การเดินทางของเดนมาร์คแบ่งออกเป็นโซนๆ ถ้าที่เที่ยวทั่วๆไปในเมืองก็ซื้อเฉพาะ โซน 1-2 ก็พอ ก็ครอบคลุมพื้นที่ท่องเที่ยวเกือบหมดในเมือง แต่จากสนามบินไปเราต้องซื้อ โซน 4 ด้วยเพราะสนามบินอยู่ zone 4 ฉะนั้นวันแรกซื้อ Zone 1-4 แบบ 72 ชม. เลย ก็จะพอใช้ในการเดินทางทั้งหมดจนวันกลับ    เราสามารถซื้อตั๋วผ่านแอปบนมือถือได้ "RuterBillet" พอซื้อเสร็จมันจะส่งText Message เข้ามามีบอกเวลาเริ่มและหมดอายุ เพื่อไว้ให้คนตรวจดู แต่ถ้าตอนคนตรวจมาตรวจแล้วไม่มีให้ดูก็โดนปรับตามระเบียบนะคะ น่าจะประมาณ 6ร้อยกว่าโครน ที่ขึ้นโดยไม่มีตั๋ว  เราขอตั๋วกระดาษดีกว่าค่ะ manual ดี เลยต้องไปรอต่อคิวตู้ขายตั๋วเปิด  สนนราคา 200Dmk  ถ้า 24hr = 80Dmk ได้ตั๋วมาแล้วไปนั่ง metro กัน เดินตามป้ายไปได้เลยค่ะ  จากสนามบิน มีสายเดียว ถ้าจะไปที่ไหนค่อยไปหาที่ต่อเอา แต่โชคดีที่ที่พักของดิฉันมันอยู่บน metro สายที่มาจากสนามบินพอดี ง่ายดาย  เอาเข้าจริงนะแทบไม่ได้ใช้เลยอะเวลาอยู่ในเมือง มีนั่งไปดู Mermaid อย่างเดียว แต่จริงๆก็เดินได้ แต่กระแดะไปรถไฟไปงั้นๆแหละ เพราะซื้อตั๋วมาแล้วและไม่ได้ใช้

วันเดียวก็เดินจนทั่ว

Day 1:

ไป Park  รอบๆ Kastellet เป็นป้อมปราการเก่า

และสวนสาธารณะ

จะมาปิคนิคก็ดีไม่น้อย

ในสวนเดินแล้วอารมณ์ดี 555 รอบๆ Kastellet

monument ในสวน

ด้านหน้าทางเข้าป้อม ที่นี่เรียกว่า ChurchChillparken

มีชายคนนี้อยู่  และในรูปมีสะพาน คือที่สำหรับเดินเข้าไปในป้อม

แผนผังเมืองในป้อม  ป้อมดาว 5 แฉกนี้เรียกว่า Kastellet  ด้านในมีโบสถ์ด้วยตรงหัวยอดดาว

เดินข้ามสะพานแขวนไม้ เข้าไปดูด้านในกัน มีป้อมปราการเก่าของเมืองอยู่

 เป็นคันดินสูงๆ

สามารถขึ้นไปเดิน นั่งเล่น หรือไปวิ่งออกกำลังกายก็ดีค่ะ  ใกล้กับน้ำพุเกฟิออนและโบสถ์ St.Alban

ดูรวมๆ ประมาณนี้

โบสถ์ St. Alban's Church ด้านหน้าทางเข้าป้อม

น้ำพุ Geoion ; Gefionspringvandet

ดีไซน์โดย Anders Bindgaard ในปี 1897-99  เสร็จจริงๆจังๆ เปิดใช้งานในปี 1908

ด้านหน้าของน้ำพุ ใหญ่โตมาก

มีประวัติเล่าว่าผู้หญิงที่ไล่วัวอยู่นี้เป็นเจ้าหญิง ที่เสกบุตรของตนทั้ง 4 คน ให้เป็นวัว เพื่อให้ไถคราดพื้นดินให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศและะการดำรงชีวิต  (ในสมัยนั้นเน้นการเพาะปลูก) พื้นฟูรับใช้แผ่นดินเกิดให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป แล้วโยนลงทะเลเดนมาร์ค ระหว่างสแกนเนียและเกาะฟินน์  จึงเกิดเป็นหลุมทะเลสาป ชื่อ Logrinn และ Leginum

ทางเดินจากน้ำพุไป เมอร์เมท ผ่านสวน Langelinie Park

เจอแล้ว พี่เมอร์เมต!!! เหงามั๊ยอะ นั่งอยู่คนเดียวมาตั้งนมตั้งนาน

เริ่มหิว ไปหาอาหารด่วนกินกันก่อนดีกว่า แล้วจะได้เดินต่อ

ไปโบสถ์ Frederiks Kirke

ด้านใน

สวยงาม

เพดานอลังการ

โบสถ์ใกล้กัน

 Amalienborg Palace

เคยเป็นพระราชวัง ในศตวรรตที่ 18  บริเวณนี้มี Amalienborg museum ตั้งอยู่

เดินไปถึง ทหารกำลังเดินพาเหรดผลัดเปลี่ยนเวรยามอยู่พอดี

ดูหน้าใกล้ๆซิ  หล่อไหม

Monument ที่ Amalienborg Palace

ถ่ายรูปสบายเลยแฮะ เพราะทุกคนมัวแต่ไปดูทหารกัน

ทางออกด้านหลังเมื่อข้ามถนนมาริมน้ำ

จะไปทะลุแม่น้ำที่ฝั่งตรงข้ามเป็น Opera House

Nyhavn Canal

ยัยพลอยเหลือบไปเห็นตึกฝั่งตรงข้ามที่กำลัง renoveted อยู่ โอ้ววว คิดได้ไงเนี๊ยะ reused กระสอบเก่า มันก็ดูสวยไปอีกแบบนะ คนที่นี่เค๊ามีดีไซนด์กันทุกอณูเลยหรือไงหนิ  555ยังจะชอบมมากกว่าฝั่งสีสวยๆโน้น

เดินต่อไปเจอ Flea Market เดินเล่นชมช๊อป ของที่ผู้คนเอามาขายอยู่นานสองนานแล้ว

ไปถนน Stroget ต่อดีกว่า เพื่อเดินทะลุไป City Hall และ Tivoli แล้วจะได้กลับบ้านพอดี

ใจกลาง Stroget

City Hall

Lego Store at Stroget

มันมีทุกสีทุกสไตล์ให้เลือกสรร  แม้แต่ขนตาปลอม 55

ชอบมากแต่วัยเยาว์

จะเดินไปร้านของเล่นเก่าแก่ ที่มีหลายๆชั้น แต่จำlocation ไม่ได้ ก็เดินเล่น กิน ช๊อป ที่ถนนี้ไปจนเย็นระกัน จะได้กลับบ้าน  กาลังจะกลับ เดินมาเจอ

ที่ CPH เราชอบที่จะไปเดินเล่นร้านนี้มาก  ต้องมาทุกทีสิหน่า ราคามิตรภาพ แต่ design แจ่มเกินราคา  ชื่อร้านไรไม่รู้  ถ้าเดินมาจากทางฝั่ง Hermes ร้านนี้จะถึงก่อน Flying Tiger อยู่ขวามือ หัวมุมถนน ถ้ามาจากทาง City Hall ร้านFlying Tiger จะถึงก่อน ขอบอกที่นี่มีของจากหลากหลายมุมโลก ทั้งน่ารัก สวยงาม ออเกนิค กิมมิค มีหมด  ที่แน่ๆ เมื่อคุณจ่ายเงินแล้วทางออกของที่ร้านจะมี 2 ทาง คือ ลงบันได หรือ ลงทางสไลด์เดอร์จากข้างบนลงมาข้างล่าง เป็นไงหล่ะแค่ทางเข้าทางออกก็ชนะเลิศศศศศ

และ Flying Tiger ของ CPH มากๆ Tiger ลืมถ่ายหน้าร้านมา  ตอนนี้ tiger มีไปเปิดสาขาที่ ญี่ปุ่นด้วย ไม่แน่ใจว่ามีกี่สาขา แต่ที่ชัวร์คือ ที่มออล์ ฝั่งตรงข้าม Takashimaya สาขา Tamago Kanagawa มีร้านนึง ดีงาม อยู่ติดๆกะ Muji  ถึงแม้ของจะไม่มากมายเท่าที่ CPH ก็ก็ดีที่มีให้ช๊อป 5555 ของดีราคามิตรภาพ

กินไปช๊อปไป ที่ถนนนี้ แล้วไปถ่ายรูปกะเทศบาลกันดีกว่า

ได้ยินข่าวว่า Tivoli ปิด เดินไปดูหน่อย ปิดจิงป่าว ถ้าไม่เดี๋ยวพรุ่งนี้มากันดีกว่า  สรุปปิดค่ะ เงียบเชียบเชียว เปิดแต่ร้านขาย Souvenier

เดินผ่าน Central Station  สถานีรถไฟกลางเมือง

และอีกโบสถ์ตรงมหาวิทยาลัย Kobenhavns

โบสถ์ Vor Frue Kirke // Copenhagen Cathedral

Day 2

วันนี้ทำไรดี ไปนั่งเรือเล่นดีกว่า นั่งรถไฟไปที่เขต Christianshavn

เดินเล่นก่อน ชิวๆที่เมืองฝั่งนี้ก่อน เพราะอยากไปโบสถ์ที่นึง

เมืองน่ารักไม่แพ้ฝั่งโน้น แต่ดูเหมือนว่าบนนถนนจะสกปรกกว่า

วิวเมืองฝั่งนี้

โบสถ์

ด้านใน

อีกโบสถ์ Vor Frelsers Kirke หรือ Chruch of survivor  เป็นโบสถ์สไตล์บารอค สร้างในปี ศตวรรษที่ 17 ที่ตั้งใจอยากจะมา

ที่ป้ายด้านหน้าบอกว่าปิด อย่านะ!!!  แต่ยัยพลอยเห็นคนเดินเข้าไปเลยตามเข้าไป สักพักพนักงานมาปิดตายประตูเลย ก็เพราะเค๊ากำลังจัดของเพื่องานพิธีตอนบ่ายกันอยู่จิ 5555

ด้านใน

อลังการมากออแกนนี้

ได้พบท่าน Archante Michale, Raphael, Uriel, Jeramy, Gabriel  ดีใจใหญ่หลวง 🙇🏻

ออกมาขึ้นเรือเที่ยว ไป Opera

เกาะต่างๆ

ประมาณนี้

ชมวิวทางน้ำไปเรื่อยๆ

วันสบายๆ ผู้คนมาออกกำลังการ พายเรือคายัค

เรือสารถี อ้อ ลืมบอกว่าตั๋ว 72ชม. ที่ซื้อมาสามารถใช้โดยสารเรือสาธารณะได้นะคะ

ตารางท่าจอดเรือ

เกาะ.. ไม่มีไร ไป ห้องสมุด Black Daimond ดีกว่า  เป็น National Library หรือเรียกว่า Det Kongelige Bibliotek

ด้านในเมื่อเดินเข้าไป ชั้นล่างเป็นที่เก็บเสื้อโคต ตู้ล๊อคเกอร์ ร้านอาหาร และที่ติดต่อ

ขึ้นชั้น 2 มีบันไดเลื่อนยาวมากเพื่อขึ้นไป  ตัวตึกจะสร้างครอบและเชื่อมกะตัวตึกเก่าที่ชั้น 2

โซนด้านหน้าชั้น 2 จะเป็น Gallery มีงานโชว์อยู่

เมื่อเดินเข้าไปในตัวตึกเก่า โซนนี้จะเริ่มเป็นห้องสมุดจริงจัง ดูเก่าแก่เคร่งขรึม โบราณดี สวยมากค่ะ

ทุกคนอ่าน อ่าน แล้วก็อ่าน หรือไม่ก็พิมพ์ 555

บรรยากาศดูมาคุมากค่ะ

ออกมาเดินเที่ยวเล่นในเมือง

ดูเหมือนโบสถ์ แบบรัสเซียมาก แต่มันเคยเป็น Stock Exchange เรียกว่า Borsen

ใกล้ๆหน่อย จะเข้าไป ปิดประตูเข้าไม่ได้

พระราชวัง Christianborg Palace

แผนผัง

ที่Monument ด้านหน้า Christianborg Palace

เต็มๆหลัง ที่ลานขี่ม้า

เมื่อเดินเข้าไปมีคณะกำลังอัดถาพและเสียงขับร้องเพลงคริสต์มาส เสียงดังไปทั่วบริเวณ ทำให้นึกถึงบรรยากาศช่วงเวลาคริสต์มาสเลยทีเดียว  คณะที่ขับร้องไม่มีเครื่องดนตรี ทุกคนเป็น Acapella คนนึงร้อง คนนึงทำเสียงกลอง คนทำเสียงเบส เสียงกีตาร์ ประมานเสียงกันไป ไพเราะเสนะหูดึ

เดินเล่นในเมือง  น้ำพุใกล้ City Hall

ผ่าน City Hall เพื่อเข้า Stroget ตามเคย

ผ่าน Tivoli อีกรอบก่อนกลับบ้าน

Day 3: Denmark Aquarium

Denmark Aquarium เป็นต้นแบบของหนังเรื่อง Finding Dory ของ Disney ซึ่งเป็นภาคต่อของ Finding Nemo  มันอยู่แค่ 1-2 stop ก่อนถึงสนามบิน

เมื่อลงมาจาก Metro มองไม่เห็น aquariam แต่ดันเห็นเก้าอี้ม้านั่ง ที่ถูกดีไซน์มาอย่างดูดีมีชาติตระกูลมากที่สถานี  ที่นี่เค๊ามีดีไซน์ในหัวใจกันจัง  มะวานนี้ก็ไป window shopping เฟอร์นิเจอร์ในเมืองมา น้ำลายหกอย่างแรง

เดินไป สัก 3-500 เมตร เห็นจะได้ ไปซื้อตั๋วก่อนเลย แล้วเราจึงขนกระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ใน Locker ที่อควาเลี่ยม ตรงโซนทางเข้าร้านอาหาร น่าจะ zone 3 ถ้าจำไม่ผิด  ด้วยสนนราคา 10Dmk หรือ สามารถหยอดยูโรได้ 1Euro ค่ะ

ไปดูกันว่าที่บอกใหญ่สุดในยุโรปจริงเปล่า  มันจะแยกเป็นโซนๆค่ะ

แต่ละโซนจะมีเจ้าหน้าที่ สร้างสีสันให้เด็กๆค่ะ โดยการให้จับสัตว์ได้ หรือนำสัตว์เอามาให้ดูใกล้ๆ  โซนนี้สามารถ จับปู หอย ปลาดาวที่อยู่ในตู้ได้

สีม่วงสดสวยจัง สีนี้ไม่เคนเห็นเลย   แต่ชอบตัวสีชมพูพาสเทลที่ใหญ่ยักษ์ของ Lisbon Aquarium มากกว่า

ด้านหลัง

ปลา ซิวปลาสร้อยมาก เมื่อเทียบกะที่ Lisbon

ตู้กลาง ที่ใหญ่ที่สุด เฉยๆมาก ขอบอก  ถ้าไปดูที่ Lisbon ที่นี่เด็กไปเลย

ที่ตู้เล็ก ตู้น้อย

พี่ปลาไหล หน้าเครียด... พี่เครียดไปเป่า

แต่ละช่วงก็จะมีประกาศเป็นระยะว่าแต่ละช่วงเป็นการแสดงอะไร หรือจะมีคนมาให้ความรู้ต่างๆสำหรับเด็ก  แต่เค๊าพูดเป็นภาษาเดนนิชอะจิ ฟังไม่รู้เรื่อง

โซนป่าเขตร้อน

โชว์งู กะแมงมุม

ปลาปิลันยาเพียบเลย

อลาไพมา ปลาช่อนอเมซอล

Finding Dory

ไปสนามบิน หาอะไรกินรอบบ่าย  แล้วรอเครื่องกลับบ้านดีกว่า

จบทริป Oslo - Iceland - Copenhagen ไปด้วยดี พบกันใหม่ทริปต่อไปนะคะ

Ploy Journey Journal

Create Date : 06 ธันวาคม 2559
Last Update : 26 มกราคม 2560 14:41:52 น.		0 comments
Counter : 1393 Pageviews.
Share Tweet