Nontster's Blog
Group Blog
 
All blogs
 

กิจกรรมช่วงวันหยุดสงกรานต์

สงกรานต์ปีนี้ไม่ได้กลับบ้านนอก เพราะอยากจะทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ และคิดว่าจะแก้เบื่อด้วยการดูหนังวันละ 1 เรื่อง สุดท้ายงานก็ทำได้ไม่มาก และหนังก็ได้ดูเค่เรื่องเดียว

สิ่งที่ลำบากที่สุดในช่วงวันหยุดยาวก้คือหาอาหารรับประ ทานยากมาก ต้องออกไปทานที่ห้าง พอออกไปก็โดนจ้องสาดน้ำอีก ^^" ชีวิตในช่วงสงกรานต์จึงลำบากมาก ทำให้ปกติจำใจต้องกลับบ้านด้วยเหตุผลนี้ แต่ปีนี้ลองอยู่กทม.ดู เพราะอาหารหาง่ายขึ้นเนื่องจากสามารถเดินทางไปห้าง fortune ด้วยรถไฟฟ้าจากสถานีเพชรบุรีได้ง่าย

กิจกรรมที่ทำเป็นอย ่างแรกคือ ดูหนังจีนชุดเรื่อง มังกรหยก 2 ปี 2006 - ตำนานศึกเทพอินทรี ซึ่งเป็นการดูแบบมาราธอน ด้วยความคิดที่ว่า อีกตอนนึงน่า อีกตอนนึงน่า สุดท้ายดูถึงตีห้า และเช้าวันที่ 14 เม.ย. ต้องไปเยี่ยมน้องซี พี่ตู่ พี่แจง ที่บ้าน เลยตัดใจนอนตอนตีห้านั่นล่ะ

pic01

ตื่นมาเลยเหลือครึ่งชีวิต ไปเยี่ยมน้องซีแบบง่วงๆ พอเยี่ยมเสร็จก็ไปทาน โออิชิ express สาขา จัสโก้ รัชดา รู้สึกว่าทานได้น้อยมากๆ ไม่คุ้มเลย สงสัยเพราะนอนเช้า ^^" ทานเสร็จก็กลับไป office พี่หน่อย พี่พัช พี่พร จะเข้าไปจัดโต๊ะ ช่วงบ่ายผมอยู่ได้แป็บเดียวก็หลับใน เลยขอเดินกลับไปนอนที่ห้องก่อน ตื่นมาอรกทีก็ตีสามของวันใหม่แล้ว

วันจันทร์ที่ 16 นัดกันไว้ว่าจะไปดูหนัง ด้วยความกรุณาของน้องๆที่ office ก็ให้ผมติดตามไปด้วยเพราะอยากไปดูเรื่องเดียวกันคือเรื่อง เมล์นรก หมวยยกล้อ แบบว่าไหนๆก็ออกจากบ้านแล้วเลยเกิด idea ว่าน่าจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง มีความคิดหนึ่งว่าให้ไปไหว้พระเก้าวัด แต่พอลองคำนวณเวลาดูแล้วคงไม่ไหว เลยคุยกันว่าอยู่แถวๆวัดพระแก้วดีกว่าพอไปจริงๆกลับกลายเป็น trip ถ่ายภาพ portrait ในวัดพระแก้วฯ โดยผมตั้ง theme ไว้ว่า สองสาวพาเที่ยววัด พระแก้วฯ

wat_prakaew_0033


ออกจากวัดพระแก้วป ระมาณบ่ายสองเพื่อรีบไปดูหนังที่ Central World แต่เนื่องจากรถติดมากเลยเปลี่ยนใจไปดูที่ Siam Paragon แทน ระหว่างรอรอบหนังก็แวะทานไอศกรีม เซเวนเซ่น สั่งเอิร์ธเควก มาทานกันสามคนหมดแบบไม่เหลืออะไรในถ้วย ^^"

siam_paragon_0006

และแล้วก็ได้ดูหนังสมใจอยากใ นวันหยุดวันสุดท้ายนี่เอง โรงที่ พารากอนหรูมาก ทางเข้าน่าจะเหมาะกับการใส่ชุดราตรีเดินเข้าไปมากกว่ารอเท้าแตะ หนังก็ตลกดี มุขไม่คาเฟ่เหมือนที่หลายๆคนกลัว ดูหนังเสร็จก็ออกไปถ่ายรูปกันต่อที่ลานพาร์คของ พารากอนนั่นเอง คนเยอะพอสมควร แต่ก็ช่างเหอะเค้าคงจำเราไม่ได้หรอก :P

siam_paragon_0036

ตอนกลับแวะ office เพื่อ load รูป ทีแรกกะว่าจะ upload ขึ้นเว้บวันนั้นเลย แต่รูปถ่ายออกมาแย่มากต้องเอาไปแต่งใน photoshop ก่อน วันนั้นเลยตัดสินใจกลับห้องไปนอนก่อน สุดท้ายก็หมดวันหยุดยาวไปแบบงงๆ และตื่นขึ้นมาทำงานพร้อมอาการปวดเมื่อยแบบสุดๆ ^^"




 

Create Date : 20 เมษายน 2550    
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:34:17 น.
Counter : 459 Pageviews.  

มังกรหยก 2 ปี 2006 - ตำนานศึกเทพอินทรี

มังกรหยกภาค 2 ปี 2006 เป็นหนังจีนที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้ทางช่อง 3 ซึ่งรู้จักกันในภาค ตำนานศึกเทพอินทรี เป็นหนังเรื่องเดียวที่ติดตามดูอยู่ เพราะพลาดท่าไปดูทีวีตอนกลับไปบ้านที่ขอนแก่นเลยติดงอมแงม

สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้คือ ตัวละคร และ ฉากที่สวยงาม ตัวละครที่ชอบคือ เซียวเหล่งนึ่ง นำแสดงโดยหลิวอี้เฟย ซึ่งนอกจากจะหน้าตาดีแล้วในแง่การแสดงยังเก่งอีกด้วย

ฉากประทับใจมีอยู่ประมาณสามฉากดูแล้วมีความหมายดี เช่นสื่อสารทางสายตาระหว่าง เซียวเหล่งนึ่ง และ เอี้ยก้วย ซึ่งหลิวอี้เฟยทำได้ดีมาก อย่างที่เห็นในรูปแรก ภาพนิ่งอาจจะสังเกตยากถ้าดูเป็นภาพเคลื่อนไหวจะเห็นเองว่าเค้าสื่อการกันยัง ไง



ฉากที่สองคือ เซียวเหล่งนึ่ง จะดูแล เอี้ยก้วย เป็นอย่างดีเสมอ อย่างในฉากที่เห็นได้บ่อยคือ เมื่อเสื้อของเอี้ยก้วยขาด เมื่อเจอกันเซียวเหล่งนึ่งจะสังเกตเห็นในทันทีและจะเอาเข็มกับด้ายออกมาเย็บ ให้ทันที




อีกฉากที่แสดงถึงการที่ เซียวเหล่งนึ่ง ดูแล เอี้ยก้วย คือถ้าสังเกตเห็นว่าหน้าของเอี้ยก้วยเลอะและก็จะคอยเช็ดให้ พร้อมทั้งตำหนิเล็กๆ

< /span>


แค่สามฉากนี้ก็มีอะไรเป็นแง่คิดแล้วครับ แต่สิ่งที่ไม่ชอบคือเนื้อเรื่องเศร้าไปหน่อย และ ภาพยนต์จีนเรื่องนี้เป็นภัยต่อการทำงานเป็นอย่างมาก ดูแล้วติด :P




 

Create Date : 20 เมษายน 2550    
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:31:57 น.
Counter : 897 Pageviews.  

Mr. Bean's Holiday

วันอาฑิตย์ที่ผ่านมาเกิดอาการเซ็งเล็กๆ (หรือใหญ่ก็ไม่รู้) เลยออกไปดูหนังที่ Esplanard หลายๆคนเชียร์ให้ไปดูเรื่องแฝด แต่ผมอยากดูหนังสบายๆมากกว่า Mr.Bean จึงเป็นคำตอบสุดท้ายในวันนั้น หลังจากทานอาหารเที่ยง และซื้อเสื้อที่ Robinson รัชดาเสร็จก็เดินตรงดิ่งไป Esplanard ทันที ได้ตั๋วเวลา 15:40 รอประมาณ 20 นาทีก็ได้ดูแล้ว ราคาตั๋วแพงพอสมควร 140 บาทสำหรับที่ธรรมดา ผมเลือกแถวบนสุดสำหรับตั๋วราคา 140 บาท เห็นที่นั่งว่างอยู่สามที่ ไปดูคนเดียวเลยไม่ใช่ปัญหา เหลืออีกสองที่น่าจะพอดีสำหรับคนมาเป็นคู่ (ดันไปคิดแทนโรงหนังเค้าอีก ^^")

พอเข้าไปนั่งผมก็แปลกใจที่คนนั่งข้างๆล้วนมาคนเดียวเหมือนกัน ด้านซ้ายเป็นชายอายุน่าจะ 40-45 ด้านขวาเป็นชายรุ่นไล่เลี่ยกัน ที่แปลกใจเพราะปกติมีไม่กี่คนที่จะมาดูหนังคนเดียว เข้าใจว่าเป็นความชอบส่วนตัว คงชวนเพื่อนๆแล้วไม่มีใครอยากมาด้วยกระมัง เพราะเรื่อง Mr.Bean ในทีวีที่เคยดูจะตลกฝืดๆ พอบอกว่าจะมาดูเรื่องนี้ใครๆก็ส่ายหัว แต่ช่วยไม่ได้ ผมชอบ!

ภาคนี้เท่าที่ดูแบบไม่ Bias ผมคิดว่าดีกว่าทุกๆภาคที่เคยดูมานะ เป็นเรื่องของมิตรภาพของ Mr.Bean และคนที่ได้พบเจอระหว่างการไปเที่ยวทะเลของเค้า ลองมาดูเรื่องย่อจากเว็บกัน

บ่ายวันหนึ่งที่ฝนโปรยปรายในอังกฤษ มิสเตอร์บีนดีใจอย่างมากที่ชนะรางวัลที่ 1 ในการจับสลากรางวัลในโบสถ์แถวบ้าน รางวัลดังกล่าวก็คือการไปพักผ่อนนานหนึ่งอาทิตย์ในทางตอนใต้ของฝรั่งเศส พร้อมกับกล้องวิดีโอตัวใหม่อีกหนึ่งตัว เขาจะได้ไปพักผ่อนที่เมืองคานส์ ในช่วงที่มีการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุด
< br>
เขาขึ้นเครื่องยูโรสตาร์มุ่งหน้าไปยังปา รีส และถ่ายภาพทุกอย่างด้วยกล้องวิดีโอตัวใหม่ของเขา ที่ Gare de Lyons เขาขอให้ผู้โดยสารอีกคนถ่ายภาพให้ขณะที่เขาขึ้นรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง คานส์ ชายคนนี้ก็คือผู้กำกับภาพยนตร์ชาวรัสเซีย เอมิล ดูเชสฟสกี้ ผู้เดินทางไปยังเมืองคานส์เพื่อเป็นคณะกรรมการตัดสินที่งานเทศกาลภาพยนตร์ เอมิลยอมถ่ายให้ แต่ในความยุ่งเหยิงระหว่างการถ่ายทำ เอมิลถูกทิ้งให้ยืนอยู่ที่สถานีรถไฟขณะที่รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากชานชาลา< br>
มิสเตอร์บีนอยู่ระหว่างมุ่งหน้าสู ่ตอนใต้เมื่อเขารู้ว่าสเตพาน ลูกชายวัย 10 ขวบของเอมิล อยู่บนรถไฟขบวนนี้ด้วยโดยไม่มีพ่อของเขามาตามดูแล และทั้งคู่พูดกันคนละภาษา

มิสเตอร์บีนและสเตพานลงรถไฟที่สถานีถัดไ ปเพื่อรอเอมิล แต่รถไฟขบวนถัดมาเป็นรถด่วน และเอมิลเดินทางมุ่งตรงไปยังเมืองคานส์ เมื่อมิสเตอร์บีนและสเตพานขึ้นรถไฟขบวนต่อมา มิสเตอร์บีนลืมทั้งเงิน ทั้งตั๋ว และทั้งพาสปอร์ตเอาไว้ที่ชานชาลา พวกเขาจึงถูกไล่ลงจากรถไฟเพราะไม่มีตั๋ว ถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพไม่มีเงินสักบาทอยู่ในฝรั่งเศส

เอมิล พ่อของสเตพานแจ้งความกับตำรวจเรื่องมิสเตอร์บีน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการตามล่าไปทั่วประเทศ เพื่อค้นหาลูกชายของเขา

< font size="2">สเตพานและมิสเตอร์บีนเกิดมิตรภาพที่ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ สเตพานเป็นเด็กฉลาดและเจ้าความคิด พวกเขาทำงานด้วยกันได้ดี ในไม่ช้า พวกเขาก็สามารถหาเงินได้มากพอทีจะขึ้นรถบัสเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองคานส์ ยกเว้นแต่ตั๋วของมิสเตอร์บีนดันไปติดอยู่ที่เท้าของไก่ ทำให้เขาพลาดรถบัสนั่น...

เมื่อไม่มีสเตพาน คู่หู และต้องหลงอยู่ในดินแดนชนบทอันกว้างไกลของฝรั่งเศส มิสเตอร์บีนเดินทางรอนแรมลงใต้ ในเวลากลางคืนเขาเดินเข้าไปเมืองและหาที่หลับนอนอยู่ใต้รถขนกองฟาง เช้าวันรุ่งขึ้น เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในเมืองที่ดูเหมือนเป็นหมู่บ้านที่สมบูรณ์แ บบของฝรั่งเศส แต่อันที่จริงแล้ว มันคือฉากของโฆษณาโยเกิร์ต ผู้กำกับโฆษณาชิ้นนี้ก็คือผู้กำกับชาวอเมริกันที่เป็นพวกหลงตัวเองชื่อ คาร์สัน เคลย์ ที่แวะหาเงินก่อนจะเดินทางลงใต้เพื่อเข้าร่วมงานรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์อาร์ ตเฮ้าส์ของเขาที่ว่าด้วยเรื่องของตำรวจ เรื่อง Playback Time

มิสเตอร์บีนร่วมเดินทางลงใต้ไปพร้อมกับน ักแสดงสาวเซไบน์ ผู้รับบทเป็นพนักงานเสิร์ฟสาวในโฆษณาโยเกิร์ต และเธอตั้งใจจะไปเมืองคานส์เพื่อร่วมงานฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยตร์เรื่อง Playback Time ซึ่งเธอมีบทบาทเล็กๆ อยู่ เมื่อบีนได้มาเจอกับสเตพานอีกครั้งที่สถานีบริการของมอเตอร์เวย์ ทั้งสามคนจึงขับรถมุ่งหน้าลงใต้ในคืนนั้น

เมื่อมาถึงเมืองคานส์ พวกเขาได้เห็นภาพข่าวทางทีวี มิสเตอร์บีนโดนประกาศจับ และคนทั้งประเทศฝรั่งเศสกำลังตามหาตัวเขากับสเตพาน มีการปิดกั้นถนนเบื้องหน้า พวกเขาต้องผ่านเจ้าหน้าที่ไปให้ได้เพื่อไปร่วมงานรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื ่อง Playback Time และกลับไปหาพ่อของสเตพาน โดยบีนจะต้องไม่โดนจับ

< div>มิสเตอร์บีนและสเตพานที่ปลอมตัวเป็นแม่แ ละลูกสาวของเซไบน์ สามารถผ่านด่านของเจ้าหน้าที่ไปได้ แต่เพราะมีตั๋วเพียงใบเดียว จึงมีแต่เซไบน์ที่สามารถผ่านเข้าไปร่วมงานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ได้< /font>
บีนและสเตพานแอบเข้าไปร่วมงานจากด้านหลั งเวที Playback Time ทำให้คนดูเบื่อจนน้ำตาร่วง บีนที่ทิ้งสเตพานเอาไว้ด้านหลัง พยายามดึงดูดความสนใจของเอมิลโดยไม่ทำให้พวกรปภ.รู้ตัว เมื่อการแสดงเพียงฉากเดียวของเซไบน์โดนตัดทิ้งออกจากตัวภาพยนตร์ บีนตัดสินใจที่จะช่วยเธอ หลังจากเข้าไปหลบรปภ.อยู่ในห้องฉายภาพยนตร์ เขาเลยนำภาพที่ถ่ายจากวิดีโอของเขาฉายขึ้นจอใหญ่ โดยใส่ภาพของเซไบน์เข้าไปในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

< /font>
การผสมผสานระหว่างตัวภาพยนตร์และภาพจากว ิดีโอของบีนทำให้คนดูเกิดความสนใจ แต่คาร์สัน เคลย์โกรธจนลมออกหู เขากับกลุ่มรปภ.พังประตูเข้ามาในห้องฉายภาพยนตร์เพื่อหยุดมิสเตอร์บีน แต่บีนหลบหนีไปได้ ขณะปีนป่ายข้ามห้วคนดูไป บีนเดินมาถึงเวที ขณะเดียวกันกับที่สเตพานเดินออกมาจากใต้จอภาพยนตร์ คนดูต่างลุกขึ้นยืนปรบมือให้พวกเขา

ภาพยนตร์เรื่อง Playback Time ของคาร์สัน เคลย์ได้รับคำชมว่าเป็นผลงานคลาสสิกแหวกแนว เซไบน์ได้รับการต้อนรับในฐานะดาราดัง และสเตพานได้กลับไปเจอกับแม่และพ่อของเขา แล้วมิสเตอร์บีนล่ะ?
เขาเดินหลบจากภาพการเฉลิมฉลองมุ่ง หน้าไปยังชายหาด ขณะที่ยืนอยู่ริมทะเลนั้น เขาถลกขากางเกงขึ้นและยิ้ม ในที่สุด วันหยุดพักผ่อนของเขาก็เริ่มต้นขึ้นเสียที




 

Create Date : 20 เมษายน 2550    
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:30:53 น.
Counter : 303 Pageviews.  

Thailand Jazz Competition #2 - The Finale Concert

jazz_0001

ผ่านไปแล้วสำหรับ concert Thailand Jazz Competition #2 - The Finale Concert ซึ่งรวมเอาวงที่ชนะเลิศอันดับหนึ่งถึงสามมาประกบกับนักน้องยอดนิยมของเมืองไ ทยอย่าง คุณ ฟอร์ด รัดเกล้า กบ ทรงสิทธิ์ กบ เสาวนิตย์ ปั่น สุเมธ และ คุณปั๋ง มาร่วมร้องเพลง Jazz ให้เราได้ฟังกัน

ผมไปถึงงานประมาณ 17:00 ไม่ได้รีบร้อนอะไรเพราะรู้ว่าต้องมีพิธีเปิดและงานน่าจะ late (ความคิดแบบนี้จะเพาะนิสัยไม่ดี กรุณาอย่าเอาเยี่ยงอย่าง) พอไปถึงก็ไปยืนเก้ๆกังๆไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนดี ที่งานจัดเก้าอี้ให้นั่ง แต่ก็มีคนนั่งอยู่เยอะพอสมควรและคิดว่าคงถ่ายรูปไม่สะดวก เลยยืนอยู่ด้านท้ายของงาน ตอนนั้นผู้จัดงานและศิลปินกำลังถ่ายรูปร่วมกัน ผมก็ควักกล้องออกมาถ่ายด้วย แต่เก็บได้ไม่หมดเพราะไม่ได้เอาเลนส์ช่วง normal ไป มีแต่เลนส์ tele 70-300 เลยถ่ายได้เป็นคนๆไป

ยืนถ่ายรูปอยู่พักนึงมีคนมาสะกิด หันไปเจอ... เอ้าพี่ตง ที่บวชรุ่นเดียวกัน พี่แกถามว่าเพิ่งรู้ว่าเล่นกล้องด้วย บังเอิญแกก็เล่นเหมือนกัน พร้อมทั้งควักกล้อง Nikon D80 ออกมาโชว์เป็นหลักฐาน แกบอกว่าเพิ่งไปถ่ายที่ตลาดน้ำมา พร้อมกับเพื่อนๆในห้อง กล้อง ของ pantip.com พี่ตงเลยแนะนำให้รู้จักกับ คุณเล็กเพื่อนอีกคนที่ไปด้วยกัน คุณเล็กบอกว่าเปิดร้านขายโปสการ์ดอยู่ที่ ปาย

งานใกล้จะเริ่ม มีผู้ใหญ่ที่จัดงานท่านหนึ่งเดินมาถามพวกเราว่าทำไมไม่ไปนั่งด้านหน้า ตอนนั้นคงคิดว่าพวกเราเป็นกลุ่มนักข่าว ซึ่งในกลุ่มก็มีคุณเล็กนี่ล่ะที่เหมือนนักข่าวมากที่สุด เราก็ได้แต่ปฏิเสธว่ามากันส่วนตัว ถ้ามาถามผม ผมจะบอกว่ามาจากหนังสือ "ขายหัวเราะ"

สุดท้ายเราก็เดินไปแอบๆอยู่ด้านหน้า ส่วนตัวผมแล้วไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ เพราะคนเยอะมากๆ และคนดูนั่งอยู่ระดับเดียวกับเรา ถ้าไปวิ่งถ่าย รับรองว่ารำคาญแน่นอน แถมตอนนั้นคนที่ไปถ่ายรูปยังไม่ค่อยมี ผมก็ได้แต่ตามคุณเล็กไป ส่วนมากจะถ่ายจากข้างๆเวที เพราะจะได้ไม่ระคายสายตาผู้ชมมากเกินไป ใจเขาใจเราครับ ถ้าผมมาฟังดนตรี ผมก็รำคาญ

jazz_0058

ช่วงที่ชอบที่สุดเป็นช่วงของคุณสุเมธ และ คุณปั๋ง ที่ทะเล้นไม่เปลี่ยนแปลง มาร้องเพลงพรานล่อเนื้อ ร่วมกับวง แจ้สจู๋ แต่พี่แกบอกว่าเป็นเพลงพรานล่อน้อง แล้วให้ไปเปลี่ยนชื่อวงเป็น แจ้สจิ๋ม ^^"

มีเรื่องน่าดีใจอีกเรื่องที่ผมมีโอกาสสัมผัสเลนส์ Canon EF-S 17-55/2.8 IS เป็นครั้งแรก เนื่องจากตอนคุณฟอร์ดร้องเพลงเสร็จก็ลงมาให้สัมภาษณ์ คุณเล็กเธอกำลัง load รูปเข้า storage (คล้ายๆ Digimate) บอกว่าถ่ายไม่ทันเลยบอกให้เอาเลนส์แกไปถ่าย เห็นขอบสีทองๆ ผมนึกว่า Tonika ราคาหมื่นกว่าบาท ก็ไม่ได้สนใจอะไร ถ่ายได้รูปนี้มา เพราะไม่มีมุมถ่ายเลยได้แบบนี้ เพราะด้านหน้านักข่าวยืนเต็มไปหมด ถ่ายเสร็จหันไปมองเลนส์ เอ้า Canon นี่หว่า คุณเล็กบอก f/2.8 ตลอดช่วง.... ตอนนั้นเริ่มเกิดอาการมือไม้สั้น เพราะ f/2.8 ตลอดช่วงของ Canon จะเป็นเลนส์ L ซึ่งราคา 40,000 บาทขึ้นไป คุณเล็กบอกว่าซื้อมาสี่หมื่นกว่าบาท เป็นบุญมือ และบุญตาจริงๆ ^^

jazz_0030

ขอจบรายงานเท่านี้ก่อน รูปอื่นๆตามไปดูได้ที่ flickr




 

Create Date : 20 เมษายน 2550    
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:29:54 น.
Counter : 354 Pageviews.  

Melody of Life 2007

สัปดาห์ก่อนก้อยส่ง link งาน melody of life 2007 มาให้ดู มีวงที่ชอบ หรืออย่างน้อยก็พอจะได้ฟังเพลงขอพวกเค้าอยู่บ้างมากันเยอะมาก เช่น Lipta the Strangers ETC SOFA Friday No more Belt All star Armchair Slot Machine Accapella 7 Htbrid Save Da Last Piece Grove Rider Otto Eskimo Project Casinotone Tattoo Colour บอย จารุรักษ์ Monotone Group ก้อ ณฐพล ศรีจอมขวัญ Yokee Playboy Apartment khunPa Moderndog FLUREงานจัดวันที่ 24 และ 25 มีนาคม 2550 ที่ Central World เห็นว่าเป็นฟรี Concert ถ่ายรูปได้ ไม่ต้องมีเส้นสายขอบัตรนักข่าวผมก็เลยสนใจเป็นพิเศษเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เค ยถ่ายรูปงาน Concert เลย ^^"ความจริงตั้งใจจะไปทั้งสองวัน เพราะมีวงที่ผมชอบมากๆกระจายอยู่ทั้งสองวัน แต่สังขารไม่อำนวยเลยได้ไปแค่วันที่ 24 วันเดียว เลยมีรูปมาฝากแค่วันเดียวนะครับผมไปถึงงานช้านิดหน่อยเพราะรถติดมาก

เข้าไปในงานก็เจอวง JETSETER กำลังเล่นอยู่

melody_of_life_0003
นักร้องนำ

melody_of_life_0009
มือกีตาร์

และตามด้ วยวง etc. ที่สาวๆแห่กันมากรี๊ดดดดดดดดดดด เพราะนักร้องนำหน้าดีแบบดาราเกาหลี แถมเสียงดีอีก นอกจากนั้นยังมีมือเบสหน้าตาหล่อโคตรๆ

melody_of_life_0012
นักร้องนำ

< br>melody_of_life_0019
มือเบส


แ ละ SOFA ที่ห่างหายไปนาน มีหลายเพลงที่ผมชอบงานของพวกเค้ามาก

melody_of_life_0041melody_of_life_0045

ออกไปเวที Main Stage ไปเจอวง Sqweez Animal แย่จังไปไม่ทัน Lipta กับ the Strangers

melody_of_life_0050

ดูจบกลับเข้ามาเวที Forum Stage Armchair เพิ่งเล่นกำลังจะจบ งงว่าทำไมเล่นก่อนเวลาหว่า เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะคนเยอะมาก ขี้เกียจควักกล้องออกมา วงต่อไปเป็น ACapella 7 สุด love ของผม งานนี้ Mint มือเบสสุดหล่อของวง Etc. มาร่วม Jam ด้วย จริงๆแล้ว Mint กับ หนึ่งในนักร้องของ ACapella 7 มาทำเพลงร่วมกันในนามของวง Htbrid เลยมา Jam ด้วย

melody_of_life_0059

นอกจากนั้นก็ยังมีน้อง ลูกหว้า สาวสวยเสียงดี มา Jam ด้วยอีกคน


melody_of_life_0083melody_of_life_0087

กลับออกไปที่ Main Stage ไปเจอวง กรุงเทพ มาราธอน ผมว่าหน้าตานักร้องพยายามทำไปในแนวหนุ่ยอำพล นะ ^^"

melody_of_life_0092melody_of_life_0093

ต่อด้วย Slot Machine ที่เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ส่วนตัวผมไม่ชอบแนวเพลง แต่ความสนุกของการเล่นบนเวทีของพวกเค้าก็ทำให้ตบเท้าตามได้เหมือนกัน ^^

melody_of_life_0099melody_of_life_0104

ตามด้วยสุด Love ของสาวๆ คือ Grove Rider

melody_of_life_0121

Save Da Last Piece

melody_of_life_0125





 

Create Date : 20 เมษายน 2550    
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:27:27 น.
Counter : 321 Pageviews.  


nontster
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add nontster's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.