่ลูกคู่นั้นกลับมาจากไว้ข้างทาง เพื่อไม่ให้โดนทับเละไปกว่านี้ สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ขับรถทับหมาเด็ดขาด แม้จะเป็นหมาข้างถนน แต่นั่นคือชีวิตมัน ถ้ามันเลือกได้มันก็อยากเป็นหมาที่มีคนเลี้ยง นอนในบ้านที่อบอุ่น และได้กินของดีๆ แต่เมื่อมันคือหมาข้างถนนแล้ว มันก็น่าสงสารพอแล้ว พอหลบหมาพ้นมีรถกระบะคันหนึ่ง พุ่งออกจากซอยมา ด้วยถนนที่โล่งคงไมทันดูว่ามีรถเราสวนมาชนเข้าให้เต็มๆครับนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้ ในคืนนั้น หลังจากเสียงดังโครมใหญ่ สำหรับเรามันคือความเงียบสนิท เราไม่รับรู้ และไม่รู้สึกตัวเลย

*******************************************************

เรามารู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาล หลังจากสลบไป 3 วัน ฟื้นขึ้นมาได้สิ่งที่เห็นคือแม่ที่คอยดูแลอยู่ โดยมีโอ๋คอยช่วยอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าโอ๋จะอยู่ด้วยเพราะเธอน่าจะไปงาน meeting แล้ว ยังอยู่ที่โรงพบยาบาลอีก น่าแปลกใจ แต่เราไม่ทันได้ถามอะไร และยังขับตัวไม่ได้ด้วย เนื่องจากกระดูกหักหลายที่ทั้งแขน และขา รวมถึงซี่โครงอีก โชคดีที่ไม่ตายแต่สงสัยคงพิการแน่งานนี้ เรายังพูดไม่ได้น่าจะเป็นฤทธิ์ของยาชา พอลืมตาขึ้นมาได้ แม่ดีใจมากถึงขั้นร้องไห้ออกมา โอ๋ก็มีท่าทางดีใจกุมมือที่ใส่เฝือกไว้แม่น ได้แต่พูดว่า “เอกรู้สึกตัวแล้ว เห็นเราไหม จำเราได้หรือเปล่า” เราไม่ทันได้ตอบอะไรแล้วหลับไป จนสายๆของวันนั้น พยาบาลเอายาเข้ามาให้เราเริ่มขยับตัวได้นิดหน่อย รู้สึกเจ็บทั้งตัวไปหมด ไม่เห็นแม่เห็นแต่โอ๋ที่ฟลุบหลับที่โซฟา พยาบาลบอกให้เราทานยาโดยพยาบาลจะป้อนเอง เธอเราให้ฟังว่าแฟนเราอยู่เฝ้าเรามา 3 วันแล้ว เมื่อคืนคงไม่ได้นอน เพราะตั้งแต่เราฟื้นมาก็นั่งเฝ้าข้างเตียงมาตลอดคืน เราได้ยินอย่างนั้นทั้งแสนใจดีใจ และสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน โอ๋เป็นแฟนเราง่ะ ดูแลเรามาตลอด 3 วันนี้ด้วย แต่สะเทือนใจที่มันคงเป็นได้แค่ช่วงนี้หลังจากเราฟื้นทุกอย่างก็คงเหมือนเดิม เราให้พยาบาลปรับเตียงขึ้น เพื่อแอบดูเธอหลับด้วยความอ่อนเพลีย ช่วงเวลาเลยเที่ยงแล้ว โอ๋รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้ยิ่งตกใจซ้ำไปอีกว่าเราฟื้นขึ้นมานั่งดูเธอหลับ “เอกฟื้นแล้วหรือ เป็นไงบ้าง เจ็บแผลไหม แล้วขับรถยังไงไปชนเขา หิวหรือเปล่า” และอีกหลายๆคำถามที่ถามมาตอบไม่ทันได้แต่ยิ้มอย่างเดียว โอ๋เห็นเราไม่ตอบเลยถามมาอีกว่า “นี่เอกยังยังจำโอ๋ได้หรือเปล่า” เราได้ไอเดียเลยว่า ถ้าจะให้เวลานี้ยาวนานขึ้นต้องทำยังไง เรายังคงไม่ตอบได้แต่ยิ้ม “เอกจำโอ๋ไม่ได้จริงๆด้วย” เราแกล้งถามไปว่า “เอกเป็นใครหรือ” โอ๋มีท่าทางตกใจมาก “เอกจำตัวเองไม่ได้ด้วยหรือ อย่าทำอย่างนี้กับเรานะ” โอ๋เริ่มร้องไห้ออกมา ชักเป็นเรื่องใหญ่แล้วสิงานนี้ โอ๋ออกไปตามพยาบาล ว่าเรารู้สึกตัวแล้ว พยาบาลเลยบอกว่าเรารู้สึกตัวตั้งแต่ช่วงสายๆแล้ว ไม่ยอมนอนเอาแต่นั่งมองน้องที่หลับอยู่ พยาบาลยังเราต่อว่า บอกว่าน้องเฝ้าไข้ทั้งคืนคนไข้ยิ้มใหญ่เลย โอ๋เลยเราให้พยาบาลฟังว่าเรามีอาการความจำเสื่อม พยาบาลบอกว่าอาจจะเป็นฤทธิ์ยา อาการทางสมองต้องให้คุณหมอตรวจอีกครั้ง โอ๋กลับเข้ามาในห้อง ด้วยใบหน้าที่ปนทุกข์อย่างบอกไม่ถูก เราเห็นท่าไม่ดีเราเลยเรียก “โอ๋ใช่ไหม” โอ๋ดีใจและยิ้มออก “เอกจำเราได้ใช่ไหม” เราก็ได้ตอบไปว่า “ใช่ ก็โอ๋เป็นน้องเราไง เราชื่อเอก” โอ๋ทำหน้างงๆ ก่อนตอบมาว่า “ไม่ใช่ เราเป็นเพื่อนเธอมหาลัย เอกกับโอ๋เป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง” เราแกล้งต่อ “มหาลัยอะไรง่ะ เราจำไม่ได้ง่ะ เราปวดหัว” โอ๋แสดงอาการ กลุ้มใจใหญ่ โทรไปบอกแม่ว่าเรารู้สึกตัวแล้ว แต่ยังจำอะไรไม่ค่อยได้ แม่บอกว่าจะเข้ามาหาเราอีกที ช่วงเย็นๆ จะมาพร้อมกับพ่อ โอ๋บอกให้เรานอนพักผ่อนก่อน ไม่ต้องคิดอะไรมาก โอ๋จะอยู่ดูแลทั้งวันเลย ช่างเป็นเวลาแสนสุขอะไรขนาดนี้

ขอบคุณทุกคำติชมเรื่องของเราจะจบแล้วนะ มาทนอ่านกันหน่อยนะครับ

โปรดติดต่ามบทสรุปของเรื่องราว





 

Create Date : 25 เมษายน 2550    
Last Update : 25 เมษายน 2550 16:45:57 น.
Counter : 351 Pageviews.  

ในทุกๆวันที่ฉันยังหายใจ (บทที่ 2)



เรายังคงตีหน้านิ่งเฉยอย่างไร้ความรู้สึก ทั้งๆที่เหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง โอ๋ยังคงเล่าต่ออย่างมีความสุข แต่หูเราอื้อและไม่ได้ยินอะไร สิ่งที่แสดงออกไปคือพยักหน้าเหมือนเข้าใจ ภาพที่เห็นคือเธอช่างมีความสุข ผิดกับตอนที่โดดเรียนออกมากับเรา เมื่อเริ่มเรียกสติกลับมาได้ สิ่งที่สงสัยที่สุดคือ เมื่อมีความสุขแล้ววันนี้จะชวนเราออกมาทำไม ก็เลยถามออกไป โอ๋ได้ยินคำถามกลับรู้สึกโกรธ คำตอบที่ได้คือ "เราดูเหมือนคนที่มีความสุขนักหรือไง เราน่ะกลุ้มใจมากเลยรู้ไหม" เราถามกลับ "ทำไม กลัวเป็นแฟนที่ดีไม่ได้หรือ" โอ๋รีบตอบ "คนอย่างเราน่ะรับปากใครก็ทำได้ดีอยู่แล้วไม่ต้องห่วง" คำพูดที่เชือดเฉือนบาดลึกจนทำให้เรานิ่งไป ก่อนที่โอ๋จะพูดมาว่า "แต่เราก็ยังกลัวอยู่ดี พี่ชัยเหมือนเป็นแฟนคนแรกเลยนะ ตั้งแต่โอ๋โตมา ก็มีพี่เขา นั่นแหละที่มีพร้อมทุกอย่าง และดูแลโอ๋เป็นอย่างดีด้วย" ยังคงชื่นชมกันต่อไป เราย้อนไปว่า "แล้วยังจะกลัวอะไร หรือว่ากลัวรักครั้งนี้มันจะไม่ยืนยาว" โอ๋ตอบอย่างมีอารมณขันว่า "ถู.....กต้องนะค้า" ไอ้เราน่ะอยากตอบผิดจริงๆ เศร้า
ก่อนจะถามไปว่า "แล้วจะทำยังไงหล่ะ" โอ๋ยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร เพียงแค่พูดว่า "เรายังมีเรื่องให้เอกช่วยอีกเยอะ เพื่อนกันช่วยกันได้อยู่แล้วใช่ไหม" ช่างเป็นคำถามเชิงบังคับซะนี่กะไร ได้แต่พยักหน้าไป ก่อนที่จะนอนลงกับเตียงผ้าใบอย่างหมดแรง
เวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยง ความร้อนแผ่เข้ามาแทนที่ลมเย็นๆ เราสองคนจึงตัดสินใจกลับกันเพื่อไปเรียนในวิชาสุดท้ายให้ทัน เฮอะน่าน้อยใจตัวเองขับรถมาถึงชลบุรี มาอยู่กัน 2 ต่อ 2 แต่กลับต้องมาฟังเรื่องที่น่า... คงได้แต่ปลอบใจตัวเองต่อไป ขับรถกลับมาถึงม. ก่อนเวลาเข้าเรียน นิดหน่อย ก่อนจะเดินข้ามาถึงโต๊ะประจำที่เพื่อนเตอร์เรานั่งอยู่ พี่ชัยก็โผล่เข้ามา ถามอย่างอารมณ์ดีว่า "ไปไหนหันมา ทั้ง 2 คน" เราไม่ตอบอะไร ไม่อยากคุยด้วย แต่โอ๋ตอบไปว่า "ไปบ้านเอกมา ทำรายงานกลุ่มที่เอกยังทำไม่เสร็จเลย ต้องช่วย" เรารีบเดินเข้ามาหาเตอร์ เพื่อนรัก "โดดไม่ชวนกันเลยนะ เดี๋ยวนี้ร้ายพาหญิงไปป้อข้างนอกด้วย ตกลง โอ๋ ยอมเป็นแฟนนายป่ะ" เพื่อนมันช่างถามแบบอยากรู้ แต่ที่เราตอบได้คือ "อืม" จะให้เรายังไงว่าไปบางแสนกันเพื่อไปฟังเรื่องช้ำใจ ถ้าเราบอกมันไปมันคงล้อเราจนลูกบวชแน่นอน "จะเอาไงแน่นะผู้หญิงคนนี้ออกไปกับเพื่อนเรากลับมาจับมือกับอีกคน" เตอร์พูดลอย เราหันหน้าไปตามน้ำเสียงมัน ก่อนที่จะเห็นภาพเขา 2 คนนั่งคุยกันอย่างใกล้ชิด ใจสลายจริงๆ ต้องอยู่อย่างเป็นกลางอย่างนี้อีกนานไหม
ทุกๆวันเรื่องราวมันยังคงซ้ำๆ มาเรียนเพื่อเห็นเขา 2 คน ใกล้ชิดกัน ยิ่งนานวันความสำพันธ์ระหว่างพี่ชัย กับโอ๋ ยิ่งพัฒนาขึ้น โอ๋เริ่มห่างกับเพื่อนๆ จนทุกอย่างมันชัดเจน การแสดงออกของเขา 2 คน ยิ่งทำให้เราเจ็บปวด อย่างบอกไม่ถูก และคงได้แต่เพียงทำใจยอมรับในสิ่งที่มันเป็นไป จนเมื่อใกล้หมดเทอม คณะของเราได้รางวัลชนะเลิศกีฬาภายในมหาลัย ที่จัดแข่งมาหลายเดือนโดยมีพี่ชัยที่เป็นรองประธานคณะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง โดยมีโอ๋เป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ และเมื่อทุกอย่างมันประสบความสำเร็จก็ถึงเวลาที่จะฉลอง มันเป็นงานเลี้ยงที่สนุกที่สุด รวมรุ่นพี่รุ่นน้องได้มากที่สุด แต่เรากลับไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นเลยได้แต่เก็บตัวเงียบ อยู่ในมุมโต๊ะประจำที่ไม่มีใครสนใจ ผู้คนเดินกันไปมามากมาย มีแต่เสียงแสดงความยินดีต่อกัน เรากลับพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งใจลอย ภาพต่างที่เขา 2 คน ช่วยกันทำงาน ร่วมกันฝ่าฟัน คอยเป็นกำลังใจให้กัน มันวนเวียนอยู่ในหัวเรา ถ้าเราจะพูดได้ความรู้สึกของเราตอนนี้เหมือนกับเราได้สูญเสียโอ๋ไปจริงๆแล้ว ไม่มีโอกาสแม้จะคิดจะฝัน ระหว่างที่เรานั่งเงียบๆอยู่นั้น โอ๋ก็เดินเข้ามาทักทาย แต่ก่อนจะได้ได้พูดอะไรตอบกับไปพี่ชัยก็เรียกไปแนะนำกับรุ่นพี่ที่จบไปแล้วหลายๆคน รู้จักในฐานะแฟน... เรายังคงได้แต่เก็บตัวเงียบต่อไป จนงานฉลองใกล้เลิก หลายคนเริ่มเดินทางกลับ เหลือคนในงานอีกไม่กี่คน เราเลยตัดสินใจจะกลับหลังจากอยู่อย่างไร้ประโยชน์มา 3-4 ชั่วโมง ขณะที่กำลังจะกลับนั่นเอง โอ๋ตรงเข้ามาทักแล้วบอกว่า จะขอกลับด้วยเนื่องจากพี่ชัยจะไปต่อกับรุ่นพี่ที่นานๆจะเจอกัน โอ๋ไม่อยากไปด้วยเพราะว่าเริ่มจะดึกแล้วจึงมาขอกลับกับเรา พี่ชัยที่กำลังสนุกก็ไม่ได้ว่าอะไร เรา 2 คนจึงเดินทางออกมาพร้อมกัน ระหว่างทางโอ๋ถามเราด้วยความห่วงใยว่า "เป็นยังไง ทำไมช่วงนี้ดูเงียบๆไป" เราคงตอบไปแค่เพียงว่า "เราไม่เป็นไร" เป็นคำพูดสั้นๆเพื่อปิดบังทุกๆอย่าง โอ๋ไม่ถามอะไรต่อ แต่ด้วยกลัวบรรยากาศมันจะเงียบเกินไปเราก็เลยชวนโอ๋คุยเรื่องต่างๆ ในช่วงการทำงานกีฬาภายใน สิ่งที่ตอบกลับมาในทุกๆคำถามเป็นความชื่นชมในตัวพี่ชัยที่สามารถทำให้คณะเราชนะมาได้ เราสัมผัสได้ถึงความสุขอันเปี่ยมล้นที่เธอเล่าออกมา เธอคงไม่รู้ว่าคนที่นั่งฟังอยู่ใกล้ตายจากคำพูดของเธอ มันหายใจไม่ออก และอึดอัดอย่างสุดจะทน แต่เรายังฟังอยู่อย่างเรียบเฉย เหมือนกับความรู้สึกมันตายไปแล้ว เราขับรถมาส่งโอ๋จนถึงบ้าน โอ๋ลงรถไปพร้อมกับคำว่าขอบใจ เราขับรถออกมาได้นิดหน่อย น้ำตามันก็ค่อยๆเริ่มไหลออกมาเองอย่างไม่รู้ตัว

(โปรดติดตามต่อไป นะครับ)




 

Create Date : 28 มีนาคม 2550    
Last Update : 23 เมษายน 2550 16:59:29 น.
Counter : 221 Pageviews.  

ในทุกๆวันที่ฉันยังหายใจ (บทเริ่มต้น)




เช้าแล้วจ้า เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง โอ๊ว.. สภาพตอนตื่นนอนนี่มันช่างดูไม่ได้เสียนี่กระไร เมื่อคืนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ตูไม่รู้ กรอบรูปอันนั้นยังอยู่บนเตียงเลย "หารูปใส่ไม่ได้หรือลูก" คำถามจากเสียงปลุกอันคุ้นเคย ช่างเป็นคำถามที่ตอกย้ำเสียนี่กระไร "ป่าวครับ" แล้วเราก็คงต้องไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วหล่ะ เดี๋ยวจะไปม.ไม่ทันวันนี้มีเรียนเช้าด้วย รีบไปก่อนดีกว่า เมื่อเสร็จธุระ ก็รีบขับรถออกจากบ้าน เช้านี้สดใสดี บรรยากาศเศร้าๆ เหงาๆเมื่อคืนได้ผ่านไปแล้ว รีบไปมหาลัยดีกว่า มาถึงม. ใช้เวลาไม่มากนัก เอารถเข้าที่จอดประจำได้เรียบร้อย ยังเช้าอยู่คนมากันน้อย นั่งคิดอะไรเพลินๆ มีเสียงตะโกน ออกมาจากโต๊ะที่เพื่อนๆนั่งกันอยู่เป็นประจำ "เห้ย ไอ้ท่าน ต้องให้อัญเชิญจากรถหรือไง" เสียงของเพื่อนรักนั่นเอง ไอ้เ_ร ทักซะเสียบรรยากาศ ลงรถไปทักมันหน่อย "ไงเตอร์ มาถึงนานแล้วหรือ" มันรีบตอบทันควัน "ก็นานพอจะเห็นนายนั่งยิ้มอยู่คนเดียว" ยังคงไม่เลิกกวน "แล้วโอ๋หล่ะมายัง" มันมองหน้าเราอย่างสงสัย แล้วสวนมาว่า "จะไม่ถามเพื่อนซะหน่อยหรือว่ากินข้าวหรือยัง เช้าๆมาถึงก็ถามหาหญิงเลยนะ" ไอ้นี่ นี่ตอบไม่ตรงคำถาม เราไม่ได้เซ้าซี้ เดี๋ยวมันแซวอีก "งั้นก็ไปกินข้าวกัน" ระหว่างที่กำลังจะเดินไปซื้ออาหารนั่นเอง "ไปไหนกันจ๊ะ 2 หนุ่ม" เสียงหวานๆดังแว่วมาจากทางหน้าประตู "โอ๋นั่นเอง" สาวสวยที่กำลังเยื้องย่างมาที่เรา "หวัดดี เรากำลังจะไปกินข้าวกัน ไปด้วยกันไหม" เรารีบทักทาย "ไม่น่ะจ๊ะ กินจากที่บ้านมาแล้ว งั้นเด๋ยวเราไปรอที่โต๊ะนะ" โอ๋ตอบก่อนจะเดินจากไป เรามองตามไป ช่างสวยงามในทุกกริยาจริงๆ "ท่านเอกครับเชิญได้แล้วครับ" เสียงเตอร์เรียกให้ตื่นจากพะวัง "หิวแล้วเร็วๆหน่อย" เตอร์เรียกต่อ แต่เรากลับรู้สึกอิ่ม อย่างบอกไม่ถูก เลยซื้อแต่น้ำกลับมา โดยไม่ลืมที่จะฝากโอ๋ด้วย "น้ำแดง ครับ" เรายกมาเสริฟ์อย่างรู้ใจ "อืม ขอบใจมากนะจ๊ะ ช่างรู้ใจเราจริงๆ" โอ๋ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม เตอร์ที่กินข้าวอยู่อีกโต๊ะ "เห้ย เมื่อไหร่นายจะมารู้ใจเราบ้างติดคอแล้วโว๊ย น้ำเราอยู่ไหน" มันถามหาน้ำลูกเกตุของมัน "อ่ะเอาไป ขัดจังหวะจริงๆ เลยนาย" เราเอาน้ำมาให้มันพร้อมกับตัดพ้อนิดหน่อย "จะเอาใจเขาทำไม เดี๋ยวพี่ชัยมาถึง เขาก็มองไม่เห็นหัวนายแล้ว" เจ้าเตอร์มันเตือนสติ "แต่โอ๋ไม่เคยบอกว่าว่าเป็นแฟนกะพี่ชัยนี่นา" เรายังคงแกล้งใส "ของอย่างนี้มองด้วยตาก็ออกแล้วต้องให้เขาประกาศกันเลยหรือไง" เตอร์ตอกย้ำ พูดไม่ทันขาดคำ คนที่เรากำลังพูดถึงก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ ที่โอ๋นั่งอยู่ อย่างแนบเนียน เหอะช่างเจ็บเสียจริง แล้วเราจะทำยังไงได้ ท่าทางมันจะมาชวนโอ๋ไปเที่ยวด้วย
วันนี้มีเรียนเช้า โอ๋ไม่ไปเที่ยวด้วย แต่มันยังคงขอขึ้นไปนั่งเรียนด้วย จะทำกันให้เจ็บถึงขนาดไหนเนี๊ยะ ภาพมันบาดตา กริยามันบาดใจ แล้วโอ๋ก็เดินมาที่โต๊ะ "2 หนุ่มกินกันเสร็จหรือยัง ไปขึ้นเรียนกันได้แล้ว" ปล่อยให้ไอ้พี่ชัยนั่ง งงอยู่ที่โต๊ะ ระหว่างที่เรากำลังเดินขึ้นห้องเรียนนั่นเอง สิ่งที่ไม่คลาดคิดก็เกิดขึ้น "เอกวันนี้เราโดดเรียนกันไหม" โอ๋ชวนเราโดดเรียน เมื่อกี้ยังเรียกขึ้นห้องอยู่เลย ไหงมาชวนโดดเรียนซะงั้น ได้แต่คิดอยู่ในใจแล้วเราก็ตอบไปว่า "ตกลง แล้วโอ๋อยากไปไหนหล่ะ ห้างก็ยังไม่เปิด" โอ๋รีบตอบ "ออกไปก่อนเดี๋ยวค่อยคิด" ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ไปเลยดีกว่า เดินลงมา คุณพี่ชัยยังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม (สงสัยยังงไม่หาย) โอ๋รีบลากมือเราขึ้นรถ แล้วออกไป ก่อนที่พี่ชัยจะเดินตามมา พอออกรถกันมาได้ ก่อนที่จะพูดอะไรกัน โทรศัพท์ของโอ๋ก็ดังขึ้น เราไม่รู้หรอกว่าคัยโทรมา ได้แต่ยินโอ๋ตอบไปว่า "พอดี ลืมของสำคัญไว้ที่บ้าน เลยชวนเอกออกมา ไปเอาของกัน อย่าคิดมากแต่นี้นะ" งงสิครับ เมื่อกี้ชวนเราไปเที่ยว ตอนนี้บอกลืมของที่บ้านมันยังไงกันเนี๊ยะ เราไม่ถามต่อได้แต่ขับรถต่อไป ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศในรถ มีแต่เสียงเพลงที่ไม่รู้ว่าเพลงอะไร ตั้งใจรอฟังแต่เสียงคนข้างๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จนเราอดถามไม่ได้แล้ว ... "เราจะไปไหนกันครับ" ถามได้ดีสุดชีวิต "ขี้เกียจคิดง่ะ เอกอยากไปไหนก็ไปเถอะ" แป๋วสิครับ แล้วจะไปไหนเนี๊ยะตู ห้างก็ยังไม่เปิด งั้นก็ขับไปเรื่อยๆแล้วกัน ล่วงเลยมาจนจะพ้นเขตกรุงเทพฯ แต่ความเงียบก็ยังคงอยู่ "นี่ตาเอก จะพาเราไปไหนเนี๊ยะ" หลังจากเวลาล่วงเลยมาประมาณ 1 ชั่วโมง นั่นคือคำพูดแรกที่เราได้ยิน เรารีบตอบทันควัน "ก็พาเธอนั่งรถไปเรื่อยๆ เห็นเงียบๆ ดูเครียดๆ เลยไม่อยากถามเซ้าซี้" "ตามใจ" โอ๋ตอบ เหมือนมีเรื่องอยากจะเล่า แต่เราไม่ถามเลยไม่ยอมบอก ปล่อยให้ความเงียบกลับมาเหมือนเดิม ขับรถมาถึงชลบุรีแล้ว เป็นช่วงสายๆแล้ว อากาศเริ่มร้อน เราเลยแวะรถเข้าหาดบางแสน เพราะถ้าขืนขับต่อไปคงต้องไปถึงกัมพูชาแน่นอน "นี่พ่อคุณพาเรามาทะเลเลยหรือ" โอ๋เริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง "เห็นเครียดๆ อยากให้ผ่อนคลายน่ะ" เราตอบไปแบบล้าๆ จากการขับรถ "นายนี่ช่างแสนดีจริงๆนะ คิดไม่ผิดที่ชวนมาเป็นเพื่อน" แค่เพื่อนอีกล่ะ ฟังแล้วเซ็งง่ะ (คิดในใจ) เราอยู่กัน 2 คน ห่างกันไม่กี่คืบ แต่ความรู้สึกในช่างห่างไกลกันเหลือเกิน คงได้แต่ทำใจ หาที่นั่งชายหาดได้เรียบร้อย เมื่อยเหมือนกันนะเนี๊ยขับรถไกลๆ โอ๋ยังคงไม่พูดอะไร แต่ดูผ่อนคลายลงมาก พักผ่อนกันได้ซักพักเราก็เริ่มเข้าเรื่อง "ทำไมชวนเราโดดเรียนหล่ะ" โอ๋ตอบกกลับมา "ถ้าไม่อยากโดดวันหลังจะไม่ชวน" วันนี้มันเป็นอะไรเนี๊ยะถามอะไรใครก็ตอบไม่ตรงคำถามสักคน คงได้แต่เงียบ แล้วเราก็หลับไป สักครู่ใหญ่ โอ๋เรียกเรา"เอก มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง" ตอนที่ถามไม่บอกตอนนอนดันเรียกขึ้นมาฟัง "ว่าไงครับ" รีบตอบด้วยเสียงสดใสตั้งใจฟัง "เมื่อคืนพี่ชัยโทรมาคุยกับเราหลายเรื่องเลย" เห้อเซ็ง"อืม แล้วไง" โอ๋เล่าต่อ "พี่เขาบอกว่าเขาชอบเรา อยากให้เรามาเป็นแฟนหล่ะ" หายง่วงเลย ตีลูกนิ่ง แล้วถามไปว่า "แล้วปฏิเสธเขาไปยังหล่ะ" เราถามแบบชี้นำ "ปฏิเสธบ้าอะไรเล่า ตอบรับเขาไปแล้วเนี๊ยะ" จ๊าก เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ
โปรดรอติดตามตอนต่อไป




 

Create Date : 23 มีนาคม 2550    
Last Update : 28 มีนาคม 2550 19:34:51 น.
Counter : 201 Pageviews.  

ในทุกๆวันที่ฉันยังหายใจ



ดวงตะวันลับกำลังจะลับขอบฟ้าไป มันยังคงมัน วนเวียนเปลี่ยนแปลง และปรวนแปร ตามเวลา ที่ไม่เคยรอใคร ความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุม เหมือนกันกับที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาปกคลุมใจฉัน โอ๊ว...พระเจ้าช่วย ทำไมมันช่างโหดร้ายขนาดนี้ ความเหงาที่กำลังเกาะเกี่ยว มากัดกินความสดใส ในช่วงวันที่ผ่านมา หากจะพูดไป จริงๆแล้ววันนี้เป็นวันที่ดีมากสำหรับฉันอีกหนึ่งวัน และกำลังจะผ่านไป พร้อมกับแสงตะวัน เมื่อพรุ่งนี้มาถึง ทุกอย่างก็คงเปลี่ยนไป แต่ฉันจะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร เมื่อสิ่งสำคัญยังไม่ได้พูดมันออกไป ไม่ใช่ฉันอายที่จะบอก แต่ .... ฉันกลัวความเปลี่ยนแปลงที่โหดร้าย ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เมื่อรู้ดีว่าความไว้ใจที่เธอมี เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งที่แสนดี และคงไม่มีทางเป็นได้มากกว่านี้ มันไม่ใช่แค่พึ่งเริ่มต้น แต่มันได้เดินทางมายาวนาน ที่ทุกๆวันมันจะยังคงเป็นไปเหมือนเดิม


กรอบรูปที่ว่างเปล่าที่ยังคงรอเธอมาเติมเรื่องราว




 

Create Date : 23 มีนาคม 2550    
Last Update : 23 มีนาคม 2550 19:27:57 น.
Counter : 270 Pageviews.  


พี่หมูพี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พี่หมูพี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.