พักผ่อน @ปาย...อีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่มา...ปาย....คราวก่อนเราไปกับทัวร์เลยไม่ค่อยได้เก็บรายละเอียดของปายมากนัก มาครั้งนี้ ได้เดินทางกันเองกับเพื่อนๆ เราก้อต้องเป็นไกด์ไปโดยปริยาย เพราะเป็นคนเดียวที่เคยมา ครั้งนี้เดินทางโดยไทยแอร์เอเชีย กับตั๋ว 0 บาท ที่จองไว้ตั้งกะปลายปีที่แล้ว ไปลงเชียงใหม่ แล้วต่อรถตู้ของ Aya service เพื่อเดินทางต่อไปปายจ้า อ้อ...ลืมบอกไปทริปนี้เดินทาง 11-14 ตุลาที่ผ่านมานี่เองเจ้าหางแดง เนี่ยะล่ะ ที่พาเราไปเชียงใหม่ที่พักของเราคือที่นี่ค่ะ อาจจะคุ้นสำหรับบางคน แต่บางคนคงไม่คุ้น ที่นี่ก้อคือวังช้างเผือกรีสอร์ทนั่นเอง จะอยู่ก่อนถึงหลับฝันดีเกสต์เฮ้าส์ที่หลายๆคนใน BP แนะนำที่เห็นด้านบนคืนบ้านพักแบบติดแอร์นะค่ะ ข้างในจัดไว้สวยเชียว แต่เราไปช่วงปลายฝนเกือบๆจะมีลมหนาวพัดอยู่แล้ว นอนห้องแอร์คงไม่ได้บรรยากาศเมืองปาย เราก้อเลยตกลงปลงใจที่ห้องพัดลม หน้าตาจะเป็นแบบนี้ค่ะด้านหน้าจะมีระเบียงให้นั่งเล่นอ่านหนังสือได้ แต่เสียดายที่หน้าบ้านไม่ได้หันหน้าเข้าแม่น้ำปาย สรุปคือถ้านอนห้องพัดลมจะไม่เห็นวิวแม่น้ำปายหน่ะ เข้าประตูไป ก้อจะเจอเตียงใหญ่อยู่กลางห้องมีหน้าต่างอยู่รอบบ้านเลย อากาศดีดี ก้อต้องเปิดหน้าต่างรับอากาศเข้าห้อง ห้องน้ำก้อสะอาดดีค่ะห้องน้ำอีกรูปบรรยากาศแม่น้ำปาย หน้ารีสอร์ทยามเช้าจากนั้นก้อเริ่มขี่มอไซค์เที่ยวเมืองปายกันล่ะ ที่แรกคือที่นี่จ้า "วัดน้ำฮู" ที่นี่จะมีพระพุทธรูปที่มีน้ำออกจากเศียรท่านตลอดเวลา รายละเอียดจำไม่ค่อยได้ล่ะ ใครอยากรู้ต้องไปเองนะ อิอิอยู่ใกล้ๆกับวัดน้ำฮู คือหมู่บ้านจีนยูนนานตอนที่เราไปมีคุณลุงกำลังปรับปรุงป้ายชื่อหมู่บ้านใหม่ คุณลุงบอกว่าปั้นกันสดเลยเด๋วนั้น และตอนนี้ก้อมีบ้านดินที่กำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวเร็วๆนี้ล่ะ ปีที่แล้วที่เรามา ยังไม่มีเลย บริเวณบ้านดินอีกรูปจริงๆมาที่นี่ ต้องลองชิม ขาหมู หมั่นโถว แต่เผอิญพวกเราอิ่มกันมาก เลยสั่งแค่หมั่นโถวกับไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ล่ะ มาทานเล่น อันนี้รูปหมั่นโถว กินเปล่าๆยังหร่อยเลยจากนั้นก้อไปต่อ จริงๆมีคนบอกว่าต้องวางแผนเที่ยวให้ดีดี จะได้ขี่มอไซค์เป็นวงกลม แต่เราดูไง ก้อเป็นวงกลมไม่ได้อ่ะ เลยต้องย้อนเข้ามาทางตลาดใหม่ เพื่อจะออกไปที่นี่ นี่แหล่ะที่รอคอยอยากได้รูปสวยๆ เหอๆจะมีป้ายร้านแบบนี้ ไว้ให้ถ่ายรูปกันหนุกหนานชอบคำนี้เจงๆ ได้อารมณ์ดีวิวสวยๆแบบนี้ล่ะมาถึงร้านจะมาถ่ายรูปอย่างเดียวก้อใช่ที่ เลยต้องชิมกาแฟกันสักหน่อยกาแฟร้อนอีกแก้วแล้วก้อตบท้ายด้วยบลูเบอร์รี่ชีสเค้กอีกก้อน แล้วก้อขี่มอไซค์ต่อไป เดินขึ้นเขาอีกนิดหน่อยพอเหงื่อออก ที่นี่ล่ะ "กองเลน" หรือ "ปาย แคนยอน"ขี่ต่อไปก้อจะเจอสะพานประวัติศาสตร์ แต่ไม่มีรูปมาให้ดูนะ เพราะติดนางแบบ นายแบบทั้งน้าน ขี่ต่อไปเป็นวงกลม เพื่อจะกลับเข้าเมืองปาย ก้อจะผ่านที่นี่ "วัดพระธาตุแม่เย็น" เค้าบอกว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก แล้วก้อจุดชมวิวเมืองปายด้วย แต่ตอนเราไปถึง แดดร้อนเปรี้ยง เลยไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสักเท่าไร อีกรูปวิวระหว่างทางกลับคนที่ชอบกาแฟ แล้วอยู่ปายจะมีความสุข เหมือนเรา เพราะมีร้านกาแฟหลายร้าน ร้านนี้ร้านดังที่อยู่ในเมืองมองจากในร้านออกมา จะเจอร้านนี้อยู่ตรงข้ามกันเลยแก้วนี้ของเราเองแก้วนี้ของเพื่อนบรรยากาศในร้านอีกสักรูปปิดท้ายด้วยรูปนี้ละกันนะ ใครที่อยากหาร้านชิวชิว นั่งดริงค์ ขอย้ำว่านั่งดริงค์อย่างเดียว ก้อแวะที่ร้านนี้นะ ตอนกลางคืนมืดได้ใจจริงๆ ถ่ายรูปแล้วไม่เห็นไรเลยอ่ะ เลยต้องแวะมาถ่ายตอนกลางวัน ที่บอกว่านั่งดริงค์อย่างเดียว ก้อเพราะว่าเค้าไม่ขายกับแกล้มหรือขนมขบเคี้ยวเลยอ่ะ ขายแต่แอลกอฮอล์เพียวๆ แต่ใครจะเอาอะไรมาทานแกล้มก้อไม่ว่ากัน บรรยากาศดีนะในร้าน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาจ้า เอารูปหน้าร้านมาแปะรูปเดียวพอสำหรับวังช้างเผือกรีสอร์ท ดูรายละเอียดได้ที่นี่จ้า //www.wangchangpuekpai.com/รถตู้จากเชียงใหม่ไปปาย เราใช้บริการของที่นี่ //www.ayaservice.com/minibus.php
เดินเล่นในเมือง...ปาย...
ตั้งชื่อ Group Blog ว่า "ปาย...โรแมนซ์" แต่จริงๆทริปนี้เราไม่มีคู่ไปด้วยหรอกนะ แต่ตั้งสำหรับคนที่เค้าไปกันคู่ บรรยากาศโรแมนติกมากขึ้นอีกโข เพราะที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ ปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆ รับลมหนาวพร้อมๆ คนข้างกาย ยังไง๊ยังไงก้ออุ่นพอ ปาย...มีอะไรๆน่ารักๆเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร ที่นี่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนที่ไหนๆ นี่เองกระมัง ที่เรียกให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปปายมาแล้ว ต้องกลับมาอีกครั้ง...และอีกครั้ง จากที่พักของเรา จะเห็นสะพานไม้ไผ่ อีกอย่างสำหรับสัญลักษณ์ของเมืองปายสะพานไม้ไผ่อีกรูปและอีกรูป สะพานนี้เองที่เราเดินไป-กลับระหว่างที่พักกับตลาด ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า มื้อดึกๆ จนกระทั่งมื้อเมาๆ ก้อยังต้องเดินเกาะราวสะพานกลับมา รูปนี้มองจากฝั่งตลาด กลับไปฝั่งที่พักของเราข้ามสะพานไม้ไผ่มา จะเจอที่พักดูไฮโซ ต่างกับที่เราพักลิบลับ นี่กระถางดอกไม้ด้านหน้ามีร้านอาหารของรีสอร์ทด้วยที่ที่เราพูดถึง คือที่นี่นั่นเองยามเช้าของเมืองปายถ่ายไปเรื่อยๆ มีธนาคารด้วย ขนาดธนาคารยังมีเอกลักษณ์ เหอๆมีร้านกาแฟ ก้อยังคงมีเอกลักษณ์มีขายผ้าพันคอด้วยค่ะ หนาวๆแบบนี้ได้ใช้ประโยชน์ดีนักแล ราคาไม่แพง แต่ผืนเดียวคงเอาไม่อยู่ เรามีอยู่แล้วผืนนึง ก้อซื้อเพิ่มอีกผืนนึง อุ่นกำลังดีชอบรถคันนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าขายไร หรือไม่ได้ขายก้อไม่รู้ ร้าน Internet ร้านนวด ก้อมีเรื่อยๆ สองข้างทางร้านเช่าจักรยานร้านหนังสือ โปสการ์ด ก้อแยะนี่แหล่ะ มื้อเช้าของเราร้านติดๆกันมาดูเมืองปาย ยามค่ำคืนกันบ้าง ร้านนี้เป็นคล้ายๆ Gallery น่ารักดีค่ะ ถ่ายในร้านมาเหมือนกันแต่มันเบลอๆ เลยได้แค่ป้ายมาแทนร้านนี้ค่ะ ร้านโปสการ์ดยอดฮิต ร้านมิตรไทย..คนเยอะมากกกกกอีกรูป รูปนี้วนกลับมาถ่าย เห็นคนโล่งๆนี่ก้อร้านขายโปสการ์ดอีกร้านค่ะชื่อร้านของกินมีขายเรื่อยๆ ริมทางเดินโรตี ไม่รู้เป็นไง ไปไหนก้อต้องกิน นักดนตรีเปิดหมวกแบบนี้ก้อมีหลายคนนะร้านขายของ สวยดีที่ห้อยๆหน่ะร้านอาหารอินเดีย ไม่ได้ลองนะ ไม่รู้หย่อยป่าวมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองของน้องๆด้วยค่ะจริงๆถ่ายไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ส่วนใหญ่จะติดนางแบบซะเยอะ เอาเป็นว่าสำหรับคนที่ไม่เคยไปปายไว้ดูบรรยากาศหน่ะ เห็นรูปพวกนี้แล้วอาจจะอยากไปปายมากขึ้น หรือไม่อยากไปเลยก้อได้ เราเองไปแล้ว ก้อคงไปอีกครั้ง เร็วๆนี้ล่ะจ้า ไว้จะมารีวิวที่พักใหม่ให้ดูนะ เพราะคงไม่พักที่เดิมแล้วล่ะคราวนี้
กระต๊อบหลังน้อย...ริมน้ำปาย
ทริปนี้เราไปกับทัวร์ที่ค่อนข้างประหยัด เพราะฉะนั้นที่พัก ก้อจะดิบๆนิดนุง เราไปช่วงคริสต์มาสพอดี อากาศก้อหนาวได้ใจมั่กๆ ตอนแรกก้อว่าคงไม่เท่าไร ยังไงอยู่ในกระต๊อบก้อน่าจะอุ่นพอ แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว กระต๊อบไม้ไผ่ของเราแทบไม่ได้ช่วยเพิ่มไออุ่นให้สักเท่าไรเลย แต่ทำเลที่นี่ดีมั่กๆ เพราะอยู่ริมน้ำปาย แถมยังอยู่ในเมือง เดินข้ามสะพานไม้ไผ่นิดเดียวก้อเข้าตลาดแล้ว หน้ากระต๊อบจะเป็นแบบนี้ เห็นกระต๊อบเรียงราย หันหน้าชมวิวแม่น้ำปายซูนใกล้ๆ เข้ามาอีกนิดนึง จะเห็นกระต๊อบแบบนี้ล่ะบรรยากาศที่เห็นนี่ ถ่ายตอนเช้า น่าจะสัก 7-8 โมงได้ค่ะ แต่หมอกยังแรงอยู่เลย อีกรูปค่ะ หมอกจัดดี แต่ถ่ายภาพไม่สวยเลยกระต๊อบอีกสักรูปค่ะ บางหลังก้อจะปิดประตูไม่สนิทแบบนี้ล่ะค่ะ ทำให้ตอนกลางคืนหนาวจับใจ เพราะลมหนาว จะกรรโชกตลอดเวลา เหอๆริมน้ำปาย หน้ากระต๊อบ ก้อจะมีเก้าอี้ให้นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสนจะสงบของที่นี่เข้ามาในกระต๊อบของเรา ห้องจะพอดีวางที่นอน แล้วก้อมีทางเดินเหลือไว้ แบบในรูปค่ะ ดีหน่อยที่ที่นี่มีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำจะอยู่ข้างล่างค่ะห้องน้ำก้อจะเป็นแบบที่เห็นที่ล่ะค่ะ มีรูๆเต็มไปหมด เพราะทำจากไม้สาน ก้อต้องทำใจกันนิดนึง เวลาอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ เราใช้วิธีปิดไฟเอาค่ะ อย่างน้อยถ้ามีใครแอบดู ก้อต้องเพ่งกันหน่อยล่ะ ถ่ายจากด้านใน มาที่ประตู ก้อจะมีรูๆ ที่เห็นนั่นล่ะค่ะ หน้าต่างก้อมีรู แล้วรูพวกนี้ระบายอากาศได้ดีนักแล ที่นอนเหมือนจะอุ่นนะ แต่เจออากาศหนาวๆของเมืองปายเข้าไป ทำให้ที่นอนหยั่งกะน้ำแข็ง คืนที่เราไปรู้สึกจะ 5 องศา เวลานอนต้องใส่เสื้อกันหนาวมีฮูด ตอนนอนก้อต้องใส่หมวกไหมพรมก่อนชั้นนึง แล้วใส่ฮูด พันผ้าพันคอ 2 ผืน ใส่ถุงเท้า 3 ชั้น ถุงมือ 2 ชั้น กางเกง 3 ชั้น กลายเป็นดักแด้ เหลือแต่หน้าเอาไว้หายใจอย่างเดียว ยังหลับไม่ค่อยลงเลยค่ะ แล้วต้องนอนแบบนี้ตั้ง 2 คืนแหน่ะ มีคนบอกว่า มาปายก้อต้องนอนกระต๊อบแบบนี้ล่ะ ถึงจะได้บรรยากาศเมืองปายของจริง แต่สำหรับเรา ได้ลองแล้ว เลยตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปปายอีกแน่นอน แต่...ขอเปลี่ยนที่พักให้มันแน่นหนาและอบอุ่นกว่านี้หน่อย แบบนี้มันดิบเกินไปหน่ะ เก็บไว้ให้คนที่เค้ายังลุยหนาวกันได้เต็มที่ดีกว่า อย่างเรามันทนหนาวแบบนั้นไม่ได้จริงๆอ่ะ ทรมานมากๆ อ้อ ลืมบอกไปว่าห้องน้ำก้อไม่เป็นปัญหาสักเท่าไร เพราะตัวแทบจะไม่โดนน้ำเลย ถึงแม้จะมีน้ำอุ่นก้อตาม เพราะตอนโดนน้ำมันก้ออุ่นดีอ่ะนะ แต่พอเช็ดตัวแล้วนี่สิ สุดยอด สรุปทริปนี้อาบน้ำจริงๆแค่วันแรกวันเดียวแหล่ะ นอกนั้น...หน้าผ่านน้ำ...แค่นั้นจริงๆใครอยากได้รายละเอียดที่พัก ติดต่อได้ที่นี่จ้า //www.baanpaivillage.com
แวะห้วยน้ำดัง..ก่อนถึงเมืองปาย
ห้วยน้ำดัง...เป็นอีกที่นึงที่หลายๆคนพูดถึง ว่าสวยนักสวยหนา ตอนแรกก้อเฉยๆนะ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าสวยยังไง แต่ทริปนี้มีโอกาสได้แวะถ่ายรูปที่นี่ ตอนที่ไปถึงก้อเกือบๆเที่ยงแล้วล่ะ แดดเปรี้ยงๆ ฟ้าเข้มๆ เลยได้ภาพสีสวยๆมาฝาก คิดไปคิดมา ถ้าได้นอนกางเต๊นท์ที่นี่สักคืนก้อคงดีไปถึงเกือบๆเที่ยงนะเนี่ยะ แต่ดูอุณหภูมิซะก่อนได้ฟ้าสีสวยๆแบบนี้ล่ะฟ้าสีสวยๆอีกฟ้าใสๆ กับสน 3 ต้นดอกไม้สวยๆดอกไม้อีกนิดหน่อยที่นี่มีบ้านพักด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูหรอกนะ ดูป้ายไปก่อนล่ะกัน มองลงไปจะเห็นลานกางเต็นท์ บรรยากาศดีมั่กๆรูปสุดท้ายล่ะ สำหรับที่นี่ ไว้มีโอกาสจะมานอนนับดาว...รับลมหนาว...สักคืน