ก่อนการเดินทางออกจากโรงแรม เราก็มาหาคุณแมทให้เขาแนะนำที่เที่ยวระหว่างทางอีกก่อนกลับ วันนี้คุณแมทแนะนำให้เราไปเที่ยวเมืองใต้ดินที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ และขับออกไปเที่ยวที่ Ihlara
สำหรับการเที่ยววันนี้ เมืองใต้ดินมีสองแห่งแบบใหญ่ที่สุดคือ Derinkyu มีความลึก5 ชั้น และแบบลึกที่สุดคือKaymakli ลึก 7 ชั้นเขาบอกว่าข้างในหน้าตาจะคล้ายๆกัน เวลาเลือกให้ไปถึงก่อนแล้วดูที่รถทัวร์ที่ลานจอดรถถ้าตรงไหนมีรถน้อย ให้เที่ยวตรงนั้นนักท่องเที่ยวจะมาประมาณสิบโมงเป็นต้นไปมาทีก็เยอะๆ แล้วเวลาเดินลงใต้ดิน ทางลงจะมีทางเดียวบางทีจะเป็นอุโมงค์ลอดแคบๆ ถ้ามีคนมาเยอะๆ เราจะไม่สามารถหยุดถ่ายรูปได้ถอยก็ไม่ได้ พาลจะไม่สนุกเอา ..เราเลยรีบบอกลาคุณแมทและโรงแรมแสนน่ารัก ออกจากโรงแรมขับรถไปพร้อมสัมภาระเต็มอัตราศึกขับไม่ไกลนัก เราไปถึง Derinkyu รถไม่ค่อยเยอะเราเลยรีบจ่ายตังค์ลงไป
เขา ว่าเมืองใต้ดินเป็นที่หลบภัยของชาวคริสต์สมัยก่อน ที่หลบภัยจากพวกโรมันที่คอยตามล่าจึงต้องหลบมาขุดอยู่ใต้ดิน ..แรกๆก็ขุดอยู่กันง่ายๆหลังๆเริ่มมีวัฒนธรรม จัดการเป็นเมือง เป็นหมู่บ้านในเมืองใต้ดินนี้เมืองจะลงไปลึก 5 ชั้น แต่ละชั้นจะมีทั้งครัว ห้องเก็บไวน์ห้องอาหาร ห้องเก็บของกิน โบสถ์ ..ห้องของคนรวยก็จะมีห้องนั่งเล่นอยู่ตรงกลางมีห้องนอนแยกไปต่างหาก ในถ้ำ มีแสงไฟอยู่ตลอดทางทำให้ไม่ค่อยน่ากลัวนะคะ
ระหว่างเดินไปก็มีไกด์คนหนึ่งสาธิตการอยู่แบบมนุษย์ถ้ำลองปิดไฟให้ดู มืดมาก ยิ่งเราเดินลงไปลึกมากยิ่งแปลกใจว่าอากาศหายใจยังมีอยู่ อาจจะเป็นเพราะเขาทำรังผึ้งสำหรับโพรงอากาศไว้เยอะมากก็เป็นได้ แม่เจ้ามากๆค่ะ เวลาลงไปก็ไม่ได้มีบันไดสบายๆนะคะ ก็เรียกว่าไต่หินกันลงไปบ้างบางอันก็เป็นรูเล็กๆ มุดๆกันก้มๆเงยๆ ..ไม่เหมาะกับคนแก่ คนอ้วนคนสูงเกินไป(คิดว่าเกิน 80 กิโลก็เดินไม่ค่อยถนัดแล้วค่ะ) และคนกลัวที่แคบ คนเป็นโรคหัวใจ และพวกเด็กเปรตที่ชอบซอกแซกค่ะอาจจะหลงถ้ำหรือตกหลุมตายได้ง่ายๆ ขู่เกินไป จริงๆก็ไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ... ในถ้ำเองก็มีป้ายบอกพอเป็นระยะ ให้เดินลง เดินขึ้นทางไหนแต่ไม่ถี่มากค่ะ พอให้ตื่นเต้น ลงไปซักพักเริ่มมีทัวร์ตามมาเราเลยถ่ายรูปกันได้ไม่มากนัก ต้องรีบหลบ ต้องขอบคุณคุณแมทที่ชี้ทางให้
กลับ ขึ้นมาด้านบนปรากฏนักท่องเที่ยวมาจากที่ไหนไม่รู้เป็นร้อยเป็นพัน น่ากลัวไม่หยอกเมื่อทุกคนจะลงไปอยู่กันที่ใต้ดินนั่น คงยั้วเยี้ยพิลึก
เรา ขับออกจากเมืองคัปปาโดเกียจุดหมายถัดไปคือ Ihlara Valley ซึ่งเป็นเหมือนแกรนด์แคนยอนของคัปปาโดเกียที่นี่คุณแมทบอกว่าจะเป็นอุทยาน ซึ่งจ่ายค่าเข้าที่เดียวจ่ายแล้วเก็บบัตรไว้ ใช้เข้าได้หลายที่ เขาบอกว่าที่นี่จะมีที่เที่ยวน่าสนใจหลายจุดคุณแมทแนะนำให้เราไปถ่ายรูปอยู่ไกลๆ ที่จุดชมวิวแล้วผ่านไปเข้าอุทยานที่จุดที่ 2 คือตรงกลางของ Ihlara จ่ายค่าเข้าแล้วเดินเข้าไปชมได้จุดสุดท้ายที่เป็น 3 ดาว ที่เขาบอกว่าพลาดไม่ได้คือ Belisırma ซึ่งอยู่ปลายสุดของIhlara
เรา ดำเนินรอยตามคุณแมททุกอย่างเลยค่ะจุดแรกของ Ihlara เป็นจุดชมวิว มองไกลๆ Ihlara เป็นหน้าผาสองฝั่งแยกจากกันมีแม่น้ำคั่นกลาง สองฝั่งแม่น้ำจะมีป่าอยู่ เหมาะแก่การแค้มปิ้งมากๆค่ะ
เราพุ่งไปยังจุดเข้าอุทยานที่2 แวะทานข้าวกันที่ร้านอาหารเล็กๆ ริมแม่น้ำซึ่งน่ารักดีค่ะ ..เสียดายอากาศหนาว เรานั่งข้างนอกไม่ได้ไม่งั้นคงชิลมาก..อาหารตุรกีร้านนี้ก็ราคาไม่แพงมาก จานละประมาณ 10-20 ลีร่าเช่นเคย
ทาน อาหารเสร็จแล้วเราขับรถชั่งใจกันอยู่ว่าจะลงไปเดินดูหุบเขา Ihlara กันดีไหมเพราะมันหนาวมากเหลือเกินและเรามีเวลาไม่มากนัก เลยตัดสินใจเบี้ยวมันซึ่งๆหน้าออกเดินทางไปยังจุดไฮไลต์ที่ Belisırma เลย
ที่ Belisırma เราไปถึงก็ประมาณบ่ายสามโมงแล้วเป็น Valley ที่มีบ้านหินเป็นรูปกรวยคว่ำ สีดำๆอยู่เต็มเขา เป็นบ้านคนอีกเช่นกัน ...เราขี้เกียจกันมากแต่หัวหน้ากลุ่มเราก็ฮึดขึ้นมา บอกว่า มาถึงแล้วต้องไป ต้องขึ้น 20 นาทีก็ยังดี...
ทางขึ้นก็มีแค่ป้อมเก็บตังค์ของเจ้าหน้าที่ ข้างๆก็มีร้านขายชาเล็กๆเพิงๆ อยู่ตรงนั้น ก่อนขึ้นคนขายชา ก็มาแนะนำตัว ชวนกินชาพร้อมกับแนะนำเราเป็นอย่างดี แถมบอกว่า ขึ้นไปเที่ยวกลับมาอย่าลืมมาแวะที่ร้านผมนะ เราอิดออดขึ้นไปเที่ยวแบบเสียไม่ได้..ความเข้าใจเดิมคือ ถ้ำหินคงเหมือนๆกันแต่พอขึ้นไปแล้วตกใจมากค่ะ ..ถ้ำในเบริสมา เป็นยุคปลายๆของถ้ำหินที่นี่ค่ะถ้าเทียบเป็นคอนโด ก็เป็นคอนโดระดับสุขุมวิทตอนต้นแต่ละห้องจะไม่แค่มีขนาดกว้างขึ้นเท่านั้น ยังมีวิวเมืองแบบสวยงามให้ชม ก้อนหินก็มีการเริ่มแกะสลักเป็นรูปประดับมากขึ้น
ตัวอย่างห้องนี้คงเป็นบ้านพักคนมีฐานะ เพราะเป็นบ้านเดี่ยว สองชั้น มีวิวเมืองสวยงาม
ห้องนี้ใหญ่โตมากคาดว่าจะเป็นห้องครัวของคอนโดแถบนี้
ห้องพักรัฐมนตรีหรือไรถึงได้ใหญ่โต
โบสถ์ ที่นี่สร้างความฮือฮาให้พวกเรามากเพราะนอกจากจะใหญ่แล้ว ยังมีสองชั้น สามารถเดินเลาะขึ้นชั้นสอง แล้วมีบันไดเดินขึ้นไปยังชั้นบนขึ้นของภูเขาได้ด้วยแล้ว ยังมีการแกะหินให้เป็นเสาโรมันอีกด้วย
จาก ที่คิดว่าจะอยู่กันแค่20 นาทีเราวิ่งเล่นถ่ายรูปกันเกือบ 3 ชั่วโมง จนอุทยานจะปิดมีเจ้าหน้าที่มาชะโงกดูพวกเรา อารมณ์แบบลงมาซะทีสิโว้ย...กลับลงมาด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย ที่เกือบจะขี้เกียจจนพลาดของดี..เจ้าหน้าที่อุทยานกลับไปแล้ว แต่คนขายชายังอยู่เราแอบไม่อยากกินชา แต่เสียไม่ได้ เลยไปเปิดตู้ไอติมคว้าแม็กนั่มมากินเฉิบๆ คุณผู้ชายอยากเข้าห้องน้ำ ต้องจ่ายตังค์ตั้ง 1 ลีร่าเข้าไปแล้วเดินออกมาหน้าเบ้...บอกว่า ขนาดชายยังรับไม่ได้ผู้หญิงอย่าได้ริเข้าไป อาจจะฝันร้ายทั้งทริป
ระยะ ทางเราออกเดินทางจาก Belisırma ต่อออกไปทางอังการ่า อีกประมาณ 280 กว่ากิโลเมตรขับประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า เรามาถึงเมืองอังการ่า ซึ่งเป็นเมืองหลวงของตุรกีเมืองนี้เราให้ความสำคัญเป็นแค่ทางผ่านค่ะ เข้ามาถึงโรงแรมเชอราตัน อังการ่าก็มืดแล้ว ประมาณ สองทุ่มกว่าๆ เมืองใหญ่โต ผิดกับที่เราไปเที่ยวมาตลอด ย่านที่เราพักเป็นย่านไฮโซประหนึ่งถนนวิทยุก็ไม่ปานเรารีบเช็คอิน ถามพนักงานเรื่องร้านอาหารที่แนะนำวันนี้อยากซดน้ำซุปร้อนๆ กินราเมนอร่อยๆ พนักงานแนะนำร้านใกล้ๆโรงแรมชื่อร้าน Sushico ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น-จีนตอบโจทย์มาก กินตุรกีมาทุกมื้อ
ร้านนี้อยู่ไม่ห่างโรงแรมมากค่ะเดินไปบล็อกเดียวถึง ย่านนี้มีแต่ร้านหรูๆ มีรถหรูๆมาจอดทานเต็มไปหมด
เราเลือกสั่งอาหารง่ายๆค่ะแอบงงๆ ร้านนี้มีอาหารไทย ญี่ปุ่น จีน เรียกว่าเอเชียล่ะ
เพื่อนสั่งราเมนไก่ แต่ผลที่ได้
(แป่ว)
ดิฉันสั่งราเมนสเปเชี่ยล ผลที่ได้ เป็นผัดหมี่ซั่ว หาใช่ราเมนไม่
(ภาพ)
นี่คือเป็ดปักกิ่ง
(แป่ว)
สรุปร้านนี้หรู แพง แต่อาหารไม่ถูกปากค่ะ ชื่อเขาก็บอกว่าเป็นร้านซูชิแต่เราใจไม่กล้ากินซูชิที่ตุรกี กลัวผิดหวังค่ะ
ผิดหวังเรื่องข้าวเย็นเราก็เลยกลับมานอนพักเล่นที่โรงแรม วางแผนกันเดินทางต่อไปอิสตันบูลพรุ่งนี้แต่เช้า
ให้ดูห้องพักที่นี่ เชอราตัน อังการ่า