|
สตาร์ฟิ้นท์
เป็นนกที่มาจากออสเตเลีย มีหางสีแดงสด ชื่อเรียกที่ตั้งขึ้นจากสีซึ่งมีสีแต้ม เหมือนประกายดาว มีหน้าสีแดงก่ำ อกสีเหลืองและมีจุดขาวแต้มเป็นเกร็ดๆ ดูแพรวพราว นกตัวเมียมีจุดขาวน้อยกว่าไม่วูบวาบเหมือนตัวผู้ นิสัยสงบ ไม่ก้าวร้าว สามารถผสมพันธุ์ได้แต่ต้องเพิ่มอาหารจำพวกแมลงและไข่ผง ในระยะผสมพันธุ์และเลี้ยงลูก หลักการเลี้ยงก็คล้ายคลึงกับเจ็ดสีทั่วๆไป
สตาร์ฟิ้นท์หน้าแดง

สตาร์ฟิ้นท์หน้าส้ม
Create Date : 29 กรกฎาคม 2552 | | |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2557 22:50:32 น. |
Counter : 2247 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกคีรีบูน canaries
ชนิดพันธุ์นกคีรีบูน เป็นนกเลี้ยงในกรงที่มีทั้งความสวยงามและเป็นนกนักร้องเพลงที่มหัศจรรย์ยิ่งยวดของโลกก็ว่าได้ มีผู้เลี้ยงนกเป็นอันมากยังนิยมเลือกนกที่สามารถร้องเพลงได้ไพเราะเพราะพริ้ง เช่นนกคีรีบูนถึงแม้ความสวยงามด้านขนของมันจะน้อยว่านกหงษ์หยก แต่คีรีบูนก็ยังมีสีสดสวยงามชวนดูอยู่ไม่น้อยเช่น สีเขียว สีเหลือง สีทอง สีเหลืองธรรมชาติ สีเงิน สีขาว สีอบเชย สีส้ม สีแดงกำลังไดบความนิยมมาก
พันธุ์ลิซาดสีสันสวยงาม สำหรับนกคีรีบูน มีแตกต่างกันถึง 50ชนิดเช่น คีรีบูนชอปเปอร์ค่อนข้างตัวเล็กแต่แข็งแรงเลี้ยงดูง่ายและขยันร้องเพลงมีหลายสีสรร เช่นเหลืองออ่น เหลืองธรรมดา สีเทาปนฟ้า สีอบเชย สีขาวเทา คีรีบูนรอลเลอร์ผู้เลี้ยงนกทั้งหลายนิยมเลี้ยงรอลเลอร์ก็เพื่อฟังเสียงอันไพเราะของมัน คีรีบูนนอร์วิชเป็นนกขนาดใหญ่มีทั้งพันธุ์ที่มีหงอนและไม่มีหงอน พันธุ์ไม่มีหงอนนั้นจะมีหัวกลมรูปร่างอวบ ปีกสั้น
 คีรีบูนยอร์ไซร์ เป็นนกที่ร้องเพลงดัง แต่ชนิดเพลงอยู่ในวงจำกัด ความยาวของยอร์คเชียร์ขนาด6.5นิ้ว จึงเป็นมาตราฐานถูกต้อง อาหารเลี้ยงบำรุงเมล็ดเร๊ป ข้าวไรน์ เมล็ดป่าน เม็ดไนเจอร์ อาหารจำพวกไข่ผง แคลเซี่ยม ลิ้นทะเล กระดองปลาหมึก อาหารบำรุงสี หาซื้อได้ตามร้านขายนกสัตว์เลี้ยงทั่วไป น้ำ วิตามิน อย่าให้ขาด
 รูปร่างลักษณะ เป็นนกปากแข็งขนาดเล็ก
อุปนิสัยร่าเริงแจ่มใส ชอบเกาะคอนอยู่ตลอดเวลา และส่งเสียงร้องเป็นทำนองเพลงอันไพเราะน่าฟังยิ่ง สมยานามว่าราชาแห่งเสียงเพลง

การผสมพันธุ์ นกคีรีบูนนั้นเพาะผสมพันธุ์ได้ง่าย ฤดูผสมพันธุ์ของนกคีรีบูนนั้นคล้ายนกอื่นโดยทั่วไป คือจะผสมพันธุ์เมื่อ อากาศเริ่มอบอุ่นแจ่มใสในฤดูใบไม้ผลิ ข้อที่ควรระวังคือ ในขณะนกฟักและเพาะเลี้ยงนั้นนกจะไม่ชอบการรบกวน เมื่อถึงเวลาวางไข่ แม่นกจะวางติดต่อกันทุกวันในเวลาเช้าจนกว่าจำนวนไข่จะหมด โดยทั่วไปจะมีไข่ 2-6 ฟอง เป็นการสมควรอย่าวยิ่งที่จะช่วยให้การเพาะฟักของแม่นกสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการให้ลูกนกทั้งหมดออก จากไข่ในเวลาเดียวกัน ฉะนั้นเมื่อแม่นกเริ่มวางไข่ฟองแรกก็ควรเอาออก และนำฟองไข่ปลอม ใส่ไว้แทนทุกครั้ง เมื่อนกวางไข่ฟองสุดท้ายแล้ว ชนิดและสี
นอร์วิชเพลนเฮด (Norwich Plainhead)
เป็นนกที่มีรูปร่างสวย มีผู้นิยมเลี้ยงกันมากที่สุด ตลอดตัวยาวประมาณ 6 1/2" มีสีส้มและเหลือง
ยอร์คเชอร์ (Yorkshire)
เป็นนกที่มีทรวดทรงสง่าเก๋ที่สุด จนผู้เลี้ยงให้ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "Gentleman of Fancy" ขนาดโดย
ทั่วไปยาวกว่านกชนิดธรรมดา มีสีส้ม เหลือง และขาว
บอร์เดอร์ แฟนซี (Border Fancy)
ชนิดนี้มีรูปร่างเล็ก (5 1/2") มีหลายสี เช่น เหลือง ส้ม ฯลฯ
กลอสเตอร์ แฟนซี (Gloster)
เป็นนกชนิดใหม่ที่เพิ่งผสมได้ แต่มีผู้นิยมเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง รูปร่างเล็ก (4 1/2") มีทั้งชนิดมีหัวจุก
และไม่มี(ขนบนหัวเป็นแว่นคล้ายหมวก) ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ โคโรน่า (Corona) จุกของนกชนิดนี้เล็ก
และแบนเป็นนกที่กระโดดได้รวดเร็วและมีกิริยาปราดเปรียว ชนิดนี้ไม่มีสีแสด(สีที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นของ อาหารวิทยาศาสตร์
ลูกนกรุ่นหัวหมวก
โรคที่มักเป็นบ่อยกับคีรีบูน และทำให้ผลผลิตลดลงคือ
ขุยที่ใต้ฝ่าเท้า ขาหรือใบหน้าที่เกิดจากสะเก็ดมากที่สุดโดยตัวไรที่ทำให้เกิดสภาพเช่นนี้ได้รับการวินิจฉัยโดยการสร้างภาพโดยตรงกับเลนส์ขยายหรือใน scrapings จากเนื้อเยื่อได้รับผลกระทบ
อาการเบื้องต้นใต้ฝ่าเท้านกจะเป็นขุยคล้ายพังผือ ทำให้เกิด อาการบวมของเนื้อเยื่อถ้าไม่รักษาอาจลุกลามไปถึงจะงอยปาก, ใบหน้า (หน้าขุย), และในที่สุดนกตัวผู้ไม่สามารถใช้ขาและกรงเล็บยึดเกาะตัวเมียในระหว่างผสมพันธ์ พาหะของโรคชนิดนี้ คือตัวไร ที่แอบอยู่ตามรังเพาะและที่ฟักไข่ของนกควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ ยาที่เหมาะที่สุดในการรักษา ผมใช้ขี้ผึ้งเบอร์28 รักษาขี้กรากของคนใช้ได้ ผลดี และหมั่นหยอด สแคสที่ต้นคอของนกทุกๆ3เดือนอาการก็จะดีขึ้นเร่อยๆ
Create Date : 07 กรกฎาคม 2549 | | |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2557 22:51:05 น. |
Counter : 5756 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นกหงษ์หยกอังกฤษเชื้อสายผู้ดี
ดั้งเดิมนกหงษ์หยกอยู่ในป่าออสเตรเลีย เกาะกลุ่มอาศัยอยู่กันเป็นฝูง ส่วนใหญ่มีสีเขียวออ่น หรือตองอ่อน มากว่าสีอื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มสีของนกดั้งเดิม ต่อมาได้มีการผสมพันธุ์ได้สีอื่นๆ ที่แปลกตา เช่นกลุ่มสีฟ้า สีเทา สีม่วง
 นกหงษ์หยกกลุ่มแรกเข้าสู่ประเทศอังกฤษ ในปีค.ศ1840 โดย จอหน์ กูลด์ นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติของอังกฤษ สำหรับประเทศไทยไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่านำเข้ามาปีไหน แต่เข้าใจว่าเป็นหงษ์หยกที่นำเข้าจากอังกฤษซึ่งบ้านเราแบ่งออก เป็น2ประเภท พันธุ์อังกฤษ ตัวใหญ่ และพันธุ์ฮอแลนด์ ตัวเล็กกว่า ก่อนตัดสินใจเลี้ยง ท่านต้องพิจารณาเสียก่อนว่าท่านจะเลี้ยงมันไว้ในกรงลวดหลากสีรูปร่างต่างๆ เพื่อให้มันอยู่ในบ้าน หรือจะเลี้ยงปนกับนกชนิดอื่นๆ หรือจะเลี้ยงไว้ขยายและปรับปรุงพันธุ์ ถ้าเลี้ยงไว้ในกรงเล็กเพียงตัวเดียวย่อมดีกว่าเลี้ยง2ตัว หรือมากกว่านั้นในกรงเดียวกัน นกหงษ์หยกเพียงตัวเดียวที่เลี้ยงในกรงโดยเฉพาะที่เป็นตัวผู้จะรู้จักเรียนเสียงคนพูดหรือเสียงอื่นๆย่อมสร้างความสุข ให้ทั้งสมาชิกในครอบครัวได้อย่างมีความสุข
อาหารและการเลี้ยงเอาใจใส่คงไม่แตกต่างกับการเลี้ยงนกฟิ้นท์เจ็ดสี แต่จะเลี้ยงง่ายกว่าและแข็งแรงกว่า ปัจจุบันนิยมเลี้ยงไว้ในกรงแขวนไว้ดูเล่นได้อย่างเพลิดเพลินใจ เป็นเพื่อนแก้เหงาได้เป็นอย่างดีไม่แพ้สุนัข ถ้าบางตัวเชื่องสามารถนำออกมาเล่นในห้องนั่งเล่นได้ แต่ต้องปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เผื่อมันมีเสียงทำให้ตกใจอาจบินหนีไปได้
การพิจารณาเลือกนก
นกนั้นควรเป็นนกอ่อน ซึ่งอยู่ในวัยอายุเดือนเศษ จึงสามารถเลี้ยงและฝึกสอนให้เชื่องได้
ต้องเปนนกที่อยู่สภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรค หรือโรคติดต่อแทรกแซง นกอ่อนในวัยเดือนเศษถึง6เดือน ยังผสมพันธุ์ไม่ได้ หรือยังไม่มีควมรู้ด้านเพศ แต่ตัวเมียและตัวผู้ก็มีความสามารกทัดเทียมด้านการฝึกสอนให้เชื่องได้ มีเพื่อนๆ มือใหม่หลายท่านอยากเลี้ยงหงษ์หยกอังกฤษมากๆ แต่ปัญาหาที่เกิดขึ้นบ่อยๆไข่ไม่มีเชื้อ จากตัวผู้ จากประสบการณ์ของผมที่ลองผิดลองถูกมาพอควร พอสรุปได้อย่างย่อๆ ขออณุญาต ตัดจากบทความของพี่เล็กทุ่งครุ เป็นผู้รู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงหงษ์หยก อ.
ไข่ไม่มีเชื้อเป็นความผิดของตัวผู้หรือตัวเมีย..............................................โดย joebudgie การเลี้ยงนกหงส์หยกเป็นงานอดิเรกที่น่าสนุกสนาน และท้าทายความสามารถมันจะดีมากขึ้นถ้านกที่เราเลี้ยงสามารถสืบพันธุ์(เพาะพันธุ์)ให้ลูกได้ จากประสบการณ์การเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ จะไม่มีการรอคอย ถ้านกที่เข้าคู่แล้วไม่ได้ผล หลังจากวันที่5 เมื่อพ่อมีพันธุ์ได้ออกไข่ฟองที่3 เราสามารถเช็คเส้นเลือดในไข่ได้แล้วว่าไข่มีเชื้อกี่ใบ แต่บางที ผู้เพาะเลี้ยงก็ประสบกับความผิดหวัง เสียหาย ล้มเหลว คือไม่เห็นอะไรเลยในไข่ บางทีไข่ทั้งเล้าจากนก 18 คู่ จะมีเชื้อแค่ 2 ใน 3 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีกทั้งในกรงบินและกรงเพาะทั่วโลก คำถามก็คือมันเป็นความผิดพลาดของตัวผู้หรือตัวเมีย และแม่นกชอบนอนเฝ้ารังตลอดเวลาหรือเปล่า และจะมีแนวโน้มว่าจะปฎิเสธการผสมพันธุ์จากตัวผู้ด้วย หรือเป็นที่ตัวผู้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมหรือไม่แข็งแรงที่จะผลิตสเปอร์มถึงแม้จะเห็นได้ว่ามีการผสมพันธุ์กัน ใครจะไปรู้บางทีอาจจะมีสาเหตุอื่นๆอีกก็ได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดการมึนงงกับทุกๆคนสำหรับนักเพาะเลี้ยงและบ่อยๆครั้งที่คู่เด่นๆของเราก็เป็นกับเขาไปด้วย บางทีลองใช้แม่พันธุ์ตัวเก่งมาเข้าคู่ ซึ่งบางทีไข่ก็มีเชื้อ บางทีก็ไม่มีเชื้อ เราก็เริ่มค้นหาคำตอบได้แล้วว่า พ่อแม่พันธุ์ที่ดีที่สุดได้ถูกจับคู่กันและไม่ได้ผลแสดงว่ามีปัจจัยบางอย่างไม่เหมาะสมทั้งด้านตัวผู้หรือตัวเมีย และนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เราพอรู้ถึงสาเหตุว่าใคร (พ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์)ที่เป็นสาเหตุของไข่ไม่มีเชื้อ 1.นกพ่อพันธุ์ เรามาดูถึงความเป็นไปได้ว่า -ไม่ได้อยู่ในช่วงที่สมบูรณ์ จึงไม่ผลิตสเปอร์ม -อยู่ในสภาวะที่ไม่พร้อม (ผลัดขน) -ขนดกยาว(buff)ที่ไปปกปิดบริเวณก้นซึ่งทำให้ปิดกั้นการลำเรียงน้ำเชื้อ -ไม่ค่อยมีแรงขับทางเพศหรืออาจจะเป็นเพราะกลัวตัวเมีย -ไม่ได้มีการกระตุ้นให้เข้าคู่เป็นเวลานาน -ขอนไม่จับเป็นรูปกลมและลื่นจนเกินไป ทำให้นกตัวเมียไม่สามารถที่จะยึดได้เต็มที่และอาจจะลื่นล่วงตกลงมาก่อนที่ตัวผู้จะสามารถทำการผสมพันธุ์เสร็จ -มีการอุดตันในท่อลำเรียงน้ำเชื้อ -การถ่ายทอดเชื้อไม่ถูกจุดคือพลาดไปอยู่ส่วนอื่นของแม่นก -หลังจากการให้ยา โดยเฉพาะยาปฎิชีวนะ -ยังไม่โตเต็มที่ หรือเกินไป 2.นกแม่พันธุ์ เรามาพิจารณากันบ้าง ดูความเป็นไปได้อะไรบ้างที่ทำให้แม่นกเป็นคู่ที่ไม่สมบูรณ์แบบ -เป็นนกที่มีความก้าวร้าวต่อนกตัวผู้ ถ้าตัวผู้ทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์เต็มที่นกตัวเมียจะวางไข่โดยปราศจากการผสมพันธุ์ -ไม่ยอมกกไข่ ทำให้ไข่ตายโคม -ไม่สามารถผลิตของเหลวที่จะเป็นตัวนำพาตัวสเปอร์มไปผสมพันธุ์กับไข่ได้ -ชอบอยู่แต่ในรังจะออกจากรังเพื่อกินและขับถ่ายเท่านั้น และจะกลับเข้ารังอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ตัวผู้หงุดหงิด บางครั้งนกตัวผู้ก็พยายามที่จะผสมพันธุ์ในรังเพาะ ซึ่งทำให้ไข่แตกเสียหายได้ -คอนจับที่กลมและหลวม -ไม่อยู่ในสภาวะที่พร้อมคือ ไม่มีความต้องการที่จะจับคู่ แต่ก็ออกไข่อยู่ได้ -ขนดกยาว -นกอายุน้อย แก่เกินไป หรืออ้วนเกินไป ดูเหมือนว่าเราจะได้คำตอบสำหรับตัวผู้มากกว่าตัวเมีย แต่คำถามต่อไปคือจะทำอย่างไรต่อไปถ้ามีไข่ไม่มีเชื้อเกิดขึ้น ทางเลือกเริ่มแรกคือ แยกคู่หรือให้พ่อแม่พันธุ์จับคู่กันอีกรอบ มันขึ้นอยู่กับอาการและสิ่งที่เกิดขึ้นและก็จะสามารถตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไร มีข้อแนะนำอย่างหนึ่งคือให้จดบันทึกการผสมพันธุ์ของนกแต่ละคู่ไว้ สภาวะและการตอบโต้ของนกแต่ละคู่เมื่อจับให้มาอยู่คู่กัน นี่จะเป็นเครื่องช่วยให้เราไปในทิศทางที่ถูกต้องได้เมื่อไข่ไม่มีเชื้อ ตัวผู้อาจจะอยู่ในสภาวะที่กำลังจะสมบูรณ์หรือเริ่มไม่สมบูรณ์แล้วสำหรับการเข้าคู่ก็คือเร็วเกินไปหรือช้าเกินไปที่จะเข้าคู่ ตัวเมียก็เช่นกัน อีกทางที่ควรพิจารณา คือ ถ้านกตัวใดตัวหนึ่งหรือทั้ง 2 ตัวยังเด็กเกินไป ซึ่งหมายถึงนกทั้ง 2 ตัว หรือตัวใดตัวหนึ่งยังไม่เคยเข้าคู่ ก็ทำให้การเข้าคู่นั้นมีโอกาสที่จะสำเร็จน้อยมาก บางทีนกตัวผู้ที่มีประสบการณ์การเข้าคู่มาแล้ว 1 ปี และเป็นนกที่มีความกระตือรือร้นที่ต้องการเข้าคู่ควรนำมาคู่กับตัวเมียที่มีความก้าวร้าว ขนบริเวณก้นควรเล็มออกบ้าง ถ้านกตัวใดตัวหนึ่งมีขนดกและยาวใหญ่(buff) และถ้าเป็นตัวเมียที่ชอบอยู่ในรังก็ปล่อยให้ออกไข่ได้แต่ควรมีบางช่วงในตอนเช้าและตอนค่ำที่เราต้องปิดกั้นรังไข่ให้ตัวเมียอยู่ข้างนอกบ้างให้นกได้มีการผสมพันธุ์ สิ่งที่ต้องทำอยู่เสมอๆคือปล่อยให้นกเข้าคู่กัน โดยเฉพาะคู่ที่ยังใหม่ บางทีมันจะไปกระตุ้นมันให้ไปสู่สภาพที่พร้อมภายหลัง จากประสบการณ์ไข่มีมีเชื้ออาจจะเกิดขึ้นมาอีกหรือไม่ก็ได้ในรอบสอง ซึ่งทำให้เสียเวลาและไข่ไปอีก บางทีต้องแยกคู่ออกจากกัน 1 อาทิตย์และลองเข้าคู่ใหม่ภายหลัง แต่ไม่ควรจับนกไปใส่ไว้ในกรงบิน เพราะนกจะเริ่มผลัดขน ซึ่งจะใช้เวลา 6 อาทิตย์ในขบวนการผลัดขน ให้จับอยู่ในกรงพัก หรือกรงหมอนจะดีกว่า
 และแล้วการเลี้ยงหงษ์หนกอังกฤษ ของผมก็ไม่ยากอีต่อไปคับ 
Create Date : 05 กรกฎาคม 2549 | | |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2557 22:53:16 น. |
Counter : 9106 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|