เรารักกัน....มันดีที่สุดแล้ว
Group Blog
 
All Blogs
 

ประโยชน์ของ กลูต้าไธโอน

L-Glutathione แอล-กลูต้าไธโอน คือ อะไร ?


L-Glutathione (แอล กลูต้าไธโอน)เป็นสารประเภท Tripeptide
ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine (ซิสเทอีน) , Glycine
(ไกลซีน) และ Glutamic acid (กลูตามิกแอซิต) พบมากที่ตับของมนุษย์


L-Glutathione (แอล
กลูต้าไธโอน)เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
และยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกระ, ฝ้า
และจุดด่างดำ นอกจากนี้พบว่าผู้ที่มีสภาพการทำงานของตับบกพร่อง
ผู้ที่ทานแอลกอฮอล์เป็นประจำ รวมทั้งผู้ป่วยโรคตับอักเสบและตับแข็ง จะพบ
L-Glutathione (แอลกลูต้าไธโอน)ในตับมีปริมาณน้อย
ไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ได้
จำเป็นต้องได้รับเสริมเข้าไปโดยตรงจากแหล่งอาหารอื่นๆ เช่น ผัก ผลไม้
เนื้อสัตว์บางชนิด รวมทั้งที่อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วย


ประโยชน์ของแอล-กลูต้าไธ
โอน
L-Glutathione


1.    Antioxidation
: L-Glutathione (แอล กลูต้าไธโอน) จะถูกเปลี่ยนไปเป็นเอนไซม์ Glutathione
Peroxidase มีคุณสมบัติเป็นสาร Antioxidant ที่สำคัญของร่างกาย
ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย




2.    Detoxitication :
L-Glutathione (แอล กลูต้าไธโอน) ช่วยสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆในร่างกาย
โดยเฉพาะ Glutathione-S-transferase ที่ตับ
ช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษ
ชนิดไม่ละลายน้ำ(ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง
แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ไม่อันตราย
และละลายน้ำได้ดีขึ้นแล้วขับออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์การสะสมของ
Acetaldehyde(ทำให้เกิดอาการเมาค้าง) บุหรี่ และยา




3.    Immune Enhancer : L-Glutathione (แอล กลูต้าไธโอน)
จะส่งผลในการเพิ่มความสามารถในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคของเม็ดเลือด
ขาว ชนิด Neutrophils และยังเพิ่มความสามารถในการทำงานของ
เซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานของร่างกายด้วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้ม
กันเพิ่มมากขึ้น




4.    Beauty and
Whitening
: รังสี UV-A และ UV-B
ในแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินและอนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ผิว
ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำและเกิดฝ้า L-Glutathione (แอล กลูต้าไธโอน)
มีคุณสมบัติช่วยในการต่อต้านกลไกของอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เกิด Lipid
peroxide ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้า นอกจากนี้ L-Glutathione
(แอล กลูต้าไธโอน)
ยังไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ Tyrosenase
ส่งผลให้เม็ดสีเมลานินไม่ถูกสร้างขึ้น ทำให้ผิวค่อยๆขาวขึ้น




5.  Male Fertity : L-Glutathione
(แอล กลูต้าไทโอน) ทำให้ Sperm เคลื่อนที่ได้และลดอัตราการตายของ Sperm
ด้วยแม้ว่าร่างกายสามารถผลิตกลูต้าไธโอนได้เอง
และยังสามารถได้รับจากอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์
แต่สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เช่น แสงแดด, มลภาวะ ฝุ่น ควัน,
การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ และความเครียด มีผลทำให้ร่างกายได้รับกลูต้าไทโอนไม่เพียงพอต่อการนำไป
ใช้ประโยชน์ต่างๆได้อย่างเต็มที่






Free TextEditor




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2553    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 21:16:11 น.
Counter : 1137 Pageviews.  

วิธี การตรวจสอบ กลูต้าไธโอน อย.แท้ หรือ อย.ปลอม

วิธี การตรวจสอบ กลูต้าไธโอน อย.แท้ หรือ อย.ปลอม


1. ปริมาณกลูต้าไธโอนต่อเม็ดไม่ เกิน 250 mg ถ้าเกินนี้อย.ไม่รับรอง

หากพบเห็นยี่ห้อใดที่ระบุว่า กลูต้าไธโอน มากกว่า 250 mg. แล้วมีอย.รับรองด้วย รู้ได้ทันทีเลยครับว่าปลอมเลขอย.ชัวร์

อ้างอิง : ประ ก่าศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรื่องข้อกำหนดการใช้ส่วนประกอบที่สำคัญ ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดกรดอะมิโน

2. ต้องมีชื่อและสถานที่ผลิตระบุไว้ชัดเจน

กลูต้าไธโอน หลายๆยี่ห้อที่ฉลากมี เครื่องหมายอย. แต่ไม่มีชื่อและสถานที่ผลิต หากเรากินไปแล้วเกิดอันตรายต่อร่างกายก็ไม่สามารถเอาผิดใครได้ และอีกหลายๆยี่ห้อที่ไม่มีทั้งอย. และสถานที่ผลิต อันนี้อันตรายมากๆเลยครับ

3. เลขอย.จะต้องมี 13 หลักและจะอยู่ในรูปแบบ



อย XX-X-XXXXX-X-XXXX – ลองค้นในกูเกิ้ล จะเห็น กลูต้าไธโอน บางยี่ห้อที่มีอย.แต่พอนับเลขอย.พบว่ามี 12 หลักก็มี 14 หลักก็มี รูปแบบตัวเลขก็ไม่ตรง

อ้างอิง : ประกาศกระ ทรวงสาธารณสุข เรื่องฉลากอาหารใหม่สังเกตุได้อย่างไร โดยกองพํฒนาศักยภาพผู้บริโภค

4. ตรวจสอบผ่าน เวปไซท์องค์ การอาหารและยา หรือ โทรสายด่วน อย. ที่เบอร์ 1556

- เป็นวิธีที่ชัวร์ที่สุดเลยครับ โดยนำเลขอย.ทั้ง 13 หลักไปตรวจสอบครับ (เข้าหมวดหมู่อาหาร เพราะ กลูต้าไธโอน เป็นอาหารเสริม ไม่ใช่ยา) – ผมลองเอาเลขอย.ของยี่ห้อหนึ่งไปตรวจสอบพบว่าสินค้าไม่ตรงกัน คือ เค้าเอาเลขอย.ของซอสพริกไปสวมทะเบียนครับ หรือบางยี่ห้อก็แต่งเลขอย.ขึ้นมาลอยๆ ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2553    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 21:08:43 น.
Counter : 8265 Pageviews.  

คำถามยอดฮิต กลูต้าไธโอน

คำถามยอดฮิต!!

Q : กลูต้าไธโอน คืออะไร ?
A : เป็นสารอย่างหนึ่งที่กินแล้ว มีผลลดการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้ผิวขาวขึ้นได้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บทความกลู ต้าไธโอนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

Q : กลูต้าไธโอน แท้ ดูอย่างไร
A : กลูต้าไธโอนไม่สามารถตรวจสอบได้โดยวิธีชาวบ้านๆครับ หยดเบตาดีน ดมกลิ่ง ส่องดู รสชาติ อะไรก็แล้วแต่มันไม่เฉพาะเจาะจงครับ เช่น หากใช้วิธีเบตาดีน วิตามินซี วิตามินอี หรือแม้แต่ผงชูรสก็ทำให้น้ำเบตาดีนกลับมาใสได้ครับ การตรวจกลูต้าไธโอนจริงๆแล้ว ต้องใช้เครื่องมือที่มีมูลค่าหลายล้าน เช่น เครื่อง MRI, NMR spectrometer ซึ่งใช้ตรวจสอบโมเลกุลของสารครับ ซึ่งเราก็ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อมาตรวจเองหรอกครับ เพราะหากสินค้าใดมีอย.(อย.แท้ ที่ไม่ปลอมเลขอย.) ก็มั่นใจได้เลยว่าของแท้ เพราะอย.เค้าก็ตรวจมาให้เราเรียบร้อยแล้วครับ ตามบทความนี้เลยครับ >>วิธี การตรวจสอบกลูต้าไธโอน ของแท้ หรือ ของปลอม

Q: อยากทราบว่านานเท่าไรถึงจะเห็นผลค่ะ
A: ขึ้นอยู่กับ

1. ทานให้ถูกวิธี(ทานให้ได้ปริมาณควบคู่กับสาร Antioxidant ตอนท้องว่าง ทุกวันอย่างต่อเนื่อง) ตามบทความนี้เลยครับ >>ข้อ แนะนำในการทานกลูต้าไธโอน

2.หลีกเลี่ยง จากแสงแดด และทาครีมกันแดดอยู่เป็นประจำ
หาก ทำ 2 ข้อนี้ได้ ภายใน 4 สัปดาห์ จะเห็นผลอย่างแน่นอน แต่ผลยังไม่เต็มที่ จะต้องทานต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป จึงจะเห็นผลเต็มที่

Q : ทำไมยี้ห้อ xxx บอกว่าขาวตั้งแต่เริ่มกิน และยี่ห้อ XXX บอกว่าขาวใน 3 วัน 7 วัน ค่ะ
A : เป็นไปไม่ได้นะครับ ให้ระวังสินคาที่โฆษณาเกินจริงด้วยนะครับ ถึงแม้จะทานกลูต้าไธโอน ไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ตาม วันละ 10 -20 เม็ด ก็ไม่ได้ช่วยให้ขาวเร็วขึ้นแน่นอนครับ เป็นไปไม่ได้เลย เพราะกว่าผิวเดิมของเราที่มีสีคล้ำจะผลัดเปลี่ยนไปเป็นขี้ไคลก็ใช้เวลาหลาย สัปดาห์ครับ โดยปกติ 28 วันครับ เร็วหรือช้ากว่านี้ก็แล้วแต่ลักษณะผิวของคนครับ คนผิวแห้งจะผลัดเร็วกว่าคนผิวมันครับ เด็กจะผลัดเร็วกว่าคนแก่ครับ ก็เหมือนกับกระดาษสีดำทับกระดาษสีขาว หากไม่เอากระดาษสีดำที่ทับอยู่ออก ก็จะไม่เห็นกระดาษสีขาวครับ
หากอยากขาวเร็ว ขึ้นอีก ก็หาตัวช่วยเร่งทำให้ผิวผลัดเร็วขึ้นครับ เช่น การขัดผิว ทาครีมกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เป็นต้น

Q : หยุดทานแล้วผิวจะกลับมาดำเหมือนเดิมมั้ยค่ะ ??
A : โอกาสที่ผิวจะกลับมาคล้ำเหมือนเดิมขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้นครับ นั่นก็คือ
1.สีผิวเดิม
หากสีผิวเปลี่ยนไปมากโอกาสคล้ำขึ้นก็มีมากด้วยครับ(แต่ยังคงจะขาวกว่าก่อน กินอยู่ครับ)
หากรักษาผิวดีๆ ยากที่จะกลับไปคล้ำระดับเดิมครับ
2.การกระตุ้นการสร้างเม็ดสี ก็คือการตากแดดนั่นเอง
หากโดนกระตุ้นอย่างมาก โอกาสที่จะคล้ำก็เร็วขึ้นครับ หากดูแล รักษาดีๆ สามารถคงสีผิวได้กว่าปีเลยทีเดียวครับ แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เมื่อผิวเริ่มคล้ำก็กลับมาทานใหม่ได้ไม่เสียหายครับ

Q : ทานอย่างไรค่ะ ทานเวลาไหน ?
A : ทานตอนท้องว่างวันละ 2 เม็ด พร้อม วิตามินซี 1000มก. 1 เม็ด จะแบ่งทานเช้า – เย็น หรือ เช้าครั้งเดียว หรือ ก่อนนอนครั้งเดียว หรือ กลางวันครั้งเดียว ก็ให้ผลไม่ต่างกันครับ ตามบทความนี้เลยครับ >> กลู ต้าไธโอนทานอย่างไร ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

Q : หากดื่มน้ำไปด้วยจะถือว่าท้องว่างหรือไม่ ? ท้องว่างเป็นอย่างไร ?
A : ท้องว่างหมายถึง ว่างจากสารอาหาร แร่ธาตุ วิตามินอื่นๆครับ
ทำไม ต้องท้องว่าง?
- หากท้องเรามีอาหารเยอะแยะมากมาย
1.มันก็จะพยายามเลือกสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดดูดซึมไปก่อน เมื่อมันเกินความต้องการแล้วมันก็หยุดดูดซึม
หากท้องเรามีเฉพาะกลูต้าไธโอนอย่างเดียว มันก็จะไม่มีทางเลือก มันก็จำเป็นต้องดูดซึมกลูต้าไธโอนเข้าไป
2.มันจะรบกวนการดูดซึมกลูต้าไธโอนของเรา
หากมีแต่กลูต้าไธโอนในท้องเรามันก็จะถูกดูดซึมได้เต็มที่
ส่วนน้ำเปล่าๆนี้มันไม่มได้มีสาร อาหารอะไรครับ ทานได้ ดีด้วยซ้ำเพราะมันจะช่วยละลายกลูต้าไธโอน ทำให้พื้นที่ผิวของกลูต้าของเรามากขึ้น โอกาศในการถูกดูดซึมก็เพิ่มขึ้นด้วยครับ

Q : ทานวันละ 1 เม็ดได้ไหม ค่ะ ?
A : ไม่แนะนำให้ทานวันละ 1 เม็ดครับ เพราะน้อยไปครับ แทบจะไม่มีผลยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวเลยครับ คุณก็เลยจะไม่ขาวขึ้นครับ

Q : ไม่ทานวิตามินซีได้ไหม ?
A : หากไม่ทานวิตามินซี คุณจะต้องทานกลูต้าไธโอนเพิ่มขึ้นเป็น วันละ 4 เม็ดครับ

Q : ยามีผลกับยาคุมไหม ?
A : ไม่มีผลครับ

Q : กลูต้าไธโอนมีผลข้างเคียงรึป่าว ?
A : ณ ตอนนี้ ผลข้างเคียงของกลูต้าไธโอนชนิดรับประทานไม่มีครับ
โดยการศึกษาผลข้างเคียงของยาจะแบ่ง เป็น 2 อย่างคือ
1.ผลข้างเคียงที่สามารถทำนายได้ – วิเคราะห์จากกลไกการออกฤทธิ์ของยา ซึ่งจากการวิเคราะห์โดยแพทย์หลายๆท่านก็บอกว่าไม่มีผลข้างเคียงครับ
2.ผลข้างเคียงที่ทำนายไม่ได้ – ซึ่งจะใช้การทดลองทั้งในคนและสัตว์ทดลอง ซึ่งก็จะแบ่งเป็นทั้งระยะสั้น และระยะยาว
อาหารเสริมกลูต้าไธโอนนี้เพิ่งจะถูกผลิต และนำมาใช้เพื่อทำให้ผิวขาวได้ไม่นาน จึงทำให้ยังไม่มีการศึกษาผลข้างเคียงในระยะยาว ส่วนผลข้างเคียงในระยะสั้นนั้นพบว่า ไม่มีรายงานการเกิดผลข้างเคียงครับ
แต่กลูต้าไธโอนชนิดฉีดมีผลข้าง เคียงเยอะนะครับ อีกทั้ง อย.เค้าก็ห้ามไม่ให้ฉีดครับ ผิดกฎหมาย + อันตรายด้วยครับ เพราะฉนั้นอย่าฉีดครับ

Q : เด็กทานได้ไหม ?
A : เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี สตรีมีครรภ์ และให้นมบุตร ไม่ควรทานครับ ถ้านอกจากที่กล่าวมานี้ก็ทานได้ครับ

Q : จะเปลี่ยนจากยี่ห้ออื่นมาทานยี่ห้อนี้ต่อเลยได้รึปล่าวค่ะ ?
A : ได้ครับ ถ้าเป็นกลูต้าไธโอนของแท้ และมีอย. สามารถทานสลับกันได้ครับ ให้ผลต่อเนื่องกันครับ

Q : กลูต้าไธโอนแบบฉีด ต่างจากแบบกินอย่างไร ? แบบไหนมีผลข้างเคียงมากกว่ากัน ? แบบฉีดขาวเร็วกว่าแบบกินจริงไหม ?
A : ระหว่างการฉีดกับการกินต่างกันนิดเดียวครับ ก็คือ การกินจะต้องผ่านระบบย่อยอาหาร ถูกคัดกรองก่อนถูดดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือด ส่วนการฉีดก็เข้าสู่เส้นเลือดโดยตรงเลย ไม่ว่าจะกินสลับฉีด หรือฉีดสลับกิน สุดท้ายแล้วมันก็ออกฤิทธิ์เหมือนกันครับ
ส่วนผลข้างเคียงต่างๆ ที่ร้ายแรง เช่น เกิดอาการช้อค ความดันเลือดตก เกิดอาการแพ้รุนแรง ตาบอดได้ สามารถเป็นได้ครับ แต่สำหรับแบบฉีดเท่านั้นนะครับ กลูต้าไธโอนชนิดรับประทาน เมื่อเกิดผลข้างเคียงเกิดขึ้น ระบบย่อยอาหารก็จะคัดกรองไม่ให้สารนั้นๆถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเข้าไปอีก ต่างจากแบบฉีด เพราะการฉีดจะเข้าสูร่างกายโดยตรงเลย ไม่ผ่านการคัดกรองจากระบบทางเดินอาหาร ไม่ได้คัดกรองว่าเป็นสารที่มีประโยชน์หรือโทษต่อร่างกาย หากเป็นสารที่เกิดโทษร่างกายก็จะได้รับเข้าไปเต็มๆ จึงทำให้อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ครับ ทางอย.ก็เลยออกมาห้ามไม่ให้ขายกลูต้าไธโอนชนิดฉีดและห้ามมิให้ฉีดกลูต้าไธ โอนครับ แต่ก็ยังมีการลักลอบขายและฉีดกลูต้าไธโอนอยู่ครับ ซึ่งหากพบเห็นการขายกลูต้าไธโอนชนิดฉีดหรือการรับจ้างฉีดสารกลูต้าไธโอน สามารถแจ้งได้ที่โทร 1556 สายด่วนอย.ครับ
การรับประทานกลูต้าไทโอนหรือฉีดสารกลูต้าไธโอนนั้น ก็เพื่อหวังผลในด้านการยับยั้งเม็ดสีผิวนั่นเอง แต่หลายๆคนจะเข้าใจว่ายิ่งกินมากยิ่งยับยั้งได้มาก ยิ่งขาวเร็ว!!!
แต่ไม่ใช่เลยครับ เพราะการยับยั้งเม็ดสีผิว มันเป็นเหมือนเกณฑ์วัดระดับ เหมือนการวัดผลสอบ ก็มีแค่สอบติด/สอบไม่ติด และ การยับยั้งเม็ดสีผิวก็มีสองระดับเหมือนกัน ก็คือ ยับยั้งได้ กับ ยับยั้งไม่ได้ แค่นี้ครับ ไม่ใช่ว่ายับยั้งได้มาก ยับยั้งได้นอย หรือ เกือบยับยั้งได้
เพราะฉนั้นเราก็ทานกลูตาไทโอนให้ถึงระดับยับยั้งเม็ดสีผิวได้ก็พอครับ เพราะหากทานมากเกินกว่านั้นก็ได้ผลเท่าเดิม แต่สิ้นเปลืองโดยปล่าวประโยชน์ครับ ก็เหมือนบางคนที่ไปฉีดได้รับสารเกินโดยปล่าวประโยชน์ร่างกายก็ขับออกมา เหมือนเดิม แต่หากร้ายหน่อย ส่วนที่รับมาเกินนั้นก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
เมื่อยับยั้งได้แล้วก็เหลือแค่รอเวลาให้ผิวเราปรับสภาพ ผลัดเปลี่ยนไป เอาผิวเดิม(สีคล้ำ)ออกไป เอาผิวใหม่(ขาวขึ้น)มาแทน ซึ่งระยะเวลาในการผลัดผิวของคนเราก็คือ 28 วันครับ ส่วนใครอยากให้เร็วมากขึ้นกว่านี้ก็เร่งให้ผิวผลัดไวขึ้น เช่น ถูขี้ไคล ขัดผิว ใช้เครื่องสำอางเร่งการผลัดผิว เป็นต้นครับ
สรุปก็คือ กินและฉีดให้ผลเท่ากัน เวลาเท่ากัน แต่ฉีดเจ็บตัว มีอันตราย และผิดกฎหมายครับ

Q : นอกจากทางเวปไซท์แล้วเราสามารถหาซื้อที่ไหนได้บ้างครับ ร้านยามีมั้ย?
A : ไม่ทราบครับ เพราะทางเราเป็นเพียงผู้ขายสินค้า ไม่ใช่ผู้ผลิต และทางเราก็ทำการตลาดทางอินเตอร์เนตเท่านั้นครับ

Q : แล้วเราจาแน่ใจได้งัยค่ะ ว่าอ.ย.เปงของจริง
A : ต้องตรวจสอบครับ
1. ตรวจสอบทางเวปไซท์ อย. นำเลขอย. 13 หลักของสินค้าไปตรวจสอบครับ
2. ตรวจสอบทางโทรศัพท์ โดยโทร 1556 สายด่วนอย. ใช้เลขอย.ของสินค้า 13 หลักเช่นเดียวกันครับ ตามบทความนี้ครับ >> วิธี การตรวจสอบ กลูต้าไธโอน อย.แท้ หรือ อย.ปลอม

Q : กลูต้าไธโอนที่ผ่าน อย.จากอเมริกา ญี่ปุ่น แล้วจำเป็นต้องผ่านอย.ของไทยอีกไหม ?
A : ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่ต้องกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่293) เรื่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หมายถึงว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะต้องมีฉลากกำกับ ซึ่งฉลากจะต้องมีเลขสารบบอาหารในเครื่องหมาย อย. แบบนี้ครับและมีข้อความอื่นๆอีกด้วย (รายระเอียดเพิ่มเติมดูได้จากอ้างอิงครับ) ถึงแม้จะนำเข้าจากต่างประเทศก็ตามก็จะต้องผ่านการตรวจสอบจาก อย. ในประเทศทั้งนั้น ถึงจะถูกต้องนะครับ ถ้าไม่มีเลขสารบบอาหารในเครื่องหมาย อย. นี้ก็เรียกง่ายๆว่าของเถื่อนครับ เครื่องหมายอย.และเลขสารบบ บนอาหารดูแล้วสามารถปลอมแปลงได้ง่ายมากๆครับ เพราะฉะนั้นให้ดูข้อความอื่นๆประกอบด้วย ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต หรือผู้แบ่งบรรจุ อันนี้สำคัญมากครับ เคยเห็นหลายๆยี่ห้อมีแต่อย.แต่ไม่มีชื่อและที่ตั้งของบริษัทที่ผลิต แสดงว่าปลอมแปลงเลขอย. ชัวร์ ครับ

Q : กินมาหลายเดือนแล้วไม่เห็นขาวขึ้นเลย กินขนาด 500 mg วันละ 2 เม็ด
A : ต้องดูครับว่า กินประจำติดต่อกันทุกวันไหม ถ้ากินๆหยุดๆ กินเดือนเว้นเดือนก็ไม่ดีแน่ครับ แล้วได้ดูแลตัวเองด้วยไหม ไม่ตากแดด ทาครีมกันแดดไหม ? แต่ที่แน่ ๆ ขนาด เม็ดละ 500 mg. ไม่มี อย.แน่ๆ เพราะ อย. รับรองขนาดกลูต้าไธโอนไม่เกินเม็ดละ 250 mg. เพราะฉะนั้น ถึงกินเป็นปีก็อาจจะไม่ขาวขึ้นเลยก็ได้เพราะไม่มี อย.รองรับว่าที่คุณกินนั้นมัน คือ สารกลูต้าไธโอน จริงๆ ผมแนะนำซื้อของที่มี อย. มารับประทานดีกว่าครับ

Q : ทานไปทำไมค่ะ กลูต้าไธโอน 250 มก. มันน้อยเกินไป แพงอีกต่างหาก ไปซื้อพวกกลูต้าไธโอน 500 มก. หรือ 750 มก. ทานดีกว่า ถูกกว่าตั้งเยอะ ต่างกันแค่มีกับไม่มีอย.เอง
A : นี่คือความเข้าใจผิดอย่างมหันต์เลยครับ มีอย.นั้นเป็นเครื่องรับประกันว่าผ่านการตรวจสอบแล้ว ว่าใน 1 เม็ดนั้น มันมีสารตามที่แสดงไว้ในฉลากนั้นจริงๆ ปริมาณครบไม่ขาดไม่เกินกว่าที่แสดงไว้ในฉลาก และมีอย.ก็เป็นเครื่องรับประกันอีกว่าผ่านการตรวจสอบแล้ว ว่ามีความปลอดภัย ไม่มีสารพิษ หรือเชื้อโรค เจือปน ไม่เป็นอันตราย ลองคิดดูสิครับว่า หากเป็นอาหารเสริมที่ไม่มีอย. ก็แสดงว่าไม่มีเครื่องรับประกันความปลอดภัย ทานไปอาจเกิดอันตรายได้ อีกทั้งไม่มีเครื่องรับประกันว่า ใน 1 เม็ดนั้นมันเป็นสารอะไร อาจไม่ตรงตามฉลากที่ระบุไว้ก็ได้นะครับ ใน 1 เม็ดนั้นอาจจะไม่มีสารที่คุณต้องการเลยก็ได้นะครับ
ปล. แถมนิดนึงครับ ข้อสังเกตุง่ายๆ ลองเอากลูต้าไธโอนที่บอกว่า 750 มก. เอาเม็ดมันมาแล้วลองไปที่ร้านยาดูครับ บอกเค้าว่าขอดูยาอะไรก็ได้ที่เป็นแคปซูลขนาด 750 มก.ดูครับ (แต่ส่วนใหญ่ที่ร้านยามักจะไม่มียาที่มีขนาด 750 มก.ครับ ให้ลองเอายาแก้อักเสบแคปซูล 500 มก.ที่ร้านยามาเทียบก็ได้ครับ จะเห็นว่าขนาดไม่ต่างกันเลย เผลอๆเล็กกว่าด้วยซ้ำ)




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2553    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 21:01:51 น.
Counter : 644 Pageviews.  

กลูต้าไธโอน ทำให้ผิวขาว ได้อย่างไร




 กลไกของกลูต้าไธโอนที่ทำให้ผิวขาวขึ้น



glutathione_1



การที่ผิวขาวขึ้นนั้นเกิดจากกระบวนการสร้างเมลานิน โดย กลูต้าไธโอน ไปลดการสร้างโดยการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase และกระตุ้นให้สร้าง Phaeomelanin (สีอ่อนขาวชมพู) มากกว่า Eumelanin (เมลานินสีคล้ำ) ผลของ กลูต้าไธโอน ในเรื่องความขาวก็ต้องขึ้นกับสีผิวเดิมของผู้ที่เริ่มกิน หากมีสีผิวอ่อนอยู่แล้วก็เห็นผลไว แต่หากมีสีผิวคล้ำเดิมต้องรอให้ร่างกายสร้างเม็ดสีอ่อนใหม่ และเซลล์ผิวเก่าที่มีสีคล้ำผลัดหมดก่อน หากคล้ำมากอาจใช้เวลาเป็นปี


โดย สรุปแล้วผลของ กลูต้าไธโอน ทำให้ผิวขาวขึ้นได้ครับ
อ้าง อิง : นิตยสารวงการยา ฉบับที่ 133 โดย ภก.สิกขวัฒน์ ผู้เรียบเรียง




กลูต้าไธโอน ทานอย่างไร ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด





ตาม หลักวิชาการแล้ว การรับประทานกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาวขึ้นนั้น 





ขนาดที่รับประทานคือ 20-40 mg/kg/day แบ่งให้ 2-3 ครั้ง ตัวอย่างเช่น 


ถ้าคนหนัก 50 กิโลกรัม ถ้าจะทานเพื่อให้ผิวขาวจะต้องทานวันละ 1000-2000 mg. 


ซึ่งดูแล้วก็หนักเอาการไม่น้อยนะครับ กับการรัปประทาน กลูต้าไธโอน เพื่อให้ผิวขาว เดือนๆนึงก็ตกหลายบาทอยู่เหมือนกันนะครับ





แต่เราก็มีวิธีที่จะประหยัดลงได้ก็คือ ให้รับประทานเพียงวันละ 10 mg/kg/day แล้วให้ทานสาร antioxidize อื่นๆคู่กันด้วย เช่น Vitamin C หรือ Vitamin E ซึ่งหากทานวิตามินซีคู่กับ กลูต้าไธโอน จะต้องรับประทานเป็น 2 เท่าของ กลูต้าไธโอน ครับ





ตัวอย่างเช่น
ถ้าคนหนัก 50 กิโลกรัม ถ้าจะทาน กลูต้าไธโอน เพื่อให้ผิวขาวจะต้องทานวันละ 500 mg. คู่กับวิตามินซีวันละ 1000 mg.  ซึ่งสาร antioxidize จะทำ กลูต้าไธโอน ที่อยู่ในร่างกายคงรูปร่างอยู่ในรูปที่ออกฤทธิ์ได้นานขึ้นครับ นั่นก็หมายถึงประสิทธิภาพของ กลูต้าไธโอน ก็เพิ่มขึ้นไปด้วยนั่นเองครับ เมื่อประสิทธิภาพของ กลูต้าไธโอน สูงขึ้นเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทานปริมาณเยอะๆแล้วครับ





ส่วน ช่วงเวลารับประทานที่จะทำให้ กลูต้าไธโอน ถูกดูดซึมดีที่สุดก็คือ ตอนท้องว่าง ซึ่งคนเราจะท้องว่างจริงๆก็คือ ตอนตื่นนอนใหม่ๆ และตอนก่อนจะนอนครับ แต่ถ้าหากไม่สะดวกช่วงเวลานี้ ก็ทานก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาทีได้ครับ หากจะทานคู่กับวิตามินซีในตอนท้องว่าก็ได้ครับ เพราะวิตามินซีก็ดูดซึมดีที่สุดตอนท้องว่างเหมือนกันครับ แต่วิตามินซีมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร แสบท้อง กัดกระเพาะนั่นเองครับ หากต้องทานเป็นเวลานานๆ หรือ หากเป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว หรือ เริ่มมีอาการดังกล่าวก็ให้เปลี่ยนมากินหลังอาหารแทนครับ เฉพาะวิตามินซีนะครับ กลูต้าไธโอน ก็ ทานตอนท้องว่างเหมือนเดิมครับ




สรุปก็ คือ การรับประทานกลูต้าไธโอนเพื่อให้ ผิวขาวขึ้นให้รับประทานตอนท้องว่างวันละ 10 mg/kg/day ควบคู่กับรับประทานสาร antioxidize(วิตามินซี) 2 เท่าของกลูต้าไธโอนนั่นเองครับ



ลองไปชม Clip Videoโดยคุณหมอโอ็ต จากรายการ OATTY DOCTER หมอOT-หมอนอกเวลา 
เรื่อง กลูต้าไธโอน











 

Create Date : 10 มิถุนายน 2553    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 20:54:55 น.
Counter : 710 Pageviews.  

มารู้จัก กลูต้าไธโอน กัน

กลูต้าไธโอน คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร


โดย : นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต

กลูต้าไธโอน เป็นพันธะเปปไทด์ของกรด อะมิโน 3 ตัว ได้แก่ ซีสเตอีน กลูตาเมต และไกลซีน กลูต้าไธโอนอยู่ในรูป reduced (GSH) และ oxidized (GSSG) โดย GSSG ถูก reduced ด้วย Glutathioneกลูต้าไธโอนอาจกลับ มาเป็น GSSG reductase สาร ascorbic acid จะเพิ่มการออกฤทธิ์ของ GSH ซึ่ง alpha lipoic acid (ALA) เพิ่มการออกฤทธิ์ของ
ลักษณะของกลูต้า ไธโอน

* กลูต้าไธโอนเป็นสารต้าน อนุมูล อิสระภายในเซลล์พบมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซลล์ตับ (จนถึง 5 mM)
* กลูต้าไธโอนถูก สังเคราะห์โดย Glutathione synthase โดยการใช้กรดอะมิโน 3 ชนิด : L-cysteine, L-glutamate และ glycine
* ตามธรรมชาติมี 2 รูปแบบ ได้แก่ reduced Glutathione (GSH) และ oxidized Glutathione disulphide (GSSG)
* อำนวยความสะดวกต่อการทำงานของภูมิคุ้มกัน
* เป็นสาร mitochondrial antioxidant
* เป็นสาร co-factor/ เอนไซม์ใน phase I enzymatic detoxification pathway
* Phase II detoxification pathway
* การป้องกันระบบประสาท

การลดลงของกลูต้าไธโอน

* แสดงให้เห็นเด่นชัดอย่างเฉียบพลัน ในการขาดกลูต้าไธโอนเมื่อรับประทานยา พาราเซตามอ ลเกินขนาด
* ผลของการลดลงของกลูต้า ไธโอนนี้ เกิดใน hepatocyte ชักนำให้ตับวายและเสียชีวิตได้
* การขาดกลูต้าไธโอนเรื้อรัง มีความ สัมพันธ์กับความผิดปกติทางภูมิคุ้มกัน เพิ่มการเกิดเนื้อร้าย และในกรณีโรคเอดส์ อาจเร่งให้เกิดโรคขึ้นมาได้
* การขาดกลูต้าไธโอนเป็น ผลใน tissue oxidative stress สามารถเกิดโรคได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็น G6PD (glucose 6-phosphate dehydrogenase deficiency) ทำให้เกิดปริมาณ NADPH และ reduced Glutathione ลดลง
* Oxidative stress เป็นสาเหตุให้ขาดกลู ต้าไธโอนใน fragile erythrocyte membranes

ข้อบ่งใช้และการใช้ประโยชน์

* รักษาพิษจากยาพาราเซตามอล
* ใช้เบื้องต้นสำหรับ : มะเร็งบางชนิด โรคไขมันอุดตันที่ผนังหลอดเลือด (atherosclerosis) โรคเบาหวาน ปอดมีความผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคปอดอุดกั้น สูญเสียการได้ยินเนื่องมาจากเสียง ผู้ชายที่เป็นหมัน ป้องกันหรือทำให้พิษดีขึ้น ต้านเชื้อไวรัส ยากำพร้าในการรักษาเอดส์ที่สัมพันธ์กับภาวะขาดสารอาหาร

ผลข้างเคียง

* ผิวหนังแดง
* ความดันโลหิตต่ำ
* หอบหืดเฉียบพลัน
* อาจเกิด anaphylactic reaction จากการปนเปื้อนหรือความไม่บริสุทธิ์

ข้อห้ามและควรระวังเป็นพิเศษ

* ผู้ที่แพ้ยาฉีดกลูต้าไธโอน
* ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
* แพ้, หอบหืด

สารที่ทำให้ขาดกลูต้าไธโอน

* การสูบบุหรี่
* ดื่มแอลกอฮอล์
* คาเฟอีน
* ยาพาราเซตามอล
* ยา
* ออกกำลังกายหนัก
* รังสี X Y และยูวี
* Xenobiotics
* Estradiol

ปัจจัยการยับยั้ง melanogenesis ผิวขาวขึ้น
บทบาทของกลูต้าไธโอนในยา แผน ปัจจุบันและยาแผนทางเลือก

* พิษจากยาพาราเซตามอล
* โรคมะเร็ง
* xenobiotics detoxification
* โรคพาร์คินสัน
* โรคอัลไซเมอร์
* เพิ่มภูมิคุ้มกัน เอดส์ ต้านเชื้อไวรัส เชื้อ herpes simplex virus type I
* โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
* สูญเสียการได้ยินเนื่องจากเสียง
* ผู้ชายที่เป็นหมัน
* ออทิสติก
* โรคเหนื่อยเรื้อรัง
* โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
* ความดันโลหิตสูง
* metabolic syndrome
* autoimmune thyroiditis

โดย : นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2553    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 20:49:36 น.
Counter : 477 Pageviews.  

1  2  3  

PORJADE
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอเป็นสมาชิก bloggang ด้วยคนนะค่ะ
Custom Search
Friends' blogs
[Add PORJADE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.