|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
คำถามที่คาใจ
ต้นไม้แก่ตายได้ไหม ? ต้นไม้มีอายุยืนเท่าไหร่ครับ และเวลามันตาย หมายถึงว่ามันหมดอายุขัย คือแก่ตายใช่หรือไม่ ?
ไม่ ในความหมายเดียวกับคน คนเรามีชีวิตที่แน่นอน เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงอายุหนึ่ง ไม่นานไปกว่านั้น ทุกวันนี้คนโดยเฉลี่ยจะมีช่วงชีวิตประมาณ 74 ปี มีคนจำนวนน้อยที่จะอยู่จนถึง 90 ปี หรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้เลยทางกายภาพที่คนเราจะมีชีวิตยืนยาวเกิน 120 ปี
ต้นไม้ทุกต้นต้องตายลงในที่สุด แต่ต้นไม้ไม่มีช่วงชีวิตที่กำหนดตายตัวเหมือนอย่างคนเรา ต้นไม้โดยเฉลี่ยอาจขืนต้นอยู่เป็นจำนวนปีที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าต้นไม้นั้นเป็นต้นไม้ชนิดใด ต้นไม้ส่วนใหญ่ถูก "ฆ่า" ตั้งแต่ในช่วงต้นของชีวิต โดยมนุษย์ อุบัติเหตุ โรคพืช แมลง และสาเหตุอื่น ๆ แต่ต้นไม้อีกหลายชนิดมีอายุยืนยาวกว่ามาก ตัวอย่างที่ดีที่สุด คือต้นสนบริสเซิลโคนซึ่งมีอายุยืน 200-375 ปี นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าต้นสนบริสเซิลโคนในรัฐแคลิฟอร์เนียสมีอายุเกินกว่า 4,000 ปีด้วยซ้ำ
ทำไมต้นไม้มีชีวิตยืนยาว เหตุผลหลักก็คือ ต้นไม้มีโครงสร้างที่สลับซับซ้อนน้อยกว่าคนมาก คนและสัตว์มีสมองสั่งการและควบคุมการทำกิจกรรมต่าง ๆ เมื่อสมองตายเราก็ตาย แต่สำหรับต้นไม้แล้ว เช่นเดียวกับพืชทุกชนิด โครงสร้างของมันเรียบง่ายกว่ามาก ต้นไม้ไม่มีสมอง หลายส่วนของมันอาจตายไปโดยไม่ทำให้ต้นไม้ทั้งต้นตายไปด้วย อันที่จริงส่วนใหญ่ของต้นไม้ที่ปรกติสมบูรณ์ดีกลับเป็นส่วนที่ตายแล้ว ตัวอย่างเช่นเนื้อไม้ใจกลางลำต้น สวนของต้นไม้ที่มีชีวิตอยู่ คือชั้นเนื้อเยื่อบาง ๆ ใต้ผิวเปลือกไม้ เรียกว่า แคมเบียม (cambium) กับใบไม้ ปลาย ราก และกิ่งก้านเท่านั้น
ทั้งหมดที่เหลือรอดมีชีวิตอยู่ของต้นสนบริสเซิลโคนโบราณในรัฐแคลิฟอร์เนียก็คือเนื้อเยื่อแคมเบียมและใบไม้ แต่ปีแล้วปีเล่าต้นสนยังคงยืนหยัดต่อไป อาจเป็นไปได้ว่ามันจะมีชีวิตยืนยาวต่อไปอีกนานหลังจากที่พวกเราลาจากโลกนี้ไปแล้ว
คุณลุงหน้าร้าน KFC เป็นใคร ตุ๊กตาที่ตั้งอยู่หน้าร้านไก่ทอดเคเอฟซีเป็นรูปคุณลุงแก่ ๆ นั้นเป็นใครกัน เดาว่าเป็นเจ้าของร้านใช่หรือไม่
หุ่นที่เราเห็นเวลาผ่านหรือเข้าไปใช้บริการในร้านเคเอฟซีนั้นคือสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนผู้ก่อตั้งเคเอฟซีตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๓๙
คนคนนี้มีชื่อว่า ฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอรส์ เกิดเมื่อวันที่ ๙ กันยายน ค.ศ.๑๘๙๐ มีพี่น้องทั้งหมดสามคน เป็นลูกชายคนโตเมื่อเขาอายุได้เพียงหกขวบ บิดาก็เสียชีวิต ทำให้แม่ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวแต่เพียงผู้เดียว แซนเดอรส์ซึ่งยังเป็นเด็กน้อยอายุหกขวบ ต้องเลี้ยงดูน้องชายอายุสามขวบและน้องสาวซึ่งยังแบเบาะอยู่ เขาต้องทำงานบ้านทุกอย่างรวมถึงทำอาหารเองด้วย แซนเดอรส์มีพรสวรรค์ในเรื่องนี้จนได้เป็นผู้ชนะเลิศในการประกวดปรุงอาหารประจำหมู่บ้านขณะที่อายุเพียงเจ็ดขวบ แซนเดอรส์เริ่มรับจ้างทำงานครั้งแรกเมื่ออายุได้ ๑๐ ปี โดยเริ่มจากงานในฟาร์มใกล้บ้าน ได้ค่าแรงเพียงเดือนละ ๒ ดอลลาร์ พออายุได้ ๑๒ ปี ก็ออกจากบ้านไปทำงานที่ฟาร์มในหมู่บ้านเฮนรี วิลล์ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตการทำงานหลาย ๆ อย่างที่เขาเคยทำ เช่น นักดับเพลิง ฝึกงานที่ศาล ขายประกัน ขายยาง ทำงานที่สถานีขนส่ง เมื่ออายุ ๔๐ ปี แซนเดอรส์เริ่มปรุงอาหารจำหน่ายแก่ผู้โดยสารที่แวะหยุดพักที่สถานีขนส่งในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ ปรากฏว่าอาหารฝีมือการปรุงของแซนเดอรส์เป็นที่เลื่องลือ แซนเดอรส์จึงลาออกไปทำร้านอาหาร หลังจากนั้นเก้าปี คือในปี ค.ศ.๑๙๓๙ แซนเดอรส์ได้คิดสูตรปรุงไก่ทอดโดยใช้ส่วนผสมลับเฉพาะจากเครื่องเทศ ๑๑ ชนิด และใช้วิธีการทอดแบบพิเศษเพื่อรักษารสชาติและความหอมอร่อยของไก่ทอด ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดไก่ทอดสูตรต้นตำรับเคเอฟซี แซนเดอรส์สร้างชื่อเสียงให้แก่รัฐเคนตั๊กกี้มาก ผู้ว่าการรัฐจึงแต่งตั้งให้เขาเป็น "ผู้พันเคนตั๊กกี้" เพื่อเป็นเกียรติ จากนั้นมาผู้พันแซนเดอรส์ก็เดินทางไปทั่วสหรัฐอเมริกา และแคนาดาเพื่อขายเฟรนด์ไชส์ธุรกิจไก่ทอดของเขา ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการขายเฟรนด์ไชส์ในปี ค.ศ.๑๙๕๐ และได้จัดตั้งเป็นบริษัทไก่ทอดเคนตั๊กกี้ในปี ค.ศ. ๑๙๕๕ ผู้พันแซนเดอรส์ล้มป่วยด้วยโรคลูคีเมียและถึงแก่กรรมในปี ค.ศ.๑๙๘๐ รวมอายุได้ ๙๐ ปี จนถึงวันนี้ รวมเป็นเวลากว่า ๕๙ ปีแล้วที่เคเอฟซีถือกำเนิดมาในตลาดธุรกิจฟาสต์ฟูด ปัจจุบันเคเอฟซีได้ขยายสาขามากกว่า ๒๙,๕๐๐ แห่งใน ๙๒ ประเทศทั่วโลก จากอเมริกาสู่กำแพงเมืองจีน จากตะวันตกสู่ตะวันออก...โดยมีหุ่นผู้พันแซนเดอรส์ปรากฏอยู่หน้าร้านเหมือนจะเป็นเครื่องรับประกันความอร่อยของไก่ทอดยี่ห้อนี้
หมวกของเชฟ ทำไมพ่อครัวต้องสวมหมวกสีขาวทรงสูง ?
หมวกของพ่อครัวใหญ่หรือเชฟ (Chef) ออกแบบให้เป็นหมวกทรงสูงเพื่อระบายอากาศร้อน ต่อมาได้ข้อมูลเพิ่มเติมในเชิงประวัติความเป็นมา จึงขอนำมาขยายต่อดังนี้
ธรรมเนียมปฏิบัติของเชฟในการสวมหมวกทรงสูงพองโป่งด้านบนย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ ๑๕ ในยุคนั้นพ่อครัวเป็นอาชีพที่ทำรายได้สูงมากและยังเป็นที่ยกย่องนับถือของชาวกรีกในกรุงไบแซนเทียม (ชื่อโบราณของกรุงอิสตันบูล จนถึงปี ๓๓๐ ก่อนคริสตกาล) เมื่อพวกเติร์กล้มล้างจักรวรรดิไบแซนทีนใน ค.ศ. ๑๔๕๓ บรรดาพ่อครัวต้องหนีไปหลบซ่อนตัว สถานที่หลบภัยก็คือสำนักสงฆ์ เพื่อให้กลมกลืน พวกเขาสวมใส่เครื่องแต่งกายเช่นเดียวกับพระที่พวกเขามาขออาศัยอยู่ด้วย
เครื่องแต่งกายชิ้นหนึ่งของพระก็คือ หมวกสีดำทรงสูงที่พองโป่งตรงส่วนยอด ต่อมาพวกพ่อครัวได้เปลี่ยนเฉพาะสีของหมวกเป็นสีขาวเพื่อให้พอแยกออกระหว่างพวกเขากับพระจริง ๆ ส่วนรูปทรงของหมวกนั้น เข้าใจว่าพวกพ่อครัวคงชอบมาก จึงคงไว้แบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
พูดถึงเชฟแล้ว คุณณัชชารู้หรือไม่ว่า เรื่องตำแหน่งหน้าที่ในครัวฝรั่งดูแล้วไม่ต่างอะไรจากกองทัพที่มีนายร้อย นายพัน นายพลเลย อแมนดา เกล เชฟหญิง เล่าไว้ใน จีเอ็ม ปักษ์หลังกรกฎาคม ๒๕๔๗ ว่า โดยทั่วไปที่เป็นพื้นฐานเลยก็คือตำแหน่งฝึกงานซึ่งจะได้ค่าจ้างน้อย ๆ ก่อน แล้วพอทำงานไปเรื่อย ๆ อาจจะเป็น ๑ ปี ๒ ปี ๓ ปี ๔ ปี แต่ละปีก็จะได้เงินมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วหลังจากนั้นก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเดมิเชฟเดอพาตี คำว่า เดมิ (demi) ก็คือ small หรือเล็ก จากนั้นถึงจะได้ขึ้นมาเป็นเชฟเดอพาตี มีหน้าที่ดูแลแผนกต่าง ๆ จากนั้นถึงจะเป็นเดมิซูส์เชฟ ก่อนจะเป็นซูส์เชฟ แล้วก็เชฟ และเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟในที่สุด
อะแคเดอมีแปลว่าอะไร ? กำลังติดรายการ Academy Fantasia ทางเคเบิลทีวีอย่างงอมแงม เขาจับหนุ่มสาว ๑๒ คนมาไว้ในบ้านเดียวกัน สอนการแสดงและร้องเพลง แล้วค่อย ๆ คัดออกสัปดาห์ละคนโดยการโหวตของผู้ชมทางบ้าน เข้าใจว่า Academy คงหมายถึงสถาบันหรือโรงเรียนอะไรสักอย่าง เลยอยากทราบความหมายที่แท้จริง
นิยามความหมายอย่างกว้างที่สุด Academy ก็คือโรงเรียน โรงเรียนจำนวนมากโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาจะเรียกว่าอะแคเดอมี อะแคเดอมีแห่งแรกสุดคือโรงเรียนที่นักปราชญ์ชาวกรีกโบราณเพลโต (Plato) เป็นครูสอนในช่วงศตวรรษที่ ๔ ก่อนคริสตกาล โรงเรียนนี้ได้ชื่อมาจากคำว่า Academia ซึ่งหมายถึงสวนมะกอกตรงชานกรุงเอเธนส์ ที่สวนมะกอกนี้เพลโตและพวกลูกศิษย์จะอภิปรายถกเถียงหัวข้อต่าง ๆ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ รวมถึงรัฐบาลที่ดี ภายหลังจากที่เพลโตตายไป The Academy ยังดำเนินการเรียนการสอนต่อมาโดยสานุศิษย์และผู้สืบทอดภารกิจของเขา โรงเรียนแห่งนี้อยู่มาจนถึงปี ค.ศ. ๕๒๙ เมื่อจักรพรรดิโรมันจัสติเนียนปิดมันลง ทั้งครูและนักเรียนชาวกรีกใน เดอะอะแคเดอมี มุ่งความสนใจในเรื่องศิลปะ วรรณคดี ดนตรี และวิทยาศาสตร์ ดังนั้นในปัจจุบันกลุ่มคนใดที่มารวมตัวกันเพื่ออภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อเหล่านี้จึงอาจเรียกได้ว่า อะแคเดอมี หลายประเทศได้ก่อตั้งสถาบันอะแคเดอมีขึ้น ที่มีชื่อเสียงที่สุดในปัจจุบันน่าจะเป็น Academie Francaise ของประเทศฝรั่งเศสซึ่งตั้งขึ้นในปี ค.ศ. ๑๖๓๕ โดยพระคาร์ดินัลริเชลลิ [Cardinal Richelieu] สมาชิกของอะแคเดอมีแห่งฝรั่งเศสนี้มีภารกิจในการเขียนพจนานุกรมซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๖๓๙-๑๖๙๔ และจากช่วงนั้นมาอะแคเดอมีนี้ถือเป็นองค์กรเดียวที่มีอำนาจชี้แนะในเรื่องภาษาฝรั่งเศส ส่วนสถาบันอะแคเดอมีที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดของสหรัฐอเมริกา ก็คือ The Academy of Motion Picture Arts and Sciences เจ้าของรางวัล Academy Award ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของรางวัลออสการ์นั่นเอง รางวัลนี้มอบให้แก่นักแสดง ผู้กำกับ ช่างภาพ นักออกแบบ และผู้ทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๒๙ ในประเทศอังกฤษสถาบันอะแคเดอมีที่รู้จักกันดีที่สุด คือ The Royal Academy of Arts ก่อตั้งในปี ค.ศ. ๑๗๖๘ และ The Royal Academy of Music ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. ๑๘๒๒ ทั้งสองสถาบันนี้ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน
Create Date : 10 กันยายน 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 12 กันยายน 2550 13:24:02 น. |
Counter : 982 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: ae"chem IP: 202.28.77.34 19 กันยายน 2550 14:40:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ชอบๆๆๆๆๆ
เริ๊ดค่ะเริด...