ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย   รายงานว่ามีการทำรายการซื้อขายบนกระดานใหญ่ ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC จำนวน 15 รายการ รวม 484.5 ล้านหุ้น มูลค่า 1,967.07 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 4.06 บาท ราคาพาร์ 1 บาท หรือ 2.37% ของหุ้นทั้งหมด ส่งผลให้ความเคลื่อนไหวหุ้นไออาร์พีซี วานนี้ (18 มิ.ย.) มีการซื้อขายที่คึกคัก ปิดการซื้อขายที่ 4.12 บาท ลดลง 0.16 บาท หรือลดลง 3.74% มูลค่าการซื้อขาย 3,058 ล้านบาท

          ทั้งนี้บล.บัวหลวง ระบุว่า ธนาคารกรุงเทพได้ แจ้งขายหุ้น ไออาร์ซีพี จำนวน 480 ล้านหุ้นที่ราคา 4.06 บาท โดยคาดธนาคารกรุงเทพ จะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น ราว 1,000 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ของปีนี้

          อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ได้ขายหุ้นของ ไออาร์พีซีที่ถืออยู่ 880 ล้านหุ้น ราคาขายหุ้นละ 4.16 บาท จากต้นทุนหุ้นละ 3.30 บาท มูลค่า 3,660.80 ล้านบาท

          ด้าน บล.เคเคเทรด เปิดเผยว่า แนวโน้ม ผลประกอบการไตรมาส 2 จะอ่อนตัวลดลง ตามค่าการกลั่นที่เริ่มอ่อนตัว จะเป็นปัจจัย กดดันกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปัจจุบันกลุ่ม ผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล และน้ำมันเตาเริ่มลดลง เนื่องจากผ่านฤดูกาลท่องเที่ยว และสภาพอากาศ ที่หนาวเย็น

          ขณะที่โรงกลั่นในภูมิภาค เริ่มหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในเดือนมี.ค. เริ่มกลับเดินเครื่องในไตรมาส 2 เป็นปัจจัยกดดัน แม้ปัจจัยบวกจากธุรกิจปิโตรเคมีจะเริ่มเห็นสัญญาณของ การฟื้นตัว และความเสี่ยงของการรับรู้ขาดทุนสต็อกน้ำมันที่ลดลง แต่ปัจจัยบวกดังกล่าว  ถูกลดทอนไปบางส่วนแล้ว

          สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่า จะมีกำไรสุทธิ 8.6 พันล้านบาท พลิกจากผลขาดทุนในปี 2557 ทั้งนี้เราได้รวมกำไรพิเศษจากเงินประกัน และชำระคืนหนี้ ของลูกหนี้ไว้ในประมาณการแล้ว ผลประกอบการที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา สะท้อนไปในมูลค่าหุ้น จนทำให้ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่สูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสม ที่ประเมินไว้แล้ว

          ส่วน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2558 จะอยู่ที่ 53.9 % ของประมาณการที่เราคาดไว้ที่ 7,104 ล้านบาท แต่เรายังคงประมาณการไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะแนวโน้มกำไร ในไตรมาสที่ 2 จะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 เรื่องจากกำไรพิเศษ 2,823 ล้านบาท จะไม่เกิดขึ้นซ้ำเหมือนในไตรมาสก่อน  ขณะเดียวกันกำไรปกติไม่รวมผลจาก สต็อก มีแนวโน้มอ่อนตัวลดลงตามค่าการ กลั่น ทั้งนี้ในไตรมาส 2 คาดว่าโรงกลั่นจะได้ประโยชน์กำไรจากสต็อกน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงในเดือนเม.ย. แต่ให้น้ำหนักกับปัจจัยดังกล่าวไม่มากนัก เพราะราคาน้ำมันอยู่ในภาวะผันผวน และถูกกดดันจากอุปทานส่วนเกินทำให้เกิดภาวะฟื้นตัวแรงต่อเนื่องในระยะสั้นมีขีดจำกัด

          สำหรับคำแนะนำการลงทุน แนะนำให้ นักลงทุนขายทำกำไรในหุ้นดังกล่าว เพราะราคาหุ้นที่ปรับตัวดีขึ้นจากต้นปีได้สะท้อน ผลประกอบการไตรมาส 1 ที่แข็งแกร่ง และคาดจะเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้ว โดยปัจจัยบวกทั้งราคาน้ำมันอ่อนตัวและกำไรจากรายการพิเศษ แรงส่งของผลประกอบการ คาดจะ อ่อนตัวลดลงช่วงที่เหลือของปีนี้ ตามค่าการ กลั่นที่ถูกกดดันจากกำลังการผลิตใหม่ ขณะที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจะกดดันค่าการ กลั่นลดลง-

Create Date : 19 มิถุนายน 2558
Last Update : 19 มิถุนายน 2558 17:02:18 น.		0 comments
Counter : 550 Pageviews.
Share Tweet