เข้าสู่ระบบ|รวบรวมบทความไอที |สาระแชร์ | ข่าวไวรัส | ขำขันคลายเครียด| วิจารณ์การเมือง| ดูทีวีออนไลน์ | แฟนคลับวงดนตรี| เนื้อเพลงคอร์ดกีต้า| ข่าวสารวงการไอที| วันสำคัญเหตุการณ์สำคัญ| Sexy Gallery | แปลก,มหัศจรรย์,หาดูยาก | รวมหนังสือพิมพ์ไทย| ส่ง SMS Free|Seed FM & Chat Room
|<<ไปที่เว็บในเครือเดียวกัน |<

ล่องเรือ แกรนด์เพิร์ล ครูซ ชมสายน้ำแห่งชีวิต

คลิ๊ก เข้าสู่เว็บไซต์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ความรู้รอบตัว

โอกาสดี ๆ ที่ได้เที่ยวท่องล่องลำน้ำ แห่งชนชาติที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนกรุงและคนรายทางข้างลำน้ำที่ไหลผ่าน จากภูผาสูง สู่ทะเล คัดกลั่นหลั่งรินจากดิน จากป่า จากฝน จากเมฆไอ อุ่นเย็น ผสานเป็นหยดน้ำ หล่อเลี้ยงเราทุกชีวิตที่เกี่ยวพันธ์ วันหยุดยาว ๆ จากเหตุการณ์ร้อน ๆ ทางการเมืองยังคงกรุ่นกลิ่นไฟ กรุ่นกลิ่นไอระเบิด กระสุนปืน จากไฟที่ลุกโหมอยู่ท่ามกลางเมืองไทยแสนสุข ของเรา ดังคำขวัญ กทม ทีว่า กรุงเทพงามเลิศ ระเบิดมากมี ประเพณีชุมนุม ควบคุมด้วยทหาร สนุกสนานยิงกัน กำแพงกั้นเผายางรถยนต์ มากล้นเอ็ม 79 หยุดงานยาว 9 วัน รื่นเริงสุขสันต์บุญบั้งไฟ... ขอให้ความสุขกลับคืนฟื้นมาอย่างเดิม อย่างที่เราเคยเป็น หันหน้าเข้าหากัน คิดอย่างสร้างสรรค์เพื่อลูกหลานไทย อ้าวว!!! หลุดเรื่องไปเยอะ กลับมาที่แม่น้ำสายยาว เจ้าพระยาของเรา เรือแกรนด์เพิร์ล นำพาเรา มาพักผ่อนล่องลำน้ำทานอาหาร







































 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2553   
Last Update : 14 เมษายน 2554 16:47:26 น.   
Counter : 1127 Pageviews.  

ภูกระดึง - ภูหนาว สาวสวย ร่ำรวยธรรมชาติ (ตอนที่ 2)

อรุณรุ่งเหน็บหนาวเข้ากระดูก รักพันธ์ผูกหนุ่มสาวราวกับฝัน
หนาวเนื้อเหน็บห่มเนื้ออุ่นจุนเจือกัน ถักทอฝัน สานรักสู่ยอดภูงาม

-anut author-





เส้นทางการเดินทางขึ้นสู่ภูกระดึงนั้น ทว่าก็สมบุกสมบันใช้ได้สำหรับนักเดินทางมือใหม่ ผมแนะนำว่าควรใช้บริการลูกหาบเพราะว่า เฉพาะน้ำหนักตัวที่ขาเราจะพาขึ้นไป แค่นั้นก็หนักแล้วครับ ถ้ามีสัมภาระไปด้วยนี่ออกแนว ท้อ แต่ถอยไม่ได้แน่ ๆ



ระหว่างทางที่เราเดินกันไปควรจะมีกล้องไว้เก็บภาพเป็นที่ระลึกเพียงสิ่งเดียวที่เราจะนำกลับ มาที่บ้านได้ ฤดูที่ไปแล้วจะมีเพื่อนรวมทางคึกคักนั้นควรจะเป็นเดือน ธันวาคม และ มกราคม เป็นช่วงที่อากาศหนาวได้ที่ และมีวันหยุดที่อำนวย ให้คนทำงานมีเวลาได้พักผ่อนด้วย



ลูกหาบนี่คือคนสำคัญของเราเลยก็ว่าได้ และเขาเป็นคนธรรมดาที่มีความอดทนสูงกว่าคนอย่างเรามากมาย เขาต้องแบกสำภาระมากกว่า 50 กิโลกรัม ลูกหาบมีหลายวัย ตั้งแต่เด็กน้อย ผู้หญิง วัยรุ่น หรือวัยชรา อึด ๆ กันทุกคน



ระหว่างทางผ่านทั้งที่ราบในบางจุด และเทือกเขาชัน ผ่านทั้งป่าทึบ ป่าโปร่ง ในบางช่วงของเส้นทางอาจมีช้างป่าเนื่องจากพบหลักฐานสำคัญ ก็คือ ขี้ ซ้าง นั่นเอง



จุดแรกที่เราเรียกได้ว่าฝ่าฟันอุปสรรค ของการเดินทางมาจนถึงจุดสูงสุดและสามารถมองลงไป ข้างล่างเพื่อชมวิว สวย ๆ ได้เป็นจุดแรก



เดินต่อจากที่นี่อีก รู้สึกว่าเกือบ 3 กิโล ก็ถึงจุดกางเต็นท์ มีสิ่งสำคัญจะบอกก็คือถ้าใครฝากเต็นท์ไว้กับลูกหาบ อันนี้ก็ต้องรอให้ลูกหาบมาถึง ซึ่งอาจนานนน !! กว่าจะได้ ก็ต้องนั่งหนาว นั่งหาวรอไป กรณีที่ขึ้นภูสายกว่า เที่ยง ก็อาจจะทำให้ท่านไม่มีที่นอนเอาก็ได้ในคืนนั้น ทางแก้อาจใช้บริการเต็นท์ของทางอุทยาน ที่จัดเตรียมไว้รองรับ



ผ่านไปได้ 1 คืออรุณรุ่ง ตีสี่ เราก็รีบดื่นกันเพื่อออกเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้น หลังจากนั้นทานอาหารเช้า และจัดเตรียมเดินทางไปชมความงามแห่งภูกัน โดยเริ่มจากเส้นทาง น้ำตกโผนพบ



วันที่ 5 ธันวาคมตรงกับวันพ่อ พอดิบพอดี เหมือนกับเป็นการเฉลิมฉลอง เมเปิ้ลแดงสพรั่ง พร้อมกันทั่วป่า



ว่ากันว่าน้อยครั้งนักที่เมเปิ้ลจะแดงได้ขนาดนี้ และทั่วทั้งป่าพร้อมกัน หลาย ๆ คนขึ้นภูปิแล้วปีเล่าเพื่อชมเมเปิ้ลแดง แต่ก็ไม่ได้แดงขนาดนี้




เมเปิล (Acer มาจากภาษาละตินแปลว่า: แหลม,คม หมายถึงปลายแหลมของใบ)



ใบเมเปิลจะทรงคุณค่าเมื่อได้อยู่ในที่ อันทรงคุณค่าและให้กำเนิดของตัวมันเอง



บนภูสูงนี้ยังเป็นสถานที่ทางพระพุทธศาสนา จึงมีลานพระแก้วไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะกัน



สัญลักษณ์สำคัญของภูกระดึงนั้นคงเป็นภาพที่ติดตา และผู้ที่มาแล้วไม่ได้มาที่นี่ นั้นก็หมายถึง มายังไม่ถึงภูกระดึง !!! ผาหล่มสัก ชะง่อนหินที่ยื่นออกไปเหมือนผ่ามือที่รองรับ ผู้คนให้ออกไปนั่งชมวิว หรือถ่ายรูป เคียงคู่กับต้นสน ซึ่งถ้าผาหล่มสักขาดต้นสนนี้ไป ก็ทำให้เอกลักษณ์นั้นเปลี่ยนแปลงไป กล่าวกันว่า เคยโดนฟ้าผ่ามาแล้ว แต่ว่าสามารถยืนหยัดอยู่ได้ และขอให้อยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์



ดอกไม้งามที่ถือกำเนิดในดินแดนอันบริสุทธิ์ นั้นก็คือ กุหลาบพันปี



บนภูหนาวมีสาวสวย เก็บมาฝากกัน



สาวงาม แม่ค้าขายไข่ปิ้ง ก็ขอมา 1 ภาพ



สาวน้อยกับใบเมเปิ้ลแดงก็ดูดี



ร้านค้าของฝาก ของที่ระลึก ก็มีให้บริการกันก่อนกลับบ้าน มีทั้งสื้อผ้า รูปวิว หรืออื่น ๆ มากมาย



ติดตามตอนต่อไป




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2553   
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 13:50:16 น.   
Counter : 1042 Pageviews.  

อ่างศิลาตลาดโบราณ 133 ปี

อ่างศิลา เป็นหมู่บ้านประมงริมทะเล อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมและหอยแมลงภู่ และเป็นแหล่งทำครกหิน ซึ่งริเริ่มโดยชาวจีนแต้จิ๋วซึ่งอพยพเข้ามาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้นำหินเนื้อละเอียดที่มีอยู่มากมายแถบอ่างศิลามาแกะสลัก จนปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าของใช้ ของตกแต่งบ้าน มากมาย นอกจากนี้อ่างศิลายังเคยเป็นสถานตากอากาศชายทะเลเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง มีตำหนักที่ประทับริมทะเลสมัยรัชกาลที่ 5 สถาปัตยกรรมแบบยุโรป ให้เห็นอยู่ รวมทั้งเป็นย่านร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ หลายร้าน



สำหรับตลาดอ่างศิลาเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2419 จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 133 ปีแล้ว เทศบาลตำบลอ่างศิลา และชุมชนชาวอ่างศิลา ได้ร่วมกันพัฒนาตลาดอ่างศิลา เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่ง หนึ่งของจังหวัดชลบุรี ภายใต้ชื่อโครงการ ตลาดเก่าอ่างศิลา 133 ปี โดยมีกำหนดเปิดตลาดในวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 และทุกวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 10.00 -18.00 น.ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป มีชาวบ้านมาจำหน่ายสินค้าอาหาร ของฝากมากมาย อาทิ อาหารทะเลแปรรูป ขนมครกสูตรโบราณ ห่อหมก ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการจัดทำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวทั่วอ่างศิลา (All Around Ang-Sila Passport) สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เป็นคู่มือเดินทางสัมผัสกับโบราณสถานและจุดที่ น่าสนใจต่าง ๆ ในตำบลอ่างศิลา

นักท่องเที่ยวสามารถรับหนังสือเดินทาง (Passport) ได้ ณ ที่ทำการตลาดเก่าอ่างศิลา หลังจากเยี่ยมชมสถานที่น่าสนใจของอ่างศิลาครบทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ พระตำหนักแดง ตึกขาว สะพานปลา ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ วัดอ่างศิลา และวังค้างคาว รวมทั้งติดแสตมป์ประทับตราแล้ว สามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงเพื่อรับของที่ระลึกได้บริเวณที่ทำการตลาดฯ



พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่หลังตึกแดง เหลืองอร่ามงามมากมาย



ตลาดอ่างศิลา ตลาดเก่าแก่ที่แสนจะมีมนต์ขลัง ตั้งอยู่ไม่ห่างจากหาดบางแสนและเชาสามมุกช่วงเย็นถนนจะปิดเพื่อนเปิดเป็นตลาดร้านค้า ทั้งของกินของฝาก



ที่นี่จะมีชื่อเสียงในการทำครกหิน ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของช่างแกะสลัก กว่าจะสร้างจะสรรค์ กว่าจะเป็นผลงานอย่างที่เห็น



ร้านนี้แหล่งรวมภาพสำคัญ ๆ ที่นักท่องเที่ยวจะซื้อเป็นของฝากก็ทรงคุณค่ามาก ๆ งานศิลป์ที่ว่าทรงคุณค่าก็คือ ไม่อาจเกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่เกิดมาจากจิตนาการ ที่อ้างถึงเรื่องจริง



บ้านเรือนโบราณอายุร่วมร้อยปียังหยัดยืน ให้ชนรุ่นหลังได้ชื่นชม ด้วยการรักษาดูแล ไม่ให้กาลเวลา กร่อนกัดให้พังผุ




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2553   
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 13:53:10 น.   
Counter : 1787 Pageviews.  

ไปเสม็ดเส็ดทุกราย

เกาะเสม็ด เชื่อกันว่าคือเกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อของระยอง ที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทย และชาวต่างประเทศ ตั้งอยู่ตำบลเพ อำเภอเมือง อยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ 6.5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 3,125 ไร่. เกาะเสม็ด มีลักษณะเป็นเกาะรูปสามเหลี่ยม ส่วนฐานของเกาะอยู่ด้านทิศเหนือ ซึ่งหันเข้าสู่ฝั่งบ้านเพ มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอยู่ 2-3 ลูก มีที่ราบอยู่ตามริมฝั่งชายหาด ส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านเหนือ และตะวันออก เหตุที่มีชื่อว่า "เกาะเสม็ด" เพราะเกาะนี้มีต้นเสม็ดขาว และเสม็ดแดงขึ้นอยู่มาก.



การเดินทางจากบ้านเพไป เกาะเสม็ด
จากท่าเรือบ้านเพ มีเรือโดยสารบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง (รอผู้โดยสารอย่างน้อยประมาณ 20 คนจึงออกเรือ) ค่าโดยสารระหว่างบ้านเพ-หาดทรายแก้ว (ท่าเรือหน้าด่าน)ไป-กลับ 100 บาท เรือเมล์ 8.00 - 16.00 น.ใช้ เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที



เรือ speed boat
ราคาประมาณ 1,500 - 2,600 บาทต่อเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมงขึ่นอยู่กับจำนวนคนและขนาดของเรือ (รายละเอียดด้านล่าง) จากบ้านเพไปหาดต่างๆ ถ้าท่านพลาดเรือที่ไปยังอ่าวๆต่างๆที่ออกเป็นเวลาท่านสามารถนั่งเรือมาลงท่าเรือหน้าด่าน ค่าโดยสารประมาณ 50 บาทต่อคนใช้เวลาประมาณ 40 นาที ที่นี่มีบริการรถสองแถวและมอเตอร์ไซต์ ไปยังหาดต่างๆ ราคาขึ้นอยู่ระยะทางไปหาดนั้นๆ จากบ้านเพ-อ่าววงเดือน และะมีเรือออกเวลา 9.30 , 13.30 , 15.30 น. (ท่าเรือสะพานใหม่)ไป-กลับ 120 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ท่าเรือนวลทิพย์ โทร. 0 3865 1508, 0 3865 1956



การเดินทางบน เกาะเสม็ด
บนเกาะมีถนนสายเดียวเป็นทั้งคอนกรีตบ้างสลับกับลูกรังและดิน สองแถวดูจะเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด อัตราค่าโดยสาร หาดทรายแก้วคนละ 10 บาท เหมา 100 บาท อ่าวไผ่คนละ 20 บาท เหมา 150 บาท อ่าวพร้าวอ่าววงเดือนคนละ 30 บาท เหมา 200 บาท อ่าวหวาย อ่าวเทียน 40 บาทต่อคน เหมา 300-400 บาท อ่าวกิ่วคนละ 50 บาท เหมา 500 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการจญภัยและสนใจมอเตอร์ไซต์เช่า ขับไม่คล่องอย่าลองจะดีกว่าเพราะสภาพถนนเป็นดินสลับหินและลาดชัน ราคาเริ่มต้น 300 บาทต่อวัน ขึ่นอยู่กับการต่อรอง



เราเดินทางออกจาก กทม. ตั้งแต่ตี 4 เพื่อเตรียมการรวมทีมทัวร์กัน 8 คน กะรถอีก 2 คันนั่งรถด้วยความเร็วไม่เร่งไม่รีบเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ถึงท่าเรือบ้านเพก็เที่ยงจัดเตรียมสัมภาระลงเรือหวานเย็น ใช้เวลาเดินทางเอื่อยเฉื่อยใจเย็นชมวิวสบาย ๆ น้ำทะเลในช่วงนี้เขียวใสมรกตดีจริง ๆ เดินทางถึงเกาะเสม็ดเส็ดแน่ ๆ ก็ประมาณบ่ายโมงนิด ๆ



รถสองแถวเขียวให้บริการ ขับได้หวาดเสียวมาก ใครเช่ามอไซด์ขับระมัดระวังกันด้วยนะครับ



ชายหาดยามค่ำคืนมีปาร์ตี้ยาวเหยียดนั่งดูโชว์เล่นไฟ บนหาดทรายที่ละเอียดขาวมาก ๆ สมชื่อหาดทรายแก้วจริง ๆ



ร้านอาหารทรงเรือนไทยสวยงามมาก ได้บรรยากาศดีจริง ๆ




ชายหาด น้ำใสทะเลสวย แล้วสาวยังสวยได้อีก....สีสันดีจริง ๆ




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2553   
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 13:55:59 น.   
Counter : 851 Pageviews.  

ภูกระดึง - ภูหนาว สาวสวย ร่ำรวยธรรมชาติ

การท่องเที่ยวที่กล่าวได้ว่าเป็นปฐมบท แห่งการเดินทางนั้นอาจจะพูดได้เลยว่า การเดินทางท่องภูกระดึงเป็นจุดเริ่มต้นนั้น จะขึ้นภูได้นั้นต้องจองล่วงหน้าซักหนึ่งเดือน ผ่านเว็บไซต์อุทยานแห่งชาติ แล้วจ่ายค่าที่กางเต็นผ่านธนาคารกรุงไทย



การเดินทางของผมเริ่มจากกรุงเทพในตอนค่ำประมาณ 1 ทุ่ม ออกเดินทางผ่านเวลาไปจนตี 4 ช่วงเช้าเราก็ถึงผานกเค้า ซึ่งเป็นประตูสู่ภูกระดึง จากนั้นกมุ่งหน้าผ่านด่านอุทยาน ถึงตีนภูกระดึงจัดการฝากรถ จงคิวลูกหาบ เพื่อขนสัมภาระขึ้นบนภู



การเดินขึ้นภูกระดึงนั้นต้องใช้เวลาการเดินอย่างน้อย 4 ชั่วโมงผ่านที่พักระหว่างทาง ซึ่งมีชื่อเรียกว่าซำ ในภาษาอีสาน ซึ่งแปลความหมายได้ว่า ตาน้ำ ซำแรกที่ต้องเจอก็คือซำแฮก ซึ่งเป็นซำวัดใจ ให้เราได้เหนื่อยแฮกสมชื่อ



หลังจากเดินทางร่วม 7 กิโลเมตร จุดสุดท้ายที่จะถูกบันทึกว่าเราได้เดินทางขึ้นถึงยอดภูแล้วนั่นก็คือ หลังแป เป็นจุดที่ป้ายให้เราถ่ายรูปข้อความว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง ซึ่งเราต้องเดินต่อไปให้ถึงที่พักอีกประมาณ 2 กิโลเมตร รวมๆ ก็ 9 กิโล ถ้าหากว่าถอดใจก็ต้องเดินกลับอีก 9 หมายถึงเดินฟรี ๆ ไม่ได้เที่ยว 18 กิโลซำบาย ๆ เลย



บรรยากาศบนภูมีมนต์เสน์ที่เมื่อเรามาแล้วอยากจะมาอีก มาอีก และมาอีก (สำหรับคนรักธรรมชาติ) อากาศหนาวเย็นสบายประมาณ 14 องศา ถึงที่หมายที่จองไว้แล้วก็จัดการกางเต็นท์ที่พัก จากนั้นที่เราจะลืมไปไม่ได้เลยก็คือการจัดหาผ้าห่มกันหนาว ซึ่งเราต้องไปเช่าของอุทยานซึ่งได้จัดสรรไว้ให้เป็นผ้านวม และหมอน ผมแนะนำเลยว่าอย่าเช่าผ้านวมแค่ผืนเดียวกะหมอนแค่ใบเดียว เราต้องนึกถึงว่าต้องใช้ปูนอน 2 ผืน ให้ห่มอีก 2 ผืน หมอนอีกซักสองใบไว้กอดซัก 1 ใบกรณีที่ไม่ได้พาแฟนไปด้วย เหตุเพราะว่าอากาศตอนพลบค่ำเมื่อพระอาทิตย์ลับทิวเขาเท่านั้นเองอากาศก็จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หนาวซี๊ดด ซึ่งอุณภูมิอาจจะลดเหลือเพียงแค่ 4 องศาในช่วงกลางคืน โดยประมาณ ซึ่งแต่ละปีความหนาวจะไม่เท่ากัน อีกอย่างที่แนะนำว่าต้องจัดเตรียมเพื่อให้เต็นเรานอนสบายก็คือรีบหาเช่าผ้าใบคลุมเต็นซึ่งมีให้เช้าแถวๆ ร้านค้า ขายของชำ ขายอาหาร (เขาขายทุกอย่าง อิอิ) มิฉะนั้นความหนาวจะทำให้เกิดน้ำที่จะหยดย้อย ทำให้ท่านชุ่มชื่นในเวลานอนจะไม่อุ่นสบายเลยก็ได้...




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2553   
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 13:57:36 น.   
Counter : 1038 Pageviews.  


redzaaboom
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








google
สาระแชร์

[Add redzaaboom's blog to your web]