Group Blog |
จะนะ นะจ๊ะ (ฉันมาทำอะไรที่นี่) สถานที่ท่องเที่ยว : ชายหาดสวนกง บ้านสวนกง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา, สงขลา Thailand พิกัด GPS : 7° 4' 53.89" N 100° 40' 41.09" E จะนะ นะจ๊ะ (ฉันมาทำอะไรที่นี่) @ต้นเดือนกันยายน พ.ศ.2561 ณ ชายหาดสวนกง บ้านสวนกง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ![]() ...โอ่โอปักษ์ใต้บ้านเรา โอ่โอปักษ์ใต้บ้านเรา แม่น้ำภูเขาทะเลกว้างไกล อย่าไปไหนกลับใต้บ้านเรา อย่าไปไหนกลับใต้บ้านเรา... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() นั่งรถมาเกือบ1ชั่วโมง จากจุดเริ่มต้นของเราโรงเรียนศรีนครินทร์วิทยานุเคราะห์ถึงบ้านสวนกง แดดยามเที่ยงร้อนอบอ้าวมาก พอลงจากรถก็มองเห็นชายหาดสีขาวทอดยาวเลย ตัดกับน้ำทะเลระยิบระยับสีฟ้าไล่ระดับจากอ่อนไปเข้ม กำลังยืนมองทิวทัศน์อยู่ก็มีกลิ่นปลาเหมือนอยู่ทะเลจริงๆลอยมากระทบจมูก ท้องไส้เริ่มส่งเสียงอีกครั้ง ชาวบ้านออกมาต้อนรับและเชิญพวกเราเข้าไปเพื่อพูดคุยแนะนำกัน ![]() บ้านสวนกงชุมชนพื้นที่ติดริมทะเลอำเภอจะนะ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ประมาณ 60ครัวเรือนกระจัดกระจายตัวกันอยู่ ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพประมงชายฝั่งเป็นหลัก โดยการจับสัตว์น้ำมาส่งขายให้พ่อค้าคนกลางกับเก็บไว้กินเอง และที่นี่มีหาดสวนกง หรือหาดเต่าไข่เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกัน เพราะมีสันทรายสูงที่เต่ามาวางไข่อยู่เป็นประจำ ระหว่างแนะนำตัว บังนีผู้เป็นทั้งไกด์ ทั้งเจ้าบ้านของเราในทริปนี้ก็ได้ให้แม่บ้านนำอาหารออกมา เพื่อสร้างบรรยากาศในการพูดคุยให้ดียิ่งขึ้น(หรือป่าว) ปกติของคนชอบกินอะเนอะ แต่หลักๆเลยบังนีกลัวว่าเราจะหิวเพราะนี่ก็จะบ่ายแล้ว อากาศร้อนจะพาให้คนโมโหหิวได้ เดี๋ยวอดสนุก เป็นคำที่ไกด์ของเราพูดพร้อมเสียงหัวเราะตามมาอีก กลิ่นเครื่องแกงลอยมาก่อนจะมีหม้อใบใหญ่วางบนโต๊ะ ในหม้อมีน้ำแกงสีเหลืองและปลาตัวยาวๆเท่าฝ่ามือหลายตัววางเต็มหม้อเลย พร้อมข้าวสวยและน้ำพริกปู ผักสด ปลาทอด เอาเป็นว่าอาหารมื้อนี้ดูเผ็ดร้อนแรง แต่ทานแล้วไม่ได้เผ็ดมากมายอะไรขนาดนั้น พวกเราก็ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากบรรยากาศดีแล้วอาหารก็ต้องอร่อยซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือนคิดถึงเรา เป็นอีกคำที่เจ้าบ้านบอกกับพวกเรา ![]() บ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นบ้านชั้นเดียวทำด้วยปูนเสียส่วนใหญ่ บ้านพักของเราไม่ได้ใหญ่โตหรูหราอะไร อยู่แบบแนวโฮมสเตย์พักกับเจ้าบ้านเลย เวลาอยู่แล้วรู้สึกสบายใจเหมือนบ้านตัวเอง วางตัวสบายๆด้วยความที่เจ้าบ้านพูดเป็นกันเอง และจัดพื้นที่ได้น่ารักแบ่งสัดส่วนได้ดี ด้านหน้ามี2ส่วนคือลานนั่งคุยกัน และโต๊ะทานอาหาร เพราะที่นีมักจะเป็นศูนย์รวมของชาวบ้านที่มาพบปะพูดคุยกันบ่อยๆ ด้านในก็เป็นห้องโถงแบ่งเป็นที่นอน และดูทีวี ด้านหลังสุดจะเป็นห้องน้ำและลานซักล้าง ...บ้านที่อบอุ่นไม่จำเป็นต้องบ้านหลังใหญ่โตหรูหรา แต่เป็นบ้านที่มีคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้สินะ... ![]() เราจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ 3 วัน 2 คืน มาทะเลเราก็ต้องใช้ชีวิตแบบชาวเลจริงๆกันบ้าง ตั้งแต่ตื่นนอนยังเข้านอน แลนด์มาร์คหาดสวนกงเราก็สามารถไปกางเต้นท์นอนได้อีก และมีเซอร์ไพส์เด้อสำหรับผู้โชคดีที่จะได้ออกทะเลไปหาปลาด้วยถ้าไม่มีพายุเข้า เราอยากไปมากๆแต่ว่ายน้ำไม่เป็นก็เลยอดไป ถ้าพลาดงานนี้งานต่อไปคือเดินชมธรรมชาติสันทรายที่ชายหาดที่มีเต่ามาวางไข่จริงๆ เรียนรู้วิธีการหาปลาแบบวิถีชาวประมง ชมพระอาทิตย์ขึ้น เล่นโยคะ กิจกรรมธรรมชาติบำบัด การขุดน้ำจืดริมหาดทราย กิจกรรมรอบกองไฟริมชายหาด ออกแบบชุมชนตามสไตล์ ทำ View Point ทำอาหารพื้นบ้านทานกันด้วย ![]() บ่ายคล้อย แดดอ่อนๆพอทราบโปรแกรมแล้วทุกคนก็ได้ถูกนำตัวไปที่หาดสวนกง โดยคำชักนำของเจ้าถิ่นเพียงแค่เราเดินออกมาหน้าบ้านก็เห็นชายหาด เดินออกไปทางซ้ายมือผ่านบ้านผู้คนริมหาด เราก็คิดไปเองว่าถ้าน้ำขึ้นมาสูงๆนี่บ้านจะไม่ท่วมหรือไม่ คิดเพลินๆจนเดินมาถึงสวนกงที่ที่เราจะได้นอน คือวิวดีมากทะเลสวยจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มาทะเลแล้วรู้สึกว่าเป็นทะเลจริงๆ สวยงามสะอาดตา พอเจ้าถิ่นแนะนำสถานที่เสร็จก็แยกย้ายไปเก็บของ โดยมีเตนท์มาวางรอให้เราพร้อมกับรถขนสัมภาระมาให้อย่างดี ทุกคนแยกย้ายกางเต้นท์อาบน้ำอาบท่าเตรียมมาทานมื้อเย็นกันได้เลย ![]() บ่ายแก่ๆของต้นเดือนกันยายน ที่นี่ดูไม่ออกเลยว่าหน้าหนาวหรือหน้าร้อน เพราะกลางวันร้อนแรงมากพอใกล้ค่ำก็เย็นมากๆเลย เราเดินชมพื้นที่ไปเรื่อยๆตั้งแต่ริมทางจนถึงชายหาดสวนกง ซึ่งมีทุ่งหญ้ากว้างมีสวนสนให้ร่มเงาสะอาดสะอ้าน ด้านหลังสวนก็เป็นชายหาดที่มีทรายเม็ดละเอียด หลังหาดก็จะมีท้องทะเลสีครามสวย ด้านหลังทะเลมองออกไปไกลๆก็เป็นท้องฟ้าใสๆ ที่ดึงดูดให้เราสนใจคือมีเรือหลายลำจอดเทียบริมหาดอยู่ เป็นภาพที่สวยงามจึงเก็บภาพไว้สักหน่อย พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน หรือนักท่องเที่ยวก็สามารถนำเสื่อมาปูนั่งเล่นพักผ่อน ทำปิกนิคมาทาน หรือจะกางเต้นท์นอนค้างคืนก็ได้ สำหรับเราถือว่าที่นี่เป็นชุมชนท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวและมีเสน่ห์น่าดึงดูด ![]() ทุกอย่างดำเนินมาเรื่อยๆปกติ เราเดินไปดูเตนท์ที่จะมากางนอน ถ้าเราตั้งเตนท์ไว้ใกล้ถนนก็กลัวคนพลุกพล่าน ถ้าตั้งริมหาดก็กลัวน้ำขึ้น เดินหาทำเลตรงกลางๆเราเลือกต้นไม้3ต้นที่มีร่มใหญ่ๆเพื่อยึดเต้นท์ให้แข็งแรงหน่อย มีหุบไม่ลึกมากระหว่างเนิน3ลูก เพราะที่นี่ลมแรงถ้าอยู่เนินเต้นท์จะปลิวได้ ทุกอย่างดูดีไปหมดสายลมเอื่อยๆ แดดยามบ่ายอ่อนๆ เพื่อนๆก็เริ่มกางเต้นท์เสร็จไปบ้างแล้ว บางคนจัดของ บางคนเดินชมวิว บางคนถ่ายภาพธรรมชาติไว้ดู บางคนไปเล่นน้ำทะเลแล้ว ทุกคนดูมีความสุขและสบายใจมากจริงๆกับบรรยากาศที่นี่ ![]() พลบค่ำ เตนท์ก็เรียบร้อยแล้ว ก็อาบน้ำเตรียมตัวจะไปทานมื้อเย็น เผลอแป๊บเดียวฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว อากาศดีจริงๆ เราจึงรีบจัดของให้เรียบร้อยระหว่างรอไปทานมื้อเย็นเราก็เผลอหลับไปในเตนท์ หลังจากนั้นไม่รู้ว่านานแค่ไหนมีเพื่อนร้องโวยวายกันจอแจ ทั้งเสียงใกล้และแว่วมาไกลๆ เราจึงผุดลุกขึ้นแบบงัวเงียมาเปิดประตูเตนท์มีฝนปรอยๆและลมพัดแรงปะทะหน้า เรารีบปิดเต้นท์ และเริ่มเก็บของเข้ากระเป๋าโดยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กลัวของจะเปียก ขณะที่เก็บของก็คิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นเวลาแค่แปบเดียว ฟ้าก็มืดแบบดำสนิท มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแสงฟ้าแลบมานิดหน่อยจึงรีบปิดมือถือ ไม่ได้ยินเสียงเพื่อนๆแล้ว นอกจากเสียงฝนและเสียงฟ้าร้องดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เรารู้สึกกลัวแต่ก็รู้สึกว่าอยู่ในนี้ปลอดภัยกว่า ลมพัดแรงมากๆจนเตนท์เริ่มจะโคลง ของกระจัดกระจายมาอยู่มุมเตนท์เรารู้สึกว่ามันนานมาก เมื่อไหร่ฝนจะหยุดเราไม่เคยเจอพายุแบบนี้เลย ขณะนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการภาวนาให้ฝนหยุดตกแล้ว เราพยายามนั่งทับให้เต้นท์ไม่ปลิวไปมากกว่านี้ และกวาดของที่วางอยู่ใส่กระเป๋าใบที่กันน้ำได้ ทุกอย่างดูทุลักทุเล แสงไฟก็ไม่มีแล้ว เราตั้งสติได้จึงร้องฝ่าเสียงฝนเรียกชื่อเพื่อนเตนท์ที่อยู่ใกล้เราออกไป และเพียงสิ้นเสียงเราเพื่อนก็ขานรับทันที เพื่อนบอกว่าเสาเตนท์ที่ตอกไว้หลุดหมดแล้ว เขานั่งทับเพื่อไม่ให้เตนท์ปลิวเท่านั้น ตอนนี้เรานั่งยิ้มทั้งน้ำตารู้เพียงว่าเพื่อนยังอยู่ใกล้ๆเราและปลอดภัยดี ![]() ผ่านไปนานเพียงใดไม่ทราบได้ เราและเพื่อนตะโกนคุยกันข้ามเตนท์ที่ห่างกันประมาณ10เมตร แข่งกับเสียงฝนบางประโยคก็ทำให้เราหัวเราะทั้งๆที่เราสองคนเจอมรสุมอยู่ ตอนนี้ของบางอย่างเริ่มเปียกเพราะน้ำซึมจากพื้นเข้ามา เรานั่งยองๆจนปวดขาไปหมดแล้ว ตัวเราก็เปียกเพราะเตนท์รั่วรูเล็กๆ เราพูดคุยกันถึงเรื่องที่เรากำลังพบอยู่ในเตนท์แคบๆนี้ ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ เราคุยกันถึงเรื่องไปอาบน้ำเมื่อก่อนหน้านี้ เราไปเดินชมหาดตรงนั้นมีอะไรบ้าง เราเห็นแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า เราเห็นผู้คนมากมายในชุมชนเดินมาเล่นที่ชายหาดแห่งนี้ จนลืมไปเลยว่าตอนนี้เราเจอกับปัญหาอะไร จริงๆแล้วในทุกๆปัญหามันคือบทเรียนและบททดสอบของตัวเราเอง เราได้เรียนรู้สิ่งนั่นมาเพื่อจะเป็นภูมิคุ้มกันและส่งต่อเรื่องราวดีๆให้แก่ผู้อื่นได้อีกด้วย ![]() ขณะที่เราตะโกนคุยกันนั้น ได้มีแสงไฟสาดส่องมาที่เต้นท์ เราจึงตะโกนบอกเพื่อนว่ามีคนมาช่วยเราแล้ว โดยที่เราก็ไม่รู้หรอกว่ามีคนมาช่วยจริงไหม๊ ชาวบ้านอาจจะมากลับรถ หรืออะไรต่างๆนาๆแต่อีกใจเราก็คิดว่าน่าจะเพื่อนในกลุ่มก็ได้ เราจึงรีบส่องไฟฉายกลับไปเพื่อเป็นสัญญาณว่ามีคนอยู่ตรงนี้ เราเปิดไฟส่องรออีกสักพักเพราะไม่รู้ว่าคนที่มาเป็นใคร มีเสียงตะโกนฝ่าสายฝนมาอีกครั้งว่ารถติดหล่ม ดันไม่ขึ้นแล้วเราจึงตัดสินใจทิ้งของทุกอย่างแล้ววิ่งไปตามเสียงนั้น พร้อมทั้งไปชวนเพื่อนที่อยู่เตนท์ใกล้ๆออกมาทันที ![]() เรารู้สึกว่าวินาทีนี้คือดีใจสุดๆ ยิ้มทั้งน้ำตาปนกับน้ำฝนไหลออกมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย เพื่อนที่มาอีก3คนรีบมาช่วยเราเก็บกระเป๋าวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปที่รถ ทุกคนยิ้มกว้างมากเหมือนดีใจสุดๆที่ได้เจอกัน เพื่อนขับรถกลับมารับเราทั้งที่ถนนก็มืด ดินโคลนก็ลื่น เรานั่งในรถเงียบๆและช่วยมองทางให้เพื่อนด้วยจนกลับมาถึงงบ้านบังนี เราลงจากรถและเห็นเพื่อนๆทุกคนมารวมตัวกันที่นี่แล้ว และมีชาวบ้านอีกหลายคนมารอด้วยเช่นกัน ทุกคนดูดีใจและยิ้มออกมา หลายคนก็ยังมองเราแบบงงๆอยู่ เราไม่รู้ว่าระหว่างที่รอเรากลับมานั้นเพื่อนๆและชาวบ้านเป็นห่วงเรามากขนาดไหน เป็นกังวลมากเพียงใด ใครอีกหลายคนคงเหน็ดเหนื่อยและไปตามหาเราเช่นกัน เรารู้สึกผิดที่ไม่ได้ส่งข่าวเพื่อน และไม่รีบเอาตัวรอดทำให้เพื่อนใจหาย เพื่อนบางคนก็กลัวเราจะพลัดตกน้ำทะเล แต่เพื่อนที่เห็นเราอาบน้ำเสร็จบอกว่าไม่ได้ไปชายหาดแน่นอน เราจึงเป็นคนเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่พบให้ทุกคนฟัง และแลกเปลี่ยนประสบการณืกัน เพื่อนๆส่วนใหญ่บอกว่าอยู่ชายหาด และบางคนอยู่ที่อาบน้ำ ส่วนคนที่อาบน้ำเสร็จก็รีบเก็บของวิ่งกลับมาที่บ้าน คงเหลือแค่เรากับเพื่อนอีกคนที่ติดพายุอยู่ที่หาด หลังจากที่คนมารวมกันจึงนับจำนวน ไม่เจอใครก็ตามหาและรอที่นี่ไม่เห็นเรานานมากๆ จึงตัดสินใจออกไปหาอีกทีและพาพวกเรากลับมาอย่างปลอดภัย ก่อนหน้านี้มีคนออกมาตามหาแล้วมันมืดมากเตนท์พวกเราอยู่ไกลจากชายหาดเขามองไม่เห็นจึงกลับไปรอที่บ้าน หลังจากมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วก็ต้องทานข้าวร่วมกันสินะ ![]() กิจกรรมต่างๆเริ่มเปลี่ยนไปเพราะพายุเข้า คืนนี้เราไม่ได้นอนเตนท์ อาหารมื้อเย็นก็ผ่านไปอย่างๆเงียบๆเพราะทุกคนรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว เราไม่รู้ว่าเพื่อนและชาวบ้านคิดอะไรกันอยู่ บรรยากาศดูเงียบๆคิดอะไรไม่ออกเลย คืนนี้เราต้องเปลี่ยนมานอนที่บ้าน โดยทุกคนถูกแยกไปนอนบ้านของชาวบ้าน หลังละ3-5คน เสื้อผ้าและที่นอนก็เปียก จึงได้เอาเสื้อผ้าไปซักใหม่ในตอนดึกๆ น้ำก็ไหลช้ามากๆแต่ยังดีที่เรามีน้ำอาบน้ำใช้ ![]() บางครั้งความสวยงามก็อาจจะนำมาซึ่งความอันตรายที่น่ากลัว หลังจากเหตุการณ์ติดพายุที่หาดเต่าไข่เมื่อ2ชั่วโมงก่อน ดันรถที่ติดโคลน วิ่งหนีฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงหลังกางเตนท์ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่นานหลายๆคนกำลังต้องมนต์สะกดแห่งท้องทะเลให้มองท้องฟ้าวันนี้ที่ไล่สีกันสวยงามจนอดละสายตาไม่ได้ ก่อนจะตามมาด้วยฝนที่เทลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว มันอาจจะเหมือนกับความฝันที่สวยงามแต่ความเป็นจริงอาจจะไม่ได้สวยงามแบบนั้นเสมอไป ยังมีอีกหลายโปรแกรมที่เราจะได้สนุก แค่เจอพายุเดี๋ยวมันก็หายไปแล้ว พรุ่งนี้เราจะได้ไปทำโยคะ เดินหาดทราย 6,000ปี และดูหวันจรโผลง ซึ่งเป็นโจทย์ที่น่าสนใจและน่าติดตามทิ้งท้ายของวันนี้ เรารู้สึกเหนื่อยเพลียมากๆจึงหลับไปอย่างสบาย ![]() ย่ำรุ่งมาย่ำน้ำค้างบนยอดหญ้า ทำโยคะรับพลังจากแสงอาทิตย์ยามเช้า ฟ้าหลังฝนนี้มันสดใสจริงๆ ทะเลยามเช้าก็สวยไปอีกแบบ วันนี้อาแทนจะพามาดู “หวันจรโผง” (อ่านว่า หวัน-จอ-ระ-โผง) และทำกิจกรรมธรรมชาติบำบัดจึงต้องตื่นเช้ากันหน่อย เรารู้สึกว่าเช้าแต่สำหรับชาวบ้านนี้ปกติมากเพราะมีชาวบ้านหลายคนมาเดินริมชายหาด มาออกกำลังกายด้วย เราได้สัมผัสวิถีลูกทะเลกันแต่เช้าเลย ทำให้เราคิดไปไกลถ้าเรามีบ้านติดชายทะเลแบบนี้ก็คงจะดีสินะ เพื่อนหลายคนดูชอบตอนเช้าของที่นี่และกิจกรรมเบาๆที่คลายหนาวได้ดีอีกด้วย เช้าแล้วแสงแรกเริ่มมาเยือน เสียงของอาแทนดังขึ้นว่า...หวันจรโผลง... พวกเราก็รีบหันไปตามเสียงนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วเห็นอาแทนชีนิ้วไปทางพระอาทิตย์ที่เรากำลังมองกันอยู่นั่นเอง ระหว่างดื่มด่ำกับธรรมชาติยามเช้าแล้วเราก็คิดได้ว่าถูกหลอกให้ตื่นเช้าอีกวันสินะ ![]() หลังจากที่ได้ไปย่ำน้ำค้าง ดูหวันจรโผง ทำโยคะ เดินออกกำลังกาย ระหว่างชมวิวทะเลตอนเช้า อาแทนก็ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติบำบัด ทั้งทางกาย ทางใจ การได้ยิน ได้กลิ่น สัมผัส รสชาติ และอีกสิ่งที่ทำได้ง่ายใกล้ตัวคืออาหารการกิน คุณค่าทางอาหารที่ไม่ผ่านความร้อนจะดีที่สุด เพราะความร้อนทำให้พลังชีวิตลดลง หากเรากินผลไม้ชนิดเดียวกันในหนึ่งวัน จะดีกว่าผลไม้ที่หลากหลาย เพราะจะทำให้ย่อยง่ายที่สุด ไม่ต้องทานชิ้นใหญ่หรือปั่นจะดีมากๆ และการดื่มน้ำมะพร้าววิธีที่ดีที่สุดคือดื่มน้ำไม่กินเนื้อ ถ้ากินเนื้อก็ไม่ควรดื่มน้ำมะพร้าว ![]() หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จจะมีกิจกรรมเดินศึกษาธรรมชาติ ไปดูสันทราย6,000ปี แล้วค่อยกลับมาทานมื้อเที่ยง ส่วนเพื่อนอีก3คนที่ไปออกเรือหาปลาตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมาเลย ส่วนตัวเรารู้สึกไม่ดี ปวดหัว ตัวร้อน สาเหตุน่าจะเกิดจากโดนพายุเมื่อคืนนี้ด้วย ทานข้าวเสร็จจึงเลือกที่จะนอนพักผ่อนที่สวนกง งดไปเดินตากแดดชมสันทราย ระยะทางประมาณ 1กิโลเมตร ![]() ในหาดสวนกงวันนี้อากาศดีมากไม่ร้อนมากไม่หนาวมาก เราจึงเอาผ้าใบมาปูนอนที่ใต้ร่มไม้ ถือว่าพักผ่อนอีกวันละกันเนอะ วันหยุดมีผู้คนในพื้นที่บ้าง ต่างถิ่นบ้างมานั่งชมวิว พักผ่อน อ่านหนังสือ จับกลุ่มคุยเล่นกัน เปรียบที่นี่เมือนสถานที่พักผ่อนได้เลย บรรยากาศก็ดี วิวสวย ถือว่าคุ้มนะวันนี้ แดดอ่อนๆ สายลมเอื่อยๆ นอนอุ่นๆริมหาด ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้วขอตัวพักผ่อนนะคะ ![]() จากช่วงสายถึงบ่ายที่นอนพักผ่อนรู้สึกดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่ได้ดีหมดซะทีเดียว เย็นๆจึงออกไปรับลมริมหาดกันหน่อย ที่หาดคนค่อนข้างเยอะทั้งเดินเล่น พาลูกหลานมาเล่นน้ำ นักมวยมาฝึกซ้อมริมหาด ทำให้เราได้รับพลังงานดีๆจากธรรมชาติ วันนี้ต่างจากคืนแรกลิบลับ เพราะฟ้าโปร่งมากทุกคนเหมือนจะลืมเรื่องเมื่อวานไปแล้ว เนื่องจากวันนี้ดีตลอดทั้งวันทุกคนได้ทำกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ ได้พักผ่อนเต็มที่ ![]() ค่ำคืนนี้ที่มีแสงดาวและแสงจันทร์ มีแสงไฟเล็กๆในบ้านและจากเตาไฟปิ้งย่าง มื้อค่ำแสนพิเศษนี้เป็นฝีมือการออกไปหาปลาตั้งแต่ตี4ของเพื่อนๆและชาวบ้านที่กลับมาเกือบจะเที่ยง ในเตาไฟเล็กๆของเราวันนี้จึงมีทั้งหมึก กุ้ง หอย ปู ปลาหลายชนิดเลย และมีน้ำจิ้มสูตรเกของแม่บ้านกลุ่มเต่าไข่อีกด้วย มีเสียงหัวเราะ เสียงเพลงเคล้ากันเพื่อสร้างบรรยากาศในการทานให้ดียิ่งขึ้น ระหว่างที่ปิ้งย่างกันอยู่เราก็ได้โอกาสได้ชิมหอยนางรมสดใหม่ ที่มือทุกคนมีอาวุธสำคัญคือก้อนหิน ใช้ในการทุบหอยให้หลุดออกจากกัน และทำให้หอยอ้าปากขึ้น เพื่อให้สามารถนำเนื้อหอยนางรมออกมาทานได้ และชาวบ้านเห็นพวกเราสนุกกับการทุบหอยจึงบอกว่าอาจจะโชคดีเจอไข่มุกในหอยได้นะ ถ้าเจอแล้วก็จะร่ำรวยกันเลย เป็นที่ชอบใจสำหรับเด็กๆกันทีเดียว ผู้ใหญ่ก็ทานกันสบายใจ ปกติเราไม่ชอบทานอาหารดิบและไม่ชอบหอยเท่าไหร่ แต่เพื่อนคะยั้นคะยอว่าอร่อยนักหนา จึงเอาหอยนางรมไปย่างดู เปลือกหอยร่วงลงในเตาไฟเสียงซู่จากน้ำในหอยที่ไหลรวมลงไป ส่งกลิ่นไหม้ๆลอยฟุ้งกลางอากาศ หลังจากหอยเริ่มอ้าปากกลิ่นหอมก็ลอยมาแทน เราตักน้ำจิ้มซีฟู้ดราดลงไปบนเนื้อหอยนางรม น้ำลายไหลแล้วจึงรีบตักเข้าปาก รสชาติหวานตัดเปรี้ยวเผ็ดตามบวกกับกลิ่นของหอยนางรม ทำให้เรารู้สึกชอบตั้งแต่คำแรก หลังจากนี้ถ้าหอยนางรมย่างสุกเราก็จะทานได้แล้ว ![]() จากเมื่อวานมีคนป่วยหลายคนอยู่กิจกรรมก็ดูหล็อมแหล็มไปหน่อย เมื่อคืนก็ทานกันเบาๆง่ายๆ หลังจากได้พักผ่อนกินอิ่มนอนหลับสบายได้ตื่นสายอีกด้วย สายมากแล้วมีปาร์ตี้ริมหาดสู้แสงตะวันไปเลย มาแบบดับเบิ้ลปาร์ตี้ คอนเซปต์ของวันนี้คือ “ล้อมครก” เป็นภาษาท้องถิ่น กิจกรรมทานข้าวร่วมกันโดยชาวบ้านจะทำในยามว่างๆหรือระหว่างวัน หลังจากพ่อบ้านกลับมาจากออกเรือ มีปลาสด กุ้งสดแม่บ้านก็มีเก็บออกจากอวล เพื่อนำไปขายและเอาไว้กิน พอถึงเวลาทานข้าวก็ชวนกันมาล้อมครก อาหารที่นิยมทำกันคือ“ข้าวดอกลาย” เป็นการนำข้าวสวยที่เหลือจากเมื่อคืนหรือข้าวที่เย็นเเล้ว ใครจะอยากทานข้าวเย็นชืดกันหล่ะ แต่ถ้าทิ้งก็เสียดายข้าวยังดีอยู่ แต่ละบ้านก็นำพริก ตะไคร้ หัวหอม มะขามเปียก มะนาว และผักสวนครัวต่างๆมารวมกัน ขั้นตอนการทำง่ายมาก โดยการโขลกตะไคร้ หัวหอม พริก มะขามเปียกให้ละเอียด เเล้วใส่เนื้อปลาสดนึ่งสุก กะปิ โขลกรวมให้เข้ากัน และใส่ข้าวสวยลงไปคลุกให้เข้ากัน แล้วนำมากินกับปลาทอด หรือผักสดได้ จากข้าวเย็นๆก็กลายเป็นอาหารเลิศรส และยังเป็นการสร้างความสามัคคี สานสัมพันธ์กันในชุมชนและเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นอีกด้วย ![]() ![]() ![]() วันนี้ชาวบ้านทราบข่าวว่าพวกเราจะล้อมครก ก็นำอาหาร ผักสด และผลไม้ต่างๆมากมายมาให้และร่วมกันทำอาหารทาน รวมถึงได้เล่าแบ่งปันประสบการณ์ของแต่ละคนแลกเปลี่ยนกันเป็นเรื่องราวที่สนุกสนานอีกอย่างหนึ่ง เรารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตของคนในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต อาชีพ การเป็นอยู่ การเอาตัวรอด การสร้างสรรค์กลุ่มของคนในชุมชน เหมือนเราได้อยู่ในหลายๆที่ในที่เดียวกันเลย ผู้คนแต่ละพื้นที่มีความหลากหลาย ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ตะวันออก ตะวันตก แต่ในความหลากหลายนั้นทุกคนมีสิ่งที่เหมือนกันคือ “การดำรงอยู่อย่างสงบสุข” ![]() ![]() “ขนมดาด้า” เป็นขนมพื้นถิ่นที่ทำโดยการกวนแป้งข้าวเหนียวและน้ำตาล(อันนี้ลืมถามสูตร) ก่อนนำไปอบในกะทะใส่น้ำมันเล็กน้อยแล้วทำให้แป้งกะจายเป็นแผ่น จึงเอาฝาหม้อมาปิดไว้เพื่ออบ ก่อนพับเป็นแผ่นและนำออกมาทานได้ ใช้ไปอ่อนๆถ้าไฟแรงไปขนมจะไหม้ก่อน ขนมจะเหนียวนุ่มไม่หวานมากทานง่าย ขนมดาด้านิยมทำทานในบ้านที่มีเด็กเกิดใหม่ ชาวบ้านตั้งใจทำให้พวกเราทานเพื่อเป็นการต้อนรับพวกเรา เป็นลูกหลานแห่งท้องทะเล เปรียบเสมือนการได้ลูกๆใหม่ด้วยพวกเรายินดีมากที่ชาวบ้านต้อนรับอย่างจริงใจ ดูแลเราตั้งแต่ลงจากลงครั้งแรกเลย ความสัมพันธ์ของพวกเรากับชาวบ้านก็มีมากขึ้น กิจกรรมต่างๆก็ดูสนุกสนาน ชาวบ้านก็เริ่มจะมีศัพท์ใหม่ๆแปลกจากพวกเราเพิ่มขึ้นด้วย ![]() จวนจะเที่ยงแล้วบางคนไปออกแบบ View Point บางคนหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน บางคนยังอยู่กลุ่มสนทนาระหว่างวงสนทนาดำเนินมายาวนานพอสมควร ก็เริ่มมีเม็ดฝนปรอยๆมาทุกคนก็เริ่มเก็บของขึ้นรถเพื่อไปหลบฝนก่อนอย่างทุลักทุเลนิดหน่อย เวลาผ่านไปสักหนึ่งชั่วโมงฝนก็หายไป วงสนทนาและอาหารก็กลับมาอีกครั้งบางคนย่อยแล้วก็มาทานใหม่ เสร็จจากคาวเราก็ไปต่อที่ของหวานกับ “ขนมดาด้า” ซึ่งทุกคนก็ชอบกันอีกเพราะใช้ไฟจากเตาถ่าน กะทะทอดไข่แบบบ้านๆ ได้ละเลงแป้งบนกะทะเอง ทำขนมทานเองและมีใบตองเพื่อห่อเป็นจานวางขนมที่สุดยอดจะรักษ์โลกอีกด้วย ![]() ![]() สำหรับสิ่งสำคัญของชีวิตชาวประมงคือน้ำทะเลแห่งนี้ ชาวบ้านบอกกับพวกเราด้วยเสียงสั่นๆเบาๆ พร้อมน้ำตาที่เริ่มคลอ จึงทำให้วงสนทนาเริ่มเงียบลง ทุกคนตั้งใจฟังปราชญ์ชาวบ้านท่านนี้ และท่านเล่าต่อไปอีกว่าท่านรักที่นี่มาก ที่นี่คือบ้านคือทุกสิ่ง ตั้งแต่เกิดมาลืมตาดูโลกก็เห็นแบบนี้ มันดูสวยงามเสมอไม่เคยเบื่อ ไม่เคยพลัดจากถิ่นฐานนี้นานเกิน2วัน ชาวประมงคือสิ่งที่บรรพบุรุษส่งต่อให้ที่เราต้องรักษาสืบต่อลูกหลาน ความรักต่อถิ่นฐานบ้านเกิดของคนที่นี่น่านับถือยิ่งนัก และชาวบ้านก็เล่าวิถีการจับปลาของแต่ละวันว่าต้องเตรียมอะไร มีอะไรสำคัญที่ต้องเตรียม และเรือแต่ละลำต้องมีผู้เชียวชาญที่เรียกว่า "ดูหลำ" คนฟังเสียงปลา เป็นผู้นำทางเพื่อฟังเสียงและชี้จุดว่าบริเวณไหนมีปลา ปลาชนิดใดบ้างซึ่งต้องใช้ความสามารถอย่างยิ่งในการฟังเสียงในน้ำลึก1-1.5m. และดูระดับน้ำว่าเสียงดังอยู่ที่หน้าผากปลาจะห่างจากเรา10m.ขึ้นไป เสียงอยู่ระดับอกปลาอยู่ห่างจากตัว5m. ถ้าเสียงอยู่ระดับสะดือคือปลาอยู่ใกล้ๆตัวเรา ซึ่งความสามารถเหล่านี้ต้องได้รับการฝึกฝนและใข้ประสาทสัมผัสมากที่สุด ![]() ![]() บ่ายคล้อยมาหน่อย ในฤดูกาลวางไข่ชาวบ้านก็จะทำ "อูหยำ" สร้างบ้านปลาหรือปะการังเทียม ทำในช่วงมรสุม ซึ่งชาวบ้านจะสร้างที่อยู่ให้ปลาเพื่อให้ปลาเพาะพันธุ์ได้ และยังเป็นการรักษาทรัพยากรชายฝั่งอีกด้วย งานนี้เราก็ได้ลงมือสร้างบ้านให้ปลากันด้วยโดยการเอาทางมะพร้าว 3-5ก้าน มาผูกกับไม้ไผ่ยาวประมาณ3เมตร ปลายด้านหนึ่งผูกกับก้อนหินเพื่อถ่วงไว้ในน้ำไม่ให้ลอยขึ้นปลาจะได้มีที่อยู่ซุกใต้ใบมะพร้าวอย่ามีความสุข ![]() ![]() ตะวันใกล้ลาลับแล้วกิจกรรมสุดท้ายที่ค้างคาอยู่คือขุดน้ำจืด ริมชายทะเลที่มีน้ำเค็ม จะเป็นไปได้หรือมาดูกัน โดยบังนีและชาวบ้านอีก3คนได้ถือกะลามะพร้าวมาคนละ2อัน เดินเลียบๆเคียงๆชายฝั่งอยู่พวกเราก็เดินตามไปเรื่อย แล้วหยุดริมหาดซึ่งห่างจากน้ำประมาณ10เมตรได้ เริ่มลงมือขุดดินให้เป็นหลุม กว้างสัก50cm.ได้ ความลึกค่อยๆลึกลงไปได้ประมาณ20cm.ก็เห็นน้ำซึมออกมาแต่ยังไม่หยุดยังขุดต่อไปพร้อมทั้งวิดน้ำที่ซึมออกไปด้วย และขุดอีก1หลุมห่างกันสัก30cm.ตามเพื่อให้น้ำที่ซึมจากบ่อแรกไหลไปบ่ที่2 ระหว่างขุดบางทีทรายกะพังลงไป ต้องช่วยกันขุดทรายออกใหม่บ่อยครั้ง ขุดไปเรื่อยวิดน้ำไปเรื่อยจนลึกเกือบสุดสุดแขนน้ำกกูถูกวิดออกไปบ่อที่2อย่างรวดเร็ว และน้ำในบ่อแรกก็ค่อยๆซึมออกมาอีก บังนีตักน้ำมาล้างกะลามะพร้าวที่ไม่เปื้อนแล้วยื่นน้ำในกระลานั้นให้เราลองดื่ม เราส่ายหน้าบังนีจึงดื่มให้ดู และชาวบ้านอีก3คนก็ทำเช่นเดียวกัน ผ่านไปสักพักไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราจึงลองดื่มดู มีน้ำจืดจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าใกล้ทะเลจะมีน้ำจืดให้ดื่มและวิธีการขุดหาก็ง่ายมากๆเลย หลังจากที่หลายๆคนได้ดื่มน้ำแล้วจึงเอาก้านมะพร้าวมาปักเป็นสัญลักษณ์ว่ามีบ่น้ำเผื่อใครเล่นน้ำแล้วหิวมากๆก็สามารถมาดื่มได้ มาฝากตัวเป็นลูกทะเลทั้งที วันนี้ขอเล่นน้ำแบบจัดเต็มเลย แม้ว่าชาวบ้านจะพักอยู่ติดชายทะเลแต่ทะเลที่นี่สะอาดน้ำสีฟ้าครามน่าเล่น รีบเปลี่ยนชุดแล้วลงน้ำกันเลย เรารวมกลุ่มกันเล่นชิงบอลทะเล และเล่นเปลี่ยนหลัก โดยใช้หลักที่ชาวบ้านปักไว้ เรียกว่าการการสร้าง “ซั้ง” เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมาแต่อดีต เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่อนุบาลสัตว์น้ำ เป็นอุบายดึงดูดสัตว์น้ำให้มาอยู่รวมกันเป็นจํานวนมาก เพื่อความสะดวกในการจับอีกด้วยและยังเป็นแนวกั้นระวังไม่ให้เราเล่นน้ำไปเกินแนวไม้กั้นด้วย นี่น่าจะเป็นการเล่นน้ำที่สนุกมากๆเพราะน้ำไม่ลึกจนเกินไป เราผู้ซึ่งว่ายน้ำไม่เป็นและกลัวน้ำก็อดใจไม่ได้ รวมถึงมีกิจกรรมที่สนุกได้เล่นร่วมกันหลายคนจนตะวันลาลับขอบฟ้าไป ทุกคนสนุกและเหนื่อยล้ากันมากแล้ว ![]() ตะวันคล้อยลับฟ้าไปแล้ว ความสุขความสนุกก็หมดไปอีกวัน ตั้งแต่การต้อนรับที่อย่างยินดี การร่วมกิจกรรมที่รู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง บวกกับธรรมชาติที่สวยงามทั้งสวนสนหญ้าเขียว ริมหาดทรายละเอียด น้ำทะเลครามใส เรือริมหาด ต้นมะพร้าว พระอาทิตย์ขึ้นและตก พ่อแม่หลายๆคนเรียกลูกกลับเข้าบ้าน นักท่องเที่ยวกลับใกล้หมดแล้ว ผู้คนเริ่มบางตาพวกเราจึงหยุดเล่นน้ำ แล้วชวนกันเดินกลับบ้านพักพร้อมเด็กหลายๆคนที่มาร่วมเล่นกับเรา เดินตามริมชายเลเก็บขยะกลับมาด้วยเด็กๆบอกว่า พี่ๆใจดีจังมาเที่ยวด้วย พาน้องๆเล่นน้ำด้วยทำให้น้องได้เล่นอะไรใหม่ๆ และยังช่วยทำให้ชายหาดที่นี่สวย ไม่ทิ้งขยะกันเลยแม้แต่คนเดียวมีขวดน้ำส่วนตัวกันทุกคน(ขวดเก็บความเย็นที่กลุ่มเรามีกันแทบทุกคน) หนูจะให้แม่ซื้อขวดน้ำแบบพี่ให้ด้วย เราชะงักเลยขนาดเด็กน้อยยังรู้สึกรักและหวงแหนพื้นที่ของเขา เราก็ไม่ควรทำลายความรู้สึกของน้องๆ หากไปเที่ยวที่ไหนก็ลดสร้างขยะกันด้วย ใช้ขวดน้ำที่ใช้ซ้ำได้ ส่วนถุงพลาสติกไม่จำเป็นก็งดใช้ยิ่งดี ![]() ร่วมพูดคุยสะท้อนความรู้สึกส่งท้ายกัน สิ่งที่ดึงดูดเราอีกอย่างคือ งานประจำปีของหาดสวนกง “อะโบยหมะ เลจะนะหรอยจ้าน” ชาวบ้านเล่าว่าจะจัดในช่วงเดือนตุลาคม การจัดงานนี้ต้องการให้ชุมชนและภาครัฐได้มีส่วนร่วมในการรักษา และอนุรักษ์ฐานทรัพยากรที่มี เพื่อให้ชุมชนได้หากินตลอดไปอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาทะเล และสัตว์น้ำ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว เพราะอาหารทะเลจากจะนะถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์มาก เป็นการแข่งเรือขึ้นบก หรือเรือเกยหาด โดยการพายเรือขึ้นมาเกยฝั่งเรือลำใดขึ้นมาเกยฝั่งได้สูงที่สุดก็ชนะและได้รับเงินรางวัล จัดการแข่งขันกันในระแวกใกล้เคียงและผู้ที่สนใจอยากมาร่วมด้วยก็ได้ และภายในงานก็มีกิจกรรมการแสดงให้ชมฟรี การเปิดซุ้มขายของไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล ของที่ระลึก ของกินของใช้อีกมากมาย เป็นเหมือนงานประจำปีเพื่อสร้างความสนุกสนาน อิ่มเอมทั้งผู้จัดงานและผู้ร่วมงาน แค่ฟังก็ฟินจนอยากมาร่วมงานนี้เลยหล่ะ ![]() จำ...ลา…สวนกงครบรสทั้งกินบรรยากาศฝนและลมทะเล ชื่นชมพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินในตอนเย็น ๆ หากที่นี่มีท่าเรือน้ำลึกผุดขึ้นมา มีเรือมากมายแล้วสัตว์น้ำแถวนี้จะไปอยู่ที่ไหน ชาวบ้านจะหาปลาที่ไหนคงจะออกเรือไปไกลขึ้น หรือแทบจะไม่มีพื้นที่ทำมาหากินแล้ว ริมชายหาดที่เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นก็คงไม่มีอีกแล้ว น้ำทะเลหน้าบ้านที่สามารถลงไปเล่นเมื่อไหร่ก็ได้คงมีแผงกั้น วิวทะเลที่สวยงามคงมีเรือลำใหญ่หรือสิ่งก่อสร้างบดบังหมดแล้ว มีถนนที่ใหญ่ขึ้นคงกินพื้นที่สวนสาธารณะที่พักผ่อน หรือสวนรวมใจของชาวบ้าน หากเกิดขึ้นจริงเราคงจะไม่ได้มีโอกาสได้ไปเยือนที่นั่นอีก คงเหลือเพียงสวนกงในความทรงจำเท่านั้นสินะ ![]()
ทะเลสวยมากเลยครับ
โดย: ทนายอ้วน
![]() ![]() อยากให้ทุกคนได้เห็นของจริง บางทีเรามองเห็นน้ำทะเล2สีแบบเป็นชั้นๆเลย คือสวยมากค่ะ
![]() โดย: บ่กะละ
![]() สวัสดี
ฉันเป็นมุสลิมและฉันขอเชิญผู้คนให้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม โปรดดูบล็อกของฉัน 👇อธิบายด้วยรูปภาพและวิดีโอเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม https://is1t.blogspot.com/2018/04/blog-post.html ขอให้ชีวิตมีความสุขนะ....ขอบคุณค่ะ ........ ❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙 💙 ประตูสู่สรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร ❤ การช่วยให้พ้นจากขุมนรก 💙 ความเกษมสำราญและความสันติภายในอย่างแท้จริง ❤ การให้อภัยต่อบาปที่ผ่านมาทั้งปวง 💙 สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในศาสนาอิสลาม ❤ านภาพของสตรีในศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร? 💙 ครอบครัวในศาสนาอิสลาม ❤ ชาวมุสลิมปฏิบัติต่อผู้สูงอายุอย่างไร? 💙 ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร? https://is1t.blogspot.com/2018/04/blog-post.html ......... ❤️ ตัวอย่างพระดำรัสของพระศาสดามูหะหมัด 💙 🔴 {ยิ้มให้แก่พี่น้องของพวกเจ้าเป็นการทำบุญกุศล...} 🔵 {การกล่าวดีเป็นการทำบุญกุศล} 🔴 {ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าและวันสิ้นโลก (วันพิพากษา) ควรกระทำความดีต่อเพื่อนบ้านของตนด้วย} 🔵 {จ่ายค่าแรงคนงานก่อนที่เหงื่อของเขาจะแห้ง} ......... 🔴"ความหมายของชีวิต"🎬👇 https://youtu.be/yPMpqfoiS4A ⚠️🔴⚠️🔵⚠️ 🔴ถ้าเรามีความปรารถนาที่จะทราบว่าศาสนาใดเป็นศาสนาที่แท้จริงหรือจอมปลอมนั้น เราจงอย่านำอารมณ์ ความรู้สึก หรือประเพณีของเราเองมาตัดสิน เราควรนำเหตุผล สติปัญญาของเรามาใช้จะดีกว่า ⚠️ เว็บไซต์แห่งนี้ จะเป็นการตอบคำถามที่สำคัญบางเรื่องซึ่งมีผู้สนใจสอบถามมา ดังนี้: 1- พระคำภีร์กุรอานที่มาจากพระดำรัสของพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้นั้น นำมาเปิดเผยโดยพระองค์เองใช่หรือไม่? 2- พระมูหะหมัด คือพระศาสดาที่แท้จริง ที่ประทานมาโดยพระผู้เป็นเจ้าใช่หรือไม่? 3- ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงใช่หรือไม่? 👇 🔻หลักฐานบางประการที่บอกถึงความเป็นจริงของศาสนาอิสลาม 🔻 https://www.islam-guide.com/th โดย: islam IP: 51.39.78.108 วันที่: 27 มกราคม 2565 เวลา:14:40:56 น.
สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ไปให้กำลังใจที่บล็อกค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่นะคะ
เข้ามาชมความวามของทะเลพร้อมอ่านเรื่องราวที่สนุกอย่างเพลินเลยค่ะ บรรยายได้เห็นภาพเลย เยี่ยมๆค่ะ โดย: กิ่งฟ้า
![]() |
Live a good story
![]() ![]() ![]() ![]()
| ||||||