กลุ่มหลุยส์วิตตอง ลุยขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม


นายเคิร์ก มาร์ติน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คูเดทา จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารและไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ในกลุ่มบริษัท โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง (แอลวีเอ็มเอช) เปิดเผยว่า ทางกลุ่มแอลซีเอ็มเอช จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าแฟชั่นแบรนด์รายใหญ่ของโลก มีนโยบายจะให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่ตลาดใหญ่มาก ทางกลุ่มแอลวีเอ็มเอชจึงได้วางแผนขยายธุรกิจด้วยวิธีการเข้าซื้อกิจการอาหารและเครื่องดื่ม ผ่านกลุ่มทุน แอล แคปปิตอล เอเชีย ซึ่งเป็นกองทุนของแอลวีเอ็มเอชเพื่อการลงทุนในหุ้นของบริษัทเอกชนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ทั้งนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้เข้ามาซื้อหุ้นในบริษัท คูเดทา เพื่อถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนมากว่า 50% และได้เข้ามาเป็นเจ้าของร้านคูเดทา ในประเทศไทย และสิงคโปร์ โดยวางเป้าหมายจะสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และต้องการสร้างให้เป็นแบรนด์ระดับโลก พร้อมกันนี้ได้พัฒนาต่อยอดความสำเร็จที่ คูเดทา สิงคโปร์ นำมาใช้ในไทยที่เพิ่งเปิดไปเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุดได้ใช้งบมากกว่า 15 ล้านบาทปรับปรุงร้านในไทยใหม่ ให้พื้นที่ในส่วนร้านอาหาร บาร์ และคลับเฮ้าส์มีความสมดุล เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ และปรับลดราคาลงให้ใกล้เคียงกับตลาด แต่ยังคงความเป็นร้านอาหารและเอ็นเตอร์เทนเมนท์ระดับพรีเมี่ยม คาดว่าจะเปิดให้บริการในส่วนของคลับได้กลางเดือนก.ย. บาร์และร้านอาหารในเดือนต.ค.นี้


“การเข้ามาครั้งนี้ของกลุ่มแอลวีเอ็มเอช และได้ปรับใหญ่คูเดทาในไทย คาดว่าจะทำให้ยอดขายเติบโต 30% พร้อมกันนี้จะผลักดันและขยายธุรกิจของคูเดทาไปอีกหลายประเทศทั่วโลก  โดยภายใน 3-5 ปีข้างหน้าวางแผนจะขยายไปที่ฮ่องกง ดูไบ ซิดนีย์ โตเกียว เกาหลีใต้ ไมอามี่และลอสแอลเจอลิส ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำด้านความบันเทิงระดับโลก”นายเคิร์กกล่าว

นอกจากนี้ทางกลุ่มแอลวีเอ็มเอช โดยแอล แคปปิตอล เอเชีย ยังได้เข้าซื้อหุ้นในร้านอาหารดัง คริสตัล เจด ที่มี 100 สาขาทั่วโลก และโจนส์ เดอะ โกรเซอร์ จากประเทศออสเตรเลีย ที่มีสาขาอยู่ใน 7-8 ประเทศ แต่มีร้านทั้งร้านอาหารตะวันตก และร้านเบเกอรี่และเครื่องดื่ม ซึ่งวางแผนใน 3 ปีข้างหน้าจะนำมาขยายได้ไทยด้วย เบื้องต้นวางไว้ปีละ 1 สาขา ส่วนคริสตัล เจด มีในไทยแล้ว และมีแผนจะขยายเพิ่ม แต่ขอดูความชัดเจนในภาวะเศรษฐกิจก่อน อย่างไรก็ดีมองว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารของโลก เพราะว่าพฤติกรรมคนไทยชอบทานอาหารนอกบ้าน และขณะนี้รายได้ของประชากรมีเพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มวัยรุ่นที่มีจำนวนมาก และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้หลายกลุ่มสนใจจะเข้ามา และทางกลุ่มแอลวีเอ็มเอช ได้เข้ามาแล้วพร้อมจะให้ความสำคัญต่อเนื่องจากนี้

ที่มา: //www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09ERXhOVEkwTnc9PQ==&subcatid=



Create Date : 15 สิงหาคม 2557
Last Update : 15 สิงหาคม 2557 22:44:30 น.
Counter : 505 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MStaRT
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]